WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3194
จางอวิ๋นถิง ตัวมันนอกจากจะเป็นราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว กระทั่งบุตรชายของมันก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าถึงลูกชายของมันจะมีด่านพลังราชาอมตะ 10 ทิศดุจเดียวกับมัน หากทว่าพลังฝีมือของลูกชายของมันยังด้อยกว่ามันอยู่มาก เพราะลูกชายของมันพึ่งจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้แค่ 8 ประการเท่านั้น
พอมันได้รับข้อความจากลูกชาย มันก็ไม่รอช้าเร่งติดต่อกลับไปยังเผ่าทันที สุดท้ายเรื่องราวก็ถูกรายงานต่อไปถึงหูหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายา จางตงหนาน
“หืม? ต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่น มันพาสตรีที่พวกเราสงสัยว่าจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเช่นนั้นรึ!?”
หลังได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว สองตาจางตงหนานก็หรี่ลงทันที
อันที่จริงหลังจากที่ยืนยันได้แล้วว่า สตรีชุดขาวปกปิดหน้าตาที่คนของเผ่าจิ้งจอกมายาลอบติดตามไปด้วยความสงสัยก่อนจะถูกฆ่าตายทั้งคู่ กับต้วนหลิงเทียนแห่งคฤหาสน์เฉวียนโยวคนนั้นเคยรู้จักกันมาก่อน ตัวมันก็อยากไปเยือนคฤหาสน์เฉวียนโยวเพื่อตรวจสอบเรื่องราวอีกรอบ จะได้รู้กันไปว่านางใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาหรือไม่…
ถึงตอนนั้นต่อให้มันไม่อาจชิงคนจากอ้อมกอดคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ แต่มันก็สามารถนำเรื่องนี้ไปรายงานให้เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน และรอให้เผ่าหลักส่งยอดฝีมือลงมาจัดการเรื่องราว
ขอแค่เผ่าหลักส่งจอมราชันอมตะสมญานามลงมาสักคน ก็มากพอจะชิงตัวสตรีชุดขาวออกจากคฤหาสน์เฉวียนโยวได้อย่างง่ายดาย
อนิจจาเพราะตอนนี้มันไม่อาจยืนยันเรื่องราวได้ชัดเจน มันก็เลยไม่กล้ารายงานเรื่องราวกลับไปยังเผ่าหลัก เพราะสุดท้ายหากเป็นการเข้าใจผิดอะไรขึ้นมา อีกฝ่ายไม่ใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาอย่างที่คิด เผ่าหลักต้องคาดโทษมันแน่!
จอมราชันอมตะสมญานามที่ว่า ก็คือตัวตนที่มีระดับเดียวกันกับจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ จ้าวผู้ปกครองแดนสวรรค์ใต้!
โทสะของจอมราชันอมตะสมญานาม ไม่ใช่อะไรที่ตัวมันจะแบกรับได้ไหว!
“นอกจากนั้น นางมิใช่ขุนนางอมตะ 10 ทิศอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นราชาอมตะ 6 ผสานไปแล้วหรือ ที่สำคัญนางยังตระหนักรู้กฏมิติไม่เบา ถึงขั้นเข้าใจความลึกซึ้ง กักกัน และ ผ่ามิติ ถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว?”
ต้องกล่าวเลยว่าหลังได้รับทราบเรื่องราว จางตงหนานอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้ตัวมันจะเป็นถึงหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาแดนสวรรค์ใต้ แต่มันก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าใต้หล้ามีสุดยอดอัจฉริยะที่มีความสามารถอันน่ากลัวถึงขนาดนี้ดำรงอยู่ด้วย!
“กระทั่งจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาคนสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์เผ่าจิ้งจอกมายา…ยังไม่มีอัจฉริยะภาพร้ายกาจเช่นนี้เลยมิใช่หรือ?”
“ภายในเวลาแค่ 30 ปี ด้านพลังก้าวกระโดดจากขุนนางอมตะ 10 ทิศไปราชาอมตะ 6 ผสาน…แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีก…”
สีหน้าท่าทีจางตงหนานเริ่มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจัง
“ในเมื่อตอนนี้นางทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว…หากนางเลือกจะปกปิดกลิ่นอายพลัง เช่นนั้นต่อให้ข้าไปอยู่ต่อหน้านาง ก็เกรงว่าคงไม่อาจระบุได้ว่านางจะเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา”
คิดถึงจุดนี้สองตาจางตงหนานก็ฉายแววลังเล “หรือว่า…ต้องรายงานกลับไปยังเผ่าหลักทั้งๆที่ไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดจริงๆ?”
“ช่างเถอะ รอก่อนแล้วกัน…ไม่แน่อาจมีจุดเปลี่ยนอันใด”
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางตงหนานก็บดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณเพื่อส่งข้อความถึงจางอวิ๋นถิงทันที “ผู้เฒ่าอวิ๋นถิง…หากสบโอกาส ท่านก็ลองไปหยั่งเชิงสตรีนางนั้นดูหน่อยเถอะ”
“ทราบแล้วหัวหน้าเผ่า”
จางอวิ๋นถิงตอบกลับ ก่อนที่จะส่งข้อความไปถามบุตรชายอีกครั้ง ว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมุ่งหน้าไปทางไหน จากนั้นมันก็เร่งรุดมุ่งหน้าไปทางนั้นทันที
ตอนนี้สภาพแวดล้อมรวมถึงตำแหน่งเขตปลอดภัยของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็ถูกระบุได้หมดแล้ว เพราะมันต่างจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางที่มักจะเปลี่ยนแปลงทุกๆเดือน
ภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง สิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงไปก็คือตำแหน่งที่สมบัติรวมถึงแดนลับย่อยต่างๆ จะปรากฏ
ด้วยเหตุนี้หลังได้รับทราบตำแหน่งคร่าวๆจากบุตรชาย จางอวิ๋นถิงจึงมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆคาดว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อน่าจะไปทันที
…
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่เดินทางท่องไปเรื่อง ก็ได้พบเจอคู่ต่อสู้ไม่น้อยและจัดการผู้คนไปมากมาย แต่กลับไม่มีใครอยู่ใน 100 อันดับแรกเลย
คนที่พบเจอเหล่านี้ไม่แม้แต่จะรับหนึ่งกระบวนท่าของเขาได้
แน่นอนว่าในเมื่อเขาไม่มีความคับข้องใจกับคนเหล่านี้ หากตอนพบเจอกันอีกฝ่ายไม่มีจิตสังหาร เขาก็ไม่คิดพรากหนึ่งชีวิตของอีกฝ่าย
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่าผู้ที่ถูกเขาจัดการออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไป ได้นำเรื่องราวไปกล่าวบอกคนรู้จัก จนทำให้ผู้คนเริ่มล่วงรู้กันว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงปรากฏชายหนุ่มชุดม่วงที่แม้จะมีพลังฝึกปรือแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ทว่ากลับมีพลังต่อสู้ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาอมตะ 10 ทิศ!
ในบรรดาคนที่ถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ ผู้ที่อ่อนด้อยที่สุดก็คือราชาอมตะ 7 ดารา และผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือราชาอมตะ 9 ตำหนัก
อย่างไรก็ตามแม้ต้วนหลิงเทียนจะส่งผู้คนออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงไปนับสิบ แต่คะแนนสะสมของเขาก็มีแค่ 30 แต้มเท่านั้น ยังห่างจากการติด 100 ไม่น้อย
“ไม่รู้ว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้มันกว้างใหญ่ขนาดไหนกัน…”
ต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่รู้ทิศทางในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ขณะหันมองดูที่ทางรอบๆ
สำหรับฮ่วนเอ๋อนั้นนางไม่สนใจอะไรมากนัก เพียงกุมมือต้วนหลิงเทียนไว้ข้างหนึ่งและติดตามอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียนดั่งเงาตามตัว
“จึกๆๆๆๆ…ช่างเป็นคู่หนุ่มสาวที่เหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกโดยแท้! เจ้าหนุ่มก็หล่อแม่หนูก็สวยเหลือเกิน”
ทันใดนั้นเองสุดขอบฟ้าไกลตาปรากฏร่างเงาเลือนลางวูบมาด้วยความเร็วสูงปานภูตผี เสียงชราแหบบแห้งเองก็ดังใกล้เข้ามาทุกขณะ
ไม่นานนัก ร่างในชุดคลุมลมดำเก่าๆขาดๆหนึ่งก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ
เป็นชายชราคนหนึ่ง ไม่ทราบยากจนหรืออย่างไร แต่ชุดคลุมลมดำของมันช่างเก่าและซอมซ่อเหลือเกิน รูปร่างยังผ่ายผอมหนังติดกระดูก ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แลดูแก่หง่อมชวนสยองพิกล
‘ชายชราคนนี้..ราชาอมตะ 10 ทิศ…’
เมื่อเห็นความเร็วในการลัดฟ้าเข้ามาของอีกฝ่าย รวมถึงกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ต้วนหลิงเทียนย่อมตัดสินได้ทันทีว่าร่างชราเบื้องหน้าเป็นราชาอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะยังเป็นแค่ราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่เขาก็เคยถือครองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมาแล้ว 2 ครั้งในช่วงเวลาสั้นๆจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง เช่นนั้นเขาจึงอ่อนไหวกับกลิ่นอายพลังขอบเขตราชาอมตะไม่น้อย
“อัยยะ…ยาโถวน้อยนี่ยังมีอายุไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำ! ต้องกล่าวเลยว่ายาโถวน้อยเจ้าช่างงดงามจริงๆ หากเราผู้เฒ่าอายุน้อยกว่านี้สักหลายหมื่นปี ไม่พ้นต้องสนใจเจ้าแน่”
ชายชรามองฮ่วนเอ๋อพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเห็นฟัน
อย่างไรก็ตามมันแย้มยิ้มได้ไม่นานก็หันมามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงแววตาเฉยเมย “พวกเจ้าทั้งคู่ทุบทำลายป้ายหยกกลับออกไปเสีย…หรือหากจะให้เราผู้เฒ่าช่วยส่งก็ย่อมได้”
“แต่เราผู้เฒ่าขอเตือนพวกเด็กน้อยเจ้าไว้สักคำ…หากลำบากให้เราผู้เฒ่า เฮยชา ผู้นี้ลงมือ ไม่แน่ว่าอาจยั้งมือไม่ทัน ถ้าไม่เจ็บตัวหน่อยๆ ก็อาจเผลอทุบตีเจ้าตาย!”
กล่าวถึงจุดชายชราก็มองเตือนต้วนหลิงเทียนด้วยสายตา
“ขอบคุณผู้เฒ่าที่กล่าวเตือน”
ได้ยินว่าอีกฝ่ายอยู่มาเป็นหมื่นๆปี ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเซียนอมตะทุกคน หากไม่เกิดอุบัติเหตุอะไร ก็สามารถมีชีวิตยืนยาวเท่าฟ้าดิน…
ในระนาบเทวโลกผู้ที่มีอายุเกินหมื่นปี มองไปทางไหนก็พบเจอ…
ดุจเดียวกับเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ซึ่งมีชีวิตอยู่มา 30,000 กว่าปีแล้ว
“เพียงแต่หากผู้เฒ่าคิดกำจัดพวกเราสองคน…ก็ต้องดูว่าผู้เฒ่าแข็งแกร่งมากพอจะ ‘เกลี้ยกล่อม’ ให้พวกเราออกไปได้หรือไม่”
ได้ยินคำเตือนจากชายชรา ต้วนหลิงเทียนพอขอบคุณ ก็กล่าวแย้งกลับไปอย่างสุภาพพลางยิ้ม
“อันใดกันเจ้าหนุ่ม…นี่เจ้าสงสัยในพลังฝีมือของเราผู้เฒ่างั้นรึ?!”
ชายชราอึ้งไปอยู่บ้าง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะย่นคิ้วกล่าว “ไม่กระมัง…นี่เจ้าหนู หรือเจ้าไม่เคยได้ยินนาม เฮยชา ของเราผู้เฒ่า?”
พอได้ยินวาจากล่าวเตือนประโยคนี้ของชายชรา สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายวาบหนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตอนชมดูตารางจัดอันดับครั้งล่าสุด เหมือนจะเคยเห็นชื่อเฮยชาผ่านตา!
เพื่อเป็นการยืนยัน ต้วนหลิงเทียนก็แผ่สำนึกเทวะลงไปในป้ายอีกครั้ง
‘ใช่จริงๆด้วย เฮยชา อันดับที่ 69…มีคะแนนสะสม 186 แต้ม’
พอเห็นข้อมูลดังกล่าว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด มองไปยังชายชรานามเฮยชาเบื้องหน้าอีกครั้ง สายตาประหนึ่งหมาป่าหิวโหยพบพานเหยื่ออันโอชะ!
“ที่แท้ผู้เฒ่าอยู่ในอันดับที่ 69 นี่เอง เป็นผู้หลานเสียมารยาทแล้ว…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ไมเป็นไร เอ่าละในเมื่อเจ้ารู้แล้ว…เช่นนั้นก็สมควรออกไปกันได้แล้วกระมัง”
ชายชรานามเฮยชาโบกมือส่งๆ ราวไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ “ในอดีตเราผู้เฒ่าเข่นฆ่าคนมามาก ยามแก่ตัวลพองเห็นคนหนุ่มสาวเช่นพวกเจ้า ก็ไม่ต่างอะไรจากเห็นลูกเห็นหลาน หากไม่จำเป็นเราผู้เฒ่าก็ไม่คิดจบชีวิตสดใสวัยรุ่นของพวกเจ้าหรอก”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินวาจาของอีกฝ่าย ทั้งรู้สึกว่าชายชรานามเฮยชาผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ
“รบกวนผู้เฒ่าชี้แนะด้วย”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
“หืม? ชี้แนะ…เจ้าหนุ่มนี่เจ้า…คิดประมือกับเราผู้เฒ่าเฮยชาหรือ!?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ชายชรานามฮยชาก็เลิกคิ้วขึ้น ดววงตากลายเป็นแหลมคม ท่าทางแลดูขึงขังทั้งน่าเกรงขามขึ้นหลายส่วน
ตัวมันอยู่มาหลายหมื่นปีแล้ว เป็นธรรมที่มันจะรู้ดี…ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ เมื่อมีคนได้ยินชื่อมันแล้วแต่ยังกล้าประมือกับมันอีก ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีพลังฝีมือสูงถึงขั้นจริงๆ!
และชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าก็มีประกายตาแจ่มใสไม่คล้ายตัวโง่งม ดังนั้นมันจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายสมควรมีพลังฝีมือกล้าแข็งจริงๆ!
สำหรับเรื่องที่จะเหนือกว่ามันนั้น ตัวมันไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้ มันเคยพบเจอผู้ที่มีพลังฝีมือเหนือกว่ามันมาครบทุกคนแล้ว
มันบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศตั้งแต่เมื่อหมื่นกว่าปีก่อน แม้ศักยภาพรวมถึงพรสวรรค์ไม่เว้นสติปัญญามันจะมีขีดจำกัด แต่มันก็ไม่ลดละความพยามและเคี่ยวกรำตัวเองมาตลอด แม้ฟ้าจะไม่มอบหนทางก้าวหน้าให้มัน แต่มันก็มองหาหนทางด้วยตัวเองอยู่เสมอ
เรียกว่าตลอดหมื่นกว่าปีที่ผ่านมา ไม่มีปีไหนที่มันไม่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเพื่อแสวงหาโชควาสนา หวังว่าจะพบเจอผลไม้อมตะหรือโอสถอมตะสักขนานที่ทำให้มันประสบความก้าวหน้าได้ เช่นนั้นเรียกว่าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงสำหรับมัน ก็ไม่ต่างใดจากสวนหลังบ้าน ยังรู้จักยอดฝีมือที่เก่งกาจเหนือมันทุกคน
และในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่มันเคยพบเจอ ไม่มีชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้รวมอยู่ด้วย
“ผู้เฒ่าโปรดชี้แนะด้วย”
รอยยิ้มยังคงคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนไม่ห่างหาย
“ย่อมได้! ในเมื่อเจ้าหนุ่มเจ้าอยากประมือกับเราผู้เฒ่า เช่นนั้นเราผู้เฒ่าจักลงมือเต็มที่เพื่อมิให้เจ้าผิดหวัง!”
ทันทีที่เสียงของชายชรานามเฮยชาดังจบคำ ทั่วร่างของมันก็ปรากฏเพลิงพลังปะทุลุกโชนขึ้นมา เปลวเพลิงยังพวยพุ่งสูงปานจะแผดเผาฟากฟ้า แผ่ซ่านกลิ่นอายร้อนลวกออกมาสะท้านบรรยากาศ!
เห็นได้ชัดว่าผู้เฒ่าเฮยชาคนนี้ เชี่ยวชาญกฏแห่งไฟ!
ขวับ!
และในขณะที่เพลิงพลังทั่วร่างถูกเร่งเร้าจนลุกโชนเร่าๆ ดาบใหญ่ใบกว้างหนึ่งพลันผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนจะถูกกระชับเข้ามือเป็นมั่นเหมาะ!
เมื่อเพลิงพลังหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวดาบ ใบดาบก็ปรากฏแสงพลังสว่างจ้า แผ่ซ่านกลิ่นอายแหลมคมไม่ใช่ชั่วออกมาเสียดสะท้านไปทั่ว
‘ผู้เฒ่าเฮยชาคนนี้ พลังฝีมือเหนือกว่าจวินวั่งเฉินศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนีหลายขุมจริงๆ…’
ถึงแม้จะยังไม่ได้ลงมืออะไร อาศัยแค่กลิ่นอายพลังกอปรทั้งท่วงท่าสภาวะของชายชราเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ประเมินพลังฝีมือของชายชราคนนี้ได้ทันที ว่าอีกฝ่ายสมควรแข็งแกร่งกว่าจวินวั่งเฉินศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี!
แค่เขายังไม่ทราบ…ว่าชายชราเบื้องหน้าเข้าใจความลึกซึ้งถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยบ้างแล้วหรือไม่!
วูบ!
ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอให้อีกฝ่ายเปิดฉากจู่โจม กลับชิงลงมือก่อน! ร่างอันตรธานหายไปจากจุดเดิม ก่อนจะไปปรากฏตัวอีกครั้งเหนือศีรษะชายชรา!!
“ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!!”
ชายชราแม้จะตกใจ หากแต่ด้วยสำนึกเทวะที่แผ่ออกไปโดยรอบ ย่อมตระหนักได้ทันทีว่าร่างต้วนหลิงเทียนวูบมาปรากฏด้านบน แม้ในแววตาจะเผยความแปลกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้แตกตื่นอันใด เพราะถึงแม้ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะมีผู้เชี่ยวชาญกฏมิติไม่มาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่มี
“เจ้าหนุ่ม ชักศาสตราอมตะของเจ้าออกมาเสีย!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาด้วยมือเปล่า ชายชราก็เร่งกล่าวเตือนออกไป ด้วยไม่อยากเอาชนะในสภาพมีเปรียบ
“เชิญผู้อาวุโสลงมือเลยเถอะ…หากข้าเห็นควรว่าต้องใช้อาวุธ ข้าย่อมใช้มันเป็นธรรมดา!”
ตอนนี้เรียกว่าต้วนหลิงเทียนรู้สึกชมชอบนิสัยของชายชราเบื้องหน้าไม่น้อย เพราะไม่ใชทุกคนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะมัวมาห่วงอะไรกับคู่ต่อสู้แบบนี้
“เพ่ย! เจ้าหนุ่มนี่เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาดูถูกเราผู้เฒ่าเฮยชา…เช่นนั้นวันนี้เราผู้เฒ่าจักสั่งสอนเจ้าให้รู้สัมมาคารวะ!!
ทันใดนั้นเพลิงพลังทั่วร่างของผู้เฒ่าเฮยชาก็พวยพุ่งลุกโชนขึ้นน่ากลัว ดาบใหญ่ใบกว้างจี้ไปทางต้วนหลิงเทียน ก่อนคนจะปะทุพลังเกรี้ยวกราดเปล่งกลิ่นอายพลังร้อนลวกสุดไพศาล พุ่งทะลวงแทงขึ้นฟ้าไปฉับไวปานจุดระเบิด!