WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3182
ผู้คนส่วนใหญ่ในคฤหาสน์เฉวียนโยว รวมถึงฉีเทียนหมิง ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้ว
ทุกคนยังตั้งหน้าตั้งตารอดูต้วนหลิงเทียนเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และแสดงความดุร้ายด้วยการไปดักหน้าค่าย ทุบตีผู้อื่นอย่างไร้ทางสู้ เหมือนที่เคยทำมาทั้ง 3 เดือน สานตำนานอันดับ 1 ต่อไป!
เพราะพวกมันล้วนเชื่อมั่นถึงที่สุด ว่าหากต้วนหลิงเทียนไม่โชคร้าย จนเหินร่างเคว้งคว้างไม่พบผู้ใด ไม่มีทางที่จะไม่ได้รับอันดับ 1 แน่นอน!
อย่างไรก็ตาม พอขึ้นเดือนใหม่จนเวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นมาเสียที ราวกับคนหายสาบสูญไปเลย!
“เกิดอะไรขึ้น? ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปไหนแล้วเล่า?”
“เอ่อ…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน คงไม่ใช่ว่าออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวเราไปแล้วหรอกนะ”
“ก็เป็นไปได้…หาไม่แล้วไฉนเดือนนี้แดนสวรรค์ใต้โบราณเปิดมาสิบกว่าวัน แต่คนยังไม่เข้ามาอีก…”
“เฮ่ เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นคนนอกที่ผู้นำจ้างมาช่วยเหลือพวกเราเป็นครั้งคราวหรือไร? จะจากไปแล้วก็ไม่แปลกนี่นา? ไฉนเจ้าแลดูจริงจังขนาดนั้นเล่า?”
“ก็ข้าไปสืบมาจนรู้ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ที่แท้ถูกผู้ตรวจการฉีไปรับตัวมาจากนิกายอมตะเป้าผู่น่ะสิ! ไม่ใช่คนนอกที่ทางคฤหาสน์จ้างมาช่วยแต่อย่างใด!”
“นิกายอมตะเป้าผู่? หนึ่งในขุมกำลัง 3 นิกาย 2 ตระกูลใต้อาณัติคฤหาสน์เฉวียนเราน่ะนะ? โอ ทวยเทพ! ข้าไม่คิดไม่ฝันเลยว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจะมาจากที่นั่น!!”
“ข้าว่าตอนนี้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมควรถูกคนของตระกูลซูมาพาไปแล้วแน่แท้…หาไม่แล้วไฉนถึงไม่เข้าไปทำผลงานดีๆในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง?”
…
ศิษย์ขอบเขตขุนนางอมตะของคฤาหสน์เฉวียนโยวออกความเห็นกันระงมหู เพราะจนป่านนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียที
“เจ้าหนู เดือนนี้เจ้าไม่คิดเข้าไปหรือ?”
ฉีเทียนหมิงอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความมาถามไถ่
“เข้าไปไหน?”
ต้วนหลิงเทียนที่กำลังคุยกับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอยู่ พอได้รับข้อความติดต่อจากฉีเทียนหมิง อารามครุ่นคิดเรื่องอื่นอยู่ก็เลยไม่ทันนึก ว่าฉีเทียนหมิงเอ่ยถามถึงเรื่องอะไร ได้แต่บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณถามกลับไปอย่างงงๆ
“ก็เข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอย่างไรเล่า”
ฉีเทียนหมิงส่งข้อความมาถามต่อ
“ผู้เฒ่าฉี ตอนนี้ข้าทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว…ท่านว่าข้ายังจะเข้าไปได้อีกไหมเล่า”
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็เข้าใจว่าเรื่องอะไร จึงส่งข้อความตอบกลับไปเร็วไว
หลังได้รับคำตอบดังกล่าวจากต้วนหลิงเทียน ฉีเทียนหมิงก็ยืนเหวอไปตาปริบๆ ด้วยคิดไม่ถึงจริงๆว่าจะได้รับคำตอบลักษณะนี้จากต้วนหลิงเทียน
‘เจ้าหนูนั่น…มันทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว!?’
บัดนี้ฉีเทียนหมิงกลัวแล้วจริงๆ…
เพราะเท่าที่มันรู้มา ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งได้รับผลเทพสังเวยยสวรรค์ จนด่านพลังทะลวงจากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศหรอกรึไง…?
แล้วเรื่องราวยังพึ่งผ่านไปเท่าไหร่กัน ต้วนหลิงเทียนกลับบ่มเพาะพลังจากขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ จนสามารถทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว?
มันจดจำได้ว่าหากใช้ผลเทพสังเวยสวรรค์ จากขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดก็จะบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิษได้พอดี ไม่ได้มีพลังสั่งสมล้นเหลือมากมิใช่หรือ?
ในกรณีนั้นไม่ได้หมายความว่าหากคิดทะลวงถึงราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ก็ต้องบ่มเพาะพลังเต็มขั้น ของขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศด้วยตัวเองก่อนหรือไร?
ตัดกลับมาทางด้านวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย
“ผู้อาวุโส ในเมื่อท่านว่าอย่างนั้น ข้าก็จะอยู่ในคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่ไปไหน…รอให้พลังฝีมือข้าถึงขั้นสามารถเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้เมื่อไหร่ ข้าค่อยคิดเรื่องออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับชายชรา
“ดี”
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ชายยชราก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ทันใดนั้น คล้ายมันฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ออก ชายชราจึงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “จักว่าไป ดูเหมือนนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเราตอนนี้ จักมีแม่นางน้อยผู้หนึ่งมาด้อมๆมองๆอยู่สองสามวันแล้ว…”
“ที่แปลกก็คือ ด้านหลังนางกลับมีคน 2 คนคอยสะกดรอยตามนางโดยที่นางไม่รู้ตัว”
“สตรีนางนั้นพึ่งมาถึงด้านนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวหลังนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือด ยังมาถึงหลังคนของคฤหาสน์ปี้ชิงอีกด้วย เช่นนั้นก็สมควรไม่ใช่พวกเดียวกัน…”
“เจ้ารู้จักนางหรือไม่”
ชายชราถาม
“แม่นางน้อย?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “นางมีรูปร่างหน้าตาอย่างไรหรือ?”
“ข้ามองไม่เห็นว่านางมีรูปโฉมอย่างไร…นางไม่เพียงแต่จะสวมผ้าปิดหน้า แต่ยังสวมงอบผ้าอีกด้วย เช่นนั้นจึงยากที่ข้าจะบอกได้ว่าหน้าตานางเป็นอย่างไร แต่รูปร่างนับว่าไม่เลวทีเดียว”
ชายชรากล่าว
และทันทีที่ชายชรากล่าวจบคำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที เพราะลักษณะสตรีที่ปกปิดหน้าตามิดชิดขนาดนี้ อดทำให้ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้
“ฮวนเอ๋อ?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน จากนั้นก็เร่งมองถามชายชราอย่างร้อนใจ “ผู้อาวุโส ไม่ทราบตอนนี้นางอยู่ที่ใด? นางอาจเป็นสหายที่พลัดหลงกับข้าเมื่อหลายปีก่อน!!”
“บางทีนางอาจได้ยินว่าตอนนี้ข้าอยู่ที่คฤหาสน์เฉวียนโยว ก็เลยมาตามหาข้าที่คฤหาสน์เฉวียนโยว!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว และยิ่งพูดก็ยิ่งสงสัยว่าอาจจะเป็นฮ่วนเอ๋อมากขึ้นเรื่อยๆ
“สหายเจ้ารึ?”
ชายชราเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็โบกมือส่งๆ ปรากฏพลังไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่มาปกคลุมห่อหุ้มต้วนหลิงเทียนเอาไว้ในฉับพลัน
พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็พบว่าชายชราได้หอบหิ้วเขาเดินทางด้วยความเร็วสูง จนแลเห็นทิวทัศน์รอบกายเป็นเส้นแสงวูบวาบผ่านไปเร็วไว
“นางอยู่นั่น”
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนพบว่าชายชราได้ชะลอความเร็วจนหยุดลงแล้ว เสียงชายชราก็ดังขึ้นในหูเขาพอดี
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินดังนั้น ก็หันมองไปเบื้องหน้าทันที
พริบตาเขาก็เห็นร่างบางหนึ่งยืนอยู่ไกลๆ
เป็นสตรีที่สวมใส่ผ้าคลุมและงอบผ้าปกปิดใบหน้ามิดชิด ชุดของนางมีสีขาวสะอาด รูปร่างของนางไม่ว่าจะทรวดทรงองค์เอวนับว่าไร้ที่ติ
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นผ้าปิดปาก หมวกงอบผ้าบางๆนั่น หรือชุดที่นางสวมใส่อยู่ สำหรับต้วนหลิงเทียนมันคุ้นจนไม่อาจจะคุ้นมากกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว…
เพราะเขาเป็นคนพานางไปซื้อเอง!
“ฮ่วนเอ๋อ!”
ต้วนหลิงเทียนเผยทีท่าตกตะลึงทั้งประหลาดใจนัก ด้วยไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอยู่ๆฮ่วนเอ๋อจะมาปรากฏตัวที่คฤหาสน์เฉวียนโยวแบบนี้ ปมในใจอันหนักอึ้งเริ่มคลี่คลายทันที!
“อย่าได้รีบร้อนเผยตัว”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะออกไปแสดงตัว เสียงชายชราก็ดังขึ้นพอดี “อย่าได้ลืมไป ว่ามี 2 คนลอบสะกดรอยตามนางมาอย่างลับๆล่อๆ…ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง 2 มิใช่มนุษย์แต่สมควรเป็นสัตว์อมตะ”
“ข้าลองแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบพวกมันดูแล้ว…หากข้าดูไม่ผิด พวกมันสมควรเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายา”
พอชายชราเอ่ยถึงจุดนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง
คนของเผ่าจิ้งจอกมายา?!
จนถึงวันนี้ เขายังจำคำเตือนที่กูป๋อของฮ่วนเอ๋อกำชับไว้ได้ขึ้นใจ
กูป๋อของฮ่วนเอ๋อกำชับเขาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่า…ก่อนที่ฮ่วนเอ๋อจะบรรลุถึงขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ อย่าปล่อยให้คนของเผ่าจิ้งจอกมายาพบเจอฮ่วนเอ๋อเด็ดขาด นอกเสียจากมารดาของนางเอง!
และหากมีคนของเผ่าจิ้งจอกมายาบังเอิญพบเจอฮ่วนเอ๋อโดยบังเอิญล่ะก็ เว้นเสียแต่มันผู้นั้นจะแซ่ตู้ ให้ฆ่าทิ้งทันที!
หาไม่แล้วฮ่วนเอ๋อจะมีภัยถึงชีวิต!
ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังก็ทราบได้ทันที ว่านี่คือการแก่งแย่งช่วงชิงอำนาจในเผ่าแน่นอน
“ผู้อาวุโส”
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะหันไปมองถามชายชรา “ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าสองคนที่ลอบสะกดรอยตามนางมาเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมาไม่ผิดแน่?”
“ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วน
ชายชราตอบ
“ผู้อาวุโสเช่นนั้นพาข้าไปพบพวกมันเถอะ…ถึงตอนนั้นข้าจะถามชื่อพวกมันมดู หากว่าพวกมันไม่ได้แซ่ตู้ ข้าขอรบกวนให้ผู้อาวุโสช่วยฆ่าพวกมันทิ้งได้หรือไม่?”
“และอย่าให้พวกมันได้มีโอกาสใช้ยันต์อมตะสื่อสารใดๆก่อนตายเด็ดขาด”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอชายชราด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด
“ได้”
ชายชราพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวถามอะไรให้มากความ ราวกับเต็มใจช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข
อันที่จริงตอนนี้ตัวมันก็ยึดถือต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งฟางเส้นสุดท้ายแล้ว หากไม่มีต้วนหลิงเทียน โอกาสที่มันจะล้างแค้นให้บิดากับมารดาเรียกว่าริบหรี่เต็มที…
มีเรื่องหนึ่ง ที่ต้วนหลิงเทียนยังไม่รู้
อันที่จริงแล้วจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนี้ หาใช่อาจารย์ของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเมื่อ 30,000 ปีก่อนไม่…แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนี้ ที่แท้ก็คือลูกชายแท้ๆของอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย!!
ในปีนั้นมารดาที่อุ้มท้องมัน หลังหลบหนีการล่าสังหารมาได้อย่างเฉียดฉิว ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายหลังพบครอบครัวธรรมดาครอบครัวหนึ่ง นางก็ได้คลอดมันก่อนตาย…
ต่อมามันที่เติบโตขึ้นก็ได้ล่วงรู้เรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่มารดาเหลือไว้ให้
ถึงแม้ในเวลาต่อมามันจะเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว และขยันหมั่นเพียรโดยอาศัยความแค้นเป็นแรงผลักดัน แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีปัญญาเข่นฆ่าผู้นำตระกูลเหอเพื่อล้างแค้นให้บิดามารดาได้
ด้วยวิธีนี้มันก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับผู้อื่นเท่านั้น
การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน ทำให้มันเห็นรุ่งอรุณแห่งความหวัง
ตั้งแต่วินาทีที่ต้วนหลิงเทียนรับปากจะล้างแค้นให้บิดามารดามัน มันก็ยึดถือชีวิตของต้วนหลิงเทียนเป็นสำคัญเหนือชีวิตมันทันที
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะให้มันฆ่าผู้ใดก็ไม่รู้สองคนเลย หากต้วนหลิงเทียนสามารถล้างแค้นให้บิดามารดามันได้จริง ถึงตอนนั้นต่อให้ต้วนหลิงเทียนขอให้มันฆ่าตัวตาย มันยังไม่อิดออด!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ชายชราอบหิ้วต้วนหลิงเทียนไปปรากฏเบื้องหน้าคนทั้ง 2 ที่สะกดรอยตามฮ่วนเอ๋อ
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายชัดเจน เป็นชายหนุ่มกับชายวัยกลางคน และทั้งคู่ก็แลดูสับสนงุนงงไม่น้อยเมื่อเห็นว่าอยู่ๆ ต้วนหลิงเทียนกับชายชราก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าต่อตา
“พวกเจ้าทั้งคู่ มาทำอะไรลับๆล่อๆในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา?”
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยถามเสียงหนัก “เป็นการดีเสียกว่าที่พวกเจ้าจะบอกฐานะความเป็นมาให้แน่ชัด…และแจ้งมาตามตรงว่าที่แท้พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่ หาไม่แล้วพวกเจ้าอย่าหวังเก็บชีวิตกลับไป!”
พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้าท่าทีทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง
การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนกับชายชราเบื้องหน้า พวกมันไม่อาจแลเห็นร่องรอยใดๆได้เลย บ่งบอกให้รู้ว่าหากอีกฝ่ายต้องการชีวิตพวกมัน เช่นนั้นพวกมันตายอย่างไรก็คงไม่ทราบแล้ว!
เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวก็บอกให้รู้ว่าอย่างน้อยๆ 1 ใน 2 ที่ปรากฏตัวเบื้องหน้า ร้ายกาจกว่าพวกมันมาก!
“ใต้เท้า พวกเราเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมาจาก ข้าเรียกว่าจางฉีอวี่ ส่วนด้านนี้คือจางลี่จง พวกเรามิได้มีความแค้นอันใดกับคฤหาสน์เฉวียนโยวของใต้เท้าเลย”
พอเสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ หนึ่งในนั้นก็เร่งกล่าวออกมาเร็วไว
ไม่ได้แซ่ตู้!
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน
และในวินาทีเดียวกับที่ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลง เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยชราที่ยืนข้างๆ ก็ได้ยกมือขึ้นมาโบกสะบัดตามอำเภอใจ
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
…
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว เขาก็เห็นว่าคนเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 2 ที่ลอบสะกดรอบตามฮ่วนเอ๋อมา ได้ถูกเถาวัลย์ทะลวงแทงตกตายลงในชั่วพริบตา!
ในห้วงเวลาชั่วพริบตาเช่นนี้ อย่าว่าแต่ใช้ยันต์อมตะสื่อสารแจ้งเรื่องราว กระทั่งตกตายอย่างไร ก็เกรงว่าพวกมันจะไม่ทันรู้ตัว…
เพราะสีหน้าของทั้งคู่ ยังฉายถึงรอยยิ้มปั้นแต่ง เหมือนตอนกล่าวตอบคำเขาอยู่เลย…
‘ร้ายกาจยิ่ง!’
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงพลังอันน่ากลัวของชายชราข้างกายผู้เป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยทันที เรียกว่าทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ!
“ผู้อาวุโส ขอบคุณท่านมาก”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานกล่าวขอบคุณชายชราจากใจ
หลังกล่าวขอบคุณแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาด้วยยสีหน้าจริงจัง “ผู้อาวุโสลองคนของเผ่าจิ้งจอกมายาตกตายแบบนี้ อย่างน้อยๆทางเผ่าพวกมันต้องตามร่องรอยมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวได้แน่…เรื่องนี้จะสร้างปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“เผ่าจิ้งจอกมายาในแดนสวรรค์ใต้ ขุมกำลังยังนับว่าอ่อนด้อยกว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวเรามากนัก…ต่อให้พวกมันคิดมาหาความอันใด คฤหาสน์เฉวียนโยวเราก็ไม่หวั่น!”
ชายชรากล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ
ได้ยินดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจ
และภายใต้การนำพาของชายชรา ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปปรากฏเบื้องหน้าฮ่วนเอ๋อไม่ไกล ฮ่วนเอ๋อก็ยังคงเหม่อมองคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าไกลๆอย่างเงียบงัน
“ฮวนเอ๋อ!”
ต้วนหลิงเทียนมองฮ่วนเอ๋อด้วยอารมณ์สะทกสะท้อนครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆเรียกหานางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในดวงตาเขายังฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดีสุดระงับ