WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3062
War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3062
ด้านเจิ้งหงอี้ก็ไม่ได้รู้เลยว่าชีวิตมันกำลังตกอยู่ในอันตรายและเสี่ยงจะถูกเปิดโปง เพราะความไม่แยแสของนักฆ่ากะโหลกเลือดขนาดไหน
ในแผนที่มันคิดไว้ หากไม่อาจล่อต้วนหลิงเทียนออกมาได้ นักฆ่ากะโหลกเลือดก็สมควรรู้งานและรีบฆ่าผู้ติดตามคนนี้ของต้วนหลิงเทียนก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นและมีโอกาสติดต่อไปหาต้วนหลิงเทียน
ทว่าหากแผนสำเร็จและสามารถล่อต้วนหลิงเทียนออกมาได้จริง ตอนนั้นไม่พ้นนักฆ่ากะโหลกเลือดก็คงสนใจแต่ต้วนหลิงเทียน มันจึงเกรงว่านักฆ่ากะโหลกเลือดจะไม่สนใจเรื่องที่หลิวก่วงหลินจะตื่นหรือไม่ตื่น ยิ่งไม่สนใจเรื่องที่หลังจากนั้นอีกฝ่ายจะกลับไปเปิดโปงเรื่องราวอะไร
เพราะนักฆ่ากะโหลกเลือด ก็สนใจแต่เรื่องฆ่าต้วนหลิงเทียน ตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากองค์กรเท่านั้น
ต้วนหลิงเทียนเองก็คาดไม่ถึงจริงๆ
ว่าหลังผ่านไปครึ่งปี เขากลับได้รับบจดหมายแบบเดียวกับที่เขาเคยได้รับเมื่อครึ่งปีก่อนอีกครั้ง…
แถมเนื้อความในจดหมายก็คล้ายๆกัน
อย่างไรก็ตาม คราวนี้คนที่อีกฝ่ายเอามาขู่ไม่ใช่ฮ่วนเอ๋ออีกต่อไป แต่กลับเป็นหลิวก่วงหลินผู้ติดตามของเขา!
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไปยืนยันข้อเท็จจริงถึงที่พักหลิวก่วงหลินเรียบร้อย และพบว่าหลิวก่วงหลินได้หายตัวไปจริงๆ!
“เข้าไปยังที่พักสำหรับแขกทั้งพาตัวคนของเจ้าออกไป…ผู้ลงมือมิมีทางเป็นนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือดแน่นอน”
“เพราะจะอย่างไรนักฆ่าของกะโหลกเลือดนั่นก็นับเป็นคนแปลกหน้า ทันทีที่มันก้าวเท้าเข้ามาในเขตนิกายเรา ทางเราย่อมได้รับสัญญาณเตือนจากค่ายกลป้องกันผู้บุกรุกทันที!”
ด้านบนก็คือคำตอบที่ต้วนหลิงเทียนได้รับจากซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ หลังเขาส่งข้อความแจ้งเรื่องที่หลิวก่วงหลินถูกลักพาตัวไป
“ฟังจากที่ประมุขกล่าวมา…ผู้ลงมือสิบในสิบเป็นผีภายใน? คนนิกายอมตะเป้าผู่?”
(ผีภายใน = เกลือเป็นหนอน)
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ใช่”
ซุนเหลียงเผิงตอบกลับด้วยความมั่นใจ
“ในจดหมายบอกให้ข้าไปคนเดียวเหมือนเดิม…หากประมุขหรืออาวุโสคนอื่นๆติดตามข้าไป เกรงว่าผีภายในนั่นต้องแจ้งไปยังนักฆ่ากะโหลกเลือดแน่”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความไปอีกครั้ง
“ต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้ข้าได้เตรียมการเอาไว้แต่แรกแล้ว…ตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องกับเจ้าเมื่อครึ่งปีก่อน ข้าได้ขอให้น้องรองทำทีออกไปทำธุระนอกนิกาย”
หลังซุนเหลียงเผิงไดรับข้อความจากต้วนหลิงเทียน มันก็ส่งข้อความตอบกลับทันที น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความมั่นใจมาก “ตอนนี้น้องรองเพียงรอข้าติดต่อไปเท่านั้น…และรอบนี้ข้าจะให้น้องรองลอบติดตามเจ้าไปหานักฆ่ากะโหลกเลือดนั่นด้วยกัน”
“ท่านประมุข มั่นใจหรือว่าน้องรองของท่านจะคุ้มครองข้าได้แน่?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
ถึงแม้ว่าเขาตัดสินใจไปแล้วว่าจะออกไปช่วยหลิวก่วงหลินแน่นอน แต่ก่อนจะจากไปเขาเองก็คิดเตรียมตัวให้พร้อมก่อน
เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่รู้จริงๆว่าคราวนี้องค์กรกะโหลกเลือดจะส่งนักฆ่าระดับใดมา
เป็นธรรมดาว่าถึงเขาจะไม่รู้ระดับนักฆ่าที่องค์กรกะโหลกเลือดจะส่งมา แต่ที่เขารู้แน่ๆก็คือ ไม่มีทางที่นักฆ่าคนใหม่จะทรงพลังมากเกินไป อย่างดีก็แค่คำนวณความสามารถเขาแล้วส่งนักฆ่าที่สามารถกดดันเขาได้เท่านั้น
ถึงตอนนี้ในสายตาขององค์กรกะโหลกเลือดเขาจะไม่ใช่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีกต่อไป แต่เป็นราชาอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการ…
แต่อีกฝ่ายก็สมควรรู้แล้วว่าเขาใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ซึ่งระดับพลังของเขาจะลดลงทุกครั้งที่ลงมือ และพอระดับพลังลดลงเขาก็จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ
“เจ้าวางใจได้เลย”
ได้ยินความแคลงใจของต้วนหลิงเทียน ซุนเหลียงเผิงก็กล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม “น้องรองของข้า ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือจะอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ หากแต่ความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่เข้าใจนับว่าร้ายกาจมาก!”
“เรียกว่า ให้มองไปทั่วเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่ราชาอมตะ 5 องค์ประกอบที่เป็นคู่มือน้องรองของข้าได้นั้น…หามีไม่!”
“พลังฝีมือของน้องรองข้า ต่อให้เทียบกับราชาอมตะ 5 องค์ประกอบขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ก็มีแต่จะแข็งแกร่งกว่า ไม่มีทางอ่อนด้อยกว่าแน่นอน!”
ซุนเหลียงเผิงตอบ
“นอกจากนั้น องค์กรกะโหลกเลือดก็รู้แล้วว่าถึงตอนนี้เจ้าจะมีพลังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ หากแต่เจ้าก็เข้าใจกฏแห่งดินแค่ 2 ประการเท่านั้น รวมกับเรื่องที่ระดับพลังเจ้าจักลดลงเรื่อยๆ พวกมันไม่มีทางส่งนักฆ่าที่พลังฝีมือสูงมากเกินความจำเป็นมาแน่นอน”
“จากที่ข้าคาดเอาไว้…อย่างดีพวกมันก็ส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบมาเท่านั้น! กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะส่งมาแค่นักฆ่าระดับราชาอมตะ 4 รูป!!”
ฟังจากน้ำเสียงหนักแน่นแล้ว เห็นชัดว่าซุนเหลียงเผิงมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองเป็นที่สุด
“สำหรับนักฆ่าระดับราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ ด้วยพลังฝีมือของน้องรอข้าย่อมจัดการได้แน่นอน…กระทั่งหลังประมือไปได้สักพัก น้องรองข้าต้องฆ่ามันได้แน่!”
“และต่อให้นักฆ่านั่นคิดจะหนีเพราะสู้น้องรองข้าไม่ได้ อาศัยความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่น้องรองข้าเข้าใจ คิดจะจับมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร…กระทั่งต่อให้ฆ่ามันไม่ได้จริงๆ น้องรองก็สามารถติดต่อมาหาข้าได้ทุกเมื่อ ขอเพียงข้าเร่งรุดไปทันที นักฆ่ากะโหลกเลือดนั่นมันต้องตาย!”
เสียงซุนเหลียงเผิงที่ติดต่อมาเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจถึงขีดสุด
“เอาล่ะ”
หลังได้ฟังคำยืนยันจากซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็วางใจไปเปราะหนึ่ง
“ประมุข แล้วข้าจะออกเดินทางได้เมื่อไหร่?”
หลังจากวางใจไปเปราะหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนที่รีบร้อนจะไปช่วยหลิวก่วงหลิน ก็บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณอีกชิ้น เพื่อนัดหมายเวลากับซุนเหลียงเผิง
“เจ้าสามารถออกเดินทางตอนนี้ได้เลย…ตอนนี้น้องรอข้าซ่อนตัวรอเจ้าอยู่ไม่ห่างจากนิกายเท่าไหร่ นอกจากนั้นร่างที่แท้จริงของน้องรองข้าก็นับว่าชำนาญในการซ่อนตัวเป็นที่สุด อย่าว่าแต่นักฆ่ากะโหลกเลือดขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบเลย ต่อให้นักฆ่าที่องค์กรกะโหลกเลือดส่งมาจักเป็นราชาอมตะ 6 ผสานกระทั่งราชาอมตะ 7 ดารา ก็ไม่มีทางค้นพบน้องรองข้าขณะซ่อนตัวได้แน่นอน!!”
ซุนเหลียงเผิงตอบกลับอีกครั้ง
“ว่าแต่สถานที่ๆนักฆ่านัดให้เจ้าออกไปพบอยู่ทิศทางใด? ใช่ทางตะวันออกอีกหรือไม่?”
ซุนเหลียงเผิงกล่าวถามมาอีกครั้ง
“เปล่า คราวนี้เป็นทางตะวันตก”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ
“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ…ข้าจะติดต่อไปเป็นระยะๆ นอกจากนั้นข้าจะให้น้องรองลอบติดตามเจ้าอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะปรากฏตัวออกมาช่วยเจ้าได้ทันท่วงที”
หลังได้รับข้อความดังกล่าวจากซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มออกเดินทางทันที มุ่งหน้าออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ไปยังทิศตะวันตก และระยะทางที่ต้องไปยังไกลกว่ารอบที่แล้วไม่น้อย
ซัวว!
ในขณะที่เดินทางออกจากนิกายอมตะเป้าผู่มุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดหมายนั้น แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดใช้พลังเซียนอมตะของตัวเองให้สิ้นเปลือง แต่เขาเลือกจะใช้นาวาอมตะเพื่อเดินทางแทน
นาวาอมตะนั้น ที่ระดับต่ำที่สุดก็จัดเป็นอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางแล้ว ขั้นตอนการหลอมสร้างก็ค่อนข้างยุ่งยากวุ่นวายอยู่บ้าง ทำให้ก่อนที่จะเข้าร่วมนิกายอมตะเป้าผู่ ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยว่ามีพาหนะอะไรแบบนี้ด้วย
และนาวาอมตะระดับขุนนางนั้น ก็ยังแบ่งออกได้อีก 3 ขั้นตามคุณภาพ ยิ่งคุณภาพดีความเร็วก็ยิ่งสูง
นาวาอมตะคุณภาพสูงที่เร็วที่สุดนั้น มันสามารถท่องเวหาได้ด้วยความเร็วทัดเทียมกับขุนนางอมตะ 9 ตำหนัก!
สำหรับนาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพต่ำที่เชื่องช้าที่สุด ความเร็วของมันก็เทียบได้กับขุนนางอมตะ 3 ศักดิ์เท่านั้น
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างนาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพสูงกับคุณภาพต่ำ ซึ่งเป็นการเปรียบบเทียบระหว่างดีสุดกับด้อยสุด
สำหรับนาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพปานกลาง จะมีความเร็วในการเหินเวหาทัดเทียมกับขุนนางอมตะ 6 ผสาน และไม่ว่าจะคุณภาพระดับใด ก็ขับเคลื่อนด้วยผลึกอมตะ และไม่อาจเสริมพลังแห่งกฏเพื่อเพิ่มความเร็วมันได้เลย
สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังนั่งอยู่ ก็คือนาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพต่ำเท่านั้น เขาใช้ผลึกอมตะไม่กี่ชิ้นก็ซื้อหามาใช้ได้แล้ว ผู้ขายก็เป็นผู้อาวุโสในนิกายอมตะเป้าผู่คนหนึ่ง
ผู้อาวุโสของนิกายอมตะเป้าผู่ที่ว่า เป็นปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางเท่านั้น และยังเป็นปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะระดับขุนนางเพียงคนเดียวของนิกายอมตะเป้าผู่ที่หลอมสร้างนาวาอมตะออกมาได้
อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายหลอมได้แค่นาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพต่ำเท่านั้น
และตั้งแต่ที่หลอมสร้างนาวาอมตะมา ก็เคยโชคดีหลอมได้นาวาอมตะระดับคุณภาพปานกลางแค่ 2 ลำ สำหรับนาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพสูง ชั่วชีวิตยังหลอมออกมาไม่ได้สักลำ…
‘ที่นี่สินะ’
ต้วนหลิงเทียนที่เดินทางด้วยนาวาอมตะระดับขุนนางคุณภาพต่ำ ก็ใช้เวลาเดินทางไปทั้งสิ้น 1 วันกับอีก 1 คืนเต็มๆ ก่อนที่จะมาถึงุจดนัดพบที่ระบุไว้ในจดหมาย
จุดนัดพบที่ว่าก็คือที่ราบลุ่มอันแห้งแล้ง และมีต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียวเท่านั้น
ต้นไม้ใหญ่ที่ว่า แม้จะมีขนาดใหญ่โตแต่ไม่มีใบไม้สักใบ ลำต้นกิ่งก้านยังแห้งแตกเปลือกไม้หลุดร่อน เห็นได้ชัดว่ามันสูญเสียพลังชีวิตไปหมดแล้ว…
“ลูกแก้ววิญญาณ…”
ต้วนหลิงเทียนมองไปก็พบลูกแก้ววิญญาณตั้งอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะสิ่งนี้ก็มีระบุไว้ในจดหมายเช่นกัน
หลังได้ลูกแก้ววิญญาณมา เขาก็คิดจะใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณเพื่อติดต่อกับอีกฝ่ายทันที
หากทว่าทันทีที่สำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนชำแรกลงลูกแก้ววิญญาณหมายเชื่อมโยงเข้ากับวิญญาณที่ประทับเอาไว้ เพื่อใช้เป็นสื่อติดต่ออีกฝ่ายนั้น…
วู้ม! ครืนนนน!!
แกรก! แกรก!
…
เสียงบางอย่างพลันดังขึ้น จากนั้นต้นไม้แห้งไร้ชีวิตก็เริ่มสั่นสะเทือนจนกิ่งก้านที่แห้งกรอบเริ่มแตกหัก
และทันใดนั้นเอง พลันปรากฏจุดแสงหลายจุดตามกิ่งก้านต่างๆของต้นไม้สว่างวาบขึ้น ดั่งดวงดาวทอแสง!
จากนั้นจุดแสงที่ส่องสว่างขึ้นก็เริ่มพุ่งยิงลำแสงออกมาเชื่อมโยงกัน พริบตาต้วนหลิงเทียนก็ติดอยู่ในข่ายแสงประหลาดเสียแล้ว!
ข่ายแสงประหลาดที่ว่านั้นไม่เพียงครอบคลุมต้วนหลิงเทียนเท่านั้น เรียกว่ามันครอบคลุมทั้งต้นไม้แห้งๆนี่เลยก็ว่าได้
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกตัว เขาก็พบว่าสองตาของเขากลับกลายเป็นมืดบอดไม่เห็นสิ่งใด ใจเริ่มเต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะ ‘นี่มัน…อาคมเคลื่อนย้าย! ค่ายกลส่งผ่านทางไกล!!’
“แย่แล้ว!!”
ท่ามกลางความว่างเปล่าที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก พลันปรากฏวิหกสีเขียวลักษณะคล้ายเหยี่ยวตัวหนึ่งผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า! ราวกับมันมีความสามารถซ่อนตัวอยู่ในอากาศธาตุได้อย่างไรอย่างนั้น!!
และทันทีที่เหยี่ยวสีเขียวดังกล่าวปรากฏตัว ร่างมหึมาของมันก็ทอแสงจ้ากลับกลายเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวทันที!
บัดนี้ชายหนุ่มคลุมเขียวได้แต่เหม่อมองข่ายอาคมที่ส่องสว่างเจิดจ้าเบื้องหน้าด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก ทำราวกับพึ่งเคี้ยวข้าวถูกแมลงวัน “บัดซบ! นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดคนนี้…กลับเป็นปรมาจารย์ค่ายกลด้วยงั้นหรือ!?”
“แถมฝีมือของมันยังร้ายกาจนัก! สามารถจัดตั้งค่ายกลแฝงไว้ในต้นไม้นี่ได้อย่างแยบยล จนข้าไม่อาจสัมผัสได้ถึงร่องรอยพลังอาคมใดๆได้เลย!!”
“ไม่รู้…ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไปอยู่ที่ไหนแล้ว!”
ชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวผู้นี้ ก็คือน้องรองของซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่นั่นเอง มันเป็นสัตว์อมตะที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ
ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากน้ำเสียงมั่นใจหนักหนาของซุนเหลียงเผิงก่อนหน้า มันสมควรเป็นราชาอมตะ 5 องค์ประกอบที่พลังฝีมือร้ายกาจสุดที่ราชาอมตะ 5 องค์ประกอบคนใดในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวจะทาบติด!
และพลังฝีมือของมันก็ร้ายกาจดังว่าจริงๆ…
แต่กระนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ยังหายตัวไปต่อหน้าต่อตามันอยู่ดี…
“บัดซบ เป็นค่ายกลที่ใช้ได้ครั้งเดียวจริงๆ”
ถึงแม้จะเดาได้แล้วว่าค่ายกลส่งผ่านทางไกลที่ต้วนหลิงเทียนกระตุ้นสมควรเป็นค่ากลเคลื่อนย้ายที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่พอชายหนุ่มชุดเขียวที่เร่งเหินร่างลงมาตรวจสอบค่ายกลที่ลอบจัดตั้งไว้บนต้นไม้ และพบว่าค่ายกลที่ส่งตัวต้วนหลิงเทียนไปไหนไม่รู้มันใช้ได้ครั้งเดียวจริงๆสีหน้ามันก็ยิ่งอัปลักษณ์ดูไม่ได้ไปกันใหญ่…
“พี่ใหญ่…”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ชายหนุ่มชุดเขียวที่บัดนี้สีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากถึงขีดสุด ก็เร่งส่งข้อความถึงซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ทันที
และซุนเหลียงเผิง ที่รอการติดต่อในนิกายอมตะเป้าผู่ พอได้รับข้อความที่ชายหนุ่มชุดคลุมเขียยวส่งมา สีหน้าแต่เดิมที่เคยสงบเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ ก็กลับกลายเป็นบิดเบี้ยวเหยเกแลดูไม่ได้ทันที
“นักฆ่าที่องค์กรกะโหลกกเลือดส่งมาคราวนี้…กลับเป็นปรมาจารย์ค่ายกลด้วยหรือ!?”
ความสามารถในการจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายใช้ได้ครั้งเดียวบนต้นไม้แห้งที่ตายไปแล้วอย่างแยบคาย จนน้องรองมันไม่อาจตรวจพบร่องรอยหรือความผันผวนของพลังอาคมใดๆได้เลยจนกระทั่งเริ่มต้นการทำงานแบบนี้ ต่อให้มีวัตถุดิบครบ ก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะทำได้…
เรียกว่าปรมาจารย์ค่ายกลธรรมดาๆ ไม่มีทางทำได้เลย…
และต้องทราบด้วยว่ากระทั่งในคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังมีปรมาจารย์ค่ายกลระดับนี้แค่ไม่กี่คนเท่านั้น…