WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3252
WSSTH ตอนที่ 3,252 : จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา
“ผู้นำตระกูลจางกับผู้นำตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา ออกมา!”
ต้วนหลิงเทียนเงียบมองถิ่นที่อยู่ของเผ่าจิ้งจอกมายาอยู่พักหนึ่ง ก็กล่าวด้วยเสียงผสานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกล้าแข็งขุมหนึ่ง คลื่นเสียงดังกล่าวจึงกวาดผ่านไปทั่วทั้งเผ่าจิ้งจอกมายาในพริบตา!
ไม่ว่าจะเผ่ามายาฝ่ายตระกูลจางก็ดี ตระกูลหยวนก็ดี ไม่มีใครที่ไม่ได้ยินเสียงเรียกหาผสานพลังของต้วนหลิงเทียน
และวาจาต้วนหลิงเทียนที่ดังก้องไปทั่วถิ่นที่อยู่ของเผ่าจิ้งจอกมายา ก็ทำให้เหล่าจิ้งจอกมายาทั้งหลายอดตะลึงไปไม่ได้
ผู้ใดอยู่ด้านนอกกันแน่?
พอกล่าวออก ก็เรียกผู้นำของทั้ง 2 ตระกูลแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาออกไปพบเลย?
“เป็นยอดฝีมือจากที่ใดคิดมาพบผู้นำทั้ง 2 กัน?”
“ไม่น่าจะใช่แขกเหรื่อของพวกเรา…มิทราบเป็นใครกันแน่?”
…
หลังได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ถิ่นที่อยู่ของเผ่าจิ้งจอกมายาแต่เดิมที่เงียบสงบ ก็เริ่มบังเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่ว
ชายวัยกลางคนที่นั่งละเลียดชาอยู่ในศาลาชมบุปผาข้างสวนของเขตเรือนพักตระกูลจาง อดขมวดคิ้วย่นยู่ไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเรียกหาดังกล่าว
และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือ จางฮั่นเทียน ผู้นำตระกูลจาง และยังเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาคนปัจจุบัน
และจางฮั่นเทียนคนนี้ยังเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของตระกูลจางในปัจจุบัน แม้พลังฝีมือของมันจะไม่อาจเทียบตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ แต่พลังฝีมือก็ถือว่าไม่ชั่วในบรรดาจักรพรรดิอมตะทั่วไป
จางฮั่นเทียนที่นั่งละเลียดชาผู้นี้ สวมใส่ด้วยชุดคลุมเทาขาว เมื่อได้ยินคำเรียกหามันก็ตอบสนองเรื่องราวอย่างสงบ มือสะบัดเรียกยันต์อมตะสื่อสารมาชิ้นหนึ่งก่อนจะบดขยี้ส่งข้อความออกไปอย่างใจเย็น “อาวุโสใหญ่ ออกไปชมดูเถอะ…ว่าเป็นเทพยดาองค์ใดแน่มาจากไหน ถึงหาญกล้ามาร่ำร้องโวยวายหน้าเขตที่พักของเผ่าจิ้งจอกมายาเรา”
ในฐานะผู้นำของเผ่าพันธุ์ที่จัดเป็นขุมกำลังระดับ 1 ของ แดนฟ้าสิ้นุสดอันเป็น 1 ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนของหลิงหลัวเทียน ไฉนจางฮั่นเทียนจะออกไปง่ายๆ แค่เพียงเพราะมีคนมาเรียกหา?
“ทราบแล้วท่านผู้นำ”
อาวุโสใหญ่ของตระกูลจางที่ว่า ก็คือ ‘จางผิงเหยี่ย’ ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นผู้ส่งจางจินอี้ลงไปยังแดนสวรรค์ใต้ เพื่อตรวจสอบว่าฮ่วนเอ๋อใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงๆหรือไม่
ระหว่างที่มันมุ่งหน้าไปตามเสียง มันก็ส่งข้อความแจ้งไปหลายรอบ จากนั้นเหินร่างไปสักพัก ด้านหลังของมันก็ปรากฏเงาร่าง 4 ร่างกำลังเหินตามมา
“อาวุโสผิงเหยี่ย”
อาวุโสใหญ่ตระกูลจาง พอได้ยินเสียงเรียกทักดังกล่าวก็เร่งหันไปมองตามต้นเสียงทันที
จากนั้นจึงพบว่ามีร่าง 4 ร่างได้เหินออกมาจากทิศทางเขตที่พักของตระกูลหยวน
“อาวุโสหยวนเยว่”
จางผิงเหยี่ยย่อมจดจำทั้ง 4 ได้ในพริบตา และผู้ที่เหินร่างนำมาก็คือ หยวนเยว่ อาวุโสใหญ่ของตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา สำหรับ 3 คนที่อยู่ด้านหลังก็เป็นชนชั้นอาวุโสของตระกูลหยวนเช่นกัน
“อาวุโสผิงเหยี่ย ท่านว่าเป็นผู้ใดกันแน่ ที่หาญกล้ามาเรียกหาผู้นำของพวกเราทั้ง 2 ตระกูลพร้อมๆกันแบบนี้ แถมฟังจากวาจาแล้วยังแลดูโอหังไม่น้อย!”
หยวนเยว่เอ่ยยถามจางผิงเหยี่ย
“ข้าก็มิทราบ…แต่ลองมันหาญกล้าโวยวายหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาเราได้ หมายความว่ามันต้องมีหลักประกันอันใดสักอย่าง!”
จางผิงเหยี่ยกล่าว
เผ่าหลักจิ้งจอกมายานั้น ตระกูลหยวนกับตระกูลจางมักแยกตัวเป็นอิสระ ไม่ได้ข้องแวะอะไรกันสักเท่าไหร่
ผิวเผินแล้วก็ดูเหมือนจะร่วมมือปรองดองกันดี
แต่โดยปกติแล้ว ทั้ง 2 ตระกูลก็มักจะแข่งขันกันอย่างลับๆ
“ไป! ไปชมดูกันเถอะ!!”
สิ้นเสียงของหยวนเยว่มันก็เหินร่างนำอาวุโส 3 คนของตระกูลหยวนไปทันที จางผิงเหยี่ยเองก็เหินร่างติดตามไป และตอนนี้ก็มีอาวุโสของตระกูลจางมาสมทบอีก 4 คนแล้ว
หลังเหินร่างไม่นานนัก พวกมันก็แลเห็นร่าง 4 ร่างลอยล่องอยู่ไกลตา
“2 จักรพรรดิอมตะ!”
เมื่อจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่เข้าใกล้ทั้ง 4 มากพอ พวกมันก็ยืนยันได้ว่าในบรรดาทั้ง 4 คนเบื้องหน้านั้น มีจักรพรรดิอมตะอยู่ 2 คน
สำหรับอีก 2 คนที่เหลือ หนึ่งในนั้นพวกมันไม่อาจมองออก และไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่จักรพรรดิอมตะเหมือนกันหรือไม่ ส่วนอีกคนนั้นช่างให้ความรู้สึกแปลกๆกับพวกมันพิกล
“กลิ่นอายนี่มัน…”
จนเมื่อทั้งหมดเหินร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าทั้ง 4 อาวุโสของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 9 อันนำโดยจางผิงเหยี่ยและหยวนเยว่ ก็หันไปมองจ้องฮ่วนเอ๋อเป็นสายตาเดียวกัน เพราะกลิ่นอายคลับคล้ายคลับคลาจากร่างของนาง!
“พวกเจ้า 2 คน…เป็นผู้นำตระกูลจาง กับผู้นำตระกูลหยวนของเผ่าจิ้งจอกมายางั้นหรือ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนมองสลับระหว่างจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ที่นำคนทั้ง 9 มารอบหนึ่ง ค่อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เหตุไฉนที่เขาเลือกจะถามแค่จางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่แค่ 2 คน เพราะเขาสัมผัสได้แต่แรก ว่าในบรรดาทั้ง 9 ที่ปรากฏตัวออกมา มีแค่ 2 คนนี้เท่านั้นที่เป็นจักรพรรดิอมตะ
“เสียงนี่…”
ด้านจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ พอได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ยืนยันได้ทันที ว่านี่คือเจ้าของเสียงที่ประกาศเรียกผู้นำตระกูลจางและผู้นำตระกูลหยวนจนก้องไปทั่วเผ่าจิ้งจอกมายาเมื่อครู่
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า เป็นคนเรียกหาผู้นำของพวกมัน!
“ข้าคืออาวุโสใหญ่ของตระกูลจาง จางผิงเหยี่ย!”
จางผิงเหยี่ยมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดั่งสายฟ้าฟาด เอ่ยถามเสียงเรียบ “เจ้าเป็นผู้ใด แล้วมาหาผู้นำตระกูลจางของเราด้วยจุดประสงค์อันใด?”
“ข้าคืออาวุโสใหญ่ของตระกูลหยวน หยวนเยว่”
หยวนเยว่ยังก้าวออกมากล่าวเสริมเร็วไว “ผู้นำตระกูลหยวนของข้า หาใช่คนที่ผู้ใดอยากจะพบก็พบได้ไม่! หากเจ้าคิดพบเจอ ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีคุณสมบัติมากพอให้ท่านผู้นำมาพบด้วยตัวเองรึเปล่า!”
ได้ยินคำพูดของทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนก็หยีตาเล็กน้อย เอ่ยออกด้วยรอยยิ้มบางๆ “ดูเหมือนผู้นำทั้ง 2 ของเผ่าจิ้งจอกมายา จะยิ่งใหญ่ไม่น้อย”
“หึ!”
ตอนนี้เอง จูเก่ออวิ๋นพลันพ่ลมสบถเยียบเย็น จากนั้นก็ก้าวออกมา
และเพียงหนึ่งก้าวที่ย่ำออก ทั่วร่างนางก็ปรากฏแสงสว่างสาดส่องออกมาเจิดจ้า บังเกิดแสงกระบี่พวยพุ่งออกจากศีรษะ ควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่พลังเล่มหนึ่ง แผ่ซ่านกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงสะท้านสะเทือนไปในบรรยากาศ! จากนั้นกระบี่พลังดังกล่าวก็พุ่งลัดฟ้าจี้เข้ามาด้วยความเร็วอัศจรรย์!!
“แย่แล้ว!!”
เพียงจูเก่ออวิ๋นเริ่มเคลื่อนไหว จางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที สำหรับคนอื่นๆนั้น พวกมันไม่อาจตอบสนองเรื่องราวใดๆได้ทันด้วยซ้ำ
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่พลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงระดับนี้เข่นฆ่าสังหารเข้ามา ไม่ว่าจะจางผิงเหยี่ยหรือหยวนเย่ก็สูดได้กลิ่นความตายชัดเจน พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่บ่มเพาะมาชั่วชีวิตถูกโคจรใช้ออกเต็มกำลัง ยังเปิดใช้ชุดเกราะอมตะระดับจักรพรรดิทันที
จากนั้นทั้งคู่ก็เรียกอาวุธคู่กายออกมา และเร่งเร้าใช้ออกด้วยทุกสิ่งที่ฝึกปรือหมายต้านทานรับกระบี่พลังของจูเก่ออวิ๋น
ทั้งคู่ไม่รอช้า เร่งผสานพลังหมายต้านทานการลงมือของจูเก่ออวิ๋นตรงๆ!
พลังที่ลุกโชนท่วมร่างจางผิงเหยี่ยบัดนี้เป็นสีแดงสด เห็นได้ชัดว่ามันใช้กฏแห่งไฟ
สำหรับพลังที่ปะทุอยู่ทั่วร่างของหยวนเยว่นั้น มีลักษณะเป็นไอเย็นยะเยือกสีฟ้าผสมขาว เห็นได้ชัดว่าเป็นกฏน้ำแข็ง!
ปงงง!!
กระบี่พลังพุ่งเข่นฆ่าทำลายไปด้วยสภาวะดุร้ายราวกับไร้สิ่งใดที่ไม่อาจทำลาย มันพุ่งทะลวงกระบวนท่าผสานของจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ได้อย่างง่ายดาย ประหนึ่งย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!
จากนั้นกระบี่พลังที่สิ้นเปลืองพลังไปบางส่วน ก็แตกตัวออกเป็นริ้วกระบี่ 2 สาย แยกกันพุ่งเข้าใส่จางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่!
ปงง! ปงง!!
เสียงเจาะทะลวงหนักหน่วงดังขึ้น เป็นเงาร่างชุดเกราะจากเกราะอมตะของจางผิงเหยี่ยกับหยวนเย่ว ที่ทุ่มพลังที่เหลือทั้งหมดใช้งานหมายต้านทานการลงมือของจูเก่ออวิ๋น ถูกทะลวงเจาะเข้ามาอย่างน่าใจหาย!
เมื่อเงาร่างชุดเกราะถูกทะลวงเจาะ ริ้วกระบี่ก็เสมือนสิ้นพลังพอดิบพอดีจึงสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังปลิดปลิวละลิ่วจากพลังสะท้อน ปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่สภาพร่อแร่ดูไม่ได้…
เลือดคำใหญ่ที่พวกมันกระอักออกมา ราวกับบุปผา 2 ช่อแข่งขันกันเบ่งบานกลางหาว มองไปคล้ายกุหลาบแดงโปรยปรายอยู่บ้าง
“10 ลมหายใจ หากผู้นำ 2 ตระกูลของเผ่าจิ้งจอกมายาเจ้ายังไม่ไสหัวออกมา…พวกเจ้าก็ตายมันตรงนี้เถอะ!”
จูเก่ออวิ๋นปริปากกล่าวคำอีกครั้ง เสียงกล่าวแม้เรียบๆราวพูดถึงดินฟ้าอากาศ แต่ผู้ฟังอย่างจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่กลับหนาวจับใจ สีหน้าพวกมันยังเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง
พวกมันทั้งคู่ก็เป็นจักรพรรดิอมตะเหมือนกัน หากทว่าสตรีเบื้องหน้า กลับควบรวมกระบี่พลังซัดมาส่งๆหนึ่งเล่ม ก็สามารถทำลายกระบวนท่าผสานที่พวกมันทุ่มกำลังใช้ออกจนหมดได้แล้ว กระทั่งยังทะลวงฝ่าการป้องกันของพวกมันจนทำให้พวกมันสิ้นท่า อนาถาแบบนี้…
พลังฝีมือดังกล่าว น่ากลัวว่าต่อให้เป็นผู้นำทั้ง 2 ตระกูลแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา ก็ไม่มีใครสามารถทำได้…
หากวินาทีนี้พวกมันยังไม่สำเหนียกกันอีกว่า เบื้องหน้าที่แท้เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาเยือน เกรงว่าชีวิตอยู่มาหลายปีของพวกมันคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัข…
“ใต้เท้า ข้าจักเร่งส่งข้อความแจ้งท่านผู้นำเดี๋ยวนี้!”
หยวนเยว่เร่งกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ ด้วยกลัวว่าหากชักช้าอะไรขึ้นมา สตรีเบื้องหน้าอาจมีโมโหแล้วฆ่ามันในท่าเดียว!
มันไหนเลยจะดูไม่ออก ว่าเมื่อครู่สตรีเบื้องหน้าเพียงลงมือส่งๆเท่านั้น แถมนางไม่แม้แต่จะใช้อุปกรณ์อมตะใดๆ…
เป็นไปได้ว่าหากสตรีเบื้องหน้าคิดเข่นฆ่าสังหารมันจริง เพียงอีกฝ่ายซัดหนึ่งกระบวนท่าที่จริงจังเข้าหน่อย มันก็ไม่อาจรอดพ้นความตายได้แน่นอน…
ส่วนด้านจางผิงเหยี่ยตอนนี้ เหงื่อมันก็แตกพลั่กๆ สีหน้าฉายชัดถึงความตื่นตระหนกนัก
บรรยากาศกลับกลายเป็นเงียบงันทันใด
“ฮ่วนเอ๋อ เดี๋ยวรอให้ผู้นำทั้ง 2 ตระกูลมาถึง…เจ้าก็สำแดงอัตลักษณ์พลังของเจ้าให้พวกมันเห็นชัดๆหน่อย”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวผ่านพลังกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม
ฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ยามใดที่นางสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาก็จะบ่งบอกชัดเจน ต้วนหลิงเทียนจึงคิดให้สองผู้นำนั่นได้พบเห็นความจริงอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขาอยากจะรู้นัก
ว่าพอพวกมันเห็นแล้ว จะกล้าคิดทำอะไรฮ่วนเอ๋อหรือไม่?
ปง! ปง!
หลังผ่านไปราวๆ 5 ลมหายใจ เสียงแหวกฟ้าฉับไวจนอากาศแตกระเบิดพลันดังขึ้น จากนั้นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาขาว กับชายชราในชุดเขียวผู้มีเส้นผมขนคิ้วเป็นสีขาวโพลนก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ
“จางฮั่นเทียน ผู้นำตระกูลจางแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาแดนฟ้าสิ้นสุด คารวะใต้เท้า”
“หยวนหมิงซุน ผู้นำตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาแดนฟ้าสิ้นสุด คารวะใต้เท้า”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนคลุมขาวเทา กับชายชราคิ้วขาวคลุมเขียวปรากฏตัว พวกมันก็ประสานมือโค้งคารวะจูเก่ออวิ๋นก่อนใดอื่น เพราะตอนนี้พวกมันได้รับทราบถึงพลังฝีมืออันน่ากลัวของสตรีเบื้องหน้าจากอาวุโสใหญ่ของพวกมันแล้ว…
สตรีเบื้องหน้า พลังฝีมือดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเลย!
“ฮ่วนเอ๋อ”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังไปทักฮ่วนเอ๋อ
ทันใดนั้นเบื้องหลังฮ่วนเอ๋อ ก็ปรากฏเงาร่างมหึมาหนึ่งขึ้น เป็นจิ้งจอกสีขาวที่ตัวใหญ่โตราวภูเขา ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายสูงส่งเยือกเย็น หางทั้ง 9 ปัดป่ายไปมาปานระลอกคลื่น สายตาเหลือบมองโลกหล้าอย่างเฉยชา ให้ความรู้สึกราวประหนึ่งสรรพสิ่งใดๆล้วนเป็นเพียงธุลีดิน
“นี่มัน…”
ในขณะที่เงาร่างมหึมาปรากฏขึ้นด้านหลังฮ่วนเอ๋อ สีหน้าของผู้นำทั้ง 2 ที่พึ่งมาถึง ไม่เว้นอาวุโสทั้ง 9 ที่มาถึงแต่แรกก็พร้อมใจกันเปลี่ยนไปทันที!
“จะ…จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!?”
คนเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 11 จับจ้องไปยังเงาร่างจิ้งจอกขาววตัวเขื่องที่มี 9 หางด้านหลังฮ่วนเอ๋อไม่วางตา และในลูกตาของพวกมันแต่ละคนก็ฉายชัดถึงความอิจฉาจับใจ!
จิ้งจอกมายานั้นเป็นตัวตนที่ยากจะปรากฏขึ้นในเผ่าจิ้งจอกมายา เรียกว่าในรอบหลายล้านปีจึงจะมีปรากฏขึ้นสักครั้ง และเมื่อถือกำเนิดขึ้นมา ก็จักเป็นจ้าวผู้ปกครองเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาของระนาบเทวโลกทั้งมวล
และจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายารุ่นนี้ ก็มาปรากฏขึ้นในตระกูลตู้ ซึ่งเป็นคู่แข่งของตระกูลหยวน
ดังนั้นตระกูลหยวนจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายารุ่นนี้หรือก็คือฮ่วนเอ๋อให้จงได้…
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ตระกูลหยวนจึงทำข้อตกลงกับตระกูลจาง ว่าหากตระกูลจางช่วยให้ตระกูลหยวนฆ่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาได้สำเร็จ ตระกูลหยวนจะยินดีจ่ายให้ตระกูลจางอย่างงาม…
WSSTH ตอนที่ 3,252 : จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา
“ผู้นำตระกูลจางกับผู้นำตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา ออกมา!”
ต้วนหลิงเทียนเงียบมองถิ่นที่อยู่ของเผ่าจิ้งจอกมายาอยู่พักหนึ่ง ก็กล่าวด้วยเสียงผสานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกล้าแข็งขุมหนึ่ง คลื่นเสียงดังกล่าวจึงกวาดผ่านไปทั่วทั้งเผ่าจิ้งจอกมายาในพริบตา!
ไม่ว่าจะเผ่ามายาฝ่ายตระกูลจางก็ดี ตระกูลหยวนก็ดี ไม่มีใครที่ไม่ได้ยินเสียงเรียกหาผสานพลังของต้วนหลิงเทียน
และวาจาต้วนหลิงเทียนที่ดังก้องไปทั่วถิ่นที่อยู่ของเผ่าจิ้งจอกมายา ก็ทำให้เหล่าจิ้งจอกมายาทั้งหลายอดตะลึงไปไม่ได้
ผู้ใดอยู่ด้านนอกกันแน่?
พอกล่าวออก ก็เรียกผู้นำของทั้ง 2 ตระกูลแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาออกไปพบเลย?
“เป็นยอดฝีมือจากที่ใดคิดมาพบผู้นำทั้ง 2 กัน?”
“ไม่น่าจะใช่แขกเหรื่อของพวกเรา…มิทราบเป็นใครกันแน่?”
…
หลังได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ถิ่นที่อยู่ของเผ่าจิ้งจอกมายาแต่เดิมที่เงียบสงบ ก็เริ่มบังเกิดเสียงดังเซ็งแซ่ไปทั่ว
ชายวัยกลางคนที่นั่งละเลียดชาอยู่ในศาลาชมบุปผาข้างสวนของเขตเรือนพักตระกูลจาง อดขมวดคิ้วย่นยู่ไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเรียกหาดังกล่าว
และชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือ จางฮั่นเทียน ผู้นำตระกูลจาง และยังเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาคนปัจจุบัน
และจางฮั่นเทียนคนนี้ยังเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของตระกูลจางในปัจจุบัน แม้พลังฝีมือของมันจะไม่อาจเทียบตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ แต่พลังฝีมือก็ถือว่าไม่ชั่วในบรรดาจักรพรรดิอมตะทั่วไป
จางฮั่นเทียนที่นั่งละเลียดชาผู้นี้ สวมใส่ด้วยชุดคลุมเทาขาว เมื่อได้ยินคำเรียกหามันก็ตอบสนองเรื่องราวอย่างสงบ มือสะบัดเรียกยันต์อมตะสื่อสารมาชิ้นหนึ่งก่อนจะบดขยี้ส่งข้อความออกไปอย่างใจเย็น “อาวุโสใหญ่ ออกไปชมดูเถอะ…ว่าเป็นเทพยดาองค์ใดแน่มาจากไหน ถึงหาญกล้ามาร่ำร้องโวยวายหน้าเขตที่พักของเผ่าจิ้งจอกมายาเรา”
ในฐานะผู้นำของเผ่าพันธุ์ที่จัดเป็นขุมกำลังระดับ 1 ของ แดนฟ้าสิ้นุสดอันเป็น 1 ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบนของหลิงหลัวเทียน ไฉนจางฮั่นเทียนจะออกไปง่ายๆ แค่เพียงเพราะมีคนมาเรียกหา?
“ทราบแล้วท่านผู้นำ”
อาวุโสใหญ่ของตระกูลจางที่ว่า ก็คือ ‘จางผิงเหยี่ย’ ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกมายาที่เป็นผู้ส่งจางจินอี้ลงไปยังแดนสวรรค์ใต้ เพื่อตรวจสอบว่าฮ่วนเอ๋อใช่จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาจริงๆหรือไม่
ระหว่างที่มันมุ่งหน้าไปตามเสียง มันก็ส่งข้อความแจ้งไปหลายรอบ จากนั้นเหินร่างไปสักพัก ด้านหลังของมันก็ปรากฏเงาร่าง 4 ร่างกำลังเหินตามมา
“อาวุโสผิงเหยี่ย”
อาวุโสใหญ่ตระกูลจาง พอได้ยินเสียงเรียกทักดังกล่าวก็เร่งหันไปมองตามต้นเสียงทันที
จากนั้นจึงพบว่ามีร่าง 4 ร่างได้เหินออกมาจากทิศทางเขตที่พักของตระกูลหยวน
“อาวุโสหยวนเยว่”
จางผิงเหยี่ยย่อมจดจำทั้ง 4 ได้ในพริบตา และผู้ที่เหินร่างนำมาก็คือ หยวนเยว่ อาวุโสใหญ่ของตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา สำหรับ 3 คนที่อยู่ด้านหลังก็เป็นชนชั้นอาวุโสของตระกูลหยวนเช่นกัน
“อาวุโสผิงเหยี่ย ท่านว่าเป็นผู้ใดกันแน่ ที่หาญกล้ามาเรียกหาผู้นำของพวกเราทั้ง 2 ตระกูลพร้อมๆกันแบบนี้ แถมฟังจากวาจาแล้วยังแลดูโอหังไม่น้อย!”
หยวนเยว่เอ่ยยถามจางผิงเหยี่ย
“ข้าก็มิทราบ…แต่ลองมันหาญกล้าโวยวายหน้าเผ่าจิ้งจอกมายาเราได้ หมายความว่ามันต้องมีหลักประกันอันใดสักอย่าง!”
จางผิงเหยี่ยกล่าว
เผ่าหลักจิ้งจอกมายานั้น ตระกูลหยวนกับตระกูลจางมักแยกตัวเป็นอิสระ ไม่ได้ข้องแวะอะไรกันสักเท่าไหร่
ผิวเผินแล้วก็ดูเหมือนจะร่วมมือปรองดองกันดี
แต่โดยปกติแล้ว ทั้ง 2 ตระกูลก็มักจะแข่งขันกันอย่างลับๆ
“ไป! ไปชมดูกันเถอะ!!”
สิ้นเสียงของหยวนเยว่มันก็เหินร่างนำอาวุโส 3 คนของตระกูลหยวนไปทันที จางผิงเหยี่ยเองก็เหินร่างติดตามไป และตอนนี้ก็มีอาวุโสของตระกูลจางมาสมทบอีก 4 คนแล้ว
หลังเหินร่างไม่นานนัก พวกมันก็แลเห็นร่าง 4 ร่างลอยล่องอยู่ไกลตา
“2 จักรพรรดิอมตะ!”
เมื่อจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่เข้าใกล้ทั้ง 4 มากพอ พวกมันก็ยืนยันได้ว่าในบรรดาทั้ง 4 คนเบื้องหน้านั้น มีจักรพรรดิอมตะอยู่ 2 คน
สำหรับอีก 2 คนที่เหลือ หนึ่งในนั้นพวกมันไม่อาจมองออก และไม่อาจยืนยันได้ว่าใช่จักรพรรดิอมตะเหมือนกันหรือไม่ ส่วนอีกคนนั้นช่างให้ความรู้สึกแปลกๆกับพวกมันพิกล
“กลิ่นอายนี่มัน…”
จนเมื่อทั้งหมดเหินร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าทั้ง 4 อาวุโสของเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 9 อันนำโดยจางผิงเหยี่ยและหยวนเยว่ ก็หันไปมองจ้องฮ่วนเอ๋อเป็นสายตาเดียวกัน เพราะกลิ่นอายคลับคล้ายคลับคลาจากร่างของนาง!
“พวกเจ้า 2 คน…เป็นผู้นำตระกูลจาง กับผู้นำตระกูลหยวนของเผ่าจิ้งจอกมายางั้นหรือ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนมองสลับระหว่างจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ที่นำคนทั้ง 9 มารอบหนึ่ง ค่อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เหตุไฉนที่เขาเลือกจะถามแค่จางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่แค่ 2 คน เพราะเขาสัมผัสได้แต่แรก ว่าในบรรดาทั้ง 9 ที่ปรากฏตัวออกมา มีแค่ 2 คนนี้เท่านั้นที่เป็นจักรพรรดิอมตะ
“เสียงนี่…”
ด้านจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ พอได้ยินเสียงของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ยืนยันได้ทันที ว่านี่คือเจ้าของเสียงที่ประกาศเรียกผู้นำตระกูลจางและผู้นำตระกูลหยวนจนก้องไปทั่วเผ่าจิ้งจอกมายาเมื่อครู่
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า เป็นคนเรียกหาผู้นำของพวกมัน!
“ข้าคืออาวุโสใหญ่ของตระกูลจาง จางผิงเหยี่ย!”
จางผิงเหยี่ยมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดั่งสายฟ้าฟาด เอ่ยถามเสียงเรียบ “เจ้าเป็นผู้ใด แล้วมาหาผู้นำตระกูลจางของเราด้วยจุดประสงค์อันใด?”
“ข้าคืออาวุโสใหญ่ของตระกูลหยวน หยวนเยว่”
หยวนเยว่ยังก้าวออกมากล่าวเสริมเร็วไว “ผู้นำตระกูลหยวนของข้า หาใช่คนที่ผู้ใดอยากจะพบก็พบได้ไม่! หากเจ้าคิดพบเจอ ก็ต้องดูก่อนว่าเจ้ามีคุณสมบัติมากพอให้ท่านผู้นำมาพบด้วยตัวเองรึเปล่า!”
ได้ยินคำพูดของทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนก็หยีตาเล็กน้อย เอ่ยออกด้วยรอยยิ้มบางๆ “ดูเหมือนผู้นำทั้ง 2 ของเผ่าจิ้งจอกมายา จะยิ่งใหญ่ไม่น้อย”
“หึ!”
ตอนนี้เอง จูเก่ออวิ๋นพลันพ่ลมสบถเยียบเย็น จากนั้นก็ก้าวออกมา
และเพียงหนึ่งก้าวที่ย่ำออก ทั่วร่างนางก็ปรากฏแสงสว่างสาดส่องออกมาเจิดจ้า บังเกิดแสงกระบี่พวยพุ่งออกจากศีรษะ ควบรวมก่อเกิดเป็นกระบี่พลังเล่มหนึ่ง แผ่ซ่านกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึงสะท้านสะเทือนไปในบรรยากาศ! จากนั้นกระบี่พลังดังกล่าวก็พุ่งลัดฟ้าจี้เข้ามาด้วยความเร็วอัศจรรย์!!
“แย่แล้ว!!”
เพียงจูเก่ออวิ๋นเริ่มเคลื่อนไหว จางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที สำหรับคนอื่นๆนั้น พวกมันไม่อาจตอบสนองเรื่องราวใดๆได้ทันด้วยซ้ำ
เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่พลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าพรั่นพรึงระดับนี้เข่นฆ่าสังหารเข้ามา ไม่ว่าจะจางผิงเหยี่ยหรือหยวนเย่ก็สูดได้กลิ่นความตายชัดเจน พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่บ่มเพาะมาชั่วชีวิตถูกโคจรใช้ออกเต็มกำลัง ยังเปิดใช้ชุดเกราะอมตะระดับจักรพรรดิทันที
จากนั้นทั้งคู่ก็เรียกอาวุธคู่กายออกมา และเร่งเร้าใช้ออกด้วยทุกสิ่งที่ฝึกปรือหมายต้านทานรับกระบี่พลังของจูเก่ออวิ๋น
ทั้งคู่ไม่รอช้า เร่งผสานพลังหมายต้านทานการลงมือของจูเก่ออวิ๋นตรงๆ!
พลังที่ลุกโชนท่วมร่างจางผิงเหยี่ยบัดนี้เป็นสีแดงสด เห็นได้ชัดว่ามันใช้กฏแห่งไฟ
สำหรับพลังที่ปะทุอยู่ทั่วร่างของหยวนเยว่นั้น มีลักษณะเป็นไอเย็นยะเยือกสีฟ้าผสมขาว เห็นได้ชัดว่าเป็นกฏน้ำแข็ง!
ปงงง!!
กระบี่พลังพุ่งเข่นฆ่าทำลายไปด้วยสภาวะดุร้ายราวกับไร้สิ่งใดที่ไม่อาจทำลาย มันพุ่งทะลวงกระบวนท่าผสานของจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่ได้อย่างง่ายดาย ประหนึ่งย่ำเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!
จากนั้นกระบี่พลังที่สิ้นเปลืองพลังไปบางส่วน ก็แตกตัวออกเป็นริ้วกระบี่ 2 สาย แยกกันพุ่งเข้าใส่จางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่!
ปงง! ปงง!!
เสียงเจาะทะลวงหนักหน่วงดังขึ้น เป็นเงาร่างชุดเกราะจากเกราะอมตะของจางผิงเหยี่ยกับหยวนเย่ว ที่ทุ่มพลังที่เหลือทั้งหมดใช้งานหมายต้านทานการลงมือของจูเก่ออวิ๋น ถูกทะลวงเจาะเข้ามาอย่างน่าใจหาย!
เมื่อเงาร่างชุดเกราะถูกทะลวงเจาะ ริ้วกระบี่ก็เสมือนสิ้นพลังพอดิบพอดีจึงสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังปลิดปลิวละลิ่วจากพลังสะท้อน ปากกระอักเลือดออกมาคำใหญ่สภาพร่อแร่ดูไม่ได้…
เลือดคำใหญ่ที่พวกมันกระอักออกมา ราวกับบุปผา 2 ช่อแข่งขันกันเบ่งบานกลางหาว มองไปคล้ายกุหลาบแดงโปรยปรายอยู่บ้าง
“10 ลมหายใจ หากผู้นำ 2 ตระกูลของเผ่าจิ้งจอกมายาเจ้ายังไม่ไสหัวออกมา…พวกเจ้าก็ตายมันตรงนี้เถอะ!”
จูเก่ออวิ๋นปริปากกล่าวคำอีกครั้ง เสียงกล่าวแม้เรียบๆราวพูดถึงดินฟ้าอากาศ แต่ผู้ฟังอย่างจางผิงเหยี่ยกับหยวนเยว่กลับหนาวจับใจ สีหน้าพวกมันยังเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง
พวกมันทั้งคู่ก็เป็นจักรพรรดิอมตะเหมือนกัน หากทว่าสตรีเบื้องหน้า กลับควบรวมกระบี่พลังซัดมาส่งๆหนึ่งเล่ม ก็สามารถทำลายกระบวนท่าผสานที่พวกมันทุ่มกำลังใช้ออกจนหมดได้แล้ว กระทั่งยังทะลวงฝ่าการป้องกันของพวกมันจนทำให้พวกมันสิ้นท่า อนาถาแบบนี้…
พลังฝีมือดังกล่าว น่ากลัวว่าต่อให้เป็นผู้นำทั้ง 2 ตระกูลแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา ก็ไม่มีใครสามารถทำได้…
หากวินาทีนี้พวกมันยังไม่สำเหนียกกันอีกว่า เบื้องหน้าที่แท้เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาเยือน เกรงว่าชีวิตอยู่มาหลายปีของพวกมันคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัข…
“ใต้เท้า ข้าจักเร่งส่งข้อความแจ้งท่านผู้นำเดี๋ยวนี้!”
หยวนเยว่เร่งกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ ด้วยกลัวว่าหากชักช้าอะไรขึ้นมา สตรีเบื้องหน้าอาจมีโมโหแล้วฆ่ามันในท่าเดียว!
มันไหนเลยจะดูไม่ออก ว่าเมื่อครู่สตรีเบื้องหน้าเพียงลงมือส่งๆเท่านั้น แถมนางไม่แม้แต่จะใช้อุปกรณ์อมตะใดๆ…
เป็นไปได้ว่าหากสตรีเบื้องหน้าคิดเข่นฆ่าสังหารมันจริง เพียงอีกฝ่ายซัดหนึ่งกระบวนท่าที่จริงจังเข้าหน่อย มันก็ไม่อาจรอดพ้นความตายได้แน่นอน…
ส่วนด้านจางผิงเหยี่ยตอนนี้ เหงื่อมันก็แตกพลั่กๆ สีหน้าฉายชัดถึงความตื่นตระหนกนัก
บรรยากาศกลับกลายเป็นเงียบงันทันใด
“ฮ่วนเอ๋อ เดี๋ยวรอให้ผู้นำทั้ง 2 ตระกูลมาถึง…เจ้าก็สำแดงอัตลักษณ์พลังของเจ้าให้พวกมันเห็นชัดๆหน่อย”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวผ่านพลังกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม
ฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ยามใดที่นางสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาก็จะบ่งบอกชัดเจน ต้วนหลิงเทียนจึงคิดให้สองผู้นำนั่นได้พบเห็นความจริงอย่างไม่ทันตั้งตัว
เขาอยากจะรู้นัก
ว่าพอพวกมันเห็นแล้ว จะกล้าคิดทำอะไรฮ่วนเอ๋อหรือไม่?
ปง! ปง!
หลังผ่านไปราวๆ 5 ลมหายใจ เสียงแหวกฟ้าฉับไวจนอากาศแตกระเบิดพลันดังขึ้น จากนั้นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเทาขาว กับชายชราในชุดเขียวผู้มีเส้นผมขนคิ้วเป็นสีขาวโพลนก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ
“จางฮั่นเทียน ผู้นำตระกูลจางแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาแดนฟ้าสิ้นสุด คารวะใต้เท้า”
“หยวนหมิงซุน ผู้นำตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายาแดนฟ้าสิ้นสุด คารวะใต้เท้า”
หลังจากที่ชายวัยกลางคนคลุมขาวเทา กับชายชราคิ้วขาวคลุมเขียวปรากฏตัว พวกมันก็ประสานมือโค้งคารวะจูเก่ออวิ๋นก่อนใดอื่น เพราะตอนนี้พวกมันได้รับทราบถึงพลังฝีมืออันน่ากลัวของสตรีเบื้องหน้าจากอาวุโสใหญ่ของพวกมันแล้ว…
สตรีเบื้องหน้า พลังฝีมือดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเลย!
“ฮ่วนเอ๋อ”
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังไปทักฮ่วนเอ๋อ
ทันใดนั้นเบื้องหลังฮ่วนเอ๋อ ก็ปรากฏเงาร่างมหึมาหนึ่งขึ้น เป็นจิ้งจอกสีขาวที่ตัวใหญ่โตราวภูเขา ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายสูงส่งเยือกเย็น หางทั้ง 9 ปัดป่ายไปมาปานระลอกคลื่น สายตาเหลือบมองโลกหล้าอย่างเฉยชา ให้ความรู้สึกราวประหนึ่งสรรพสิ่งใดๆล้วนเป็นเพียงธุลีดิน
“นี่มัน…”
ในขณะที่เงาร่างมหึมาปรากฏขึ้นด้านหลังฮ่วนเอ๋อ สีหน้าของผู้นำทั้ง 2 ที่พึ่งมาถึง ไม่เว้นอาวุโสทั้ง 9 ที่มาถึงแต่แรกก็พร้อมใจกันเปลี่ยนไปทันที!
“จะ…จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา!?”
คนเผ่าจิ้งจอกมายาทั้ง 11 จับจ้องไปยังเงาร่างจิ้งจอกขาววตัวเขื่องที่มี 9 หางด้านหลังฮ่วนเอ๋อไม่วางตา และในลูกตาของพวกมันแต่ละคนก็ฉายชัดถึงความอิจฉาจับใจ!
จิ้งจอกมายานั้นเป็นตัวตนที่ยากจะปรากฏขึ้นในเผ่าจิ้งจอกมายา เรียกว่าในรอบหลายล้านปีจึงจะมีปรากฏขึ้นสักครั้ง และเมื่อถือกำเนิดขึ้นมา ก็จักเป็นจ้าวผู้ปกครองเผ่าพันธุ์จิ้งจอกมายาของระนาบเทวโลกทั้งมวล
และจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายารุ่นนี้ ก็มาปรากฏขึ้นในตระกูลตู้ ซึ่งเป็นคู่แข่งของตระกูลหยวน
ดังนั้นตระกูลหยวนจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายารุ่นนี้หรือก็คือฮ่วนเอ๋อให้จงได้…
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ตระกูลหยวนจึงทำข้อตกลงกับตระกูลจาง ว่าหากตระกูลจางช่วยให้ตระกูลหยวนฆ่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาได้สำเร็จ ตระกูลหยวนจะยินดีจ่ายให้ตระกูลจางอย่างงาม…