WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3217
WSSTH ตอนที่ 3,217 : กฏทำลายล้าง
หลังได้ฟังคำอธิบายของเพลิงเทพโกลาหล ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักเรื่องราว
ถึงแม้หวงเอ้อในตอนนี้จะยังเป็นหวงเอ้อคนเดิม แต่เนื่องจากนางผสานหลอมรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์แล้ว เจตจำนงของนางจึงถูกเจตจำนงของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนครอบงำ ทุกเรื่องราวจึงแล้วแต่ผู้เป็นนายอย่างเขา
เพื่อทดสอบหวงเอ้อ ต้วนหลิงเทียนจึงเอ่ยถามเรื่องหนึ่งออกมา “หวงเอ้อวันหน้าหากข้ามีพลังสามารถสูงพอแล้ว แต่ข้าเลือกกลับคำพูดและไม่คิดช่วยหลิงเจวี๋ยอวิ๋นล้างแค้นให้ตระกูลหลิงเล่า…เจ้าจะว่าไง?”
“หากนายท่านไม่เต็มใจ หวงเอ้อย่อมไม่บังคับ”
หวงเอ๋อกล่าวตอบออกมาอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ แต่ต้นจนจบจะสีหน้าท่าทางหรือแววตา ไม่มีความไม่พอใจใดๆแฝงเร้นอยู่เลย
เห็นแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างของหวงเอ้อขึ้นอยู่กับความต้องการของเขาแล้ว กระทั่งเขาจะกลับคำพูดนางก็ไม่สนใจ ขอเพียงเขาสบายใจก็พอ
“ข้าแค่พูดเล่นเฉยๆ…ไม่ต้องห่วงไป วันหน้าหากข้ามีพลังมากพอแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าตามที่รับปากไว้แน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าว
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะกล่าวแก้ไขออกมา แต่หวงเอ้อก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ราวกับไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะทำอะไร นางก็พร้อมจะสนับสนุนเขาอย่างไร้เงื่อนไข
‘ดูเหมือนนางจะถูกข้าครอบงำแล้วจริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ขณะเดียวกันเขาก็อดไม่ได้ที่จะลอบโล่งอกในใจ เพราะในอดีตตอนที่หวงเอ้อมีเจตจำนงเสรีนั้น…มันทำให้เขาอดห่วงไปไม่ได้ ว่าหากวันหนึ่งนางที่กลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์แล้ว แต่ยังเห็นเรื่องล้างแค้นให้ตระกูลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นสิ่งสำคัญอันดับ 1 เขาจะทำยังไงดี?
หรือวันหนึ่งหากมีเหตุผลให้เขาต้องอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ไม่ใช่นางจะรวมหัวกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจัดการเขาหรอกนะ?
แต่ตอนนี้การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อ นับว่าทำให้ต้วนหลิงเทียนพึงพอใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครหน้าไหนอยากพกระเบิดเวลาติดตัวไว้หรอก
“พี่หลิงเทียน นางคือ…”
เมื่อเห็นว่ามีสตรีที่ไหนก็ไม่รู้มาโผล่ข้างกายพี่หลิงเทียนของนาง ดวงตาฮ่วนเอ๋อก็เต็มไปด้วยความระแวดระวังทันที
ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของสตรีนางนี้จะด้อยกว่านาง แต่บางสิ่งที่สตรีนางนี้มี ตัวนางกลับไม่มี
“ฮ่วนเอ๋อ นี่คือ หวงเอ้อ จิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังอย่างไรเล่า”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว “ตอนนี้นางได้ผสานหลอมรวมเข้กับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์แล้ว นางจึงสามารถสร้างร่างของนางขึ้นมาได้”
“เอ๋? นางคือจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของพี่หลิงเทียนหรือ!?”
ฮ่วนเอ๋อเข้าใจได้ทันที
“จะว่าไป ทั้งหมดก็ต้องขอบคุณสถานที่แห่งนี้…”
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เริ่มอธิบายต้นสายปลายเหตุออกมา “หลังผ่านไป 10 ปี หวงเอ้อก็ได้ใช้สิ่งที่อยู่ภายในค่ายกลมหาวัฎจักรฟ้าเยือกแข็ง จนผสานหลอมรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้อย่างสมบูรณ์”
พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่ง
และทันใดนั้น หวงเอ้อที่แต่เดิมคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ก็กลายเป็นแสงกระบี่สีรุ้งพุ่งหายเข้าไปในร่างของเขาทันที
“หวงเอ้อ ว่าแต่ของเย็นจัดที่ถูกค่ายกลเก็บไว้มันคืออะไร?”
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามหวงเอ้อในร่างด้วยความสงสัย
“เรียนนายท่าน สิ่งนั้นคือ แก่นแท้น้ำแข็งนิรันดร์”
หวงเอ้อที่อยู่ในร่างต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกมาทันที “มีพลังของแก่นแท้น้ำแข็งนิรันดร์เชื่อมประสาน ข้าจึงสามารถผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้โดยสมบูรณ์ อีกทั้งข้ายังใช้แก่นแท้น้ำแข็งนิรันดร์ทั้งหมดที่มีไปแล้ว”
“บรรยากาศเย็นยะเยือกในหุบเขาแห่งนี้ รวมถึงพลังวิญญาณฟ้าดิน จะหายไปโดยสมบูรณ์ภายในเวลาไม่เกิน 100 ปี”
หวงเอ้อกล่าว
ฟังจากคำพูดของหวงเอ้อ เห็นได้ชัดว่าหลังจากผ่านไปอีก 100 ปี หุบเขาน้ำแข็งแห่งนี้ ก็จะกลายเป็นหุบเขาน้ำแข็งธรรมดาๆไม่มีความพิเศษอะไรอีก
ถึงตอนนั้นการฝึกฝนบ่มเพาะที่นี่จะไม่เร็วขึ้นอีกต่อไป
นอกจากนั้นการมานั่งตระหนักรู้กฏน้ำแข็งที่นี่ ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใดอีก
‘ไม่คิดเลยว่าการผสานหลอมรวมเข้ากับกกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอย่างสมบูรณ์ของหวงเอ้อ จะแลกมาด้วยโชควาสนาของนิกายอมตะเสวี่ยหยา…ในอีก 50 ปีหลังจากนี้ หวังว่าข้าจะมีโอกาสชดเชยให้พวกมันได้บ้าง’
หากไม่ได้คนของนิกายอมตะเสวี่ยหยาพามาที่นี่ เขากับฮ่วนเอ๋อคงไม่พบเจอสถานที่แห่งนี้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่หวงเอ้อจะสามารถผสานหลอมรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้ในเวลาอันสั้น
ดังนั้นจึงเสมือนเขาติดค้างนิกายอมตะเสวี่ยหยา
มาตอนนี้เมื่อรู้ว่าเพราะเรื่องหวงเอ้อ กลับทำให้วันหน้านิกายอมตะเสวี่ยหยาต้องสูญเสียสถานที่ประเสริฐแห่งนี้ไป จึงทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดในใจ
“แล้วเจ้าในตอนนี้แข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน”
ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดเรื่องสำคัญได้ออก จึงรีบเอ่ยถามออกมา ถึงแม้ตอนนี้หวงเอ้อจะเป็นจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน อย่างไรก็ตามในอดีตนางเคยเป็นจิตวิญญาณกระบี่เทพระดับสูงในมือยอดฝีมือขอบเขตเทพมาก่อน แม้นางจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่พลังฝีมือต้องไม่ใช่ชั่วแน่
“ด้านพลังบ่มเพาะของข้าจะเท่ากับนายท่านเสมอ…ไม่ว่านายท่านมีด่านพลังฝึกปรือขั้นใด ตัวข้าก็จะมีด่านพลังฝึกปรือขั้นนั้น”
หวงเอ้อกล่าวตอบ “สำหรับกฏที่ข้าตระหนักรู้ในอดีตก็ยังคงเดิม…อย่างไรก็ตามด้วยพลังฝึกปรือของนายท่านในตอนนี้ ข้าที่เป็นจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจึงไม่อาจใช้พลังทั้งหมดที่เคยมีได้…พลังจากกฏที่ข้าใช้ได้ถูกจำกัดไว้โดยด่านพลัง”
“ทว่า พลังรบของข้าในตอนนี้ ไม่น่าจะอ่อนด้อยกว่านายท่าน”
หวงเอ้อกล่าว
“แล้วเจ้าเข้าใจกฏใด”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ดุจเดียวกับจิตวิญญาณศาสตราทั้งหลาย เข้าใจกฏทำลายล้าง”
หวงเอ้อตอบ
“กฏทำลายล้าง?”
สองตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกาย จากที่เขารู้มา กฏทำลายล้างนั้น เป็นเหมือนกฏแห่งแสงหรือกฏแห่งความมืด มันเป็นกฏที่แยกออกมาจากธาตุทั้ง 5
แม้แต่กฏน้ำแข็ง กฏสายฟ้า และกฏแห่งลม ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับธาตุทั้ง 5
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวขานถึงกันหนาหู ว่าในแง่ความทรงพลังของกฏแล้ว รองลงมาจากกฏสูงสุดทั้ง 4 ก็คือกฏทำลายล้าง กฏแห่งความมืด และกฏแห่งแสง
จากนั้นก็จะเป็นกฏน้ำแข็ง กฏสายฟ้า กฏแห่งลม ค่อยมาเป็นกฏแห่งธาตุทั้ง 5
‘กฏที่สามารถเข้าใจผ่านวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังได้ก็มีแค่กฏทั้ง 5 รวมถึงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธาตุทั้ง 5 อย่างน้ำแข็ง สายฟ้า และก็ลมเท่านั้น…’
‘สำหรับกฏสูงสุดทั้ง 4 กับที่รองลงมาอย่าง กฏทำลายล้าง กฏแห่งแสงและกฏแห่งความมืด จำต้องใช้โอกาสวาสนา รวมถึงการรู้แจ้งด้วยตัวเองเพื่อเข้าใจมันเท่านั้น’
ต้วนหลิงเทียนก็รู้เรื่องนี้ดี
“นายท่าน หากท่านหมั่นใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนให้มากกว่านี้ ท่านเองก็จะตระหนักรู้ถึงกฏทำลายล้างที่ตัวข้าเข้าใจผ่านกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนด้วยเช่นกัน…กล่าวไปสำหรับผู้ที่ครอบครองยุทธ์ภัณฑ์วิญญาณนั้น เรื่องจะเข้าถึงกฏทำลายล้างไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากก็คือบรรลุความเข้าใจให้ลึกซึ้ง”
หวงเอ้อกล่าว
เรื่องที่หวงเอ้อกล่าว ต้วนหลิงเทียนเองก็เห็นด้วย และเข้าใจแต่แรก
ริเริ่มเข้าถึงกฏใดๆไม่ยากเย็น ที่ยากเย็นคือแตกฉานและรู้ซึ้งถึงกฏนั้นๆ
ทำให้ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ดี ว่าเขาสามารถเข้าใจกฏทำลายล้างผ่านการใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้ไม่ยาก แต่เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาไปง่วนอยู่กับกฏทำลายล้างโดยการฝึกใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเลย
เพราะถึงเขาจะเข้าใจกฏทำลายยล้างตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจากไร้ประโยชน์ เพราะกฏมิติของเขานั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงแล้ว…
เรียกว่าพยายามแค่ไหน ความเข้าใจในกฏทำลายล้างก็ไม่อาจไล่ทันกฏมิติ
ในเมื่อไล่ไม่ทัน เช่นนั้นจะเสียเวลาไปไย?
‘ด้วยมีผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด เช่นนั้นเรื่องจุดรอคอยขณะตระหนักรู้ถึงกฏมิติก็ลืมไปได้เลย…ก่อนที่จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งหมดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับกฏอื่น’
ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องนี้ดี
กระทั่งเทพเบญจธาตุในร่างของเขาเอง ไม่ว่าจะเพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ หรือปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็แนะนำเขามาแบบนี้
ถึงแม้ทั้ง 3 จะช่วยให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจกฏแห่งไฟ กฏแห่งทองและกฏแห่งดินได้รวดเร็วเหนือผู้อื่นเป็นสิบๆเท่า แต่พวกมันรู้ดีว่าความเร็วที่เพิ่มมาจากพวกมัน ยังไม่อาจเทียบผลจากการครอบครองผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุดได้…
ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ก็มีแต่ผลดีสำหรับพวกมัน
ถึงตอนนั้นต่อให้พบเจอเทพเบญจธาตุที่มีระดับสูงกว่ามัน แต่ด้วยความช่วยเหลือของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็สามารถกลืนกินอีกฝ่ายได้เช่นกัน!
กล่าวกันตามตรง ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะขับไล่พวกมันออกไป พวกมันก็ไม่อยากไปไหนแล้ว!
…
“คารวะท่านผู้อาวุโสทรงเกียรติหลิงเทียน”
หลังวันเวลาล่วงเลยพ้นผ่านไปอีก 20 ปีตั้งแต่วันที่หวงเอ้อผสานหลอมรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์ ต้วนหลิงเทียนที่นั่งบ่มเพาะพลังอยู่ ก็ได้ยินเสียงเรียกจากด้านนอก
ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและลุกขึ้นออกจากเรือนพัก จึงเห็นว่าประมุขนิกายยอมตะเสวี่ยหยา ไฉฉงอี้ มายืนรอเขาอยู่ด้านนอกลานไม่ไกล
“ประมุขไฉ มีเรื่องอะไรรึ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ท่านอาวุโส พอดีข้าได้เบาะแสน่าสนใจมาเบาะแสหนึ่ง…เมื่อไม่นานมานี้ห่างออกไปหลายล้านลี้ทางตะวันออกของทุ่งน้ำแข็งเรา ปรากฏสัญญาณการเปิดออกของแดนลับที่เรียกว่า ‘แดนสมบัติขุนเขาโอสถ’ ขึ้นมา และมีผู้คนมากมายกำลังแห่กันไปที่นั่น”
ไฉฉงอี้กล่าว “อย่างไรก็ตาม พวกขุมกำลังระดับ 5 ทั้งหลายในละแวกใกล้เคียงที่รับทราบข่าวการปรากฏของแดนลับดังกล่าว ตอนนี้พวกมันสมควรส่งยอดฝีมือไปปิดกั้นพื้นที่เอาไว้แล้ว ทำให้ตอนที่แดนสมบัติขุนเขาโอสถเปิดออก ก็สมควรมีแต่คนของพวกมันเท่านั้นที่เข้าไปได้”
“แดนสมบัติขุนเขาโอสถรึ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างไสวขึ้นมาทันที
ในระนาบเทวโลกนั้น แดนลับอย่าง ‘แดนสมบัติขุนเขาโอสถ’ นั้น เป็นแดนลับขนาดเล็ก ภายในจะมีสมุนไพรอมตะและผลไม้อมตะมากมายปลูกอยู่
และทุกคนก็สืบจนล่วงรู้กันแล้วว่า ‘แดนสมบัติขุนเขาโอสถ’ นั้น ก็คือผลประโยชน์ที่ขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ได้สร้างไว้เพื่อให้เหล่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชา
มีแต่ผู้ที่มีวาสนาเท่านั้น ถึงจะพบแดนสมบัติขุนเขาโอสถ
และต้องมีวาสนาเท่านั้นถึงจะเข้าไปในแดนสมบัติขุนเขาโอสถและพบเจอผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะ
ไม่มีบททดสอบหรือการเสี่ยงอันตรายใดๆทั้งสิ้นในแดนสมบัติขุนเขาโอสถ…อันตรายเพียงอย่างเดียวในนั้นก็คือผู้คน ที่เข้ามาแสวงหาโชควาสนาในแดนสมบัติขุนเขาโอสถ
ดังนั้นทันทีที่แดนลับอย่าง แดนสมบัติขุนเขาโอสถ ปรากฏขึ้น จึงมักจะถูกผูกขาดโดยขุมกำลังที่ทรงอำนาจในละแวกนั้นๆ และขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็มักได้ประโยชน์กว่าใคร เพราะพวกมันเสมือนเข้าไปเก็บเกี่ยวผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะราวกับเดินเล่นในสวนหลังบ้านก็ไม่ปาน
“เป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถจริงๆหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามย้ำ เนื่องจากแดนสมบัติขุนเขาโอสถนั้นเป็นอะไรที่ยากพานพบ และไม่ใช่อะไรที่ใครจะเดินดุ่มๆไปก็เจอง่ายๆ
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา แม้ไฉฉงอี้จะนำเบาะแสจากหน่วยข่าวกรองของนิกายอมตะเสวี่ยหยา เรื่องผลไม้อมตะที่ช่วยยกระดับพลังฝึกปรือให้ขอบเขตราชาอมตะได้มาบอกต่อเขามากมาย แต่เขาก็ไม่ได้รับผลไม้อมตะใดๆเลย
สุดท้ายแล้วเรื่องนึ้ก็ขึ้นอยู่กับโชควาสนา
อย่างเช่นหลังจากเข้าไปถึงที่นั่นแล้ว แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง ไม่เพียงผลไม้อมตะที่ว่ามีผู้ได้ไปแล้ว แต่ยังใช้มันไปแล้วอีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นซ้ำหลายครั้ง
นอกจากนั้นก็มีสถานการณ์อื่นๆเช่นกัน เรื่องแดนลับก็ไม่ต่าง
จนวันหนึ่งต้วนหลิงเทียนก็เกิดความชินชา และคร้านจะเคลื่อนไหวไปไหนให้เสียเวลา หากเป็นเบาะแสของผลไม้อมตะทั่วไป เขาไม่คิดจะไปช่วงชิงอะไรอีก
อย่างไรก็ตามแดนสมบัติขุนเขาโอสถนั้นแตกต่างกัน!
“สิบในสิบเป็นเรื่องจริง!”
ไฉฉงอี้กล่าวออกเสียงขรึม “อย่างไรก็ตาม ที่นั่นตอนนี้สมควรถูกขุมกำลังระดับ 5 ผูกขาดไปแล้ว…หากท่านผู้อาวุโสทรงเกียรติคิดเข้าไป…คงยากเย็นไม่น้อย”
“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “แล้วแดนสมบัติขุนเขาโอสถที่ว่ามันอยู่ที่ไหน?”
หลังสอบถามตำแหน่งสถานที่ปรากฏแดนสมบัติขุนเขาโอสถโดยละเอียดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไปเรียกฮ่วนเอ๋อและออกเดินทางไปที่นั่นทันที
และนี่เป็นการเดินทางออกจากนิกายอมตะเสวี่ยหยาครั้งแรก ตั้งแต่ที่เขามาถึงเมื่อ 30 ปีก่อน…
ด่านพลังของฮ่วนเอ๋อนั้น ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้อย่างราบรื่น
ส่วนเขาเองก็ทะวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศได้อย่างราบรื่นเช่นกัน