WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 2999
ตอนที่ 2,999 : พลังอำนาจของอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน!
หลังจากที่สุมาฉุนหยุดมือลง มันก็ไม่มีความคิดจะลงมือหลงเหลือสืบไป
นั่นเพราะเมื่อครู่ มันได้พยายามจู่โจมเข่นฆ่าผู้อื่นสุดกำลังที่มีแล้ว อนิจจายังไม่อาจบุกฝ่าปราการป้องกันของผู้อื่นเขาได้เลย…
ในเมื่อรั้นจะลงมือจู่โจมสืบต่อ ผลลัพธ์ก็คงเดิม มิสู้หยุดมือไว้เพื่อประหยัดเรี่ยวแรงยังประเสริฐกว่า
“เป็นข้าดูเบาเจ้าไป!”
หลังจากมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้มจบคำ สุมาฉุนก็หันหลังเตรียมจะจากไป
“ข้าให้เจ้าไปได้แล้วหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อย มุมปากยกยิ้มแสยะเยียบเย็น ทันใดนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างของเขาก็ปะทุลุกโชนขึ้นมา แผ่กลิ่นอายพลังกล้าแข็งสะท้านไปในบรรยากาศ
ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ร่างสุมาฉุนที่คิดจากไปก็ชะงักหยุดลง จากนั้นมันก็หันมาเหลือบมองต้วนหลิงเทียน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ข้ายอมรับว่าพลังป้องกันของเจ้าสูงส่งสุดที่ข้าจะบุกฝ่าเข้าไปได้…”
“อย่างไรเสียความเร็วของเจ้านับเป็นอะไรในสายตาข้า? แม้ข้าจะไม่ลงมือตอบโต้อะไร อาศัยเคลื่อนร่างหลบเจ้าถ่ายเดียว นั่นก็มากพอให้เจ้าหมดหนทางแตะได้แม้แต่ชายเสื้อของข้า”
สุมาฉุนกล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงของมันก็กลายเป็นหยิ่งผยองอีกครั้ง “ข้ามิอาจทำลายการป้องกันเจ้าได้ก็จริง แต่เจ้าก็ไม่มีวันตามความเร็วของข้าได้ทัน!”
“แม้ข้าฆ่าเจ้าไม่ได้…แต่เจ้าก็ไม่มีหนทางฆ่าข้าเช่นกัน!”
ในเรื่องของความเร็วแล้ว สุมาฉุนดูจะมั่นใจถึงขีดสุด
ต้องทราบด้วยว่ากฏที่มันเลือกทำความเข้าใจก็คือกฏแห่งลมที่โดดเด่นในเรื่องของความเร็วเป็นทุน อีกทั้งในบรรดาความลึกซึ้งที่มันเข้าใจทั้งสองประการ นอกจากความหมายแห่งลมแล้ว ความลึกซึ้งอีกประการก็คือ ‘ลมกรด’ ที่โดดเด่นในเรื่องความเร็วเป็นที่สุดของกฏแห่งลม!
กล่าวจบคำสุมาฉุนก็คร้านจะสนใจต้วนหลิงเทียนสืบไป หันหลังกลับและจากไปทันที
ในขณะที่สุมาฉุนหันหลังจากไป เสียงเยียบเย็นต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นไล่หลัง “แล้วหากข้าใช้อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเล่า?”
คำพูดนี้ของต้วนหลิงเทียน เสมือนแหลนพุ่งตรงทะลวงกลางหูของสุมาฉุนก็ไม่ปาน ทำให้ร่างสุมาฉุนถึงกับชะงักลงโดยพลัน
ครู่ต่อมา มันที่เร่งรีบหันหน้ากลับมาดูชม ก็พบว่าพลองยาวในมือต้วนหลิงเทียนอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชานั้นไม่อยู่แล้ว แต่ในมือต้วนหลิงเทียนกลับถือไว้ด้วยแหวนวงหนึ่ง
แหวนวงนี้แลดูแตกต่างจากแหวนทั่วไปเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นตัวแหวนยังประดับไปด้วมณี 9 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดก็มีรูปร่างแตกต่างกันออกไป
นอกจากนั้นทั่วทั้งตัวแหวนกลับเป็นสีแดงเพลิง และท่าทางจะไม่ใช่สีที่ชุบย้อมภายหลัง แต่เป็นสีสันของวัตถุดิบที่ใช้หลอมแหวนวงนี้ขึ้นมา
รัศมีพลังลี้ลับที่แผ่กำจายออกมาเรื่อๆรอบตัวแหวนนั้น เดิมทีไม่ได้ส่องสว่างเท่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดพลังลงไป ตัวแหวนก็เริ่มแผ่ซ่านกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงออกมา
ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่กลิ่นอายยพลังน่าพรั่นพรึงดังกล่าวเริ่มแผ่ซ่านออกมา สุมาฉุนที่สัมผัสได้ถึง ก็รู้สึกเสมือนตัวเองสูดได้กลิ่นแห่งความตายประการหนึ่ง…
“อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน!!”
หากตอนแรกบอกว่า การที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถึงอุปกรณ์อมตะจอมราชันขึ้นมา มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังเสแสร้งล่ะก็
มาตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงที่ตัวแหวนแผ่ซ่านออกมากดดันในบรรยากาศ สุมาฉุนก็มั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าแหวนในมือต้วนหลิงเทียนวงนี้เป็นนอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันแน่นอน!!
‘เป็นไปได้อย่างไรกัน?!’
‘อาศัยยอดเซียนอมตะเช่นมัน ไฉนมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันไว้ในครอบครองได้!?’
ตอนนี้ใจของสุมาฉุนว้าวุ่นนัก มันไม่อาจทำใจเชื่อได้ลงคอจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันในมือ!
ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งตระกูลสุมาของมัน ที่เป็นขุมกำลังระดับ 7 อันน่าเกรงขาม ยังไม่มีแม้แต่อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันสักชิ้น!
ทั้งต่อให้ตระกูลสุมาของมันจะมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันจริง แต่พวกมันก็คงไม่กล้าเปิดเผยออกมาโดยง่าย เพราะหากเรื่องแพร่งพรายออกมา น่ากลัวว่าตระกูลสุมาของมันก็คงไม่มีปัญญารักษาอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเอาไว้ได้เลย
ภายในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว หากจะถามว่าขุมกำลังระดับ 7 ที่พอจะมีความสามารถรักษาอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเอาไว้ได้ล่ะก็ คงมีแต่ 3 นิกาย 2 ตระกูลเท่านั้น
แต่เป็นธรรมดาว่าหาก 3 นิกาย 2 ตระกูลคิดจะเก็บอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเอาไว้ใช้จริงๆ เรื่องนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากคฤหาสน์เฉวียนโยวก่อน!
เรื่องนี้บอกให้รู้ว่าอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันมีคุณค่าถึงเพียงใด!
ทว่าตอนนี้อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันที่ว่า กลับมาปรากฏอยู่ในมือของยอดเซียนอมตะผู้หนึ่ง จึงทำให้สุมาฉุนรู้สึกยากที่จะเชื่อได้ลงคอ กระทั่งเห็นเองกับตามันยังไม่อยากจะเชื่อ!!
‘หนี!!’
ชั่วพริบตาต่อมาสุมาฉุนก็ดึงสติกลับคืนได้ฉับไว และในหัวมันก็หลงเหลือเพียงหนึ่งความคิดเท่านั้น
หนี!!
ความเร็วของอีกฝ่าย ไม่อาจเทียบชั้นกับมันได้ก็จริง…
ทว่าหากเป็นอีกฝ่ายที่อุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันไว้ในมือเล่า? เรื่องราวมันจะแปรเปลี่ยนกลับกลายไปดั่งหนังคนละม้วน…เพราะอย่างน้อยๆความเร็วในการโจมตีของอีกฝ่ายก็สามารถไล่ทันความเร็วของมันได้แน่นอน!!
ตอนนี้สิ่งเดียวที่มันต้องกระทำก็คือเร่งรุดหลบหนีออกไปให้พ้นระยะจู่โจมของอีกฝ่าย เพราะตราบใดที่อีกฝ่ายไม่อาจเพ่งเล็งมาที่มันได้ ตัวมันก็สามารถหลบหนีจากไปได้อย่างปลอดภัย!!
แต่สิ่งที่มันกำลังคิดมีหรือที่ต้วนหลิงเทียนจะคิดไม่ได้?
หากไม่มั่นใจ มีหรือต้วนหลิงเทียนจะจงใจกล่าวเตือนอีกฝ่ายแต่แรกว่าเขามีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน?
“คิดหนีงั้นหรือ…แต่เจ้าจะหนีได้พ้น?”
เมื่อเห็นว่าร่างสุมาฉุนได้ลุกโหมไปด้วยสายลมเขียวครามดั่งพายุ และร่างของอีกฝ่ายก็พุ่งวาบไปด้วยความเร็วอันน่ากลัวปานสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกแสะเผยยิ้มเย้ยหยันออกมา!
“ความหมายลึกซึ้ง พื้นที่โน้มถ่วง!”
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ห้วงอากาศรอบกายของสุมาฉุนก็ปรากฏสนามพลังโน้มถ่วงอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งสะกดกักเอาไว้ ก่อนที่มันจะทันได้พุ่งร่างหนีไปไหนได้ไกล!!
และทิศทางของสนามพลังโน้มถ่วงนั้น ต้วนหลิงเทียนยังควบคุมให้มันสวนทางกับการเคลื่อนที่ของสุมาฉุนอย่างแยบคาย แม้จะไม่อาจหยุดร่างสุมาฉุนได้ชะงัด แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายช้าลงจมหู!
วู้มมมม!!
และในขณะที่ร่างสุมาฉุนชะงักทั้งความเร็วตกลงฮวบฮาบ เสี้ยวพริบตานั้นเอง แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดพลังลงไปขุมใหญ่ ก็ได้ปลดปล่อยพลังอันน่ากลัวออกมาขุมหนึ่ง!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
ตัวแหวนทอประกายสว่างจ้าปานมีเปลวเพลิงลุกโชน ทันใดนั้นมณีทั้ง 9 บนตัวแหวนก็แผ่พุ่งพลังออกมาก่อเกิดเป็นกระบี่พลังมีสภาพ 9 เล่ม แต่ละเล่มยังเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าปานจะสับสะบั้นได้ทุกสิ่ง!
แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับในมือของต้วนหลิงเทียนนั้นก็เป็นเขาได้มาจากพี่ใหญ่เผย โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้มันตามหาแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับตามคำขอของอีกฝ่าย ทว่าคนที่ฝากฝังเรื่องนี้ให้เขาอย่างพี่ใหญ่เผยผู้ลึกลับ กลับหายตัวไปไหนก็ไม่ทราบ
ปกติแล้วเขาก็ไม่กล้าจะนำแหวนวงนี้ออกมาใช้งานให้ผู้ใดเห็นง่ายๆ เพราะนั่นจะกลายเป็นการชักนำเภทภัยมาสู่ตัว
แต่วันนี้ที่ไฉนเขาถึงนำมันออกมานั้น เพราะเขามั่นใจว่าคนตายไม่อาจพูดได้ อย่างดีอีกฝ่ายก็ได้แต่นำเรื่องนี้ไปเล่าในเมืองผีเท่านั้น!
นอกจากนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือเขาตระหนักได้แต่แรก ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำแห่งนี้ ไม่อาจใช้ยันต์อมตะสื่อสารใดๆได้เลย ต่อให้เป็นยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณก็ตามที
เรียกว่าค่ายกลที่ปกกคลุมไปทั่วแดน ได้ปิดกั้นพลังอาคมสื่อสารทั้งหมดเอาไว้
สิ่งนี้ไม่ใช่แค่กันไม่ให้มีการติดต่อกับโลกภายนอกเท่านั้น แต่ยังกันท่าไม่ให้เหล่าคนจากขุมกำลังเดียวกันติดต่อเพื่อมารวมกลุ่ม และออกล่าเข่นฆ่าสังหารผู้อื่นด้วยอาศัยกำลังคนเข้าว่า
ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ!
…
ถึงแม้จะพยายามหลบหนีเต็มกำลังสามารถที่มี แต่สุดท้ายสุมาฉุนที่ความเร็วตกลงก็ยังได้ยินเสียงหนึ่งแว่วดังเข้าหูชัดเจน
และเสียงดังกล่าวพอดังเข้าหูของมัน ก็เสมือนเสียงเพรียกแห่งความตายก็ไม่ปาน ใจมันร้อนรนกังวลแทบปริแตก!
‘มัน…มันกลับเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่โน้มถ่วง ถึงขั้นนี้แล้ว?!’
ด้วยสัมผัสได้ถึงสนามพลังแรงโน้มถ่วงที่ดูดรั้งฉุดร่างเอาไว้ สุมาฉุนก็ตระหนักได้ทันทีว่าความเข้าใจในความหมายลึกซึ้ง พื้นที่โน้มถ่วง ของต้วนหลิงเทียนนั้น บรรลุถึงขั้นใช้ออกได้ดั่งใจแล้ว!
และในสายตาของมัน นี่ก็เสมือนความลึกซึ้งประการที่ 3 ที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจ!!
อายุไม่ถึงร้อยปี กลับเข้าใจความหมายแห่งดิน เข้าใจความลึกซึ้งที่โดดเด่นด้านการป้องกัน แถมยังเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่โน้มถ่วง…ทั้งหมดเป็นการเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินถึง 3 ประการ ความสามารถระดับนี้…
ที่แท้มันกำลังเจอกับ ‘สัตว์ประหลาด’ จากนรกขุมใดกันแน่?
หากมันไม่ได้มาพบเจอกับตา ให้คนอื่นมาพูดให้ตายมันก็ไม่มีวันเชื่อ เพราะมันสุดที่จะจินตนาการได้ออกจริงๆ ว่าสัตว์ประหลาดเช่นนี้มาปรากฏตัวในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวได้อย่างไร!
หากไร้แรงดึงดูดอันน่ากลัวฉุดรั้งร่างกายเอาไว้ สุมาฉุนมั่นใจว่าตัวเองต้องรอดพ้นพลังอำนาจสังหารจากอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันของอีกฝ่ายได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามสนามพลังโน้มถ่วงของอีกฝ่ายนั้น ทรงอานุภาพเกินไป ความเร็วของมันถึงกับตกลงฮวบฮาบ ตอนนี้มันไม่มีหนทางหลีกหนีพลังสังหารจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันของอีกฝ่ายได้เลย!!
“ไม่!!”
เมื่อกระบี่พลังทั้ง 9 ที่ก่อเกิดจากพลังอำนาจของแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับเจียนบรรลุถึงตัวสุมาฉุน มันก็ร่ำร้องออกมาเสียงหลง จากนั้นก็ตัดสินใจหยุดร่างลงกลางหาว!
พริบตาต่อมาสายลมเขียวครามรอบกายของมันก็คล้ายจะลุกโหมขึ้นมาดั่งมหาพายยุม้วนวนรอบร่าง!
ทันใดนั้นสายลมดั่งมหาพายุก็เริ่มควบแน่นก่อตัวก่อเกิดเป็นม่านพลังวายุเขียวครามห่อหุ้มคลุมร่างมันเอาไว้ ดุจมีอำนาจแห่งเทพสายลมปกปักษ์ร่างกาย!
นอกจากนั้นสุมาฉุนก็เร่งเร้าโคจรพลังจนเกินขีดจำกัดจนมุมปากปรากฏโลหิตไหลซิบ จ่ายพลังใช้ออกด้วยทุกสรรพวิชาที่มันมีหมายเพิ่มพูนพลังอำนาจในการปกป้องตัวเอง!
อย่างไรก็ตามสีหน้าของสุมาฉุนยยังคงซีดลงปานกระดาษ เพราะมันไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อยว่าจะป้องกันพลังสังหารจากกระบี่พลังทั้ง 9 ที่ทรงอานุภาพน่าพรั่นพรึงจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันได้เลย!
“หากเจ้ากล้าฆ่าข้า…ตระกูลสุมาของข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”
ในห้ววงเวลาแห่งความเป็นตาย สุมาฉุนได้หันกลับมามองผ่านระยะไกลห่างสบตากับต้วนหลิงเทียนนเขม็ง กัดฟันข่มขู่ออกมาโดยยกอ้างตระกูลสุมาที่อยู่เบื้องหลัง หมายให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความกริ่งเกรงจนสภาวะพลังลดลงเล็กน้อยก็ยังดี!
“อ้อ นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าตระกูลสุมาจะรู้รึเปล่าว่าข้าเป็นคนฆ่าเจ้า…”
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่กริ่งเกรง กลับกลันยังกล่าวเย้ยออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
ขณะเดียวกันนั้นเอง กระบี่พลังทั้ง 9 ที่ก่อเกิดจากอานุภาพของแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับก็บรรลุถึงม่านพลังพิทักษ์ร่างสุมาฉุนในที่สุด!
กระบี่พลังคมกล้าหาใดเปรียบนั้น แม้เล่มแรกจะถูกม่านพลังของสุมาฉุนหยุดเอาไว้ได้ แต่เล่มที่ 2 พอบรรลุถึงตามติดไม่พ้นก็คงต้านทานได้ไม่ทันไร เกิดกระบี่พลังเล่มที่ 3 ติดตามมาถึง ก็สมควรฉีกกระชากม่านพลังของมันให้เปิดออกง่ายดาย!
“สารเลวชาติชั่ว! อุปกรณ์อมตะจอมราชันมันทรงพลังถึงขั้นนี้เชียว!!”
จังหวะนี้สุมาฉุนสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจอันน่ากลัวของอุปกรณ์อมตะจอมราชันซึ้งถึงทรวง ขณะเดียวกันมันก็ไม่หลงเหลือความคิดจะต้านทานรับสืบต่อ เร่งรีดเค้นพลังชั่วชีวิตที่หลงเหลือหมายหลบหนีทันที!
อนิจจาด้วยสนามพลังโน้มถ่วงที่เคี่ยวกรำมันอย่างหนักหนาสาหัส ความเร็วของมันก็ต่างจากจุดสูงสุดลิบลับ!
เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!
เนื่องจากมันหันไปเร่งเร้าพลังเพื่อหลบหนี พลังที่มันจ่ายเพื่อรักษาม่านพลังเอาไว้ก็ต้องอ่อนโทรมลงอย่างช่วยไม่ได้ เดิมที่สมควรต้านทานกระบี่ที่ 2 เอาไว้ได้สักพัก ก็ไม่อาจต้านทานอันใดได้ ถูกทะลวงเจาะฝ่าเข้ามาในบัดดล!
“ไม่!!”
เมื่อม่านพลังอันเป็นปราการปกปักษ์สุดท้ายถูกทะลวงเจาะ ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตายสุมาฉุนก็ได้แต่ร่ำร้องออกมาด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจลั่นดังก้องฟ้า น้ำเสียงช่างเปี่ยมล้นไปด้วยความไม่ยินยอมถึงขีดสุด!
เพียงเพราะความแตกต่างของอุปกรณ์อมตะที่ถือครองอย่างอุปกรณ์อมตะจอมราชัน ตัวมันกลับต้องมาแพ้พ่ายตายตกต่อศัตรูที่อย่างดีก็แค่ทัดเทียมกับมัน โดยที่มันไม่อาจทำอะไรได้เลย…
จะให้มันเต็มใจยอมรับเรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
อย่างไรก็ตามให้สุมาฉุนไม่ยินยอมพร้อมใจเพียงใด แต่สุดท้ายมันก็จำต้องตกตายภายใต้อำนาจกระบี่พลังของแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับในมือต้วนหลิงเทียน
ร่างของสุมาฉุนนั้น ถูกกระบี่พลังพุ่งตัดหั่นราวเนื้อสับ หว่างคิ้วยังถูกเจาะทะลวง จนคนตกตายจนไม่รู้จะตกตายไปมากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว ศีรษะที่เป็นรูโหว่และปลิดปลิวไปคนละทางกับตัว สองตายังคงเบิกโพลงมองจ้องมาเขม็ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่เต็มใจตกตายถึงเพียงใด…
เปรียะ!
หลังสุมาฉุนตกตาย ป้ายหยกสะสมคะแนนที่อยู่กับส่วนลำตัวที่กระเด็นปลิดปลิว ก็เริ่มแตกตัวเป็นผงกลางอากาศ ก่อนจะมีแสงหนึ่งพุ่งเข้ามายังป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียน คะแนนทั้งหมดของมันถูกเพิ่มเข้าไปในป้ายหยกสะสมคะแนนของต้วนหลิงเทียนเป็นที่เรียบร้อย
ในเวลาเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองมือข้างที่สวมแหวนซึ่งกระเด็นไปอีกทาง ก่อนจะใช้พลังทำลายแขนทิ้งและดูดแหวนพื้นที่ของมันกลับมา
สุมาฉุน อัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 7 ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังฝีมือและฐานะจนได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลสุมา กลับต้องมาตกตายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำภายใต้เงื้อมมือของต้วนหลิงเทียน
และทั้งหมด เพียงเพราะต้วนหลิงเทียนมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันไว้ในครอบครอง!!