WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3030
WSSTH ตอนที่ 3,030 : หนึ่งสบถเสียงเย็น
หลังได้ฟังเรื่องราวความทรงจำที่หายไปทั้งหมด ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจว่าทำไมเสียงสตรีในทะเลวิญญาณของเขา ถึงได้ขอให้เขาช่วยบอกหลิงเจวี๋ยอวิ๋นว่านางไม่เป็นอะไร
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น!”
ต้วนหลิงเทียนเลือกจะส่งเสียงผ่านพลังไปทักหลิงเจวี๋ยอวิ๋น และพอหลิงเจวี๋ยอวิ๋นหันมามองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า เชาก็เริ่มส่งเสียงผ่านพลังเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกไปทันที
เรื่องที่เล่าก็มีการพบเจอกันหลังผ่านบททดสอบแรกในวังจอมราชันอมตะ และอีกฝ่ายเรียกเขาไปคุยเป็นการส่วนตัว จากนั้นก็บอกว่าหวงเอ้อได้ออกจากทะเลวิญญาณของอีกฝ่าย มาอยู่ในทะเลวิญญาณเขา
ทุกเรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นพูดกกับเขา ก็ถูกเล่าออกไปเช่นกัน
นอกจากนั้นเพื่อให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเชื่อว่าที่เขาพูดเป็นความจริง เขายังกล่าวถึงอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิประเภทชุดเกราะ รูปลักษณ์ผ้าคลุมที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้ กระทั่งเอ่ยถึงกระบี่สีคราม 3 ฉื่ออันเป็นอุปกรณ์เทพที่อีกฝ่ายนำออกมาใช้ในหุบเขากาลเวลาด้วย
อันที่จริงแล้วกระบี่ที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนำออกมาใช้ในหุบเขากาลเวลาเพื่อสังหารอวิ๋นจ้านนั้น มันไม่ได้เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่มันเป็นอุปกรณ์เทพชิ้นหนึ่ง แม้จะเป็นระดับต่ำ แต่พลังอานุภาพก็ไม่มีทางด้อยกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิแน่นอน!!
ด้วยเพราะต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงเรื่องพวกนี้ออกมา แววตาที่สงสัยคลางแคลงของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นในตอนแรก ก็เริ่มอ่อนลงหลายส่วน
ด้วยเหตุนี้ ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจึงรับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านในวังจอมราชันอมตะ กลับกันคนอื่นๆที่ถูกส่งตัวออกมาจากวังจอมราชันอมตะนั้น ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรที่เกิดขึ้นด้านในเลย
กระทั่งมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวเอง หลังออกมาสีหน้าของนางก็แลดูว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแม้แต่น้อย
“232 แต้ม…ด้วยคะแนนมากมายขนาดนี้ แต่ข้ายังไม่ได้อันดับ 1 อีกหรือ?”
หลังงตรวจสอบคะแนนสะสมในนป้ายหยกของตัวเอง มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองตารางจัดอันดับด้วยความตกใจ
“อันดับ 1 หลิงเจวี๋ยอวิ๋น 298 แต้ม?”
“อันดับ 2 ต้วนหลิงเทียน 286 แต้ม!?”
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวขมวดคิ้วยู่ย่น นางไม่เคยได้ยินชื่อสองคนนี้มาก่อนเลย เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่สองคนอันไร้ชื่อเสียงกลับสามารถรั้งอยู่ในอันดับ 1 และ 2 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ได้ ก็สร้างความตกใจให้นางไม่น้อย
“คุณหนูรอง”
ตอนนี้เองอาวุโสทั้ง 2 คนของตระกูลมู่หรงก็เหินร่างเข้าไปหามู่หรงเซี่ยวเซี่ยว ด้านมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวพอเห็นทั้งคู่เข้ามา ก็เร่งทักทายกลับไปทันที
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวนั้น นอกจากเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมีมาก่อนในตระกูลมู่หรงแล้ว ยังเป็นลูกคนที่ 2 และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลมู่หรคนปัจจุบันอีกด้วย
เรียกว่าเป็นบุตรีที่โดดเด่นเหนือบุตรชายทั้งหมด!
“คุณหนูรอง…ท่านจดจำมิได้เลยหรือ ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านในบ้าง?”
อาวุโสตระกูลมู่หรงคนหนึ่งเอ่ยถาม
“อื้อ ข้าจำได้แค่ข้ามีคะแนนสะสม 12 แต้มเท่านั้น…จากนั้นความทรงจำของข้าก็เสมือนขาดหายไป ไม่คิดเลยว่ารู้ตัวอีกทีข้าจะมี 232 แต้มแล้ว แต่ที่น่าเหลือเชื่อก็คือขนาดนี้ข้ายังมิได้เป็นอันดับ 1”
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวส่ายหัวก่อนค่อยกล่าวออกมา ยังอดถอนหายใจปิดท้ายไม่ได้
“ท่านผู้อาวุโสทั้ง 2 แล้วพวกท่านรู้หรือไม่ว่า 2 คนนั้นเป็นผู้ใด?”
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวเอ่ยถามผู้อาวุโสตระกูลมู่หรงทั้งคู่ พลางหันไปมองรายชื่ออันดับ 1 และอันดับ 2 บนตารางจัดอันดับ
“คุณหนูรอง ทั้งคู่ล้วนเป็นผู้ฝึกตนอิสระ…หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่มาในนามประเทศตงหมิง ส่วนต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่มาในนามประเทศฝูชิว กล่าวได้ว่าล้วนเป็นคนของดินแดนพันประเทศทั้งคู่”
หนึ่งในอาวุโสตระกูลมู่หรงกล่าวตอบ
“คุณหนูรอง ชายทั้งสองนั่นมิใช่ผู้ฝึกตนอิสระธรรมดาๆเป็นแน่ เพราะคราวนี้ไม่เพียงแต่พวกมันจะได้อันดับ 1 กับอันดับ 2 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือ…พวกมันยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!”
อาวุโสอีกคนของตระกูลมู่หรงกล่าวเสริม สีหน้ายังแลดูเคร่งเครียดไม่น้อย
“อะไรนะ?”
“ไม่ถึง…อายุไม่ถึงร้อยปีงั้นเหรอ!?”
หากบอกว่าวาจาของอาวุโสคนแรกทำให้มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวประหลาดใจอยู่บ้างล่ะก็
วาจาของอาวุโสคนที่สอง นับว่าทำให้มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวตกใจครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!
ทั้งสองคนที่มีอันดับเหนือกว่านางไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ฝึกตนอิสระ แต่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีด้วย?
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น!”
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เริ่มหันมองตามสายตาของคนหมู่มาก จนในที่สุดก็สังเกตเห็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ลอยร่างอยู่โดดเดี่ยว
และครู่ต่อมา นางที่แผ่สำนึกเทวะออกไปก็พบว่าอีกฝ่ายยังมีกลิ่นอายเลือดเนื้อไม่ถึงร้อยปีจริงๆ
“ยังมีต้วนหลิงเทียนอีกคน…”
จากนั้นมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวก็หันไปมองหาต้วนหลิงเทียน และพอพบเจออีกฝ่าย นางก็ตรวจพบว่าอีกฝ่ายเป็นเหมือนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีเช่นกัน!
“หืม?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองจ้องมาของมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็เผลอหันไปมองนางโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากภายในร่างเขา “เจ้าหนู สตรีนางนั้นคือมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว”
มู่หรงเซี่ยวเซี่ยว!
ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันทีว่านางเป็นใคร
นามนี้เขาได้ยินปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเล่าให้ฟังแต่แรก จึงรู้ว่าอีกฝ่ายมาพยายามตีซี้จนเขารำคาญที่หุบเขากาลเวลา แต่หลังจากที่รู้ว่าในหุบเขากาลเวลาไร้สมบัติที่ต้องช่วงชิง อีกฝ่ายก็เลิกสนใจเขาทันที
‘เท่าที่ดู ท่าทางนางจะจดจำข้าไม่ได้แม้แต่น้อย…’
หลังหันไปมองสบตามู่หรงเซี่ยวเซี่ยวปราดเดียว จากสายตาที่นางมองส่งมา ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเสมือนพึ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรก และจดจำเขาไม่ได้เลย
“เอาล่ะ คนที่กลับออกมาจากแดนลับสวรรค์ใต้โบราณทั้งหลาย ขอให้พวกเจ้ากลับไปรวมตัวกับขุมกำลังของพวกเจ้าเสีย”
เสียงของจ่างซุนฉงฉี 1 ในคนของ 3 นิกาย 2 ตระกูลดังขึ้นอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนที่ลอยอยู่ข้างๆหวงเจียเชาก็เหินร่างออกจากบริเวณหน้าทางเขาแดนสวรรค์ใต้โบราณทันที
ต่อมาต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียเชาก็กลับมารวมกลุ่มกับพวกหูหลินอี้และคนอื่นๆของประเทศฝูชิวอีกครั้ง
ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ย้อนกลับไปรวมกลุ่มกับคนของประเทศตงหมิง
“ต้วนหลิงเทียน ขอแสดงความยินดีด้วย”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกลับมาพร้อมอันดับ 2 หูหลินอี้ก็คลี่ยิ้มหน้าบานต้อนรับต้วนหลิงเทียนอย่างกระตือรือร้น ท่าทางของมันคล้ายลืมเลือนการตายของลูกชายที่โดดเด่นที่สุดไปหมดสิ้น กระทั่งยังแลดูดีใจจนออกนอกหน้า
“และเจียเชา…เจ้าเองก็ไม่เลวเลยทีเดียวที่สามารถติดอยู่ใน 100 อันดับแรกได้”
หลังจากต้อนรับต้วนหลิงเทียนแล้ว หูหลินอี้ก็หันไปกล่าวชมหวงเจียเชาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“หืม? ชื่อขององค์ชาย 4 ล่ะ…”
ขณะเดียวกันหวงเจียเชาที่พึ่งจะกวาดตามองรายชื่อในตารางจัดอันดับจบ ก็พบเจอแค่ชื่อของพี่ชายตัวเองอย่างหวงเจียหลงเท่านั้น แต่กลับไม่พบชื่อ หูจี้หย่ง ขององค์ชาย 4 เลย
ด้วยเหตุนี้ก็มีความเป็นไปได้เพียงประการเดียวเท่านั้น
หูจี้หย่งตายแล้ว!
จากนั้นมันก็ลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความหนาวเหน็บ มองหูหลินอี้อีกครั้ง สายตายังเผยความระมัดระวังไม่น้อย
“หย่งเอ๋อ ตกตายแล้ว…”
หูหลินอี้กล่าวออกมาเสียงเข้ม หลังเห็นสายตาของหวงเจียเชา
“ขอฝ่าบาทระงับความเศร้าโศกด้วย”
หวงเจียเชาเร่งกล่าวปลอบออกไปทันที
ขณะเดียวกัน ผู้คนมากมายที่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนกลับมารวมกลุ่มกับหูหลินอี้ฮ่องเต้ฝูชิวแล้ว พวกมันก็เร่งเข้ามาประสานมือกล่าวคำแสดงความยินดีทันที
“ฮ่องเต้หู ขอแสดงความยินดีด้วย!”
“ฮ่องเต้หู ท่านนับว่าโชคดียิ่ง ที่มียอดฝีมืออันร้ายกาจเช่นต้วนหลิงเทียน! ของรางวัลจาก 3 นิกาย 2 ตระกูล น่ากลัวคงทำให้ท่านร่ำรวยแย่แล้ว”
“อันดับที่ 2 ในตารางจัดอันดับ…จึกๆๆ ฮ่องเต้หู ในฐานะผู้แนะนำ รางวัลที่ท่านจักได้รับน่กลัวคงทำให้พวกเราอิจฉาตาร้อนแล้วจริงๆ”
…
ในขณะที่กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาแสดงความยินดีกับหูหลินอี้ ในแววตาของพวกมันก็ฉายให้เห็นถึงความอิจฉาอย่างยากจะปกปิด แม้ผิวเผินพวกมันจะเข้ามาแสดงความยินดีกับหูหลินอี้ แต่ในใจลอบค่อนแคะว่าอีกฝ่ายก็แค่โชคดีเท่านั้น
การเปิดออกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ 3 นิกาย 2 ตระกูลย่อมตบรางวัลให้ผู้แนะนำตามอันดับของคนที่ส่งเข้าไป…
ยิ่งคนของท่านทำผลงานได้ดีและมีอันดับสูงมากเท่าไหร่ รางวัลที่ผู้แนะนำจะได้รับก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
และด้วยความที่ต้วนหลิงเทียนได้ถึงอันดับที่ 2 จึงกล่าวได้ว่า ของรางวัลที่หูหลินอี้จะได้รับ ก็คงเป็นรองแค่ฮ่องเต้ตงหมิงคนเดียว และแน่นอนว่ามันมากมายมหาศาลสำหรับฮ๋องเต้ประเทศระดับ 8 แน่นอน!
และฮ่องเต้ของประเทศตงหมิงนั้น เนื่องจากมันเป็นผู้นำหลิงเจวี๋ยอวิ๋น อันดับ 1 มาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ ของรางวัลที่มันจะได้รับ ก็นับว่ามีมูลค่าสูงที่สุด!
“ฮ่าๆๆ…เจวี๋ยอวิ๋น เจ้านับว่าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!!”
ฮ่องเต้ตงหมิงเร่งรุดมาต้อนรับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยตัวเอง ตอนนี้บนใบหน้ามันฉีกยิ้มไม่หุบ แลดูสดใสร่าเริงเหลือเกิน ท่าทางหลังจากนี้คงจะหลับฝันดีไปอีกนาน
อันที่จริงเรื่องที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคว้าอันดับแรกมาได้ มันยังรู้สึกอื้ออึงทั้งเหลือเชื่อ เสมือนคนงัวเงียพึ่งตื่นไม่หายจนถึงตอนนี้ด้วยซ้ำ
ในอดีตแม้มันจะรับทราบว่าพลังฝีมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นร้ายกาจมาก แต่มันก็ไม่เคยคิดเลยว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้ เรื่องอันดับ 1 กระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึงด้วยซ้ำ!
ส่วนมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวที่อยู่อีกด้าน ก็มีคนเข้ามาแสดงความยินดี เสนอหน้าเพื่อประจบประแจงนางไม่น้อย “ขอแสดงความยินดีด้วยคุณหนูมู่หรง ที่ครั้งนี้ท่านได้รับอันดับ 3”
“ด้วยพรสวรรค์ของคุณหนูมู่หรงที่คว้าอันดับ 3 มาได้ ย่อมอาศัย 3 นิกาย 2 ตระกูลต่างแท่นกระโดด คิดเข้าร่วมคฤหาสน์เฉวียนโยวย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย…อีกทั้งแม้จะไปถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว ด้วยความสามารถของคุณหนูมู่หรงย่อมเฉิดฉายไม่น้อยหน้าผู้ใดเป็นแน่!!”
“ขอแสดงความยินดีด้วยคุณหนูมู่หรง! ขอแสดงความยินดีด้วยคุณหนูมู่หรง!”
…
เผชิญหน้ากับคำเยินยอและประจบประแจง ของผู้คนโดยรอบ มู่หรงเซี่ยวเซี่ยวก็ไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย สายตาของนางยังคงมองสลับไปมาระหว่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับต้วนหลิงเทียนไม่เลิก
นางไม่อาจไม่สนใจทั้ง 2 คนที่ทำผลงานได้ดีกว่านาง และมีอันดับเหนือกว่านางได้จริงๆ
“เป็นผู้ใดที่ฆ่าฉุนเอ้อของข้ากันแน่…”
ท่ามกลางฝูงชน ก็มีชายชราในชุดสีเทาคนหนึ่ง กำลังมองจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียน และมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว รวมถึงคนอื่นๆที่อยู่ใน 10 อันดับแรกด้วยสายตาแหลมคม ราวกับจะมองหาอะไรบางอย่าง
และมันก็คืออาวุโสสูงสุดของตระกูลสุมา สุมาผิงตง!
ตอนนี้มันคิดหาตัวฆาตกรฆ่าหลานชายอย่างสุมาฉุนจากพวกต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆให้พบ
ส่วนอีกด้าน
คนของตระกูลตงฟางเองก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆที่ติด 10 แรกไม่วางตา เป็นธรรมดาว่าจุดประสงค์ของพวกมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากสุมาผิงตง คิดหาตัวคนที่ฆ่าตงฟางจิ่นหลุน!
“หลี่หยวน…ที่แท้ใครเป็นคนฆ่าเจ้ากันแน่!?”
“ในบรรดาพวกมัน เป็นผู้ใดที่ฆ่าอวิ๋นจ้าน!?”
คนของขุมกำลังระดับ 8 ที่เป็นต้นสังกัดของหลี่หยวนและอวิ๋นจ้านเองก็กวาดตามองไปยังพวกต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเช่นกัน หมายหาตัวฆาตกรไม่ต่างจากทั้ง 2 ตระกูล
“ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็ตามที่สามารถมอบเบาะแสว่าใครเป็นคนที่ฆ่า สุมาฉุน หลานชายของข้าสุมาผิงตงผู้นี้ได้ ข้าในนามตระกูลสุมาขอสัญญาว่าจักมอบรางวัลให้คนที่แจ้งเบาะแสอย่างงาม!”
สุมาผิงตงพลันกล่าวประกาศออกมาเสียงดังปานฟ้าผ่า เรียกว่าผู้ที่ลอยร่างเหนือทะเลสาบอวิ๋นเยียนไม่มีใครไม่ได้ยิน ยังดังประหนึ่งฟ้าร้องในหูด้วยซ้ำ!
“หากผู้ใดมอบเบาะแสฆาตกรฆ่าตงฟางจิ่นหลุนออกมาได้ ตระกูลตงฟางของข้าย่อมไม่คิดเอาเปรียบท่านแน่!”
จากนั้นก็มีคนของตระกูลตงฟางอันเป็นตระกูลระดับ 7 ประกาศคำตามสุมาผิงตงออกมาติดๆ
ดูจากท่าทีแน่วแน่ของพวกมันแล้ว เห็นได้ชัดว่าคิดหาตัวฆาตกรให้พบให้จงได้!
หากผู้ที่ตายเป็นแค่ทายาทหรือลูกหลานในตระกูลทั่วๆไป พวกมันคงไม่คิดติดใจเอาความ
แต่ปัญหาก็คือ ผู้ที่ตายคราวนี้ก็คือลูกหลานที่โดดเด่นที่สุดในรอบหลายพันปีของตระกูล!
“เหอะ!”
และในขณะที่ขุมกำลังระดับ 8 ต้นสังกัดของหลี่หยวนกับอวิ๋นจ้านคิดจะป่าวประกาศออกมาตาม 2 ตระกูล ทันใดนั้นก็ปรากฏเสียงพ่นลมสบถอันเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น จากนั้นพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาปกคลุมในบรรยากาศเหนือฟ้า ครอบงำจิตใจผู้คนให้บังเกิดความหวาดกลัวในฉับพลัน!