WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3142
ถึงแม้สำหรับที่นี่จะเป็นครั้งแรก แต่ต้วนหลิงเทียนก็พบเจอฉากเรื่องราวทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว
ก็แค่เรื่องคุ้นเคยอีกเรื่อง…
ในปัจจุบันเขาถูกอาคมส่งตัวออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมายังค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวของตำหนักเคลื่อนย้าย และทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็พบเจอผู้คนที่มารายล้อมเอาไว้เนืองแน่น แต่ละคนจับจ้องมองเขาด้วสายตาหลากอารมณ์คลุกเคล้ากันไปหมด เรียกว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกอันพุ่งพล่านนัก
แน่นอนว่ายังมีสำนึกเทวะมามากที่โถมถันเข้ามาตรวจสอบเขาอย่างอุกอาจไม่หยุดหย่อน
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ 6 ประการแล้วจริงๆหรือ? พอดีข้ามีสหายอยู่ที่คฤหาสน์หานชิงคนหนึ่ง! ฟังจากที่มันบอก…เห็นว่า หลิวจี๋ ได้ลั่นวาจาออกมาว่าเจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6 ประการ!”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่ง เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัยก่อนใคร
“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเก่งเรื่องกฏมิติ แถมลูกพี่ลูกน้องข้าที่คฤหาสน์อู่จ้านบอกข้าอีกว่า เจ้าใช้ความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งสิ้น 7 ประการทุบตีเหิงเฟิงจนพ่ายแพยับเยินเลยงั้นเหรอ? ที่แท้เรื่องราวเป็นมาอย่างไรกันแน่!?”
ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวอีกคนเอ่ยถาม
พอศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวสองคนนี้ยิงคำถามออกมา เหล่าศิษย์ไม่เว้นอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนทันที สองตาฉายชัดถึงความอยากรู้ รอฟังอย่างใจจดจ่อว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอย่างไร
ท้ายที่สุดแล้วอาศัยแค่เรื่องขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี ก็ทำให้พวกมันตกใจแทบตาย…
แต่ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยผู้นี้ยังเข้าใจกฏแห่งมิติอันเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดอีก ที่สำคัญความลึกซึ้งที่เข้าใจก็มี 6-7 ประการแล้ว นี่ต้องเป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ถึงขนาดไหนกัน?
แค่คิดหนังศีรษะของพวกมันก็ด้านชาแล้ว!
“ต้วนหลิงเทียน!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังขมวดคิ้วเพราะถูกรายล้อม และโดนยิงงคำถามใส่ราวถูกสอบสวน ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากนอกวงล้อมของผู้คน
และเจ้าของเสียงดังกล่าวก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย
เป็นเสียงของฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นเอง
วูบ!
แทบจะทันทีที่เสียงทักฉีเทียนหมิงดังจบคำ ไม่รอให้ผู้คนโดยรอบคืนสติ ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน
ในเวลาเดียวกันกับที่ร่างเขาหายไป ร่างเขาก็ผุดโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่าใกล้ๆฉีเทียนหมิง จากนั้นก็เดินตามฉีเทียนหมิงออกไป
จังหวะนี้ทุกคนก็พึ่งจะได้สติคืนกลับ หลังมองส่งต้วนหลิงเทียนแล้ว เสียงสนทนาก็ระเบิดขึ้นมาปานตลาดสด
“ใช่ไหม? ใช่ไหมน่ะ!? เมื่อครู่นั่นใช่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติที่ร่ำลือหรือไม่!?”
“ใช่! เป็นความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏกแห่งมิติไม่ผิดแน่! หาไม่แล้วไฉนราชาอมตะเช่นข้าถึงจับร่องรอยความเคลื่อนไหวขุนนางอมตะ 10 ทิศผู้หนึ่งไม่ได้?”
“สมแล้วที่เป็นความสามารถในการเดินทางข้ามห้วงมิติของความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ…อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า และไปผุดโผล่อีกที่ในฉับพลันไร้ซึ่งร่องรอยใดๆให้สืบสาว!”
“ตอนนี้พวกเราสามาถยืนยันได้เรื่องหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีแน่นอน…และกฏที่เชี่ยวชาญก็สมควรเป็นกฏแห่งมิติไม่ผิดแน่! แต่หากอยากล่วงรู้ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้กี่ประการกันแน่ ข้าว่าต้องรอดูกันต่อไป แต่ที่แน่ๆคือต้องเข้าใจแล้วอย่างน้อยๆ 2 ประการ!”
“ข้าเองก็อยากรู้นักว่าที่แท้มันเข้าใจความลึกซึ้งของงกฏมิติได้ 6 หรือ 7 ประการกันแน่…เพราะข้าคิดว่าบางทีเหิงเฟิงกับคนอื่นๆที่พลาดท่ามันอาจจะกล่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงให้มันดูร้ายกาจ เพื่อปกปิดความประมาทของตัวเอง ไม่ให้ผู้คนหัวเราะเยาะ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้บอกให้รู้ว่ามันก็ไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างไรเสียเรื่องที่มันเอาชนะเหิงเฟิงกับหลิวจี๋ได้ก็เป็นความจริง ถึงแม้มันจะไม่ได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 7 ประการจริงๆ แต่มันก็ห่างไกลจากคำว่าธรรมดา”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว…ผู้ที่สามารถติด 30 อันดับแรกได้ ยังมีผู้ใดเป็นตะเกียงประหยัดน้ำมันบ้าง?”
…
เสียงบทสนทนาเซ็งแซ่ด้านหลัง เป็นธรรมดาว่าย่อมลอยมาถึงหูต้วนหลิงเทียน
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางขนาดนี้ทั้งๆที่เจ้าพึ่งเข้าไปไม่กี่วัน…ที่สำคัญยังเข้าไปช่วงสิ้นเดือนอีก”
ระหว่างเดินทางกลับที่พัก ฉีเทียนหมิงก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวด้วยอารมณ์ซับซ้อน
เป็นเรื่องที่ทราบกันดี ว่าช่วงสิ้นเดือนนั้นยากนักที่จะได้รับคะแนนสะสมใดๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
“ข้าก็แค่โชคดี”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ
เขารู้ดีแก่ใจว่าถ้าไม่บังงเอิญเจอหลิวจี๋เข้าล่ะก็อย่าว่าแต่อันดับที่ 25 เลย เต็มที่เขาก็คงอยู่ใน 50 อันดับแรกเท่านั้น
“เจ้าหาค่ายของคฤหาสน์อู่จ้านพบไม่พอ เจ้ายังพบเจอหลิวจี๋อีก…เรื่องนี้กล่าวว่าเจ้าโชคดีนั้นไม่ผิด! อย่างไรก็ตามหากพลังฝีมือเจ้าไม่ถึงขั้น ถึงจะพบค่ายคฤหาสน์อู่จ้านกับหลิวจี๋ก็ไม่มีประโยชน์อันใด รังแต่จะถูกพวกมันจัดการเสียเปล่าๆ…”
ฉีเทียนหมิงยิ้ม
ด้วยฐานะของมัน ย่อมไม่ยากที่จะล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรไว้บ้างในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง
ต้วนหลิงเทียนพบเจอค่าคฤหาสน์อู่จ้าน กระทั่งไปดักรอหน้าประตู สุดท้ายก็กำจัดคนของคฤหาสน์อู่จ้านไปเกือบโหล…เรื่องแบบนี้แทบไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาตร์แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เพราะการกระทำเช่นนี้นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจเกินไป ไม่พ้นต้องตกเป็นเป้าหมายของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 นั้นๆแน่
ดุจเดียวกับการกระทำครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน
หลังต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกครั้ง ยอดฝีมือของคฤหาสน์อู่จ้านต้องเพ่งเล็งเขาแน่
ในบรรดาศิษย์คฤหาสน์อู่จ้านที่เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น แม้เหิงเฟิงจะไม่ใช่ชั่ว แต่อย่างไรก็มีอีก 2-3 คนที่ร้ายกาจกว่ามัน…แน่นอนว่าในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าแข็งแกร่งกว่าเหิงเฟิงในเรื่องป้องกัน หากแต่เป็นพลังฝีมือโดยรวมสูงกว่าเหิงเฟิง ส่วนในแง่ป้องกันนั้น เกรงว่าต่ำกว่าขอบเขตราชาอมตะ คงไม่มีใครเทียบเหิงเฟิงได้แล้ว…
และในบรรดาผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเหิงเฟิง ล้วนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 6 ประการ และริเริ่มเข้าใจประการที่ 7 ขึ้นไปแล้วทั้งสิ้น
อย่างหลิวจี๋นั่น แม้หากวัดกันจริงๆจำนวนความลึกซึ้งที่เข้าใจจะกลายเป็นด้อยกว่าเหิงเฟิงไปแล้ว หากแต่ในแง่พลังฝีมือโดยรวม ยังถือว่าร้ายกาจกว่าเหิงเฟิงมาก
แต่เป็นธรรมดาว่ามันก็ไม่อาจจัดการเหิงเฟิงได้เช่นกัน เพราะมันไม่อาจทำลายการป้องกันของเหิงเฟิงได้
กลับกันหากเหิงเฟิงคิดจัดการมัน นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยความเร็วของมัน มันสามารถหยอกล้อเหิงเฟิงได้ตามใจชอบ
“2-3 วันก่อนท่านผู้นำคฤหาสน์มาหาข้าเรื่องเจ้า…กล่าวได้ว่าตอนนี้ผู้นำเองก็สนใจเจ้าไม่น้อยเช่นกัน”
ฉีเทียนหมิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนอย่างพึงพอใจ
เพราะไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ตัวมันคือผู้ที่นำพาต้วนหลิงเทียนมายังคฤหาสน์เฉวียนโยวแห่งนี้ เรียกว่ามันเป็นผู้แนะนำต้วนหลิงเทียนก็ได้ วันหน้าเมื่อต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จ จะจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยก็ดี ผู้นำคฤหาสน์ก็ดี ย่อมไม่ละเลยของรางวัลสำหรับผลงานของมันแน่นอน
และของรางวัลเหล่านั้น ก็มากพอจะทำให้ผู้อื่นอิจฉาตาร้อน
เพราะมันเองก็รู้ดีแก่ใจ
ว่าผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ใช่คนตระหนี่!
สำหรับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ให้อะไรมัน แต่การที่มันได้ไปเสนอหน้าให้อีกฝ่ายเห็นและรู้จัก ก็มากพอแล้วที่ในภายภาคหน้าจะมอบประโยชน์ให้มันไม่สิ้นสุด!
ต้วนหลิงเทียนติดตามฉีเทียนหมิงอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็กลับมาถึงที่พัก
“ข้าว่า…หลังผู้นำทราบเรื่องที่เจ้าออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมาแล้ว สิบในสิบไม่พ้นต้องให้ข้าพาเจ้าไปพบแน่นอน”
ฉีเทียนหมิงเดา
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพียงเอ่ยถามออกไปตรงๆ “ผู้เฒ่าฉี อันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจะล้างใหม่พรุ่งนี้ใช่ไหม?”
“ใช่”
ฉีเทียนหมิงพยักหน้า “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือน ผู้ใดที่ยังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้ระดับกลางล้วนจักถูกส่งตัวกลับออกมาหมด…จนพรุ่งนี้อันเป็นวันแรกของเดือนมาถึง แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางจึงจักเปิดให้เข้าไปอีกครั้ง”
“ทำไม หรือพรุ่งนี้เจ้าคิดจะเข้าไปเลย?”
ฉีเทียนหมิงมองถามต้วนหลิงเทียน
“ข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาไงดีเหมือนกัน”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม “ผู้เฒ่าฉี…ท่านว่าข้าควรเข้าไปช่วงไหนดี?”
“หากเจ้าหวังเพียงติด 20 อันดับแรก เจ้าเข้าไปพรุ่งนี้เลยก็ได้…แต่ถ้าเจ้าคิดติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ข้าแนะนำให้เจ้าเข้าไปหลังมันผ่านไปแล้ว 3 วัน”
ฉีเทียนหมิงกล่าว
“แล้วหากข้าอยากได้อันดับที่ 1 เล่า?”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง เอ่ยถาม
“อันดับที่ 1 หรือ?!”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ฉีเทียนหมิงก็อึ้งไปพักหนึ่งค่อยคลี่ยิ้มฝืนๆพลางกล่าว “ต้วนหลิงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากผ่านบดทดสอบที่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมอบให้ไวๆ และกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนใหม่ของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราโดยเร็วที่สุด…แต่ตอนนี้หากเจ้าคิดจะคว้าอันดับ 1 ข้าเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้”
“เท่าที่ข้ารู้มาขุนนางอมตะ 10 ทิศอันดับต้นๆของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่ละคนล้วนลึกลับยากหยั่งถึงนัก…แม้พวกมันจะเปิดเผยความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจออกมาต่อหน้าผู้คนราวๆ 7 ประการ ทว่าบางคนที่เข้าใจความลึกซึ้ง 7 ประการกับริเริ่มเข้าใจประการที่ 8 ไปบางส่วนยังแพ้พ่ายพวกมัน…”
“หลายคนสงสัยกันว่า พวกอันดับต้นๆนั่นที่แท้เข้าใจความลึกซึ้งได้ 8 ประการแล้ว เพียงแค่ไม่เปิดเผยออกมาให้ใครรู้”
“เป็นธรรมดาว่าถึงพวกมันอาจจะยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 8 ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น แต่พวกมันก็สมควรมีฝีมือย่อยบางอย่างให้พึ่งพา…แน่นอนว่าฝีมือย่อยที่พวกมันพึ่งพามิใช่พลังภายนอก แต่อาจเป็นความสามารถแต่กำเนิดหรือทักษะลับอะไรบางอย่าง สุดท้ายในคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ก็มีพวกที่มิใช่ผู้คนอยู่ไม่น้อย…”
ฟังจากคำพูดของฉีเทียนหมิงแล้ว เห็นได้ชัดว่า มันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถคว้าอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้
“มีที่ไม่ใช่ผู้คนด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น
เขารู้ดีว่าคำ ‘ไม่ใช่ผู้คน’ ที่ฉีเทียนหมิงพูดหมายถึงอะไร ก็คือเหล่าสัตว์อมตะ สมุนไพร ดอกไม้ อะไรทำนองนั้น…
ในระนาบเทวโลกมีบุปผาพืชหญ้าทั้งสมุนไพรมากมาย ที่หากสั่งสมพลังฟ้าดินมากพอ พวกมันก็อาจจะก่อเกิดสำนึกสติและสามารถบำเพ็ญตบะได้ จนเมื่อตบะแก่กล้าถึงจุดๆหนึ่งแล้ว พวกมันก็จะสามารถจำแลงกายเป็นผู้คน ถึงตอนนั้นพวกมันก็สามารถก้าวเข้าสู่วิถีอมตะอย่างที่ผู้ฝึกตนมนุษย์แสวงหา…
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก
กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกบางระนาบ เดิมทีก็เคยเป็นแค่บุปผาต้นหนึ่งเท่านั้น หากแต่หลังดำรงอยู่มานาน สั่งสมพลังฟ้าดินนับหมื่นพันปี สุดท้ายก็สามารถเข้าสู่วิถีอมตะจนกลายเป็นตัวตนอันทรงพลัง! เหล่าสัตว์อมตะเองก็เช่นกัน และตัวตนเหล่านี้บางแง่มุมยังแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนที่เป็นผู้คนเสียอีก
“มี!”
ฉีเทียนหมิงพยักหน้า “ไม่ต้องกล่าวไปไหนไกล กระทั่งคฤหาสน์เฉวียนโยวของพวกเรายังมีคนที่มิใช่ผู้คนอยู่เลย…เจ้าเองก็คงเห็นตารางจัดอันดับแล้ว และสมควรเห็นว่าใน 30 อันดับแรกนอกจากเจ้ากับโจวหงเจี๋ย ยังมีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เจ้าไม่คุ้นชื่ออยู่อีกคนใช่หรือไม่?”
“ใช่ ข้าจำได้”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ตอนข้าออกมา มันอยู่ในอันดับที่ 29 เป็นรองโจวหงเจี๋ยแค่ 5 อันดับเท่านั้น”
อันดับของแดนสวรรค์ใต้ราณระดับกลางเดือนนี้นั้น ตัวเขาอยู่ในอันดับที่ 25 ส่วนโจวหงเจี๋ยอยู่ในอันดับที่ 24 และศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เขากำลังพูดถึงก็อยู่ในอันดับที่ 29
คนผู้นั้นเรียกว่า ฮวาเซียว
“มันมิใช่มนุษย์ ร่างที่แท้จริงของมันเป็นดอกไม้”
ฉีเทียนหมิงกล่าว “นอกจากนั้นยังเป็นดอกไม้ที่เติบโตในก้นทะเลสาบ…หลังได้รับโชควาสนาบบางประการ ในที่สุดก็สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์และเริ่มก้าวเข้าสู่วิถีฝึกตน ตอนนี้กล่าวไปมันยังมีอายุแค่ 500 กว่าปีเท่านั้น”
“อ้อ แน่นอนว่าอายุ 500 กว่าปีของมัน จะเริ่มนับจากวันแรกที่มันจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้…”