WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3102
คลื่นดาบที่พุ่งไปพรากชีวิตของยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 นั่น แม้จะเห็นว่าไร้เรื่องราว หากแต่ที่แท้แล้วมันอัดแน่นไปด้วยพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำ 4 ประการที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น!
สำหรับผลลัพธ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่ได้แปลกใจเลย กระทั่งหลินเฟยหยางก็ไม่ได้แปลกใจอะไรเช่นกัน
เจียงหลานถึงจะเป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดที่มีอายุน้อยกว่าร้อยปี และบรรลุด่านพลังขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดดุจเดียวกัน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้ 4 ประการแล้ว พลังก็ย่อมเหนือกว่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 เป็นธรรมดา
หลินเฟยหยางยังรู้ดี ว่าต่อให้เจียงหลานไม่ใช้ดาบอมตะระดับจักรพรรดิและอาศัแค่ศาสตราอมตะระดับราชา ก็สามารถเข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 ได้ง่ายดาย…เช่นนั้นยังจะนับประสาอะไรกับใช้ดาบอมตะระดับจักรพรรดิ?
ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่แปลกใจที่เจียงหลานฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 2 ได้ง่ายราวกับหายใจ กระทั่งคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว!
ในสายตาของมัน หากมันสลับดาบอมตะระดับจักรพรรดิในมือเจียงหลานกับอุปกรณ์อมตะระดับราชาในมือมันได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ความแข็งแกร่งของเจียงหลานจะอยู่เหนือมัน แต่มันก็สามารถเข่นฆ่าเจียงหลานได้ง่ายๆเช่นกัน
อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิมันเพิ่มพูนพลังให้ผู้ใช้สุดที่อุปกรณ์อมตะจอมราชันจะเทียบได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงพวกมันที่ไม่มีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันเหมือนต้วนหลิงเทียนเลย…
พวกมันมีก็แต่อุปกรณ์อมตะระดับราชาคู่กายร้ายๆเท่านั้น…
“เป็นอย่างไรเล่า…เห็นเช่นนี้แล้วเจ้ายังกล้าคิดใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่นั้นของเจ้า เพื่อต่อต้านข้าอยู่อีกหรือไม่?”
หลังจากเจียนหลานปลิดปลงชีวิต 2 ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดไปแล้ว สองตามันก็เบนไปตกยังร่างต้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น มุมปากคลี่ยิ้มแสยะ ถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
อย่างไรก็ตามรอยยิ้มแสยะเย้ยหยันที่มุมปากของมัน มีอันต้องชะงักค้างเติ่งไปทันใด เมื่อเห็นสีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียน
เดิมทีเจียงหลานคิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องบังเกิดความหวาดกลัวสิ้นหวังแล้วเป็นแน่ กระทั่งเผลอๆอาจจะเริ่มคุกเข่าร้องของชีวิตเช่นยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดเมื่อครู่
อย่างไรก็ตามสิ่งที่มันเห็นก็คือ ต้วนหลิงเทียนยังคงมองมาที่มันด้วยสายตาสงบ ใบหน้าไม่เผยความยินดียินร้ายใดๆ หามีแม้แต่เศษเสี้ยวความหวาดกลัวไม่!
“ทำไม? เจ้าคิดจะฆ่าข้าเป็นคนต่อไปงั้นรึ?”
ต้วนหลิงเทียนที่มองสบตาเจียงหลานอย่างเฉยเมย เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ
“โฮ่? ไม่คิดเลยจริงๆว่าถึงขั้นนี้แล้วเจ้ายังทำเป็นนิ่งอยู่ได้…ไม่ลองคิดคุกเข่าร้องขอชีวิตข้าดูหน่อยรึไร เผื่อข้าจักใจดีเมตตาละเว้นชีวิตเจ้าสักครา?”
เจียงหลานเพียงอึ้งอยู่ชั่วครู่ก็ดึงสติกลับมาได้ และเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนก็แค่เสแสร้งทำเป็นนิ่งเท่านั้น ในใจสมควรเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสิ้นหวังแล้วแน่แท้!
ซู่มมมม!!
ฟู่มมม!!
…
ทว่าเสียงกล่าวเจียงหลานยังดังไม่ทันจบคำดี เปลวเพลิงทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันปะทุลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่จะปกคลุมไปทั่วร่างเท่านั้น สภาวะพลังยังแกร่งกร้าวขึ้นประหนึ่งจะแผดเผาได้กระทั่งความว่างเปล่า!
“หืม!?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาเปลวไฟที่ลุกโชนท่วมร่างของต้วนหลิงเทียน ลูกตาเจียงหลานก็หรี่ลงเล็กน้อย “นี่มัน…ความลึกซึ้ง เผาไหม้ ของกฏแห่งไฟ?”
“เจ้า…นี่เจ้าปกปิดพลังมาโดยตลอด!?”
เจียงหลานไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าของมัน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้…ที่มันเข้าใจว่าเพียงโชคดีกว่าคนอื่นจนได้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่มาครอง และสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 2 ประการเท่านั้น…
แต่ที่แท้อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะเข้าใจความหมายแห่งไฟ กับ ลุกโหม เท่านั้น ยังเข้าใจความลึกซึ้ง เผาไหม้ ของกฏแห่งไฟอีกด้วย!
บรึมมม!
ฟู่มมมม!!
…
วินาทีต่อมา เพลิงพลังที่ลุกโชนท่วมร่างต้วนหลิงเทียน พลันปะทุระเบิดขึ้นมาอย่างแรง ปรากฏละอองไฟไฟกระเด็นออกไปวาบดับประปราย สิ่งนี้ทำให้ลูกตาเจียงหลานจำต้องหดแคบลงอีกครา
“นี่มัน…ความลึกซึ้ง ปะทุ!?”
“ต้วนหลิงเทียนเจ้า…ที่แท้เจ้ามิใช่แค่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 3 ประการ…แต่เจ้ายังเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งปะทุของกฏแห่งไฟบางส่วนแล้วรึ!?”
จังหวะนี้เจียงหลานอึ้งไปแล้วจริงๆ
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า
ต้วนหลิงเทียนจะเป็นสุดยอดอัจฉริยะดุจเดียวกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยาง! อายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงแต่จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น 3 ประการ แต่ยังริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ได้บางส่วนแล้ว!!
ในขณะเดียวกัน ทางด้านหลินเฟยหยางเองก็หวาดกลัวความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ด้วยไม่คิดมาก่อนเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้จะไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามันแม้แต่นิดเดียว
และนี่ยังไม่ได้คำนึงถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนยครอบครองอุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่!
ต้วนหลิงเทียนยามใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่ที่มีพลังอำนาจไล่ๆกับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ สมควรมีพลังถึงขั้นหากคิดจะเข่นฆ่ามันก็คงลำบากเพียงยกมือเท่านั้น!
“ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะซุกซ่อนได้ลึกและมิดชิดขนาดนี้…ที่แท้ความสามารถของเจ้ากลับไม่ได้ด้อยไปกว่าหลินเฟยหยางและหลิงเจวี๋ยอวิ๋น!”
เจียงหลานที่เดิมทีคิดลงมือฆ่าคน พอเห็นความสามารถที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน ในใจก็บังเกิดความคิดรักถนอมอัจฉริยะขึ้นมา
“แต่กระนั้น ด้วยความต่างของอุปกรณ์อมตะ เจ้าก็ยังอ่อนกว่าข้าหลายขุม…ต่อให้มิต้องกล่าวถึงอุปกรณ์อมตะ เดิมทีพลังระดับนี้ของเจ้าก็ยังถือว่าห่างกับข้าอยู่มาก”
เจียงหลานเอ่ยออกเสียงเรียบ
พอกล่าวจบคำ ร่างเจียงหลานก็ค่อยๆลอยตัวขึ้นสูง ก้มลงมองต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น และหลินเฟยหยางด้วยท่าทีราวกับเจ้าชีวิตมองข้าทาสบริวาร “ข้าจักให้โอกาสพวกเจ้าทั้ง 3 ได้มีชีวิตรอด…”
“ตราบใดที่พวกเจ้ายินยอมให้ข้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเจ้า…”
“ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าเท่านั้น ข้ายังจะมอบโอกาสประเสริฐให้พวกเจ้าทั้ง 3 คนอีกด้วย…ขอเพียงพวกเจ้าทั้ง 3 ยอมจำนนต่อข้า พวกเจ้าก็สามารถประลองกันเพื่อผลเทพสังเวยสวรรค์อีกผลที่เหลืออยู่ ใครแข็งแกร่งที่สุดก็จักได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ไปใช้!”
“แน่นอนว่า ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ต้วนหลิงเทียนเจ้า…มิอาจใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่นั่นได้!”
กล่าวถึงประโยคท้าย เจียงหลานก็หันไปหยุดมองต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว เสียงยังเน้นหนักเป็นพิเศษ
ยอมให้ปลูกฝังตราทาส?
หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงโดยพลัน
เขาย่อมรู้ดีว่าตราทาสที่ว่าคืออะไร เมื่อปลูกฝังแล้ว มันไม่อาจลบเลือนไปจากวิญญาณได้ เว้นเสียแต่ผู้ที่ปลูกฝังตราทาสลงมือลบตราทาสดังกล่าวด้วยตัวเอง หาไม่แล้วก็ไม่มีผู้ใดสามารถขจัดมันได้เลย!
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อยินยอมให้ผู้อื่นปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณแล้ว ก็เสมือนขายตัวเป็นข้าทาสผู้อื่นเขา และยังต้องเป็นทาสไปชั่วชีวิตอีกด้วย!
“เจ้าฝันไปเถอะ!”
หลินเฟยหยางเป็นคนแรกที่ตะโกนออกมา “ให้เจ้าปลูกฝังตราทาสลงวิญญาณข้าหรือ? ไม่มีวัน! ข้ายอมตายเสียดีกว่า!!”
“ฝันละเมอของตัวโง่งม!”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยังอดกล่าวเย้ยหยันออกมาไม่ได้
“หากข้ายอมให้เจ้าปลูกฝังตราทาส…ถึงจะได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์นั่นจนข้ากลายเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้วยังจะมีความหมายอันใด?”
ต้วนหลิงเทียนเองก็อดกล่าวเย้ยออกมาไม่ได้
“เหอะๆๆ…ดูเหมือนพวกเจ้าทั้ง 3 ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตางั้นสินะ?”
ถึงแม้จะมีคิดไว้บ้างแล้วว่าเรื่องราวอาจจะลงเอยอีหร็อบนี้ แต่พอเผชิญหน้าเข้าจริงๆ เจียงหลานก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เช่นนั้นข้าจักส่งพวกเจ้าทั้ง 3 ไปตามทาง แล้วรับผลเทพสังเวยสวรรค์ทั้งสองไปเสีย!”
พอเจียงหลานกล่าวจบคำ ดาบผลึกแก้วสีฟ้าในมือของมันก็สาดแสงสีฟ้าออกมาเจิดจ้า โถงถ้ำกว้างใหญ่คล้ายถูกชโลมย้อมไปด้วยสีฟ้าทันใด!
“ฆ่า!!”
หลินเฟยหยางคำรามออกมาอย่างดุร้าย สองตาแผดแสงแรงกล้า ร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปดั่งมังกรสมุทรทะยานโผล่พ้นลำน้ำ ปรี่ตงเข้าหาเจียงหลานอย่างเกรี้ยวกราด!
ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เริ่มลงมือทันที
ทั้งหมดลงมืออย่างที่ไม่ต้องนัดหมายใดๆทั้งสิ้น
เพราะจังหวะนี้ต่อให้ไม่ต้องหารือกัน ทั้ง 3 คนก็รู้ดีว่าจำต้องร่วมมือกันปะทะเจียงหลานเพื่อเอาตัวรอด!
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลินเฟยหยาง ข้าจักฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก่อน…ถึงตอนนั้นหากพวกเจ้าเกิดเปลี่ยนใจก็ให้รีบบอกข้าล่วงหน้า เพราะข้าเกรงว่าข้าอาจจะพลั้งมือฆ่าพวกเจ้าตกตายเสียก่อน!”
เผชิญหน้ากับร่างทั้ง 3 ที่โจนทะยานขึ้นมา เจียงหลานยังคงมีสีหน้าสงบไม่นำพา ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้พิจารณาเรื่องยอมสยบต่อมัน!
“พวกเจ้าสมควรรู้ดีว่าหากตกตายไปแล้ววก็มิเหลืออันใด ตราบใดที่พวกเจ้ายอมจำนนต่อข้า ข้ารับรองได้เลยว่าหลังจากที่ข้าบรรลุถึงจักรพรรดิอมตะแล้ว ข้าจักถอนตราทาสในวิญญาณของพวกเจ้า ปลดปล่อยพวกเจ้าให้เป็นอิสระ!”
วาจาประโยคสุดท้ายของเจียงหลาน ฟังแล้วดูเหมือนจะเลือกประนีประนอมให้บางส่วน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หรือหลินเฟยหยาง ก็ตอบคำเกลี้ยกล่อมของพวกมันด้วยการโจนทะยานเข่นฆ่าไปหามันสืบต่อ! ทั้งหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางยังซัดกระบวนท่าสังหารนำออกไปด้วยซ้ำ!!
ตอนนี้พลังที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้ออก ยังคงเท่าเดิมที่เคยเปิดเผยให้เห็นก่อนหน้า เลือกจะปกปิดความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้
ส่วนทางด้านต้วนหลิงเทียนที่ถูกเจียงหลานจับจ้องเป็นพิเศษนั้น ก็ไม่ได้ลงมือออกกระบวนท่าใดๆนำไปเหมือนทั้ง 2 แต่กลับเอื้อมมือขวาออกไปราวกับจะคว้าจับความว่างเปล่า
พริบตาต่อมา ก็ปรากฏลำแสงกระบี่ 7 สีพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของต้วนหลิงเทียน เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่แฝงอยู่ในร่างของเขา!
และทันทีที่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนปรากฏ แสง 7 สีปานรุ้งก็สาดส่องไปทั่วโถงถ้ำกว้างใหญ่ทันที เรียกว่าประชันขันแข่งกับแสงสีฟ้าที่เปล่งออกมาจากดาบของเจียงหลานได้เลย!
“นี่มัน…”
เจียงหลานที่บัดนี้ทั่วร่างปรากฏเงาร่างชุดเกราะออกมา ต้านทานรับมือกระบวนท่าของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นและหลินเฟยหยางที่ซัดนำมาได้อย่างง่ายดาย ก็เพิกเฉยหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยางไปโดยสมบูรณ์ สองตาจับจ้องมองไปยังกระบี่ 7 สีสันที่พึ่งปรากฏขึ้นเข้ามือต้วนหลิงเทียนเขม็ง!
“ต้วนหลิงเทียน! เจ้านับว่าทำให้ข้าต้องประหลาดใจครั้งใหญ่แล้วจริงๆ…เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าได้อุปกรณ์อมตะจอมราชันคู่มาครองก็เป็นเรื่องที่โชคดีมากแล้ว! แต่คิดไม่ถึงจริงๆว่าโชควาสนาของเจ้าจักสูงล้ำสุดเหนือความคาดหมายของข้า!”
“เจ้า…ถึงกับมีศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ!!”
เจียงหลานที่มองจ้องไปยังกระบี่ที่เปล่งแสง 7 สีในมือต้วนหลิงเทียนไม่วางตา และในแววตาของมันก็ฉายชัดถึงความโลภที่ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ!
ต่อให้ชาติที่แล้วตัวมันจะเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ แต่มันก็มีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือดาบผลึกฟ้าในมือของมัน
และนี่ยังเป็นเพราะในชาติก่อน พลังฝีมือของมันนับว่าโดดเด่นท่ามกลางจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศทั่วๆไป และใกล้จะไล่ตามความแข็งแกร่งของเหล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ทัน!
จักรพรรดิอมตะทั่วๆไป ยากนักที่จะมีอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิในครอบครอง!
เนื่องเพราะอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดินั้น นอกจากยากจะหาผู้หลอมสร้างมันได้ อาศัยแค่วัตถุดิบในการหลอมสร้างก็พบพานได้ยากเย็นแล้ว
ด้วยเหตุนี้อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิใดๆ จึงล้ำค่ามาก!
กระทั่งเงาร่างชุดเกราะที่ปรากฏขึ้นมาปกคลุมไปทั่วร่างเจียงหลานยามนี้ ก็เป็นแค่เกราะอมตะระดับจอมราชันเท่านั้น ไม่ใช่เกราะอมตะระดับจักรพรรดิแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงเกราะอมตะระดับจอมราชัน แต่ก็มีพลังเหลือเฟือจะปิดกั้นทุกการโจมตีของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับหลินเฟยหยาง!
“อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ!?”
หลินเฟยหยางที่พึ่งปลดปล่อยกระบวนท่าใส่เจียงหลานถึงกับผงะร่างไปวูบหนึ่ง และหันกลับมาดูกระบี่ในมือต้วนหลิงเทียนยที่เปล่งแสง 7 สีสาดส่องไปทั่วโถงถ้ำ!
สีหน้าของมันยังฉายชัดถึงความตกตะลึงพรึงเพริด!
ต้วนหลิงเทียนที่ทำให้มันบังเกิดความรู้สึกอบอุ่นและเสมือนถูกดึงดูดให้เข้าหาผู้นี้เป็นใครกันแน่? ไฉนถึงมีแม้กระทั่งอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิได้ แถมยังเป็นศาสตราประเภทกระบี่อีกด้วย!!
“เจ้าได้รับอนุญาติให้มีศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิได้…แต่ข้าไม่ได้รับอนุญาติให้มีศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยหยัน
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรที่เจียงหลานเข้าใจว่ากระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของเขาเป็นกระบี่อมตะระดับจักรพรรดิ และเขาก็ไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจให้มันด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน พลังที่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนในมือจะมอบให้เขาได้ ก็พอๆกับศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิเท่านั้น
“ข้าต้องบอกเลยว่า ต้วนหลิงเทียนเจ้าไม่เพียงแต่จะมากพรสวรรค์ทั้งสติปัญญา แต่โชควาสนาของเจ้าช่างทำให้ผู้อื่นอิจฉานัก…แต่อย่างไรเสีย วันนี้เจ้าก็ถูกลิขิตให้ตกตายด้วยมือข้า!”
“กระบี่อมตะระดับจักรพรรดิของเจ้า ก็ถูกลิขิตให้ตกเป็นของข้าเจียงหลานผู้นี้เช่นกัน!”
สองตาเจียงหลานสว่างไสวไปด้วยแสงแห่งความละโมบ จากนั้นคนที่คล้ายเวิ้งน้ำกำจายรอบตัวพร้อมเงาร่างชุดเกราะ ก็ดิ่งลงจากกลางหาวพุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนฉับไว ดาบผลึกฟ้าในมือยิ่งมายิ่งเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า!