WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2982
ตอนที่ 2,982 : 4 กฏสูงสุด!
“อย่างเช่นตัวข้า ทองเทพสุดลี้ลับหรือแม้แต่เพลิงเทพโกลาหลที่อยู่ในร่างกายของเจ้า…พวกเราก็ล้วนถือกำเนิดขึ้นมาด้วยสาเหตุนี้เช่นกัน”
“และเทพแห่งธาตุทั้ง 5 นั้น ตราบใดที่สามารถยกระดับพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 2 ได้สำเร็จ ก็จะก่อเกิดสำนึกสติขึ้น…ถึงแม้พวกเราจะเป็นตัวตนที่พึ่งถือกำเนิดเกิดมา แต่ด้วยเพราะพวกเราคือส่วนเกินพลังของร่างสมบูรณ์ ทำให้พวกเราได้รับความทรงจำของร่างสมบูรณ์นั่นมาด้วย พวกเราจึงรู้ทันทีว่าพวกเราคืออะไร และวันหน้าพวกเราต้องเผชิญกับอะไร…”
“กล่าวได้ว่าชะตากรรมของพวกเรานั้น หากไม่ถูกเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ชนิดเดียวกันกลืนกินจนสูญสิ้นสำนึกสติ หายสาบสูญไปตลอดกาล…พวกเราก็จะกลืนกินผู้อื่นและยกระดับพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงขั้นสุดท้าย จากนั้นเมื่อช่วยให้ร่างต้นบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้สำเร็จ พวกเราก็จะอาศัยพลังลี้ลับไม่ทราบแหล่งที่มาที่จักสาดส่องผู้แข็งแกร่งที่สุดผู้นั้น เพื่อแยกตัวออกมาและก่อสร้างร่างกายของพวกเราเอง”
กล่าวถึงท้ายประโยคเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็อ่อนลงเล็กน้อย “และในสายธารแห่งกาลเวลาอันยาวนาน…มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถบรรลุถึงขั้นสุดท้าย กระทั่งก่อเกิดร่างสมบูรณ์ขึ้นมาได้”
“ข้าเพียงหวังว่า การที่ติดตามเจ้าแบบนี้…เจ้าจะมอบโอกาสให้พวกเราทั้ง 3 บรรลุร่างสมบูรณ์ได้”
ประโยคสุดท้ายของงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินามกล่าวนั้น น้ำเสียงของมันฟังแล้วไม่มั่นใจเอาเสียเลย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตั้งความหวังไว้สูงอะไรมากมาย
ต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็เงียบไปพักหนึ่ง
ผ่านไปสักพัก ต้วนหลิงเทียนค่อยเอ่ยถามเรื่องที่อยากรู้ออกมา “แล้วทำไมระนาบทวยเทพถึงถูกกำหนดไว้ให้มีแค่ 18 ระนาบเล่า? ที่ว่ารองรับได้แค่นี้ มันไม่อาจฝ่าฝืนได้เลยเหรอ?”
“ไม่ได้! นั่นคือข้อจำกัดของสวรรค์และโลก…กฏของสวรรค์และโลกนั้นกำหนดมาแล้วว่าระนาบทวยเทพมีได้ทั้งสิ้น 18 ระนาบเท่านั้น! และมีเพียง 18 ระนาบทวยเทพเท่านั้นที่สามารถดำรงอยู่ในมหาสหัสโลกนี้ได้!!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกเสียงเข้ม “นี่เป็นดั่งเจตจำนงสวรรค์และโลก ดั่งลิขิตฟ้าที่มิอาจฝ่าฝืน!”
“กฏของสวรรค์และโลก?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจไม่น้อย “นั่นมันคืออะไรกันอีก?”
“กฏของสววรรค์และโลกนั้นเป็นดั่งมายา ไร้ผู้ใดกล่าวบอกได้ว่ามันคืออะไรกันแน่ หากแต่มันมีดำรงอยู่จริง…เช่นเดียวกับคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าในระนาบโลกียะ นั่นก็คือส่วนหนึ่งของกฏแห่งสวรรค์และโลก”
“นอกจากนั้นในระนาบเทวโลก เรื่องที่มีน้อยคนนักที่จะฝึกฝนจนกลายเป็นเทพเจ้าได้ ก็เป็นเพราะกฎของสวรรค์และโลกเช่นกัน”
“สำหรับเรื่องการถือกำเนิดของระนาบทวยเทพภายใต้สวรรค์และโลก ที่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ว่ามิอาจเกิน 18 ระนาบ ก็คือกฏของสวรรค์และโลกอันสำคัญยิ่ง!”
“ในสวรรค์และโลก ตัวตนที่ทรงพลังที่สุดก็คือผู้แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถเปิดระนาบทวยเทพได้…ทว่าต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดเหล่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้ากฏแห่งสวรรค์และโลก ก็อ่อนแอไม่ต่างอะไรจากมดปลวก!”
“เคยมีผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งที่ทรงพลังอำนาจไม่ใช่ชั่ว มุ่งมั่นจะยืนหยัดท้าทายพลังอำนาจฟ้าดิน หมายเปิดระนาบทวยเทพที่ 19 ให้จงได้…แล้วเจ้ารู้ไหมว่าจุดจบของมันเป็นเช่นไร?”
หลังปฐบพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวอธิบายได้สักพัก ก็เลือกจะกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมา
“ แล้วมันมีจุดจบอย่างไร?”
ต้วนหลิงเทียนย้อนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เนื่องจากสวรรค์และโลกกำหนดให้มีระนาบทวยเทพดำรงอยู่ได้ทั้งสิ้น 18 ระนาบ เมื่อมีผู้ที่หาญกล้าคิดฝ่าฝืนหมายเปิดระนาบทวยเทพที่ 19 ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการท้าทายอำนาจแห่งฟ้าดิน คิดฝ่าฝืนกฏแห่งสวรรค์และโลก!
“พลังแห่งฟ้าดินของกฏแห่งสวรรค์และโลกได้ปรากฏลงมา พิฆาตมันในเสี้ยวพริบตา…ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่อาจต่อต้านรับมือพลังแห่งฟ้าดินได้เลย ร่างสลายกลับกลายเป็นละอองธุลี ก่อนจะสาบสูญไปในสวรรค์และโลกทั้งอย่างนั้น…”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว
ต้วนหลิงเทียนที่ฟังงอยู่ ใจก็สะท้านไปทันใด
ผู้แข็งแกร่งที่สุด…
ตัวตนที่เสมือนดำรงอยู่ ณ จุดสูงสุดของสวรรค์และโลก หากทว่ายามอยู่ต่อหน้าพลังอำนาจฟ้าดินแห่งกฏสวรรค์และโลก กลับกลายเป็นกระจ้อยร่อยดั่งมดปลวก ไร้หนทางต่อต้าน….
จังหวะนี้กฏสวรรค์และโลกททรงพลังเพียงใด ต้วนหลิงเทียนย่อตระหนักได้ชัดเจน
นั่นคือการดำรงอยู่ที่ไม่อาจฝ่าฝืน!
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาจากอาการหวั่นกลัว เอ่ยถามออกไปต่อว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่า ผู้แข็งแกร่งที่สุดส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นสุดท้ายอยู่ข้างกาย…”
“ฟังจากที่เจ้าว่า…หมายความว่ายังมีผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ต่างออกไป? เป็นยอดฝีมือที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดโดยไร้เทพแห่งธาตุทั้ง 5 ข้างกายเช่นนั้นหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยสงสัย
“ใช่แล้ว”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวตอบรับ จากนั้นค่อยเล่าต่อว่า “ผู้แข็งแกร่งที่สุดเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่มีไหวพริบปฏิภาณสะท้านฟ้าดิน…ไม่เพียงสามารถเข้าใจ 1 ใน 4 กฏสูงสุดได้จนแตกฉาน ยังหลอมผสานความลึกซึ้งที่เข้าใจได้ทั้งหมด จนชักนำพลังลี้ลับจากกฏแห่งสวรรค์และโลกให้ปรากฏลงมาสาดส่องชำระพัฒนา ดั่งเปลี่ยนเส้นเอ็นชำระไขกระดูกส่งเสริมจิตวิญญาณ กลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดได้สำเร็จ”
“4 กฏสูงสุด?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เอ่ยถามออกไปต่อว่า “หรือนั่นจะเป็นกฏที่ท่านเคยบอกไว้ว่ามันไม่อาจเข้าถึงได้ด้วยการฝึกวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลัง?”
“มิผิด”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเอ่ยตอบทันควัน “กฏที่แฝงเร้นอยู่ในวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังทั้งหลาย ต่อให้ยอดเยี่ยมที่สุด กล่าวไปแล้วก็ยังเป็นแค่กฏชั้นรองเท่านั้น”
“ระดับของกฏนั้นกล่าวไปแล้วสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระดับใหญ่…ระดับที่สูงกว่าหรือก็คือกฏสูงสุดนั้น มีเพียง 4 กฏเท่านั้น ส่วนอีกระดับก็จะมีกฏมากมาย”
ในขณะที่กล่าวถึงกฏสูงสุดทั้ง 4 น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“4 กฏสูงสุดนั่น…นอกจากกฏแห่งชีวิตแล้ว อีก 3 กฏที่เหลือคืออะไรหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“กฏสูงสุดที่เหลืออีก 3 ได้แก่ กฏแห่งเวลา กฏแห่งมิติ และกฏแห่งความตาย!”
ในขณะที่เอ่ยตอบต้วนหลิงเทียนครั้งนี้น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย “กฏแห่งเวลากับกฏแห่งมิตินั้น มักถูกเรียกรวมกันว่า กฏแห่งมิติเวลา…ส่วนกฏแห่งความตายและกฏแห่งชีวิตมักถูกเรียกรวมกันว่า กฏแห่งชีวิตและความตาย”
“ภายใต้สวรรค์และโลก กฏที่สูงสุดย่อมเป็น กฏแห่งมิติเวลา กับกฏแห่งชีวิตและความตายโดยไม่ต้องสงสัยเลย…เพราะสรรพสิ่งไม่อาจหลุดพ้นออกจาก 4 สูงสุดนี้ได้!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกมารวดเดียวจบ
“กฏแห่งเวลา กฏแห่งมิติ กฏแห่งชีวิต และกฏแห่งความตาย…ก็จริงดั่งว่า เวลา มิติ ชีวิต ความตาย…ไร้สิ่งใดหลีกลี้หนีพ้น”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แน่นอนอยู่แล้ว
สรรพสิ่งนั้น ไม่อาจหลีกหนีจาก เวลา มิติ ชีวิต ความตายได้เลย
เวลาไหลผ่านไปไม่หยุดยั้ง ดั่งสายน้ำไม่อาจหวนกลับ สรรพสิ่งล้วนอยู่ในสายธารแห่งการเวลาทั้งสิ้น
มิตินั้น เป็นดั่งรากฐานของสรรพสิ่ง
ชีวิตนั้นเป็นดั่งรากฐานของสรรพชีวิตทั้งมวล
และความตาย คือหายนะสำหรับสรรพชีวิตทั้งมวล…
“คนสองคนที่มีด่านพลังทัดเทียม ประสบการณ์ทั้งพลังฝีมือไม่แตกต่าง และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏเท่าๆกัน…อย่างไรก็ตามหากคนหนึ่งเข้าใจกฏสูงสุด ส่วนอีกคนเข้าใจกฏรองลงมา คนแรกย่อมบดขยี้คนที่สองได้ง่ายดาย!”
“ไม่ใช่เพราะสิ่งอื่นใด เพียงเพราะคนแรกนั้นสามารถเข้าถึงกฏสูงสุด!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวสืบต่อว่า “เป็นธรรมดาว่าแม้กฏสูงสุดทั้ง 4 จะทรงพลังมาก หากแต่คิดจะทำความเข้าใจและเข้าถึงมันได้ ก็ยากยิ่งเช่นกัน…”
“ก่อนอื่นเลยจำต้องมีโอกาสวาสนาเสียก่อน…ประการที่สองจำต้องมีไหวพริบปฎิภาณเลิศล้ำ และความสามารถในการทำความเข้าใจสูงส่ง เพราะคิดจะแตกฉาน 4 กฏสูงสุด จำต้องใช้ความสามารถในการทำความเข้าใจสูงส่งนัก”
กล่าวถึงจุดนี้เสียงกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกเราก็เลยพูดไว้ว่า การที่เจ้าได้รับ1 ในกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพมาครอบครองแบบนี้ ก็ทำให้เจ้ามีโอกาสเข้าใจกฏแห่งชีวิตเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าเจ้าจะเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้แน่ๆ”
“การที่พวกเราช่วยให้เจ้าได้รับการยอมรับจากกิ่งหลักของพฤกษาเทพแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้เข้าได้รับพลังชีวิตและความสามารถในการรักษาฟื้นฟูตัวเองเท่านั้น เจ้าที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตมหาศาลตลอดเวลา ยังนับเป็นโอกาสประเสริฐให้เจ้าได้ทำความเข้าใจกฏแห่งชีวิต…หากความเข้าใจเจ้าสูงพอและมีโชคหน่อย เจ้าก็สามารถพึ่งพาสิ่งนี้ในการเข้าใจกฏแห่งชีวิตได้”
“แต่หากความเข้าใจเจ้าไม่สูงพอทั้งดวงซวย ถึงแม้พฤกษากำเนิดชีพจะยอมรับเจ้าเป็นนายแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะเข้าใจกฏแห่งชีวิต”
“นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพจะสามารถยอมรับทุกคนเป็นนายได้…เพราะข้อกำหนดที่สำคัญที่สุดในการยอมรับใครสักคนเป็นนายของมัน ก็คือคนผู้นั้นจำเป็นต้องมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย”
“ประการที่สองนั้น คือต้องบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะเสียก่อน”
“อย่างไรก็ตามเงื่อไขข้อที่สองนั้น สามารถถูกแก้ไขได้ด้วยความสามารถบางอย่าง ดั่งที่ทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหลช่วยเหลือเจ้า ก็เป็นดั่งใช้หนึ่งมือบังฟ้าเพิกเฉยเงื่อนไขข้อที่สองได้สำเร็จ…ทว่าสำหรับเงื่อนไขข้อแรกนั้น แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดก็มิอาจใช้หนึ่งมือบังฟ้าได้!”
“เพราะเงื่อนไขข้อแรกเป็นดั่งกฏแห่งสวรรค์และโลก ทุกผู้คนจำต้องปฏิบัติตามไม่อาจฝ่าฝืน!”
หลังได้ยินคำพูดดังกล่าวของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ว่าที่แท้เพราะเขามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายนี่เอง กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพถึงยอมรับเขาเป็นนาย
“แล้วคนที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายนั้นมีอยู่มากหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“จากความทรงจำที่ข้าได้รับสืบทอดมา…ภายใต้สวรรค์และโลกนี้ และภายใต้กฏแห่งสวรรค์และโลก ในแต่ละยุคสมัย ปกติแล้วจักไม่มีผู้ที่ครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายในช่วงเวลาเดียวกันเกิน 100 คน”
“นอกจากนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด…ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่สุดมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย!”
“อย่างไรก็ตามตัวตนเหล่านั้น ไม่มีข้อยกเว้น…ล้วนเป็นตัวตนที่ทรงพลังกล้าแข็งอย่างแท้จริง!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดกล่าวสืบต่อ
หลังจากได้ยินคำตอบจากปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่า…
ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายของเขา นับเป็นข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่อาจาส่งผลต่อความสำเร็จในอนาคตของเขาได้มากมายอะไร
‘ตลอดชั่วชีวิตที่ผ่านมาของข้า ผู้ที่มีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายที่ข้าพบเจอนอกจากตัวข้าแล้วก็มีฮ่วนเอ๋อแค่คนเดียว’
‘ไม่คิดเลยว่าภายใต้สวรรค์และโลก ยังมีผู้ที่ครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเหมือนกับข้าและฮ่วนเอ๋ออยู่อีกไม่น้อย’
‘ทว่าแม้จะมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย แต่ในระนาบเทวโลกที่มียอดฝีมือดั่งเมฆเกลื่อนฟ้า ไม่ทราบสุดท้ายจะเหลือผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่กี่คน?’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจเงียบๆ
“อ้อ นอกจากนั้นเจ้าอย่าได้ถือดีเรื่องที่เจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเสียเล่า เรื่องนี้มิใช่เรื่องยอดเยี่ยมอันใดมากมาย…กระทั่งวันใดหากพลังของเจ้าเพิ่มพูนขึ้นจนมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา ต่อให้ไม่ใช่ตัวผู้แข็งแกร่งที่สุดมาเอง ก็ไม่แน่ว่าอาจจะส่งใครมาฆ่าเจ้าทิ้ง!”
“นั่นเพราะเมื่อผู้ที่ถือครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายกลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด พลังของตัวตนนเช่นนี้จะอยู่เหนือผู้แข็งแกร่งที่สุดส่วนใหญ่ที่ไร้ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย…”
“ในสายธารประวัติศาสตร์อันยาวนาน มียอดฝีมือมากมายที่ถือครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายกำลังจะกลับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายกลับถูกผู้แข็งแกร่งที่สุดชั่วร้าย อิจฉาที่ตัวเองไร้ชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายเข่นฆ่าเพื่อเป็นการสกัดดาวรุ่ง…”
“แต่เป็นธรรมดาว่าก่อนที่เจ้าจะเติบโตจนอยู่ในสายตาของเหล่าผู้แข็งแกร่งที่สุดชั่วร้ายเหล่านั้น…ต่อให้พวกมันรู้ว่าเจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายพวกมันก็ไม่คิดจะสนใจดีอะไรเจ้า เพราะหากเจ้าไร้พลังมากพอ ในสายตาพวกมันเจ้าก็เสมือนมดตัวหนึ่งที่ไร้ภัยคุกคามอะไรต่อพวกมัน กระทั่งยังไม่คู่ควรให้พูดถึง…”
“ด้วยมีบทเรียนมากมายในประวัติศาสตร์ ใครก็ตามที่ถือครองชีพจรสวรรค์ 99 ชุดสายนั้น เป็นการดีเสียกว่าที่จะปกปิดเอาไว้ไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้โดยง่าย…”
“เพราะการครอบครองชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายนั้น กล่าวไปมันเป็นทั้งพรและคำสาปในเวลาเดียวกัน…”
“ดังนั้นเจ้าจงจดจำไว้ให้ดีเล่าเจ้าหนู…เจ้าอย่าได้ไปปูดเรื่องที่เจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายให้ใครรู้ง่ายๆเชียว! เพราะหากวันหนึ่งเกิดเจ้าแข็งแกร่งมากพอจนเข้าใกล้ขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว เจ้าอาจโดนพวกขี้อิจฉาไล่ฆ่าเอาได้ง่ายๆ!!”
ขณะกล่าวถึงจุดนี้น้ำเสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่ฟังแล้วไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมก็แลดูหนักแน่นจริงจัง อย่างหาฟังได้ยาก…
“ข้าทราบแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ก็ไม่นับเป็นอะไร
แต่พอมาตอนนี้พอเขารู้แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่เขาไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องชีพจรสวรรค์ 99 จุดสายในร่างของเขาออกไปง่ายๆ
“แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องนี้ในตอนนี้นักหรอก และหลังจากนี้ไป ข้า เพลิงเทพโกลาหล รวมถึงทองเทพสุดลี้ลับก็จะพยายามช่วยเหลือเจ้าเต็มที่…หากแต่สุดท้ายแล้วเจ้าจะไปได้ไกลเพียงใด ก็ล้วนขึ้นอยู่กกับเจ้าทั้งสิ้น”
“แต่เป็นธรรมดาว่าพวกเราเองก็อยากจะติดตามเจ้าไปให้สุดทาง…เพราะใต้หล้า แม้จะมีหลายคนที่มีพรสวรรค์ทั้งความสามารถในการทำความเข้าใจ หากแต่คนที่ครอบครองชีพจรสววรรค์ 99 จุดสายเช่นเจ้า อย่างไรก็มีไม่เกินร้อย!”