WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2997
ตอนที่ 2,997 : ต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นในตารางจัดอันดับ!
ไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังใดก็ตามที่นำยอดเซียนอมตะมาเข้าร่วมในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ หากคนที่พวกมันพามาตายตกลง ย่อมบ่งบอกว่ายอดเซียนอมตะคนที่ตาย ไม่อาจสร้างผลประโยชน์ใดๆให้แก่ตนได้สืบไป…
ดังนั้นสำหรับฮ่องเต้ฝูชิวแล้ว ความตายของยอดเซียนอมตะของมันคนหนึ่ง หมายความว่าโอกาสที่มันจะได้รับรางวัลย่อมลดลงส่วนหนึ่ง ถึงมันจะไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับคนที่พึ่งตายสูงมากนัก แต่มันก็ยังรู้สึกใจคอไม่ค่อยจะสู้ดีเป็นธรรมดา
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?”
เห็นว่าท่าทีของหูหลินอี้อยู่ดีๆก็เปลี่ยนเป็นอึมครึม ชายชราที่ติดตามไม่ห่างก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกล่าวถามออกมา
“ตันเฉิงตายแล้ว…”
หูหลินอี้กล่าว
ตันเฉิงเป็นนามของเจ้าของลูกแก้ววิญญาณที่พึ่งแตกไป
“แค่มันคนเดียวหรือ?”
ชายชราเอ่ยถาม
“ใช่”
หูหลินอี้พยักหน้ากล่าวตอบ
“ฝ่าบาท ผลลัพธ์เช่นนี้กล่าวไปยังไม่นับว่าเลวร้ายอันใด ฝ่าบาทลองชมดูจำนวนผู้ที่ติดอันดับก่อนเถิด ในเมื่อมีพันกว่าคน ย่อมหมายความว่าอย่างน้อยๆก็มีคนตกตายไปแล้วพันกว่าคน”
“อีกทั้งเมื่อพวกเราลองนับรวมคะแนนของผู้ที่ติดอันดับต้นๆ ที่แต่ละคนมีคะแนนติดตัว 3-4 แต้มดู…เห็นได้ชัดว่าบัดนี้ด้านในมีผู้ที่ตกตายไปแล้วมิต่ำกว่า 2,000 คน”
ผู้ที่เข้าไปทั้งสิ้น 12,000 กว่าคน มีผู้ที่ตายตกไปแล้ว 2,000 คน แต่ทว่าคนของประเทศฝูชิวเรายังพึ่งตกตายไปแค่คนเดียวเท่านั้น…นับว่าสถานการณ์ของพวกเรายังค่อนข้างดีทีเดียว!”
ชายชราหันไปมองม่านแสงที่กางขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า พลางหันไปกล่าวกับหูหลินอี้ด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามิอาจคำนวณเช่นนี้ได้…”
อย่างไรก็ตามพอได้ยินเสียงของชายชรา หูหลินอี้กลับส่ายหัวไปมา และเริ่มให้เหตุผล “ถึงแม้ว่าด้านในจักมีผู้คนตกตายไปแล้วราวๆ 2,000 คน…แต่เจ้าชมดูเถอะ ผู้ที่พบว่าลูกแก้ววิญญาณคนของตัวเองแตกลงยังไม่ถึง 2,000 คน กระทั่งพันนึงก็มิถึงด้วยซ้ำ…”
“เช่นนั้นยังจะมีผู้ใดสามารถบอกได้…ว่าคนของประเทศฝูชิวเรานั้นพึ่งจะตกตายไปแค่คนเดียวจริงๆ?”
กล่าวถึงประโยคท้าย ถ้อยคำของหูหลินอี้ก็เป็นเชิงถามให้คิด
ชายชราได้ฟังก็เงียบไปทันที
ผู้ที่ตกตายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น ด้วยค่ายกลที่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้จัดตั้งไว้ มันแฝงเร้นไปด้วยพลังอำนาจของกฏแห่งเวลา ทำให้แม้คนจะตายตกลงไป แต่ลูกแก้ววิญญาณที่อยู่ด้านนอกอาจจะยังไม่ตอบสนองทันที กล่าวได้ว่าลูกแก้ววิญญาณบัดนี้ จนกว่าจะถึงจุดสิ้นสุด มันได้สูญเสียความสามารถบอกว่าเจ้าของได้อยู่หรือตายไปแล้ว…
เพราะถึงแม้ลูกแก้ววิญญาณในมือมันจะพึ่งแตกไปแค่ลูกเดียว แต่ยังจะมีใครสามารถบอกมันให้แน่ชัดได้บ้าง ว่าผู้คนของประเทศฝูชิวที่อยู่ด้านใน ยังไม่ตายตกไปหมดสิ้น!
ชายชราที่เงียบไปก็หันไปชมมองตารางจัดอันดับอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นจังหวะที่ตารางจัดอันดับมีความเปลี่ยนแปลงพอดี
สำหรับบผู้ที่มีคะแนนทัดเทียมกัน หากท่านได้คะแนนมาทีหลัง ก็จะถูกจัดอันดับให้ต่ำกว่าผู้ที่ได้อยู่ก่อน
“หวงเจียเชา!”
ชายชราพึมพำออกมาเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่ารายชื่อหนึ่งได้เลื่อนอันดับขึ้นมา และนั่นก็คือหวงเจียเชา บุตรชายคนที่ 5 ของหวงเจียหลง
“เจียเชาก็ติดอันดับแล้วรึ?”
ได้ยินเสียงพึมพำแผ่วเบาของชายชรา หูหลินอี้ก็หันไปชมดูตารางจัดอันดับทันที จึงได้เห็นว่าท้ายตารางปรากฏชื่อของหวงเจียเชาขึ้นมา
หลังจากนั้นก็มีอีกชื่อที่คุ้นเคยปรากฏขึ้น
“เมิ่งชิวอวี่?”
หูหลินอี้ที่เห็นชื่อที่คุ้นเคยดังกล่าว ก็เผลอหันไปมองสตรีชราที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังมันไม่ไกลโดยไม่รู้ตัว
เมิ่งชิวอวี่นั้นเป็นหลานสาวของสตรีชรานางนี้
และสตรีชรานางนี้ก็เป็นผู้ฝึกตนอิสระที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด
เดิมทีเมิ่งชิวอวี่ก็ปรากฏตัวขึ้นในการประลองสวรรค์ใต้และแสดงผลงานไม่ใช่ชั่ว สุดท้ายจึงสามารถติดอยู่ใน 9 รายชื่อของคนีท่มีสิทธิ์เข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้
และหญิงชราดังกล่าวก็ติดสอยห้อยตามมาด้วย
ตอนนั้นมันยยังไปเยือนสตรีชรานางนี้ด้วยตัวเอง และกล่าวเชิญชวนให้อีกฝ่ายมาเข้าร่วมกับตระกูลราชวงศ์ประเทศฝูชิวของมัน หากแต่สตรีชราดังกล่าวเลือกที่จะปฏิเสธ
ถึงแม้ตัวมันจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดรบเร้าฝืนใจผู้อื่น
เพราะอีกฝ่ายจะอย่างไรก็เป็นตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด โดยปกติแล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมายินยอมอยู่ใต้อาณัติใครในประเทศระดับ 8
สำหรับชายชราที่ติดตามอยู่ด้านหลังมันนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเช่นกัน แต่ทว่าอีกฝ่ายติดตามมันมาหลายปีดีดักแล้ว กระทั่งอีกฝ่ายติดตามมัน ตั้งแต่ที่ตัวมันยังไม่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะด้วยซ้ำ
‘หืม? นางช่างแลดูไร้อารมณ์ดีแท้…นี่นางไม่ยินดีที่เมิ่งชิวอวี่หลานนางติดอันดับเลย หรือที่แท้แกล้งทำเป็นนิ่งแต่ที่จริงลอบลิงโลด?’
หูหลินอี้พบว่าหลังได้ยินสิ่งที่มันพูด หญิงชราก็หันไปมองสำรวจตารางจัดอันดับทันที สุดท้ายแม้จะเห็นว่าเมิ่งชิวอวี่ปรากฏขึ้นในตาราง ทว่าท่าทีของนางก็ยังคงสงบเหมือนเคย แววตาเองก็เฉยเมยไม่แปรเปลี่ยน
แต่หูหลินอี้เชื่อว่าหญิงชรานางนี้ก็แสร้งทำเป็นสงบไปอย่างนั้นล่ะ!
วันเวลายังผันผ่านไปไม่หยุดยั้งดั่งสายน้ำไหล…
ในตารางจัดอันดับก็ปรากฏรายชื่อใหม่ๆทยอยกันผุดขึ้นมามากมาย
เรียกว่าหลังผ่านไปอีก 10 วัน บนตารางจัดอันดับก็เนืองแน่นไปด้วยชื่อของผู้คนกว่า 2,000 รายชื่อแล้ว
ในระหว่างนี้ยังปรากฏให้เห็นว่ามีรายชื่อมากมายอยู่ดีๆก็หายสาบสูญไปจากตารางจัดอันดับ และหลังจากนั้นไม่นานผู้ที่ติดอันดับรายชื่อหลายคนก็เริ่มทยอยกันได้รับคะแนนมากขึ้นในเวลาอันสั้น
กล่าวได้ว่าไม่พ้นผู้ที่อยู่ในหัวตารางได้พบเจอผู้ที่อยู่กลางและท้าตาราง ไม่ก็หัวตารางด้วยกัน และเข่นฆ่าอีกฝ่ายช่วงชิงคะแนนมา…
แต่แน่นอนว่าการหายตัวไปกับการเพิ่มขึ้นของคะแนนไม่ได้สัมพันธ์กันแม้แต่น้อย คงยากจะระบุได้ว่าใครเป็นคนฆ่าใครกันแน่
“นี่มันก็ผ่านไปร่วมเดือนแล้ว…ไฉนชื่อต้วนหลิงเทียนถึงยังไม่ปรากฏขึ้นมาสักทีเล่า?”
หูหลินอี้ลอบมองลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนในแหวนพื้นที่อีกครั้งหนึ่ง พอพบว่ายังอยู่ดีก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพำออกมา
เนื่องจากเมื่อมีรายชื่ออยู่บนตารางจัดอันดับบถึง 2,000 รายชื่อแล้ว จำนวนชื่อใหม่ๆที่เพิ่มขึ้นมาก็ไม่ได้มากมายอะไร กระทั่งรายชื่อในตารางยังมีแน้วโน้มว่าจะลดลงมากกว่าเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ!
นี่เป็นเพราะจะอย่างไรผู้ที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำคราวนี้ก็มีแค่ 12,000 กว่าคน มีคนนับพันๆได้ตกตายไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็กล่าวได้ว่าเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
“ชื่อของเจ้าหนุ่มนั่นได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว”
ในขณะที่เสียงบ่นของหูหลินอี้พึ่งจะดังจบคำ เสียงชราหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูมัน
พอหันไปมองดูต้นเสียง จึงพบว่าผู้ที่กล่าวคำกับมันก็คือหญิงชราที่เป็นยายของเมิ่งชิวอวี่ 1 ใน 9 ยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะของฝูชิวที่เดินทางมาด้วยครั้งนี้
หญิงชรากล่าวบอกมันไว้แล้วว่านางชื่อ เมิ่งผอ
“ชื่อของต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นแล้วหรือ!?”
หูหลินอี้อดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนที่จะบ่นมันก็พึ่งมองดูช่วงท้ายตารางเสร็จเมื่อครู่นี่เอง แต่กลับไม่พบว่าจะมีชื่อต้วนหลิงเทียนปรากฏออกมาแม้แต่น้อย
“ฝ่าบาท ชื่อต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นแล้วจริงๆ…หากแต่มันมิได้อยู่ท้ายตาราง กลับไปปรากฏอยู่บริเวณกลางตารางเลยฝ่าบาท”
ในขณะที่หูหลินอี้กำลังนึกสงสัยในใจ ก็พอดีกับที่เสียงของชายชราผู้ติดตามข้างกายดังขึ้นแถลงไขเสียก่อน
เรียกว่าหลังจากได้ยินคำของหญิงชรา ชายชราก็เร่งกวาดตามองรายชื่อตั้งแต่หัวตารางไล่ลงมาเรื่อยๆ สดท้ายจึงไปพบเจอนามต้วนหลิงเทียนที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในอันดับที่ 930 เข้า!
ต้วนหลิงเทียน
3 แต้ม…
“3 แต้มรึ? หรือว่า…คนที่ต้วนหลิงเทียนประเดิมฆ่าไปคนแรกจักมี 2 แต้ม?”
หูหลินอี้ที่มองตามสายตาของชายชราข้างกายไป ในที่สุดก็ได้เห็นชื่อต้วนหลิงเทียนที่มันรอคอยมานานเสียที!
ตอนนี้แม้ทีท่ามันจะดูลังเลทั้งกังวลกับการติดโผรายชื่อไม่น้อย แต่ใจจริงของมันแล้วให้ความสำคัญกับจุดจบของเรื่องราวมากกว่า และมันเชื่อว่าจะช้าจะเร็วชื่อของต้วนหลิงเทียนก็ต้องปรากฏให้เห็นในที่สุด!
เพราะอย่างไรเสียตอนนี้ก็ชื่อคนของประเทศฝูชิวมันติดอันดับถึง 4 คนแล้ว!
“ข้าไม่คิดเลยว่าทันทีที่ชื่อของต้วนหลิงเทียนปรากฏ จะเป็นการพุ่งเข้าไปอยู่ใน 1,000 อันดับแรกโดยตรง…ตอนนี้กลายเป็นว่าเจียเฉาตกไปอยู่ในอันดับต่ำสุดแล้ว…”
หูหลินอี้ไล่มองตารางจัดอันดับอีกครั้ง และตั้งใจดูรายชื่อคนของประเทศฝูชิวเป็นพิเศษ เรียกว่าในบบรรดา 5 คนของประเทศฝูชิวมันที่ติดอันดับนั้น…4 คนล้วนมี 3 คะแนน ส่วนหวงเจียเชายังคงมีแค่ 2 คะแนนเท่านั้น
ส่วน 4 คนที่มี 3 คะแนนนั้นหวงเจียหลงอยู่ในอันดับที่ 322 หูจี้หย่งอยู่ในอันดับที่ 353 เมิ่งชิวอวี่อยู่ในอันดับที่ 398 ส่วนต้วนหลิงเทียนก็อยู่ที่อันดับ 930…
อีกทั้งอันดับ 930 ของต้วนหลิงเทียน ยังเป็นอันดับของคนที่มี 3 คะแนนเป็นคนสุดท้าย
เพราะในปัจจุบันเขาก็คือผู้ที่พึ่งได้คะแนนสะสม 3 แต้มเป็นคนสุดท้าย!
…
ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ
ในมุมหนึ่งของป่าทึบ ปรากฏร่างคน 2 คนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ และบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ ก็สูดได้กลิ่นดินปืนคละคลุ้ง เรียกว่าทำให้อาณาบริเวณตกอยู่ในความตึงเครียดไม่น้อย
ร่างทั้ง 2 ที่กำลังเผชิญหน้ากันที่ว่า เป็นชายหนุ่มทั้งคู่ หนึ่งมาในชุดสีม่วง ส่วนอีกหนึ่งมาในชุดสีเขียว
นอกจากนี้ไม่ว่าใครล้วนแล้วต่อหล่อเหลาและมีเสน่ห์ทั้งสิ้น แต่หากมองสังเกตให้ดีๆจะพบว่าชายหนุ่มชุดม่วงนั้น เมื่อเทียบกับชายหนุ่มชุดเขียวแล้ว ค่อนข้างให้ความรู้สึกน่าดูทั้งเป็นมิตรมากกว่าชายหนุ่มชุดเขียวจมหู
ชายหนุ่มชุดเขียวนั่น ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา พาลให้ผู้คนรู้สึกเสมือนถูกผลักไสให้ไกลห่างออกไปนับพันลี้
และไม่ไกลจากจุดที่ชายหนุ่มชุดม่วงยืนอยู่ บนพื้นกลับปรากฏซากศพไร้วิญญาณร่างหนึ่ง…
ศพนี้ไร้ซึ่งบาดแผลฉกรรจ์ทั้งไร้โลหิตเจิ่งนองอันใด แต่หากใครสายตาแหลมคมเข้าหน่อย ย่อมบอกได้ทันทีว่าทรวงอกของมันนั้นยุบลงไปเล็กน้อย
‘เจ้านี่มันมี 2 แต้มเลยงั้นเหรอ…’
หลังจากที่แผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบป้ายหยกสะสมคะแนนที่ห้อยแขวนบริเวณเอว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง หลังพบว่าในป้ายเขากลับมีคะแนนสะสมอยู่ถึง 3 แต้ม!
หลังแปลกใจแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจอยู่บ้าง
‘กระทั่งเจ้านี่ยังมี 2 แต้ม แล้วเจ้านั่นล่ะ…เกรงว่าคงมีมากกว่ากระมัง?’
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบกล่าวในใจขณะหันไปมองจ้องชายหนุ่มชุดเขียว
ชายหนุ่มชุดเขียว กับชายหนุ่มชุดฟ้าที่นอนเป็นศพแทบเท้าเขานั้น เรียกว่าเป็นคนกลุ่มแรกที่เขาได้พบเจอหลังวิ่งไปเรื่อยอยู่หนึ่งเดือนเลยก็ว่าได้…
ยิ่งไปกว่านั้นมองจากการที่ทั้งคู่เดินทางด้วยกัน จึงเห็นได้ชัดว่าสมควรมาจากขุมกำลังเดียวกัน และมีความสัมพันธ์สนิทสนมกันไม่น้อย
“พี่สาม ข้าจะจับไอ้หนูนี่ แล้วส่งไปให้ท่านฆ่ามันเอง!”
นี่คือวาจาประโยคสุดท้ายที่ชายหนุ่มชุดฟ้าพูดก่อนจะตายตก เพราะมันพูดประโยคนี้จบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรสืบต่อ พวกปราดร่างพุ่งมาใส่เขาด้วยจิตอำมหิตทันที!
อนิจจาพลังฝีมือของชายหนุ่มชุดฟ้าผู้นี้ อย่างดีก็แค่พอๆกับหวงเจียหลงในการประลองสวรรค์ใต้เท่านั้น
เหตุผลที่ไฉนเขากล่าวว่าเป็นหวงเจียหลงในการประลองสวรรค์ใต้ ก็มีเหตุผล
เพราะหวงเจียหลงได้รับเวทย์พลังระดับราชาที่แฝงกฏแห่งลมไว้มาฝึกปรือ ทำให้พลังฝีมือของหวงเจียหลงก้าวหน้าขึ้นไม่ใช่เล่นๆ
เรียกว่าหวงเจียหลงในวันนี้ไม่ใช่อะไรที่หวงเจียหลงในวันวานจะเทียบได้อีกต่อไป…ถึงแม้ว่าจะยังไม่อาจเข้าใจความหมายยเบื้องต้นแห่งลม แต่อย่างน้อยๆก็มีความเข้าใจเวทย์พลังที่ชักนำสายลมมาเพิ่มพูนพลังแล้วไม่น้อย ซึ่งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งของหวงเจียหลงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ฟังจากคำพูดของชายหนุ่มชุดฟ้า เขายังได้รับทราบอีกเรื่องหนึ่ง…
ชายหนุ่มชุดเขียว สมควรอยู่เหนือชายหนุ่มชุดฟ้าทั้งในแง่ของฐานะและพลังฝีมือ!
หากทั้งสองสถานะนี้ไปอยู่ในโลกภายนอกยังไม่อาจทำให้ผู้คนและดูเคารพยำเกรงได้ถึงขนาดนี้ แต่พอดีว่าที่นี่คือแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ สถานที่ๆผู้เข้มแข็งอยู่ อ่อนแอตกตาย หากชายหนุ่มชุดฟ้าที่อ่อนด้อยกว่าชายหนุ่มชุดเขียวไม่เร่งเอาอกเอาใจอีกฝ่ายให้มากเข้า ใครจะไปรู้ว่าชายหนุ่มชุดเขียวจะใจเหี้ยมเห็นแก่แต้มไม่กี่แต้มในป้ายหยกสะสมคะแนนของมันหรือไม่?!
เช่นนั้นจึงบังเกิดเป็นฉากที่ชายหนุ่มชุดฟ้าแลดูเคารพยกย่องชายยหนุ่มชุดเขียวอย่างสูง เมื่อเจอศัตรูก็ยังคิดจะลงมือจัดการสยบศัตรู เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชายหนุ่มชุดเขียวได้รับแต้มง่ายๆ
และก่อนที่จะพบเจอกับต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มชุดฟ้าก็ได้จัดการกำราบศัตรูและเหลือลมหายใจสุดท้ายให้ชายหนุ่มชุดเขียวเก็บงานมานักต่อนักแล้ว เรื่องราวทั้งหมดล้วนดำเนินไปอย่างราบรื่น
อย่างไรก็ตามต่อให้มันหลับก็ไม่อาจฝันถึง
ว่าคราวนี้มันจะเตะโดนตอเหล็กเข้าให้!
ชายหนุ่มที่อายุไม่ถึงร้อยปีผู้นี้…กลับอาศัยแค่หนึ่งหมัดที่ซัดออกตามอำเภอใจ จบชีวิตของมันลงได้อย่างง่ายดาย!
ศพชายหนุ่มชุดฟ้าที่นองนิ่งอยู่ตรงนั้น สองตาของมันเบิกโพลงตกตายตาไม่หลับ ลูกตาของมันยังคงเบิกโพลงมองจ้องมาที่เขาเขม็ง!
“ธาตุดินงั้นรึ…น่าสนใจดีนี่”
หลังสบตากับต้ววนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง ชายหนุ่มชุดเขียวก็เป็นฝ่ายปริปากกล่าวคำออกมาก่อน