WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3097
หลังต้วนหลิงเทียนทำให้แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ กับแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับผสานหลอมรวมกัน กลิ่นอายที่แตกต่างกันราวคนละขั้วของพวกมันก็ผสานกันได้ลงตัวอย่างประหลาด ให้ความรู้สึกลี้ลับเหมือนหยินหยางรวมเป็นหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนเองก็ตั้งชื่อให้แหวนวงนี้ง่ายๆ
แหวน 9 วิญญาณหยินหยาง!
และเมื่อแหวน 9 วิญญาณหยินลี้ลับกับแหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับผสานรวมเข้าด้วยกัน มณีทั้ง 9 ของแหวนแต่ละวงก็ซ้อนทับกันได้อย่างอัศจรรย์ ประหนึ่งเปลือกเกาลัดกับเนื้อเกาลัดอย่างไรอย่างนั้น
ทำให้หลังแหวน 2 วงหลอมรวมกันแล้ว มณีรอบตัวแหวนก็ยังนับได้แค่ 9 เม็ดเหมือนเดิม
และเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังธาตุไฟของต้วนหลิงเทียนถ่ายทอดลงสู่ตัวแหวน 9 วิญญาณหยินหยาง ตัวแหวนก็ปะทุพลังลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ แถมเพลิงพลังดังกล่าวครึ่งหนึ่งเป็นสีฟ้าครึ่งหนึ่งเป็นสีแดงราวน้ำกับไฟ!
“พัง!!”
สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววเยียบเย็น จากนั้นแหวน 9 วิญญาณหยินหยางก็ปลดปล่อยพลังขุมหนึ่งออกมา!
พลังที่มันปลดปล่อยออกมา แวบแรกก็ดั่งมวลพลังสีแดงฟ้า หากแต่พริบตาต่อมาก็ควบรวมเป็นกระบี่พลัง 2 สีฟ้าแดงอันแผ่กลิ่นอายพลังแหลมคมไร้คู่เปรียบ! กระบี่ครึ่งฟ้าครึ่งแดงดังกล่าวพุ่งทะยานออกไปอย่างเงียบงัน หากแต่สลายสนามพลังโน้มถ่วงที่เคี่ยวกรำมันลงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เริ่มปะทะเข้ากับคลื่นพลังงสั่นสะเทือน!
เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!
…
เสียงกระบี่กู่ร้องดังขึ้นระงม เป็นกระบี่เพลิงฟ้าแดงปะทะกับคลื่นสั่นสะเทือนอย่างดุดัน! ตัวกระบี่เริ่มสั่นไหวสะเทือนเพลิงพลังสีแดงฟ้ารอบกระบี่ก็วูบวาบไม่หยุด บ้างก็มีสะเก็ดเพลิงทั้งคลื่นพลังแตกตัวออกมา!!
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ในที่สุดคลื่นพลังสั่นสะเทือนก็ไม่อาจหยุดยั้งกระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงได้อีกสืบไป และถูกกระบี่พลังดังกล่าวทะลวงทำลายได้อย่างราบคาบ!!
หลังทำลายคลื่นสั่นสะเทือนได้แล้ว กระบี่พลังเพลิงฟ้าแดงดังกล่าวก็พุ่งทะยานสืบต่อประหนึ่งมังกรพิโรธ เจาะทะลวงผนังคุกที่ล้อมกักต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย พุ่งเข่นฆ่าสังหารไปยังยอดเซียนอมตะที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการอย่างอำมหิต!
“ไม่—!”
พร้อมกันกับที่เสียงร้องโหยหวนด้วยความไม่เต็มใจดังขึ้น ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการ ก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือต้วนหลิงเทียนอีกคน…
และคู่ต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าไปคนนี้ ก็คือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการคนที่ 2 ที่ตกตาย…
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เปรี๊ยง! ตูม! ตูม! ตูม!
…
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
…
หลังจากฆ่ายอดเซียนอมตะที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 3 ประการไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่ผ่อนคลายร่างกายเล็กน้อยก็ได้ยินเสียงระเบิดปะทะดังวุ่นวายไปหมด พอทำทีเป็นกวาดตามองไปรอบๆ ก็เห็นผู้คนหลายร้อยกำลังต่อสู้กันอย่างสิ้นหวัง…
ด้วยตกอยู่ภายใต้อำนาจของค่ายกลมายาหลอนประสาทเช่นนี้ ทุกคนก็ทำได้แค่ต่อสู้กับศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้นไม่หยุดหย่อน และมีเพียงจุดจบ 2 ประการเท่านั้น…
ฆ่าผู้อื่น หรือถูกผู้อื่นฆ่าตาย!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอยากถูกฆ่าตาย เช่นนั้นทุกคนจึงดิ้นรนต่อสู้สุดชีวิต…
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ พอใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันที่หลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว พลังของมันนับว่าเหนือกว่าหลินเฟยหยางกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเสียอีก…หากหลินเฟยยหยางกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นต้องพบเจอมัน น่ากลัวทั้งคู่ต้องตกตายด้วยน้ำมือมันแน่”
ห่างออกไปไกลๆ เมื่อเจียงหลานเห็นต้วนหลิงเทียนฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจกฏแห่งดิน 3 ประการไป ลูกตามันก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง…
“อย่างไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังงระดับนี้ได้ ล้วนพึ่งพาอุปรณ์อมตะจอมราชันล้วนๆ…แม้พรสวรรค์กับความเข้าใจของมันจักดี และสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟได้ 2 ประการทั้งที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่หากให้เทียบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลิงเฟยหยางแล้วยังนับว่าด้อยกว่า…”
“ข้าไม่จำเป็นต้องสนใจอันใดมันอีก…รอให้จบเรื่องแล้วค่อยจัดการมันทีหลังก็ยังมิสาย ผู้ที่อาศัยอุปกรณ์อมตะเช่นนี้ ไม่อาจเป็นภัยอะไรต่อข้า”
คิดถึงจุดนี้ เจียงหลานก็เลิกสนใจต้วนหลิงเทียนสืบไป และไม่คิดจัดแจงส่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนไหนมาสู้กับต้วนหลิงเทียนอีก ทำให้ต้วนหลิงเทียนว่างงานเป็นการชั่วคราว…
อย่างไรก็ตามด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางนั้น ได้ถูกเจียงหลานจัดแจงส่งยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการมาเป็นคู่ต่อสู้ตลอด หากแต่ทั้งคู่ก็สามารถเข่นฆ่าศัตรูให้ตกตายกลายเป็นปุ๋ยได้หมด
เจียงหลานไม่ได้แปลกใจอะไรที่หลินเฟยหยางเอาชนะศัตรูได้ไม่ยาก
แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่สามารถฆ่าศัตรูได้ไม่ยากเหมือนกัน ก็ทำให้มันประหลาดใจอยู่บ้าง
“นั่นมัน…ความลึกซึ้งที่หนุนเสริมการโจมตีอันดับหนึ่งของกฏแห่งความตาย…เคียวยมทูต?”
เจียงหลานย่อมสังเกตเห็นการลงมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ไม่ยาก ที่แท้สาเหตุที่ทำให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเข่นฆ่าศัตรูได้ง่ายดายไม่ต่างอะไรจากหลินเฟยหาง เป็นเพราะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ใช้ความลึกซึ้งเคียวยมทูตที่เข้าใจได้บางส่วนแล้วออกมา!
ถึงแม้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะเข้าใจความลึกซึ้งเคียวยมทูตได้แค่บางส่วน แต่ด้วยพลังที่ได้รับบางส่วนนั่น ก็ทำให้สามารถเข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการได้อย่างง่ายดาย!
กระทั่งหากเทียบระดับพลังกันแล้ว ตอนนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังเหนือกว่าหลินเฟยหยางเล็กน้อย!
ถึงแม้จะเข้าใจความลึกซึ้งจำนวนเท่าๆกัน แต่อย่างไรเสียกฏที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้ก็คือกฏแห่งความตาย 1 ใน 4 กฏสูงสุด แถมหลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังเข้าใจความลึกซึ้งเคียวยมทูตที่เอกอุเรื่องการโจมตีของกฏแห่งความตายยแล้วแบบนี้ ทำให้มีพลังโจมตีแกร่งกล้าเหนือหลินเฟยหยางชัดเจน…
“หากต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง…หวังว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นจะยินยอมให้ข้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณ…แม้หลินเฟยหยางจะมีความเข้าใจไม่ใช่ชั่ว แต่ให้เทียบแล้วยังห่างกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอยู่บ้าง.”
เจียงหลานที่มองจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ
จากนั้นเจียงหลานก็เริ่มกวาดตามองไปยังเหล่ายอดเซียนอมตะทั่งรอดชีวิตอยู่
บัดนี้หลงเหลือยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแค่ 300 กว่าคนเท่านั้น และทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการ เรียกว่าพลังพอๆกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟหยาง หากแต่อายุของพวกมันนั้นมากกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางเกินเท่าตัว เพราะแต่ละคนล้วนมีอายุเกือบ 200 ปีแล้ว…
“ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์…เริ่มเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการออกผลแล้ว”
เจียงหลานมองไปยังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ก็พบว่าดอกตูม 2 ดอกบนต้นไม้เทพสังงเวยสวรรค์นั้นเริ่มเบ่งบานเป็นดอกไม้สีเลือดเข้ม แต่ละดอกมี 9 กลีบ และทอแสงสีแดงฉานอมม่วงออกมาเรืองๆ
และหากสังเกตให้ดีจะพบว่า
รอบๆดอกไม้สีแดงเลือด 9 กลีบทั้ง 2 ดอกของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์นั้น บริเวณฐานรองดอกของมันเริ่มโป่งพองขึ้นมา สีเลือดบริเวณนี้ยังข้นคลั่ก รอบๆยังปรากฏหมอกโลหิตม้วนวนไม่หยุด…
จากนั้นไม่นานนัก ก็มียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับ 10 คนตายตก…
ในบรรดายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่หลงเหลืออยู่ 300 กว่าคน ไม่ขาดผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วน ตัวตนเหล่านี้ย่อมเข่นฆ่าผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 3 ประการได้อย่างไม่ยากเย็น
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
หลังจากที่โลหิตและดวงจิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พึ่งตายตกถูกต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดกลืนเข้าไป ดอกไม้สีเลือดอันมี 9 กลีบทั้ง 2 ดอก ก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในฉับพลัน บริเวณฐานรองดอกที่เริ่มบวมพองเป็นทรงกลมนั่น มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างมากในพริบตา!
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
…
หลังจากที่ทรงกลมดังกล่าวขยายตัวใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะด้านนอกด้านใน ล้วนปรากฏอัสนีสีเลือดแลบลั่นแปลบปลาบ ประหนึ่งอสรพิษโลหิตตัวน้อยกำลังเลื้อยลดมุดเข้ามุดออก
“ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้!”
เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวบนดอกไม้สีเลือด 9 กลีบของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ สองตาเจียงหลานก็เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า มันเร่งยกมือขึ้นมาขยับทำสัญลักษณ์อีกครั้ง และสัญลักษณ์มือครานี้ของมันยังสลับซับซ้อนเป็นที่สุด ยังขยับเร็วรี่จนเห็นเป็นภาพมายาพันมือ!
หลังเจียงหลานลงมือกระทำบางอย่าง รอบๆเกาะกลางน้ำอันมีต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตั้งตระหง่านอยู่ ก็ปรากฏม่านพลังโปร่งแสงขนาดใหญ่ผุดขึ้นจากความว่างเปล่ามาครอบคลุมทั้งเกาะเอาไว้ทันที
ซูวว!
ห่างออกไปไกลๆ มียอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการถูกฆ่าตาย จากนั้นโลหิตและดวงจิตของมันก็พุ่งมายังต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เหมือนคนที่ตายคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่โลหิตและดวงจิตของมันจะทันได้เข้าใกล้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ ก็ถูกม่านพลังโปร่งแสงที่ห่อหุ้มต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์รวมทั้งเกาะกลางน้ำปิดกั้นเอาไว้
ด้านต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์เองก็ยังเปล่งพลังดูดรั้งออกไปไม่หุด หมายดูดกลืนดวงจิตและโลหิตของผู้ตายมาให้จงได้ อนิจจาม่านพลังโปร่งแสงกลับปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา ไม่ปล่อยให้ดวงจิตและโลหิตของผู้ตายเข้ามาได้เลย
และทันใดนั้นเอง
เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพลันส่งตรงมาถึงหูต้วนหลิงเทียน
“ลือกันว่าหลังตัวอ่อนของผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏขึ้นมาแล้ว…หากยับยั้งดวงจิตและโลหิตของยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดที่เป็นเครื่องสังเวยเอาไว้ก่อน รอให้พวกมันสะสมมากๆแล้วปล่อยให้ตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ดูดซับในคราวเดียว จะเพิ่มโอกาสให้ผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏมากยิ่งขึ้น…”
“อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ยังไม่มีผู้ใดออกมายืนยัน แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้ทดลองกระทำดูแล้วและพบว่ามันได้ผลจริงๆ ทว่าหากมันไม่ได้เผยแพร่ออกมาสู่สารธารณะ ก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าวิธีนี้ได้ผล”
“ในสายตาข้า หากไม่ใช่เจียงหลานมันรู้ดีว่าวิธีนี้ได้ผล มันก็แค่พยายามลองกระทำดูเท่านั้น เผื่อจะสามารถเพิ่มโอกาสเกิดผลของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ได้จริงๆ เพราะการทดลองกระทำดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร หากได้ก็ดีไป หากไม่ได้มันก็ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวม”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นอธิบายด้วยเสียงผ่านพลัง
ถึงแม้หลิงเจวี๋อวิ๋นจะสังเกตเห็นการลงมือของเจียงหลาน แต่มันก็ไม่แน่ใจว่าเจียงหลานมั่นใจในเรื่องนี้จริงๆหรือแค่ทดลองดูเท่านั้น จึงไม่อาจยืนยันให้ต้วนหลิงเทียนรู้ชัดได้
“แบบนี้นี่เอง”
ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเจียงหลานเช่นกัน ทำให้เขาสับสนงุนงงไม่น้อย ด้วยไม่เข้าใจว่าไฉนเจียงหลานถึงกันไม่ให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับดวงจิตและโลหิตของผู้ตาย
พอมาได้ยินคำอธิบายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เขาก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที
ที่แท้เจียงหลานทำเพื่อไม่ให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับโลหิตและดวงจิตของผู้ตายทีละคนๆสืบไป แต่คิดสะสมไว้มากๆแล้วให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดูดซับทีเดียว!
“ตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ที่เจ้าพูดถึง ก็คือไอที่โป่งๆอยู่บริเวณฐานรองดอกสีเลือด 9 กลีบ 2 ดอกนั่นน่ะเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปถามอีกรอบ
เขาเองก็สังเกตเห็นดอก 9 กลีบสีเลือดทั้ง 2 ดอกที่เบ่งบานอยู่บนต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์มาสักพักแล้ว และยังเห็นอีกด้วยว่าใต้ดอกมันบวมๆพองๆคล้ายมีวัตถุทรงกลมกำลังเติบโต แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
“ไม่ผิด”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับมาเร็วไว “เมื่อตัวอ่อนผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏตัวขึ้นแล้วแบบนี้ ก็เป็นตัวบ่งชี้ว่าต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ดำเนินการมาถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ผลเทพสวรรค์จะปรากฏ! ตัวอ่อนนั่นหากเติบโตสำเร็จก็จะกลายเป็นผลเทพสังเวยสวรรค์…หากไม่ก็ล้มเหลว!”