WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3018
WSSTH ตอนที่ 3,018 : ต้วนหลิงเทียนผู้ร้ายกาจ!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงตงฟางจิ่นหลุนดังจบคำ ห้วงอากาศรอบตัวมันก็คล้ายสั่นสะเทือนเลือนลั่น จากนั้นร่างคนทั้งคนก็อันตรธานหายไปทันที!
ทั้งหมดที่ทุกคนเห็นก็คือประกายอัสนีสายหนึ่ง ที่ฟาดผ่าลงไปยังเบื้องล่าง เป็นร่างตงฟางจิ่นหลุนที่เปี่ยมไปด้วยพลังสายฟ้ากำลังดิ่งลงไปฉับไวดั่งอัสนีฟาด!
ความลึกซึ้ง ‘อัสนีฟาด’ ของกฏสาฟ้า!
หากคิดจะใช้พลังความลึกซึ้งอย่างอัสนีฟาด แน่นอนว่าจำต้องเข้าใจความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งสายฟ้าให้ได้เสียก่อน เช่นนั้นก่อนที่ดิ่งร่างไปเป็นประกายอัสนี พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของตงฟางจิ่นหลุนจึงผสานไปด้วยพลังสายฟ้า
เป็นธรรมดาว่าอาจมีวิธีอื่น
เปรี๊ยะ!!
ซัวว!!
…
กล่องเป้าหมายของตงฟางจิ่นหลุน ก็เป็นกล่องใบเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนอันตกตายด้วยน้ำพิฆาตวิญญาณก่อนหน้าคว้าหยิบ และทันทีที่ร่างดั่งประกายอัสนีของตงฟางจิ่นหลุนลุมาถึงและคว้าจับกล่องเอาไว้ พลังลี้ลับที่ผิวกล่องก็เริ่มกำจายออกไปโดยยรอบอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่น้ำพิฆาตวิญญาณจะม้วนตลบกลืนร่างตงฟางจิ่นหลุน คนก็หอบหิ้วกล่องรวมทั้งศพของชายวัยกลางคนเหินทะยานโผล่พ้นวงล้อมของคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณไปแล้ว!
เช่นนั้นน้ำพิฆาตวิญญาณจึงได้แต่ม้วนกลืนอากาศธาตุเข้าไปคำหนึ่ง…
เปรี๊ยง!!
ตงฟางจิ่นหลุนดิ่งลงไปปานอัสนีฟาด ขากลับก็พุ่งทะยานขึ้นมาฉับไวปานอัสนีฟาด! มันคว้ากล่องทั้งหอบหิ้วขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เมื่อขึ้นมาลอยยังจุดปลอดภัยแล้ว มันค่อยพลิกกล่องปล่อยให้ศพชายวัยกลางคนที่นอนฟุบอยู่ร่วงตกลงไปในน้ำพิฆาตวิญญาณ ก่อนที่จะจมหายไปในไม่กี่ลมหายใจ…
‘เร็วจริงๆ…’
‘ความเร็วที่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตาของมัน…เทียบกับสุมาฉุนแล้วเหมือนจะรวดเร็วกว่าด้วยซ้ำ’
มองตงฟางจิ่นหลุนอีกครั้ง แววตาต้วนหลิงเทียนฉายให้เห็นถึงความประหลาดใจอยู่บ้าง
นั่นเพราะเมื่อครู่ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของตงฟางจิ่นหลุน มันรวดเร็วสุดที่น้ำพิฆาตวิญญาณจะตามได้ทัน เช่นนั้นจึงไม่อาจกระทบถูกเปล่งพลังทำลายวิญญาณอะไรได้
แกร่ก!
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ตงฟางจิ่นหลุนที่พลิกกล่องไปมา ก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พอมันตบลงไปมุมหนึ่งของกล่องเบาๆ ตัวกล่องก็เริ่มเปิดออกทันที เปิดเผยทุกสิ่งที่อยู่ด้านในท่ามกลางสายตาสนใจของทุกผู้คน…
“เอ่อ…”
ทว่าเมื่อกล่องถูกเปิดออกมา ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง กระทั่งตัวตงฟางจิ่นหลุนเองยังต้องขมวดคิ้วยู่ย่นเป็นปม
นั่นเพราะหลังกล่องเปิดออกมา…ด้านในกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเก็บเอาไว้เลย!
เห็นฉากดังกล่าว ทุกคนพลันตระหนักได้ทันที
“ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกกล่องที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณจะมีสมบัติเก็บไว้…”
อย่างไรก็ตามแม้จะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่สายตาทุกคนยังกวาดมองไปยังกล่องทั้งหลายที่ลอยล่องเหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณตาเป็นมัน…
บางกล่องอาจว่างเปล่าบ๋อแบ๋จริง แต่ต้องมีบางกล่องที่กักเก็บสมบัติเลิศล้ำเอาไว้!
ฟุ่บบ!!
ทันใดนั้นบังเกิดเสียงแหวกฝ่าสาลมหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่คลื่นลมแรงอันหอบกลิ่นอายความหมายแห่งน้ำแข็งอันเยียบเย็นจะแผ่มากระทบถูกร่างผู้คน พาลให้ทั้งหมดรู้สึกเสมือนฤดูหนาวมาเยือนในฉับพลัน
“แม่นางโอวหยาลงมือแล้ว!”
เป็นโอวหยา ศิษย์อัจฉริยะของด่านน้ำแข็งยะเยือก ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดสตรีเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้เคลื่อนไหวลงมือ!
ทั้งหมดเห็นร่างโอวหยาโรยตัวลงไปปานเทพธิดาน้ำแข็ง พริบตาก็เจียนบรรลุถึงกล่องหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณ
ซัวว!
ครืนนน!!
…
เมื่อโอวหยาบรรลุถึงกล่องใบหนึ่ง และสัมผัสมัน ปรากฏการณ์เดิมก็อุบัติขึ้น น้ำพิฆาตวิญญาณโถมมาดั่งคลื่นสมุทรคุ้มคลั่งคิดม้วนกลืนร่างบางในหนึ่งคำ!
เมื่อเห็นว่าร่างบางของโอวหยา เจียนจะโดนคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณม้วนกลืนร่างเต็มที หลายคนที่จับจ้องชมดูเรื่องราวอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดหายใจลงด้วยความลุ้นระทึก!
อย่างไรก็ตาม ในห้วงพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
…
เสียงหนึ่งพลันดังระงมขึ้นระรัว และท่ามกลางทุกสายตาของผู้คน ห้วงอากาศรอบตัวโอวหยา เสมือนจับตัวเป็นม่านน้ำแข็งทรงกลมดังดวงแก้วน้ำแข็ง! ปิดกั้นทั้งแช่น้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบให้จับตัวเป็นน้ำแข็งในฉับพลัน!!
เพล๊ง!!
โอวหยาที่หอบหิ้วกล่องใบหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อดวงแก้วน้ำแข็งที่ปกคลุมรอบกายกระทบถูกคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง พวกมันก็แตกสลายเป็นละอองระยับ ร่วงตกไปกองบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณน้ำแข็งเบื้องล่างที่เป็นดั่งลานน้ำแข็งหย่อมหนึ่งดังกราว
จนเมื่อโอวหยาเหินร่างขึ้นมาถึงตำแหน่งที่นางลอยอยู่ก่อนหน้า ดวงแก้วน้ำแข็งรอบกายจึงค่อนสลายตัวลง น้ำพิฆาตวิญญาณที่จับตัวแข็งอันติดมากับดวงแก้วก็เริ่มร่วงตกลงไปเช่นกัน ก่อนที่จะถึงเบื้องล่างมันก็เริ่มละลายกลายเป็นน้ำอีกครั้ง
และผิวน้ำพิฆาตวิญญาณรอบๆกล่องที่จับตัวเป็นลานน้ำแข็งเมื่อครู่ ก็ค่อยๆละลายหวนคืนกลับสู่สภาพเดิม…
“เจ๋งโคตร!”
“พลังแช่แข็งอันร้ายกาจ! สมแล้วที่เป็นความลึกซึ้ง เยือกแข็ง ของกฏน้ำแข็ง!”
“ให้ตายเถอะ! กระทั่งน้ำพิฆาตวิญญาณยังถูกนางแช่แข็งได้ ความลึกซึ้งเยือกแข็งช่างทรงพลังอะไรจะขนาดนี้! น่ากลัวยิ่งนัก!!”
…
เมื่อเห็นว่าโอวหยาได้รับกล่องมาอย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ
พวกมันหลายคนนั้น แม้จะเข้าถึงพลังแห่งกฏแล้วก็จริง แต่ความลึกซึ้งที่เข้าใจ ก็มีแค่ความหมายแห่งกฏเท่านั้น ไม่อาจสำแดงความสามารถอันยอดเยี่ยมร้ายกาจของกฏได้เช่นนี้เลย
เมื่อเทียบกับคนที่เข้าใจความลึกซึ้งที่สองของกฏแล้ว พวกมันนับว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย
แม้ความหมายแห่งกฏ จะเป็นความลึกซึ้งของกฏเช่นกัน แต่พลังที่มอบให้ก็อ่อนด้อยกว่าความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมากนัก ทำได้แค่เสริมพลังทุกด้านประมาณหนึ่ง ไม่มีความสามารถโดดเด่นเฉพาะทางเช่นนี้
“เอ่อ..กล่องเปล่าอีกแล้ว?”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ในที่สุดกล่องในมือโอวหยาก็ถูกเปิดออกมา พบว่าด้านในมันโล่งโจ้งไม่มีสิ่งใดนอกจากอากาศธาตุ
จังหวะนี้หน้างามของโอวหยาอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแห้งๆออกมาอย่างขื่นขม เสียงใสดังขึ้นเบาๆ “โชคร้ายยิ่ง…”
“นั่นมัน…ร่างแยกรึ!?”
ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งโพล่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ลอยร่างอยู่ทางฝั่งตงฟางจิ่นหลุนและโอวหยา
และแต่เดิมฝั่งของตงฟางจิ่นหลุนและโอวหยาที่มี 8 คนนั้น ก็คงเหลือแค่ 7 คน เพราะชายวัยกลางคนผู้หนึ่งได้ตกตายไปแล้ว
ได้ยินเสียงอุทานดังกล่าว พอตงฟางจินหลุนกับโอวหยาหันไปชมดูเรื่องราว ทั้งคูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
ฟุ่บ!
เพราะในเวลาชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็เห็นร่างชายหนุ่มชุดเทาอันมีสองตาแดงฉานปานก้อนหิตคนหนึ่งดิ่งร่วงลงจากฟ้า บรรลุถึงกล่องใบหนึ่งบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณ และกำลังคว้าจับกล่องอยู่
ซัว!
ครืนนน!!
…
น้ำพิฆาตวิญญาณปะทุมาดั่งคลื่นสมุทรคุ้มคลั่ง ม้วนกลืนร่างชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานก้อนเลือด หากทว่ากลับไม่อาจส่งผลกระทบใดๆต่อร่างดังกล่าวได้เลย
จากนั้นทั้งหมดก็เห็นชายหนุ่มสองตาแดงงฉานปานก้อนเลือดใช้พลังขับน้ำวิญญาณที่เปียกชุ่มไปทั่วร่างออกอย่างรังเกียจ และเหินร่างขึ้นมาพร้อมหอบหิ้วกล่องมาด้วยอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ชายหนุ่มสองตาแดงเลือดที่ว่า ก็คือร่างแฝดแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่นเอง มันไม่มีวิญญาณอะไร จะมีก็แต่ร่างกายเท่านั้น
ในเมื่อไร้ซึ่งวิญญาณ น้ำพิฆาตวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่า ไร้ซึ่งผลกระทบใดๆต่อร่างแฝดแห่งความตายทั้งสิ้น
และท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ร่างแฝดแห่งความตายก็เหินลอยมาถึงหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก่อนที่จะซ้อนทับเข้ากับร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น รวมผสานเป็นหนึ่งเดียว กล่องที่ถือขึ้นมาก็ไปอยู่ในมือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแทน
แกร่ก!
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่รอช้าเปิดกล่องในมือออกทันที จนพบว่าด้านในมีดาบยาว 4 ฉื่อเล่มหนึ่งอยู่ภายใน และจากกลิ่นอายคมกล้าดุร้ายเหนือดาบอมตะระดับราชาทั่วไปที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวดาบ ก็บอกได้ทันทีว่ามันคือดาบอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลหล่อเลี้ยงด้วยพลังของจอมราชันอมตะมาพักหนึ่ง!
“เฮ่ ดูเหมือนข้าจะยังพอมีโชคไม่เลวทีเดียว”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน ด้วยน้ำเสียงท้าทาย “ยังไงเล่า เจ้าจะลองดูบ้างรึเปล่า?”
เผชิญกับสีหน้าท้าทายราวกับจะท้าแข่งว่าใครจะได้ของดีกว่ากันของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆโรยตัวลงปังกล่องใบหนึ่งบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณอย่างไม่รีบไม่ร้อน
และกล่องที่ว่ายังเป็นกล่องที่มีขนาดเล็กที่สุด ในบรรดากล่องทั้งหมดที่ลอยอยู่บนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณอีกด้วย!
แน่นอนว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาหยุดลอยใกล้ๆกับกล่องและเอื้อมมือออกมาคว้าจับกล่องใบนั้น มวลน้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบก็เริ่มกลับกลายเป็นคุ้มคลั่ง คลื่นยักษ์ดั่งปากกระหายเลือดของอสูรสมุทรสาดโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง!
หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีทีท่าว่าจะหลบหลีก หรือป้องกันคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณอันคุ้มคลั่งจากทั่วสารทิศแต่อย่างใด! คนเพียงยืนนิ่งอยู่เฉยๆคล้ายอยากรับทราบถึงพลังอำนาจทำลายวิญญาณของน้ำพิฆาตวิญญาณ!!
“หืม?!”
เห็นฉากดังกล่าว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว เนื่องเพราะกระทั่งมันเองหากไม่ใช้ร่างแฝดแห่งความตาย ก็ไม่กล้าทานรับน้ำพิฆาตวิญญาณด้วยร่างเนื้อตรงๆ
ดังนั้นพอเห็นต้วนหลิงเทียนกระทำแบบนี้ มันจึงอดไม่ได้ที่จะงุนงงสงสัย
เป็นธรรมดาว่ามันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะโง่งมถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย เพราะมันรู้ดีว่าคนอย่างต้วนหลิงเทียนไม่มีวันทำอะไรโง่เขลาอย่างหาเรื่องตายแน่นอน
“มันเสียสติไปแล้วหรือไร!?”
“มันคิดว่าตัวเองเป็นร่างแฝดแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ่นรึไร ถึงได้หาญกล้าใช้ร่างเนื้อทานรับพลังของน้ำพิฆาตวิญญาณเช่นนั้น! นี่ไยมิใช่รนหาที่ตายอีกเล่า!?”
“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเสียสติไปแล้ว! เลอะเลือนแล้ว!!”
…
เชวียจิงอวี่กับคนอื่นๆตกใจกับการกระทำของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย และไม่อาจเข้าใจได้จริงๆว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ทำอะไรสิ้นคิดเช่นนี้ ร่างเลือดเนื้อของผู้คนยังจะไปเทียบกับร่างแฝดแห่งความตายได้หรือ?
หากจังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนใช้ทักษะป้องกันตัวอะไรบ้าง พวกมันจะไม่แปลกใจเลย
แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับลอยตัวรออยู่เฉยๆ ไม่ลงมือใช้พลังใดๆทั้งสิ้น!
เห็นได้ชัดว่าคนคิดใช้ร่างเลือดเนื้อทานรับน้ำพิฆาตวิญญาณแล้วจริงๆ!
“หาที่ตาย!”
ตงฟางจิ้นหลุนมองต้วนหลิงเทียน พลางยกยิ้มแสะด้วยความดูแคลน
โอวหยาเองก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา อย่างไรก็ตามในแววตาของนางกลับฉายชัดถึงความสงสัยไม่น้อย
ปกติแล้วสัมผัสที่ 6 ของสตรีค่อนข้างมีความแม่นยำทีเดียว
ถึงแม้นางจะแลเห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนั้นคล้ายคนกำลังรอรับความตาย แต่สัญชาตญาณของนางกลับบอกว่าเรื่องราวหาได้ง่ายดายดั่งที่ตาเห็นไม่!
คนที่สามารถเข้ามาในวังจอมราชันอมตะได้ ไหนเลยจะธรรมดาสามัญ ย่อมไม่มีใครรนหาที่ตายอย่างโง่เขลาเช่นนี้
‘แบบนี้นี่เอง…’
หลังต้วนหลิงเทียนยกกล่องได้ไม่ทันไร เขาก็สัมผัสได้ว่าที่แท้ตัวกล่องได้แผ่พลังลี้ลับขุมหนึ่งไปกระตุ้นให้น้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบเคลื่อนไหว จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นของน้ำพิฆาตวิญญาณที่สาดโถมเข้ามาทั่วร่างชัดเจน ยังรู้สึกเย็นพอๆกับเอาถังน้ำแข็งมาราดรดลงหัวกลางหน้าหนาว…
‘นี่น่ะเหรอพลังของมัน…’
ขณะเดียวกันกับที่น้ำเย็นสาดโถมเข้าใส่ร่าง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณล้างผลาญหลายขุมที่โถมถันเข้ามาจากทุกส่วนของร่างกาย และต่างพากันบึ่งตรงไปทางดวงจิตของเขา!
อย่างไรก็ตามเพียงแค่มันเข้าใกล้ดวงจิต พลังล้างผลาญทั้งหลายก็ถูกพลังลี้ลับของทองเทพสุดลี้ลับสลายทำลายไปหมดสิ้นในชั่วพริบตา!
เรียกม่านพลังสีทองสลัวๆอันลี้ลับของทองเทพสุดลี้ลับ ได้ปิดกั้นพลังล้างผลาญของน้ำพิฆาตวิญญาณได้หมดจด! มันไม่อาจบุกเข้าสู่ดวงจิตไปสำแดงพลังอำนาจล้างผลาญวิญญาณในทะเลวิญญาณของต้วนหลิงเทียนได้อย่างสิ้นเชิง!!
ในเมื่อไม่อาจเข้าสู่ดวงจิตไปสำแดงพลังล้างผลาญในทะเลวิญญาณ ก็ไม่อาจทำอะไรวิญญาณต้วนหลิงเทียนได้…
ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนที่เปียกมะล่อกมะแล่กไปด้วยน้ำพิฆาตวิญญาณ ก็ค่อยๆเหินกลับขึ้นมากลางอากาศอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างนั้นคนก็เปล่งพลังระเหยน้ำที่เปียกทั่วกาย สุดท้ายก็เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
“จ้าวสวรรค์ช่วย! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…มันทำได้อย่างไร? ไฉนมัน…ถึงไม่ตายเล่า!?”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความแตกตื่น
“ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น ข้าเชื่อว่ามันสมควรมีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางขึ้นไปพกติดตัวเป็นแน่! เพราะตราบใดที่เป็นอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางขึ้นไป ย่อมสามารถปิดกั้นพลังอำนาจของน้ำพิฆาตวิญญาณได้ชะงัด!”
อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้คนที่กำลังตกตะลึง ก็มีบางคนที่คาดเดาอะไรบางอย่างได้
“อุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางขึ้นไป? บ้าไปแล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าในบรรดาอุปกรณ์อมตะทั้งหมด อุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณนั้นหาได้ยากที่สุด…กระทังในแง่มูลค่าแล้ว เครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนาง ยังสูงกว่าเกราะอมตะระดับราชาเสียอีก!”
“หากมันมีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางพกติดตัวจริง เช่นนั้นก็ไม่แปลกที่มันจะหาญกล้าใช้ร่างเลือดเนื้อต้านทานน้ำพิฆาตวิญญาณ!”
“เหอะๆ มันมีเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางแบบนี้…เหมือนการทดสอบรอบที่สองของวังจอมราชันอมตะ เอาของขวัญมาให้มันเปล่าๆ!!”
…
ทุกคนที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ นอกจากพวกเชวียจิงอวี่ที่รับทราบพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน และไร้ความกล้าคิดช่วงชิงอะไร ด้านผู้คนอีกฝั่งไม่เว้นตงฟางจิ่นหลุน ล้วนมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาริษยา ราวกับทนรอพุ่งมาช่วงชิงอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณไปจากต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว!
“เจ้าหนู เจ้ามีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางพกติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”
และเป็นตงฟางจิ่นหลุนที่ไม่อาจทนอำนาจยั่วยวนได้ไหว ออกตัวเป็นคนแรก มันมองจ้องมาทางต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยชา พลางถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น!
อย่างไรก็ตามแม้สายตาของมันจะเย็นชาไร้แยแสแลดูเฉยเมย หากแต่ถ้ามองสำรวจให้ดี จะพบว่ามีประกายแห่งความโลภหนึ่งฉายให้เห็นรางๆ!