WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3010
WSSTH ตอนที่ 3,010 : หวงเอ้อ
วาจาดังกล่าวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เห็นชัดชัดว่าได้ลดความระวังของต้วนหลิงเทียนไปอยู่บ้าง
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ท่านรู้เรื่องจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพมากแค่ไหน? ทุกอย่างที่มันพูดเป็นความจริงหรือไม่?”
แม้คำพูดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะลดความระวังของต้วนหลิงเทียนลง แต่เขาก็ไม่ใช่ว่าไม่คิดระแวง จึงถามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก่อนตอบอะไรออกไป
ก่อนหน้านี้เขารู้ก็แต่ว่ากระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์เทพจากระนาบทวยเทพ แต่หากไร้ซึ่งจิตวิญญาณกระบี่ พลังของมันจึงเทียบได้กับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ
“เจ้า…นี่เจ้ามีอุปกรณ์เทพระดับสูงอยู่กับตัวจริงเหรอ?”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินย้อนถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“มันสัมผัสได้ แต่ท่านสัมผัสไม่ได้งั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะงุนงง จากนั้นเพียงห้วงคิด กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่ผสานอยู่ในร่างเขา ก็เริ่มเคลื่อนไหวเข้าไปใกล้ตำแหน่งที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอยู่
“ให้ตายเถอะ! เป็นอุปกรณ์เทพจริงๆแถมยังเป็นอุปกรณ์เทพระดับสูง!!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “เจ้าหนู ในเมื่อเจ้ามีของดีๆอย่างอุปกรณ์เทพระดับสูงอยู่กับตัวแบบนี้ ทำไมวันนั้นไม่ใช่มันฆ่าคนที่ชื่อสุมาฉุนอะไรนั่นเล่า?”
“ถึงแม้ว่าตอนนี้อุปกรณ์เทพนี่จะไร้จิตวิญญาณ แต่หากเจ้าใช้มันก็สำแดงพลังอำนาจทัดเทียมกับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้ง่ายๆ!”
“วันนั้นหากเจ้าใช้กระบี่เทพระดับสูงนี่ลงมือ…เจ้าสามารถฆ่าไอ้สุมาฉุนอะไรนั่นก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวถึงตอนนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา เสียงเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเผยความระอาอยู่บ้าง “หากเป็นแบบนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเสียพลังไปกับการป้องกันกระบวนท่ามันให้เหนื่อย”
“เทียบได้กับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจ “ถึงกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในร่างข้าจะเป็นอุปกรณ์เทพก็จริง แต่พลังอำนาจของมันข้าเคยลองใช้ดูแล้วก็พอๆกับอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางเท่านั้นนี่นา แล้วมันจะไปเทียบกับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้ยังไง?”
ต้องทราบด้วยว่าต้วนหลิงเทียนเคยใช้กระบบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนมาก่อนมากกว่าหนึ่งครั้ง และจากพลังที่เขาสัมผัสได้ก็มีพลังพอๆกับอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางเท่านั้น
“เหอะๆ เจ้าหนู…ที่เจ้าบอกว่าเคยใช้น่ะ เจ้าใช้มันตอนที่ยังไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งของกฏล่ะสิ?”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินถาม
“ใช่”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนขานรับ ก็เสมือนมีประกายแสงหนึ่งวาบขึ้นในใจ “ท่านหมายความว่า…หลังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแล้ว ยามข้าใช้กระบี่นี่มันจะเพิ่มพูนพลังของกฏได้งั้นเหรอ?”
“ก็ใช่ไง!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินตอบ “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อุปกรณ์เทพที่เจ้ามีมันเป็นอุปกรณ์เทพระดับสูงเลย แค่อุปกรณ์เทพระดับต่ำไร้จิตวิญญาณ สำหรับคนที่เข้าใจพลังของกฏแล้ว หากใช้มันก็สามารถสำแดงพลังดั่งใช้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้!”
“เจ้ามีอุปกรณ์เทพระดับสูงนี่อยู่กับตัวแท้ๆ แต่ยังไปใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันนั่น…เหมือนเจ้ามีปืนใหญ่ แต่ดันใช้ปืนแก๊บแท้ๆ”
พอกล่าวถึงจุดนี้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็บ่นงึมงำไม่หยุด ประหนึ่งต้วนหลิงเทียนมีของดีในมือแต่ดันไม่รู้คุณค่า
ต้วนหลิงเทียนได้ฟังคำบ่นของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ
ก็เขาไม่รู้นี่
“ส่วนเรื่องที่เจ้าหนูนั่นพูด ล้วนเป็นความจริงทุกประการ…หากกระบี่เทพระดับสุดที่เจ้ามีได้จิตวิญญาณกระบี่ที่เหมาะสมล่ะก็ ล้วนเป็นเรื่องดีกับเจ้าจริงๆ”
“เพราะนั่นหมายความว่ากระบี่เล่มนี้กำลังจะหวนคืนสู่พลังอันเข้มแข็งครั้งมันรุ่งโรจน์…แน่นอนว่าอาศัยด่านพลังของเจ้าตอนนี้คงไม่อาจใช้พลังอำนาจของมันได้ทั้งหมด เต็มที่ก็ใช้ได้แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น”
“แต่ขอให้เป็นแค่เศษเสี้ยวนั่น พลังอานุภาพของมันก็เหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิใดๆในระนาบเทวโลกหลายขุม!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวชัดถ้อยชัดคำ
“ต้วนหลิงเทียน…”
ขณะเดียวกัน ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพอเห็นนต้วนหลิงเทียนนิ่งไป คล้ายเหม่อคิดและหน้าเปลี่ยนสีไปมา มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยความหวั่นใจ “เจ้า…ไม่เต็มใจหรือ?”
ถึงแม้มันเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางปฏิเสธผลประโยชน์เลิศล้ำขนาดนี้ แต่อาการคล้ายลังเลของต้วนหลิงเทียน ก็อดทำให้มันคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจคิดปฏิเสธออกมาจริงๆ
พอได้ยินถามด้วยความหวั่นใจของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็กลับมารู้สึกตัว และมองสบตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเขม็ง “แน่นอนข้าตกลง…แต่เจ้าใช่มีเงื่อนไขอะไรหรือไม่?”
ด้วยมีผลประโยชน์เลิศล้ำมาส่งถึงหน้าประตูไฉนเขาจะไม่รับมัน?
แต่เป็นธรรมดาว่าเมื่อมีผลประโยชน์สูงขนาดนี้ ก็สมควรมีราคาที่เขาต้องจ่ายเช่นกัน!
“เรื่องนี้ข้าจะให้พี่สาวพูดเอง”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าว
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพูดจบคำ เสียงผ่านพลังหนึ่งก็ดังขึ้นในหูเขา แม้เสียงผ่านพลังดังกล่าวจะมาจากร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น แต่ไม่ใช่ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
“ข้าเป็นจิตวิญญาณกระบี่ให้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในร่างเจ้าได้…ขอแค่เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่งเท่านั้น!”
เป็นเสียงของสตรีนางหนึ่งที่ฟังดูน่าเกรงขามทั้งเย็นชา ยยามส่งผ่านมาถึงหูต้วนหลิงเทียน ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง
“รับปากเรื่องอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“หลังจากเจ้ามีกำลังมากพอแล้ว ช่วยล้างแค้นให้อดีตเจ้านายของข้า และฆ่าคนที่สังหารนางเสีย!”
เสียงสตรีกล่าว
“ล้างแค้น? ฆ่าคน?”
ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้น พลางกล่าวเสียงเบา “หากคนที่ฆ่าอดีตเจ้านายเจ้าเป็นคนชั่วสมควรตาย ข้าย่อมสามารถช่วยฆ่ามันเพื่อล้างแค้นให้นายเก่าเจ้าได้”
“แต่กลับกัน หากนายเก่าเจ้าที่แท้เป็นคนที่สมควรตาย และอีกฝ่ายมีเหตุผลที่ต้องฆ่านางอย่างชอบธรรมดั่งกำจัดคนชั่วแทนฟ้า เช่นนั้นต้องขออภัยด้วยแต่ข้าคงไม่อาจรับปากเจ้าได้…”
ถึงแม้จิตวิญญาณกระบี่จะล่อลวงต้วนหลิงเทียนไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
“เจ้านับว่ามีหลักการยิ่ง สมแล้วที่เป็นคนของเซี่ยเจี๋ย”
เสียงสตรีดังขึ้นอีกครั้ง
และฟังจากน้ำเสียงของนางแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่แปลกใจอะไร ทั้งยังมีความมั่นใจอย่างมาก “เรื่องนี้พอถึงตอนนั้น เจ้าสามารถตัดสินใจตามดุลยพินิจของเจ้าได้เลย”
ได้ยินเสียงมั่นใจของสตรีดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าคนที่นางคิดให้เขาฆ่านั้น ท่าทางจะเป็นสารเลวสมควรตายจริงๆ
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะเข้าสู่ทะเลวิญญาณของเจ้า อย่าได้ต่อต้าน…หลังเข้าสู่ทะเลวิญญาณในดวงจิตของเจ้าแล้ว ข้าจะค่อยๆผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เพื่อกลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่ดวงใหม่ของมัน”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทีนได้ยินเสียงสตรีดังกล่าว เขาก็สัมผัสได้ว่ามีประกายแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า จากนั้นก็ปรากฏแสงสีเขียวสลัวๆปานหมอกควันเลือนรางสายหนึ่งพุ่งออกมาจากร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หายเข้าไปในร่างเขาฉับไว
“ปฐพีเทพแรกกำเนิด ท่าน…”
เมื่อลำแสงสีเขียวดั่งหมอกควันสลัวพุ่งเข้ามาในร่าง มุ่งหน้าไปยังทะเลวิญญาณในดวงจิตเขา ต้วนหลิงเทียนก็คิดบอกให้ปฐพีเทพแรกกำเนิดช่วยนางฝ่าทะลวงม่านพลังลี้ลับของทองเทพสุดลี้ลับที่ปกคลุมดวงจิตของเขาให้นาง
ถึงแม้ว่าทองเทพสุดลั้บจะเข้าสู่ห้วงนิทราแต่พลังลี้ลับของอีกฝ่ายยก็ยังแผ่ออกมาปกป้องดวงจิตเขาเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้ยากที่จะมีพลังวิญญาณขุมใด หรือวิญญาณดวงใดกล้ำกรายเข้าสู่ทะเลวิญญาณในดวงจิตเขาได้
“เจ้าวางใจได้เลย”
อย่างไรก็ตามปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน คล้ายล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะพูดอะไรแต่แรก จึงชิงกล่าวออกมาแต่เนิ่นๆ “ด้วยระดับดวงวิญญาณของนาง พลังของทองเทพสุดลี้ลับในตอนนนี้ย่อมไม่อาจต้านทานได้”
“ทองเทพสุดลี้ลับ!?”
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน!? เพลิงเทพโกลาหล!?”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วนในทะเลวิญญาณของเขา จากนั้นเสียงสตรีนางหนึ่งก็ดังขึ้นจากภายในทะเลวิญญาณของเขา
และเสียงตรีที่แต่เดิมเต็มไปด้วความเย็นชาน่าเกรงขาม ก็แฝงเร้นไปด้วยความตื่นตกใจไม่น้อย
“ยังมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพอีกด้วย…นี่เจ้ากลับทำให้มันยอมรับเจ้าเป็นนายได้จริงๆ!?”
ในอดีตตอนที่ต้วนหลิงเทียนประมูลพฤกษาเทพกกำเนิดชีพไปนั้น นางเองก็รับทราบเรื่องราวด้วย แต่นางไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนายได้จริงๆ
“ที่แท้เจ้ามีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย…ถึงว่าล่ะไฉนเซี่ยเจี๋ยผู้นั้นถึงได้ต้องตาพึงใจเจ้า”
ในขณะที่เสียยงสตรีดังถึงจุดนี้ น้ำเสียงของนางก็ฟังดูทอดถอนใจไม่น้อย
“คำเซี่ยเจี๋ยต้องตาพึงใจข้า ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว
“เจ้ามิใช่ผู้สืบทอดหรือศิษย์ปิดสำนักที่เซี่ยเจี๋ยพบเจอระหว่างมาเที่ยวเล่นในระนาบเทวโลกรึ?”
สตรีในดวงจิตอดไม่ได้ที่จะงุนงง
“เปล่า”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเบา “กับเซี่ยเจี๋ยนั้นอย่างดีข้าก็กล่าวได้ว่าเป็นญาติกัน…เป็นดั่ง อาสาม ของข้า”
“เป็นญาติ? เป็นดั่งอาสามของเจ้า? เจ้า…หรือว่าเจ้าเป็นคนของตระกูลเซี่ย? ไม่สิ เจ้าใช้แซ่ต้วนนี่นา!”
สตรีดังกล่าววถามสืบต่อ “หรือว่า…เจ้า…ที่แท้ก็คือลูกนอกสมรสของประมุขตระกูลเซี่ยงั้นรึ!?”
“ท่านสิเป็นลูกนอกสมรส!”
ต้วนหลิงเทียนยสบถคำออกมาเสียงเย็น
“แล้วไฉนเจ้าถึงเรียกหาเซี่ยเจี๋ยว่าอาสาม?”
สตรีในดวงจติตเอ่ยถามอีกครั้ง
“ภรรยาของข้าเป็นบุตรีของประมุขตระกูลเซี่ย…เซี่ยหนิงเสวี่ย”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“อะไร เซี่ยหนิงเสวี่ย!?”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สตรีในดวงจิตแลดูตกใจยกใหญ่ “นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร! เซี่บหนิงเสวี่ยผู้นั้นมิได้ฆ่าตัวตายเพื่อหลบหนีงานแต่งกับคนตระกูลอวิ๋นไปนานแล้วหรือไร…ไฉนนางถึงได้มีสามี แถมยังเป็นสามีที่อ่อนแอเช่นเจ้า?”
“จะเชื่อไม่เชื่อ ก็สุดแล้วแต่เจ้า!”
พอได้ยินเรื่องราวอาภัพในชาติที่แล้วของเค่อเอ๋ออีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด อารมณ์กลับกลายเป็นขุ่นมัวขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันสตรีดังกล่าวในดวงจิตก็คล้ายจะสัมผัสได้ถึงอารมณ์ขุ่นมัวของต้วนหลิงเทียน นางจึงไม่คิดจะกล่าวใดออกมาอีก และอยู่ในทะเลวิญญาณภายในดวงจิตของต้วนหลิงเทียนเงียบๆ
ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนที่กกลับมารู้สึกตัว ก็อดไม่ได้ที่จะมองถามหลิงเจวี๋ยอววิ๋นด้วยความแปลกใจ “ไม่คิดเลยว่าที่แท้เจ้าจะเป็นคนของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ”
“ต้วนหลิงเทียน!”
ทว่าด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้น กลับมองจ้องสบตาต้วนหลิงเทียนเขม็ง แววตาจริงจังถึงที่สุด เอ่ยออกเสียงหนักขรึม “ถึงแม้ว่าพี่สาวหวงเอ้อของข้าจะเลือกเป็นจิตวิญญาณกระบี่ของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเจ้า แต่นางก็เป็นดั่งพี่สาวแท้ๆของข้า…หากข้ารู้ว่าเจ้ารังแกนาง และสั่งให้นางกระทำสิ่งที่นางไม่อยากกระทำล่ะก็…ข้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นต่อให้ต้องแลกชีวิตกับเจ้า ก็จะทวงความยุติธรรมให้นาง!!”
“เจ้าเลิกคิดเรื่องสกปรกได้แล้ว!”
ต้วนหลิงเทียนเหือบมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสายตารังเกียจ จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินออกจากห้องโถงทันที ปล่อยให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยืนในโถงต่อคนเดียว
เขาไหนเลยจะไม่รู้ว่าสิ่งที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพูดหมายความว่าอะไร อีกฝ่ายกริ่งเกรงว่าเขาจะอาศัยอำนาจความเป็นนาย บีบคั้นให้จิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 ในวันหน้าทำเรื่องสัปดน
อย่างเช่นสั่งให้นางคอยรับใช้ทั้งเอาอกเอาใจเขาดั่งนางบำเรอ
แต่เขา ต้วนหลิงเทียน เป็นคนแบบนั้นหรือ?
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวออกมาเพราะเป็นห่วงจิตวิญญาณกระบี่ ที่เห็นไม่ต่างอะไรจากพี่สาวแท้ๆ แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกรังเกียจอีกฝ่าย ที่บังเกิดความคิดว่าเขาจะเป็นคนสามานย์แบบนั้น
อย่างไรก็ตาม หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่โดนต้วนหลิงเทียนชักแววตารังเกียจใส่ ไม่เพียงไม่พอใจอะไร แต่มันที่เดินตามหลังต้วนหลิงเทียนออกมาจากโถงยังมองจ้องแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตากระจ่าง มุมปากปรากฏรอยยิ้ม
ตอนนี้มันสามารถยืนยันได้เรื่องหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นคนที่คู่ควรกับการไว้วางใจ
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินขั้นที่ 3 …เพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 3 ยังมีทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 2…พวกเจ้าอยู่ร่วมกันได้อย่างไร?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินออกจากห้องโถง เสียงประหลาดใจของสตรีในทะเลวิญญาณเขาพลันดังขึ้นอีกครั้ง
“ฮี่ๆๆสาวน้อย… เจ้าควรเรียกว่าทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 3 นะ เพราะตราบใดที่ทองเทพสุดลี้ลับตื่น มันก็สามารถดูดกลืนทองเทพสุดลี้ลับขั้นที่ 1 ที่เจ้าหนูนี่พึ่งได้มาและยกระดับพัฒนาได้อย่างราบรื่น”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ไฉนเจ้าถึงยอมอยู่ในร่างกายผู้อื่นร่วมกับบทองเทพสุดลี้ลับและเพลิงเทพโกลาหลได้เล่า? มิใช่ว่าพวกจิตวิญาณเทพแห่งธาตุทั้ง 5 อย่างพวกเจ้าล้วนแล้วแต่หยิ่งผยองลำพอง ไม่เต็มใจอยู่ร่วมกับเทพธาตุตนอื่นๆหรอกหรือ?”
สตรีดังกล่าวถามด้วยยความประหลาดใจอีกรอบ
“เฮ่สาวน้อย ก่อนที่จะถามอะไรกับข้าน่ะ…ตามมารยาทไม่ใช่ว่าเจ้าควรแนะนำตัวเองก่อนรึไง?”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเอ่ยถาม
“ข้าเรียกว่า หวงเอ้อ เป็นจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพระดับสูง…และหลังจากนี้อีกไม่นาน ข้าก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในร่างชายคนนี้”
เสียงสตรีดังขึ้น
“หวงเอ้อเหรอ…ชื่อเจ้าไม่เลวเลย ฟังรื่นหูดีมาก”
เสียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินนั้น พยายามจะกล่าวออกมาด้วยลักษณะของผู้อาวุโสเอ่ยคำกับชนรุ่นหลัง อย่างไรก็ตามพอเสียงที่ดังออกมาเป็นเสียงเด็กน้อยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ก็ทำให้ไร้ซึ่งความขลังอันใด…