WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3037
WSSTH ตอนที่ 3,037 : จักรพรรดิอมตะสมญานาม…ตาย!
“นั่นมันใต้เท้าเมิ่งหลัวนี่!”
“ฮึ่ม! ลองใต้เท้าเมิ่งหลัวออกโรงเองเช่นนี้ เจ้านั่นที่หาญกล้าเรียกองค์จักรพรรดิสวรรค์ด้วยพระนามตรงๆ ต่อให้วันนี้มันจะไม่ตายก็ต้องมีหนังลอกกันบ้าง!!”
“แต่ข้ารู้สึกว่าการที่มันหาญกล้าเรียกพระนามองค์จักรพรรดิสวรรค์ตรงๆ พลังฝีมือมันต้องมิใช่ชั่วเป็นแน่!”
…
คนของวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หลังได้ยินคำว่า ‘เป็นผู้ใดหาญกล้าเรียกชื่อองค์จักรพรรดิสวรรค์ตรงๆ’ ก็จดจำได้ทันทีว่าผู้ใดเป็นเจ้าของเสียงดุร้ายดังกล่าว
เมิ่งหลัว จักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแห่งวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนนั้น ยังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นกัน และมีสมญานามว่า เทียนหม่าง!
(สวรรค์เกรี้ยวกราด)
จักรพรรดิอมตะสวรรค์เกรี้ยวกราด ได้ติดตามรับใช้ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิอมตะผลาญฟ้า ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาครอบครองวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนและดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ด้วยซ้ำ หลังจากนั้นมันก็คอยติดตามรับใช้ฟงชิงหยางอยู่ข้างกายมาโดยตลอด
ต่อมาพอฟงชิงหยางถูกผู้คนไล่ล่าจนต้องหนีเข้าไปในนรกอสุรา และจ้าววังจักรพรรดิสวรรค์มีอันต้องเปลี่ยนมือ หากแต่เมิ่งหลัวก็ไม่คิดจากไปไหน เลือกที่จะอยู่ต่อและเฝ้ารอนายเหนือของมัน
ทั้งยังกล่าวได้ว่าจักรพรรดิอมตะสวรรค์เกรี้ยวกราด เมิ่งหลัว ผู้นี้ ยังเป็นผู้ที่มีพลังงฝีมือสู่งส่งระดับแนวหน้าของวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน จะเป็นรองก็แต่ตัวตนที่ดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น
ในขณะที่ผู้คนในวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนกำลังพากันเหินร่างขึ้นไบนฟ้าเพื่อชมดูเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นนั้นเอง
เสียงประหนึ่งฟ้าร้องของเมิ่งหลัวพลันดังขึ้นอีกครั้ง และทำให้ทุกคนในวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนระดับสูงหรือระดับต่ำถ้วนหน้าอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงพรึงเพริด
“เฉินชิวปั๋ว นายท่านของข้า ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับมาแล้ว! เจ้ายังไม่รีบออกมาต้อนรับและส่งมอบตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์คืนนายท่านอีก!!”
วาจานี้ของเมิ่งหลัว ทำให้หลายคนในวังจักรพรรดิสวรรค์ตาลุกวาว ทั้งเผยความปิติยินดีออกมาทันที “อะ…องค์จักรพรรดิสวรรค์กลับมาแล้ว!? ท่านกลับมาแล้ววจริงๆ!?”
“ฮ่าๆๆๆ! ข้าบอกแล้วอย่างไร อย่างใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกเรา นรกอสุรายังจะนับเป็นอันใดได้! พระองค์ย่อมเอาตัวรอดกลับมาได้เป็นแน่!!”
“อย่างไรก็ตาม เฉินชิวปั๋วผู้นั้นหาใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันไม่ และข้าได้ยินมาว่ามันพึ่งบรรลุความก้าวหน้าเมื่อไม่กี่ปีก่อน ความแข็งแกร่งของมันตอนนี้น่ากลัวจักมิได้อ่อนนด้อยไปกว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แล้ว…”
“เพ่ย! ท่านคิดว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ไปเดินเล่นที่นรกอสุราหรือไร ท่านมิคิดว่าใต้เท้าจะบรรลุความก้าวหน้าบ้างหรือ!?”
“พวกเจ้าจักเถียงกันทำซากอะไร! ยังไม่รีบไปคารวะทั้งต้อนรับใต้เท้าองค์จักรพรรดิสวรรค์อีก!!”
…
ทั่วทั้งวังจักรพรรดิสวรรค์จีเมี่ยเทียน เหล่าผู้ที่จงรักภักดีต่อฟงชิงหยางมาโดยยตลอด ต่างเร่งรุดเหินขึ้นมาบนฟ้าด้วยใบหน้าตื่นเต้นยินดี และไม่นานพวกมันก็บรรลุถึงเหนือฟ้าสูงวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน จากนั้นก็โร่เข้าไปหาร่าง 2 ร่างที่เหินลอยอยู่กลางหาวด้วยความตื่นเต้น
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!!”
เมื่อเห็นร่างชายหนุ่มในชุดขาว เหล่าผู้จงรักภักดีทั้งหลายก็เร่งงประสานมือโค้งคารวะด้วยความตื่นเต้นสุดใจ
เพราะชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้าไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นอดีตจ้าววังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนแห่งนี้ จักรพรรดิอมตะผลาญฟ้า ฟงชิงหยาง!
“อืม”
เมื่อเห็นคนคุ้นหน้าทั้งหลายที่เร่งรุดขึ้นมาทำความเคารพด้วยสีหน้าตื่นเต้นยินดี ฟงชิงหยางเพียงพยักหน้ารับเบาๆ ต่อมาลูกตาก็หดหยีลงเล็กน้อย หันไปจับจ้องยังบูรพาทิศเหนือน่านฟ้าวังจักพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
เพราะที่นั่นพลันปรากฏร่างชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สีหน้าแลดูประหลาดใจไม่น้อย คนมาในชุดคลุมสีเงิน ใบหน้าเกลี้ยงเกลปานหยกเสลา หากแต่แลดูน่าเกรงขามไม่ธรรมดา
“ฟงชิงหยาง ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเจ้ายังสามารถเอาตัวรอดกลับออกมาจากนรกอสุราได้! ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง!!”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเงินเหินร่างตัดฟ้าเข้ามาแต่ไกล และทุกย่างเก้าที่เท้ามันนย่ำเหยียบลง ความว่างเปล่าเบื้องล่างพลันสะเทือนเลือนลั่นปานที่ย่ำลงไม่ใช่ผู้คน แต่เป็นมหายักษ์ตัวเขื่องทรงพลานุภาพ
“เฉินชิวปั๋ว…”
ฟงชิงหยางเหลือบมองชายวัยกลางคนในชุดคลุมเงินผ่านๆ และฟังจากคำทัก ก็บอกให้รู้ว่าชายวัยกลางคนชุดคลุมเงินผู้นี้ ก็คือจักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบันของจี้เมี่ยเทียน!
“หลายปีที่ข้าไม่อยู่ ลำบากเจ้าคอยดูแลวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งนี้แทนข้าแล้ว…”
เสียงเฉยเมยยของฟงชิงหางดังขึ้น หากแต่แฝงเร้นไปด้วยอำนาจอันไม่อาจปฏิเสธได้ประการหนึ่ง
“ฟงชิงหยาง! หากเจ้าคิดจะมายึดตำแหน่งจักรพรรดิสววรค์ทั้งวังจี้เมี่ยเทียนแห่งนี้คืน ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีความสามารถมากพอหรือไม่!!”
เฉินชิวปั๋วไม่คิดเลย ว่าพอฟงชิงหยางปริปากพูดออกมา ก็เป็นการเปิดประตูเห็นภูผาบอกเจตนาจะกลับมายึดตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แบบนี้ ลูกตามันหดเล็กลงทันใด ยังฉายประกายแหลมคมวูบวาบ
“หากข้าจำไม่ผิด…เจ้ามันก็ไม่ใช่ตัวอะไรมากไปกว่าคนที่แพ้ข้าเท่านั้น”
ฟงชิงอย่างเอ่ยออกเสียงเบา
“เหอะ! นั่นมันเรื่องเมื่อก่อน!”
novel-lucky
ได้ยินฟงชิงหยางขุดคุ้ยอดีต เฉินชิวปั๋วก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น “เวลานี้ข้าหาได้เป็นอย่างเช่นวันนั้นไม่…ทั้งข้าเองก็อยากทราบนัก ว่าตัวเจ้าก้าวหน้าขึ้นจากวันนั้นมากเพียงใด…”
พอกล่าวจบคำ ในมือเฉินชิวปั๋วก็ปรากฏดาบวงพระจันทร์เล่มหนึ่ง ตัวดาบดังกล่าวยังแผ่กลิ่นอายแหลมคมแกร่งกร้าวออกมาอย่างน่ากลัว
“เจ้าขึ้นมารับตำแหน่งจักรพรรดิสววรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนแล้วแท้ๆ…แต่กระทั่งอุปกรณ์เทพก็ไม่มีหรือ?”
เหลือบมองไปยังดาบวงพระจันทร์ในมือเฉินชิวปั๋วปราดหนึ่ง มุมปากฟงชิงหยางก็ยกยิ้มบางๆ ราวกับจะล้อเลียนความไร้สามารถของเฉินชิวปั๋ว
“ฮ่าๆๆ!! ฟงชิงหยาง เจ้าอย่าได้คิดใช้เรื่องนี้มากล่าวข่มข้าเสียให้ยาก เจ้าอย่าได้คิดว่าข้ามิรู้เชียว! วันที่เจ้าถูกไล่ล่าจนหนีหัวซุกหัวซุนวันนั้น ‘กวงหลิง’ จิตวิญญาณกระบี่ผลาญฟ้าอาสัญของเจ้ามันได้ดับสูญไปแล้ว…บัดนี้กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญของเจ้า อย่างดีก็มีพลังพอๆกับกระบี่อมตะจักรพรรดิในมือข้าเท่านั้นล่ะ!!”
เฉินชิวปั๋วหัวเราะเยาะออกมาอย่างสะใจ
“กวงหลิง…”
ได้ยินวาจาหัวร่อนี้ของเฉินชิวปั๋ว ในใจของฟงชิงหยางก็ปรากฏร่างกวงหลิง จิตวิญญาณกระบี่ผลาญฟ้าอาศัยขึ้นมา…
จากนั้นสองหมัดของฟงชิงหยางก็กำแน่นจนข้อลั่นเปรี๊ยะๆ กระทั่งยังลอบปฏิญาณในใจอย่างมุ่งมั่น ‘กวงหลิง…รอให้ดินแดนแห่งทวยเทพเปิดออกเมื่อไหร่ ข้าจะหาทางขึ้นไปและตามหาสารเลวนั่น ฆ่ามันล้างแค้นให้เจ้าให้จงได้!!’
กวงหลิงนั้น เป็นจิตวิญญาณกระบี่ผลาญฟ้าอาศัย ศาสตราวุธคู่กายของฟงชิงหยาง
“การสู้ชิงตำแหน่งครานี้ เจ้าคิดให้มันเป็นการประลองรู้แพ้ชนะ หรือจักให้เป็นการประลองเป็นตาย?”
ฟงชิงหยางไม่พิรี้พิไรให้มากความ เอ่ยถามเข้าประเด็นออกไปตรงๆ
“หากเจ้ากับข้าเพียงประมือกันให้รู้แพ้รู้ชนะก็ออกจะน่าเบื่อเกินไปหน่อยกระมัง…ย่อมประลองเป็นตายเสียประเสริฐกว่า!!”
เฉินชิวปั๋วกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม!
“เอาล่ะ ประลองเป็นตายก็ประลองเป็นตาย”
ฟงชิงหยางพยักหน้ารับ
และแทบจะพร้อมกันกับที่ฟงงชิงหยางพยักหน้ารับ ทั่วร่างก็กลับกลายเป็นแสงพลังสีกากี อีกทั้งแวงพลังสีกากีที่ส่องสว่างขึ้นมายังคล้ายปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอันแหลมคมปานกระบี่!
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
ครู่ต่อมา ร่างฟงชิงหยางที่กลับกลายเป็นแสงพลังสีกากีสว่างเจิดจ้า ก็เริ่มแยกย้ายสลายตัวเป็นอณูพลังปกคลุมไปทั่วสารทิศ!
และในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา เหนือน่านฟ้าวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ก็ปรากฏกรงมหึมาประหนึ่งจะกักขังได้ทั้งสวรรค์และโลกอุบัติขึ้นในฉับพลัน ยังห้อมล้อมกักร่างเฉินชิวปั๋วเอาไว้ในบัดดล!
ครืนนนน!!
กึง! กึง! กึง! กึง! กึง! กึง!
…
เสียงสั่นสะเทือนเลือนลั่นปานฟ้าถล่มดังขึ้น เมฆลมเหนือฟ้าบัดนี้กลับกลายเป็นวิปริตแปรปรวน ห้วงมิติเหนือวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเริ่มไร้เสถียรภาพ บิดเบื่อนสั่นไหวอย่างรุนแรงปานจะพังทลายลงได้ทุกเวลา!
ทันใดนั้น กรงที่มหึมาปานจะล้อมกักได้กระทั่งสววรรค์และโลกก็หดเล็กลง สุดท้ายก็กลายเป็นกรงขนาดพอให้เฉินชิวปั๋วดินไปดิ้นมาเท่านั้น
“นิ..นี่มันอันใดกัน!”
ตั้งแต่วินาทีที่เห็นทั่วร่างฟงชิงหยางกลับกลายเป็นแสงพลังสีกากีสว่างจ้า สีหน้าเฉินชิวปั๋วก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงแล้ว
และพอรู้ตัวอีกทีมันก็เห็นกรงมหึมาที่หดเล็กลงจนมาล้อมกักร่างมันปานคุกขังเดี่ยว อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงอณูพลังธาตุดินที่เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนปานจะถล่มทลายห้วงมิติ และแรงดึงดูดมหาศาลที่เคี่ยวกรำไปทั่วร่างมันปานจะบดบี้ป่นกระดูก มันก็จำต้องแตกตื่นหนักหนา เพราะบัดนี้มันไม่อาจเร่งเร้าโคจรพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างได้เลย!!
“ฟงชิงหยางเจ้า…เจ้าทะลวงถึงขอบเขตเทพเจ้าแล้ว!?”
เฉินชิวปั๋วที่ตื่นตระหนกโพล่งร้องออกมาอย่างเสียขวัญ แววตามันไม่เพียงท่วมท้นไปด้วยความตื่นตระหนก ยังฉายชัดถึงความสิ้นหวัง
ทะลวงผ่าน กลับกลายเป็นเทพเจ้า!
นี่เป็นหนึ่งก้าวที่ยากเย็นแสนเข็ญที่สุดสำหรับจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ และยังเป็นความฝันชั่วชีวิตของพวกมันที่ยากจะกระทำให้เป็นจริงนัก….
เรียกว่าหนึ่งก้าวนี้ยากเย็นยิ่งกว่าคนธรรมดาปีนบันไดมีดขึ้นสวรรค์เสียอีก!
“เทพเจ้า!?”
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์…ท่าน…กลายเป็นเทพเจ้าแล้ว…นี่…นี่…”
novel-lucky
“ดูเหมือนภัพิบัติครั้งก่อนที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พบเจอ ไม่เพียงแต่จักมิอาจคร่าชีวิตใต้เท้าได้ แต่กลับทำให้ท่านพบพานวาสนาในคราวเคราะห์!!”
…
จังหวะนี้สองตาของเหล่าผู้ที่จงรักภักดีของวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนก็ลุกวาวสว่างจ้าปานดวงดารา “ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าไฉนอยู่ๆใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ถึงได้ใช้พลังของกฏแห่งดิน…ที่แท้นี่คือร่างแฝดจากกฏแห่งดินของใต้เท้านั่นเอง”
“ข้าได้ยินผู้คนกล่าวขานกันมาเนิ่นนานแล้ว ว่าตราบใดที่บรรลุถึงขอบเขตเทพเจ้า ขอเพียงเข้าใจความลึกซึ้งของกฏใดกฏหนึ่งครบทุกประการ ก็สามารถควบแน่นพลังแห่งกฏสร้างร่างแฝดแห่งกฏขึ้นมา และร่างแฝดแห่งกฏดังกล่าวก็สามารถแยกตัวออกมาเป็นอิสระจากร่างต้น และใช้ความลึกซึ้งแห่งกฏนั้นได้ทุกประการมิต่างใดจากการลงมือของร่างต้น!!”
“ที่แท้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่กลับมาวันนี้ เป็นเพียงร่างแฝดแห่งกฏเท่านั้น!”
“ให้ตายเถอะ อาศัยแค่ร่างแฝดแห่งกฏ ก็สามารถบดขยี้จักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นเฉินชิวปั๋วได้ง่ายดายปานพลิกฝ่ามือ…นี่คือพลังของ ‘เทพเจ้า’ หรือ!?”
…
เหล่าผู้อาวุโสของวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมายกใหญ่
ส่วนอีกด้านนั้น เฉินชิวปั๋วที่พบว่าบัดนี้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของตัวเองถูกสะกดเอาไว้ไม่ให้โคจรใช้ออกได้เพียงเสี้ยว กระทั่งมันพยายามควบรวมพลังแห่งกฏ ก็มิวายถูกแรงโน้มถ่วงกับพลังสั่นสะเทือนมหาประลัยป่นทำลายในชั่วพริบตา มันก็บังเกิดความสิ้นหวังขึ้นมาจับใจ
“ฟงชิงหยาง!!”
และเมื่อเห็นว่ากรงที่ห้อมล้อมกักขังมันเริ่มหดเล็กลงเรื่อยๆ เฉินชิวปั๋วก็สูดได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ มันเร่งโพล่งออกมาเสียงดังไม่หยุดปาก “ข้าไม่ต้องการตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์แล้ว! คืนเจ้า ข้าคืนให้เจ้า! ข้าไม่เอาแล้ว! ข้าคืนให้เจ้า!!”
“เจ้ากลายเป็นเทพเจ้าไปแล้ว…คงไม่จำเป็นต้องรังแกจักรพรรดิอมตะตัวน้อยๆเช่นข้าใช่หรือไม่?”
ตอนนี้น้ำเสียงของเฉินชิวปั๋ว ฟังดูเปี่ยมล้นไปด้วยความวิงวอนหมดท่า
มันหวาดกลัวแล้ว หวาดกลัวแล้วจริงๆ!
ถึงแม้พลังฝีมือของมันจะก้าวหน้าขึ้นจนเหนือกว่าในครั้งอดีตที่เคยพ่าแพ้ฟงชิงหยางมา แต่พลังฝีมือของมันก็เพียงเทียบได้กับฟงชิงหยางก่อนที่จะถูกไล่ล่าเท่านั้น
บัดนี้ฟงชิงหยางที่หวนกลับมาดันบรรลุขอบเขตเทพเจ้าไปเสียแล้ว อีกฝ่ายได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่มันทำได้แค่ฝันถึง พลังความแข็งแกร่งยังเพิ่มพูนขึ้นไปเหนือจินตนาการ ทำให้ตัวมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย!
กระทั่งต่อหน้าฟงชิงหยางเวลานี้ เรี่ยวแรงจะต่อต้านยังไม่มี!
“หากจำไม่ผิด…ไม่ใช่เจ้าบอกว่าต้องการประลองเป็นตายไม่ใช่รึ?”
เสียงฟงชิงหยางดังก้องออกมาจากทุกทั่วสารทิศ ราวกับที่กำลังพูดอยู่ก็คือกรงมรณะที่ห้อมล้อมกักร่าง
ขณะเดียวกัน เฉินชิวปั๋วก็พบว่าไม่เพียงกรงที่กักร่างมันจะหดตัวช้าลง ความเร็วในการหดตัวกลับทวีเพิ่มขึ้นทุกขณะ ทำให้ลูกตาของมันแทบจะปริแตกเสียให้ได้
ตอนนี้ไม่เพียงแต่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันถูกสะกดเท่านั้น แม้แต่พลังจากฏใดๆไม่เว้นร่างกายก็ถูกแรงโน้มถ่วงทั้งแรงสั่นสะเทือนมหาประลัยเคี่ยวกรำจนไม่อาจทำอะไรได้เลย
ที่สำคัญหากมีแค่แรงโน้มถ่วงกับแรงสั่นสะเทือนมหาประลัยนี่ยังไม่น่ากลัวเท่าไหร่
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือลูกกรงแต่ละซี่นั้น ไม่เพียงแต่จะแผ่กลิ่นอายพลังกฏแห่งดินอันหนักแน่นทรงพลัง ยังอัดแน่นไปด้วยเจตจำนงกระบี่อันคมกล้า ปานจะสะบั้นได้ทุกสรรพสิ่ง ทำให้เฉินชิวปั๋วนั้นกดดันจนหายใจไม่ออก!
“ฟงชิงหยาง! ขอเพียงเจ้าไว้ชีวิตข้า พันปีหลังจากนี้…ไม่สิอีกหลายพันปีหลังจากนี้ ข้ายินดียอมรับเจ้าเป็นนาย และข้าจะดูแลจัดการเรื่องราวทุกอย่างตามที่เจ้าสั่งดั่งม้าลา!!”
เมื่อกรงหดตัวมากเข้า เฉินชิวปั๋วก็เริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแหลมคมและพลังสั่นสะเทือนมหาประลัยที่เริ่มชำแรกเข้าร่างของมัน และเริ่มโคจรไปทั่วร่างปานจะสะบั้นทั้งป่นทำลายร่างมันให้แหลกเป็นธุลี มันก็ได้แต่ร่ำร้องออกมาเสียงหลง เอ่ยคำยอมรับเป็นข้าทาสฟงชิงหยาง
“ข้าไม่สน”
อย่างไรก็ตาม คำตอบการวิงวอนของเฉินชิวปั๋วก็คือ ถ้อยคำ 3 พยางค์ด้วยน้ำเสียงไร้แยแสของฟงชิงหยาง
“ไม่!!”
ลูกตาเฉินชิวปั๋วหดเล็กลง ร่ำร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเสียใจ
และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่มันเหลือทิ้งไว้ในโลกนี้
ปงงง!
เสียงระเบิดดังขึ้นเบาๆ แม้กรงจะไม่หดตัวลงถึงขีดสุด หากแต่ร่างเฉินชิวปั๋วด้านในก็ระเบิดเป็นหมอกโลหิตเสียก่อน จากนั้นพอหมอกโลหิตดังกล่าวสัมผัสกับซี่ลูกกรง พวกมันก็ถูกพลังอำนาจมหาศาลทำลายจนสลายหายไปในความว่างเปล่า ไม่หลงเหลือสิ่งใดให้เห็น…
เฉินชิวปั๋วจักรพรรดิอมตะสมญานามผู้น่าเกรงขาม ตาย!
หลังจากเฉินชิวปั๋วตกตาย พลังสีกาก็ก็เริ่มสลายตัวและพุ่งไปควบรวมก่อเกิดร่างฟงชิงหยางอีกครั้ง
“ก่อนที่ข้าจะสู้กับมันเมื่อครู่ ข้าได้ใช้พลังปิดกั้นเสียงเอาไว้หมดแล้ว…”
ฟงชิงหยางกวาดตามองผู้ที่เหินร่างขึ้นมาดูชมเรื่องราวทั่วๆ พลาเอ่ยออกเสียงเบาว่า “ข้าไม่อยากให้ใครล่วงรู้เรื่องที่ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพเจ้า…”
“หากข้ารู้ว่ามันผู้ใดแพร่งพรายออกไปล่ะก็…”
แม้ฟงชิงหยางจะไม่ได้พูดต่อให้จบคำ แต่อาศัยแค่จิตสังหารที่วูบวาบในแววตา ก็ได้อธิบายทุกอย่างไว้ชัดเจน…