WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3258
WSSTH ตอนที่ 3,258 : 2 ปีศาจ
ผู้ที่สามารถเข้าร่วมวังเทียนฉือได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 100 หลังบ่มเพาะฝึกปรือในวังเทียนฉือจนมีอายุเกือบพัน เกรงว่าจะไม่ใช่อะไรที่เหล่าคนที่มีคนอายุเกือบพันเหล่านี้จะต่อกรด้วยได้เลย…
เรียกว่าฝ่ายแรกเสมือนเริ่มดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
“ข้าจักย้ำอีกครั้ง พื้นที่ส่วนนี้มีไว้สำหรับคนที่อายุไม่ถึงร้อยปีเท่านั้น หากเป็นคนที่มีอายุ 100-200 ปีให้ขยับมารวมกันตรงนี้เสีย”
เหลยอิงกวาดตามองไปยังผู้คนที่แบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม พลางกล่าวย้ำออกมาเสียงเข้ม “การทดสอบของแต่ละกลุ่มจะยากง่ายแตกต่างกันตามช่วงอายุ…เช่นนั้นพวกเจ้าจงยืนให้ถูกพื้นที่เสีย”
หลังได้ยินคำเตือนของเหลิ่งอิง ก็ปรากฏร่างคน 6 คนเริ่มเคลื่อนกายไปยังพื้นที่ๆกลุ่มคนอายุไม่ถึง 100 ปียืนรวมกันอยู่ทันที…
‘หืม? 6 คนนั่นมันคิดฉวยโอกาสจากเรื่องนี้งั้นรึ?’
เห็นฉากดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา และคิดว่า 6 คนนั่นซวยแน่!
เพราะเขาไม่เชื่อว่าทั้ง 6 จะมีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!
หากพวกมันมีอายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ ไฉนพึ่งขยับไปเข้ากลุ่มเอาตอนนี้?
ฟุ่บ!
หลังผ่านไปอีกสิบกว่าลมหายใจ เมื่อไร้ผู้คนเคลื่อนไหวใดๆแล้ว เหลยอิงก็สะบัดมือเรียกจานค่ายกลออกมาอีกครั้ง และจานค่ายกลที่นำออกมารอบนี้ เห็นได้ชัดว่ามันแตกต่างจากตอนแรก
เมื่อจานค่ายกลลอยสูงขึ้นไปกลางหาว มันก็หมุนคว้างทั้งดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็เปล่งลำแสงสว่างวาบออกมาดั่งวงแหวน ปกคลุมร่างผู้คนทั้ง 10 กลุ่มเอาไว้!
‘หืม?’
ไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้ทันนที ว่าหลังจากวงแหวนแสงล้อมลอบทุกคนอาไว้แล้ว เหนือศีรษะคนนับโหลที่ยืนอยู่ในกลุ่มพื้นที่สำหรับคนอายุไม่ถึงร้อยปี ก็เริ่มปรากฏรัศมีแสงเรืองสว่างขึ้นมา
สำหรับพื้นที่อีก 9 กลุ่มที่เหลือไม่มีใครปรากฏรัศมีแสงสว่างดังกล่าวเลย
“เจ้าพวกนั้น…มันไม่รู้กฏการทดสอบของวังเทียนฉือหรืออย่างไร? พวกมันจะถ่อมารนหาที่ตายที่นี่ทำเพื่อ?”
ห่างออกไปจากต้วนหลิงเทียนไม่ไกล มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนกอดอก มองคนนับโหลที่มีรัศมีแสงปรากฏเหนือหัวพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงงุนงง แววตาไม่ทราบจะฉายแววเวทนาสงสารหรือสมน้ำหน้าดี
และหลังเสียงชายหนุ่มดังกล่าวดังจบคำ สายตาเหลยอิงก็กวาดมองไปยังคนนับโหลที่ว่าทันที
“พวกเจ้าทั้ง 13 คน ถูกตัดสิทธิ์ออกจากการทดสอบ”
เหลยอิงกล่าวออกเสียงเรียบ
และในขณะที่ทั้ง 13 หน้าซีดลง เริ่มฉายความเสียใจออกมา ไม่ทันที่พวกมันจะได้เหินร่างจากไปไหน ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลิ่งอิงแต่แรกก็ก้าวออกมา จากนั้นมันไม่พูดไม่จาก็ซัดพลังออกไป 13 สาย แยกย้ายกันเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่คนทั้ง 13 ทันที!
ทั้ง 13 คนก็เร่งเร้าพลังเตรียมการป้องกันเต็มที่ อนิจจาแม้พวกมันจะใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่ก็ไม่อาจต้านทานการลงมือของชายวัยกลางคนได้เลย พริบตาก็ถูกพลังสังหารของชายวัยกลางคนกระแทกจนแหลกเป็นผง!
‘จักรพรรดิอมตะ!’
ทันทีที่ชายวัยกลางคนลงมือเคลื่อนไหว ต้วนหลิงเทียนก็ระบุได้ทันทีว่าด่านพลังฝึกปรือของมันอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะ ส่วนในบรรดาทั้ง 13 คนนั่น ผู้ที่มีด่านพลังฝึกปรือสูงสุดก็ยังเป็นแค่จอมราชันอมตะ 2 ยศเท่านั้น ย่อมไม่อาจต้านรับพลังระดับนี้ได้เลย…
ถึงแม้จะเป็นแค่กระแสพลังสังหารที่ชายวัยกลางคนซัดออกมาส่งๆก็ตามที
เมื่อทั้ง 13 ถูกประหารตายตก ผู้คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย บางคนที่มีความคิดจะตีเนียนไปยืนในกลุ่มช่วงอายุที่น้อยกว่าของตัวเองเมื่อครู่ ก็ใจเสียจนเหงื่อแตกพลั่ก!
เพียงแค่ความคิดชั่ววูบ ก็เกือบทำให้พวกมันตกตายแล้ว!
“ไปได้แล้ว”
พอเสียงเหลยอิงดังเข้าหูทุกคนอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็สังเกตเห็นร่าง 10 ร่างก้าวออกมาจากด้านหลังเหลยอิง
ชายวัยกลางคนที่ลงมือเมื่อครู่ก็เริ่มก้าวเดินอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมันไม่เหมือนคนอื่นๆที่มุ่งหน้าเข้าหากลุ่มคนในช่วงอายุต่างๆ แต่เป็นย้ายออกจากเบื้องหน้ากลุ่มคนที่มีอายุไม่ถึง 100 ไปยังพื้นที่สำหรับผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วง 900-1,000
คนกลุ่มนั้นพอเห็นชายวัยกลางคนมุ่งหน้ามาหาพวกมัน และพอมาถึงเบื้องหน้าก็หยุดมองจ้องพวกมันเขม็ง แต่ละคนก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที
ซัว!!
ครืนนน!!
…
เสียงกระหึ่มปานจะสะเทือนสะท้านได้กระทั่งแผ่นฟ้าอุบัติขึ้น เป็นคนทั้ง 10 ที่มาหยุดอยู่หน้ากลุ่มคน อยู่ๆก็พร้อมใจกันปลดปล่อยแรงกดดันพลังออกมาโถมเข้าใส่กลุ่มคนพร้อมเพรียง!
รัศมีพลังหลากสีสัน ต่างกันไปตามกฏที่เข้าใจประหนึ่งถล่มลงจากฟากฟ้าถล่มทับเข้าใส่ผู้คนแต่ละกลุ่ม!
‘7 คนฟากนี้เป็นจอมราชันอมตะ…ส่วน 3 คนนั่นเป็นจักรพรรดิอมตะ’
ในขณะเดียวกันกับที่ทั้ง 10 แผ่แรงกดดันพลังออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ตรวจพบได้ในพริบตาว่าในบรรดา 10 คนที่ก้าวออกมา มีจอมราชันอมตะ 7 คน จักรพรรดิอมตะ 3 คน
จักรพรรดิอมตะทั้ง 3 นั่น แยกย้ายกันไปยังกลุ่มคนที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 700 ปีขึ้นไป ทั้ง 3 กลุ่ม
สำหรับจอมราชันอมตะทั้ง 7 นั่น แต่ละคนรับผิดชอบกลุ่มคนที่มีช่วงอายุไม่ถึง 700 ปี
และยิ่งช่วงอายุก็แปรผันกับด่านพลังฝึกปรือของพวกมันเช่นกัน
อย่างเช่นคนที่รับหน้าที่สร้างแรงกดดันให้กลุ่มต้วนหลิงเทียนนั้น มันเป็นแค่จอมราชันอมตะ 6 ผสานเท่านั้น
ถึงแม้ความเข้าใจในกฏของมันจะดี แต่ก็สู้ฮ่วนเอ๋อไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับต้วนหลิงเทียน…
“ฮ่วนเอ๋อ พวกเรามาทำลายแรงกดดันของมันกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม
อาศัยจอมราชันอมตะ 6 ผสานคนหนึ่ง ย่อมไม่อาจกดดันเขากับฮ่วนเอ๋อได้เลย
“ได้เลยพี่หลิงเทียน!”
และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ฮ่วนเอ๋อก็ลงมือทันที พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานธาตุมิติของนางก็ปะทุออกมาปานเพลิงคลั่ง พวยพุ่งขึ้นฟ้า!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
เสียงระเบิดสนั่นปานฟ้าคำรามดังขึ้นกึกก้อง เป็นแรงกดดันพลังของฮ่วนเอ๋อ สามารถทำลายแรงกดดันพลังที่ผู้ทดสอบแผ่ออกมาได้อย่างง่ายดาย!
ชายหนุ่มที่รับหน้าที่แผ่แรงกดดันพลัง พอเผชิญกับการลงมือทำลายแรงกดดันพลังของฮ่วนเอ๋อ หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!
นี่คนอายุไม่ถึง 300 ปี พึ่งจะทำลายแรงกดดันพลังของมันได้จริงๆงั้นเหรอ!?
ถึงแม้แรงกดดันพลังที่มันปลดปล่อยออกไปเมื่อครู่ มันจะไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง…แต่อย่างน้อยๆก็เร่งเร้าพลังออกมา 7 ถึง 8 ส่วน! เนื่องเพราะจำนวนผู้คนเบื้องหน้าก็ไม่ใช่น้อยๆ หากมันออมมือมากไป ไหนเลยจะกดดันผู้คนได้เล่า?
“มาอีกที!”
ชายหนุ่มหยีตาลงมองเพ่งไปยังร่างฮ่วนเอ๋อเขม็ง จากนั้นมันก็โคจรเร่งเร้าพลังเต็มสิบส่วน เพาะสร้างเป็นแรงกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งแผ่ปกคลุมไปเบื้องหน้า หากทว่ามุงเน้นไปยังฮ่วนเอ๋อแค่คนเดียว!
ความเคลื่อนไหวผิดแปลกดังกล่าว ย่อมกระตุ้นความสนใจของเหลยอิงเช่นกัน และสีหน้าของเหลิงอิงก็แปลกไปไม่น้อยขณะมองไปยังฮ่วนเอ๋อ จากนั้นไม่ทันไรสองตานางก็จำต้องงฉายความประหลาดใจออกชัด!
ปงงง!!
เพราะในสายตาของเหลยอิง นางพบว่าฮ่วนเอ๋อได้ลงมืออย่างดุดันอีกรอบ แรงกดดันพลังมิติอันบ้าคลั่งปะทุออกไปดั่งอัสนีบาต ฟาดทำลายแรงกดดันพลังของชายหนุ่มจนสิ้นซาก!
“อั๊ค–!”
ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บจนต้องกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง!
“อะ…”
ต่างจากคนกลุ่มอื่นที่กำลังรีดเค้นเรี่ยวแรงดูดนมมารดามาต้านทานแรงกดดันพลังของผู้ทดสอบที่โถมถันเข้ามาดั่งมรสุม คนที่อยู่กลุ่มเดียวกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อ ได้แต่มองเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความตกตะลึง
สตรีชุดขาวที่สวมผ้าปิดปากนางนี้ แข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ?
แต่ว่านางยังอายุไม่ถึง 300 ปีเลยไม่ใช่รึไง?
อายุไม่ถึง 300 ปีไฉนมีพลังขนาดนี้ได้เล่า? ต่อให้เป็นชนชั้นอัจฉริยะของวังเทียนฉือ ก็ไม่น่าจะร้ายกาจขนาดนี้ไม่ใช่รึไง?!
“ดี!!”
เมื่อเห็นชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บจากพลังสะท้อน เหลยอิงไม่เพียงไม่โกรธ แต่สองตาที่มองจ้องฮ่วนเอ๋อยังกลายเป็นเร่าร้อนขึ้นมาทันที ถึงกับอดไม่ได้ที่จะตะโกนชมฮ่วนเอ๋อออกมาเสียงดัง
“สาวน้อยเจ้าออกมายืนรอทางด้านนี้เถอะ”
เหลยอิงมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อ
ขณะเดียวกันนางก็ผายมือให้ฮ่วนเอ๋อไปยืนรออีกที่หนึ่ง ไม่ต้องไปยืนรวมกลุ่มกับคนอื่นอีกต่อไป
เป็นธรรมดาว่าด้วยพลังที่ฮ่วนเอ๋อเผยออกมาเมื่อครู่ การปล่อยให้ฮ่วนเอ๋ออยู่ต้านทานแรงกดดันสืบต่อ ก็รังแต่จะทำให้คนของนางประสบชะตาอนาถเท่านั้น
ด้านชายหนุ่มที่เป็นผู้ทดสอบ หลังตบโอสถอมตะเข้าปากและเดินพลังไม่กี่อึดใจจนหายดีแล้ว มันก็ได้แต่หันมองไปทางฮ่วนเอ๋อด้วยสายตาหวาดกลัว จากนั้นหลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับสติ มันก็หันกลับมามองกลุ่มคนเบื้องหน้ารวมถึงต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
ทันใดนั้นเองสองตามันก็เผยประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง ไอพลังทั่วร่างเริ่มสั่นไหว เห็นได้ชัดว่ามันคิดจะระบายโทสะของมันไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า
ครืนนนน!!
ชายหนุ่มลงมืออีกครา และครานี้ไม่เพียงแต่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของจอมราชันอมตะ 6 ผสานจะถูกปลดปล่อยออกมาเต็มกำลัง มันยังรวมผสานพลังจากความลึกซึ้งเอาไว้อีกด้วย!
“แย่แล้ว!!”
“เจ้านั่นไม่พ้นคิดเอาความอับอายที่ถูกสตรีชุดขาวทำร้ายมาลงกับพวกเรา!”
“บาเอ๊ย! มันอยากหาที่ลงไฉนต้องเอามาลงกับพวกเราด้วยเล่า? พวกเราไม่ได้ไปทำอะไรมันเสียหน่อย!!”
“แล้วเจ้าคิดว่าอาศัยพลังของมัน จะมีปัญญาทำอะไรแม่นางชุดขาวนั่นได้เล่า? มันก็ได้แต่เลือกเอามาลงกับพลับสุกเยี่ยงพวกเรานี่ล่ะ!”
“สตรีนางนั้นเป็นผู้ใดกันแน่…อายุไม่ถึง 300 ปี ไฉนแข็งแกร่งเหนือผู้ทดสอบคนนี้ได้ล่ะ? ต่อให้เป็นอัจฉริยะของวังเทียนฉือก็ไม่น่าจะร้ายกาจเท่านางกระมัง?”
…
กลุ่มคนที่อยู่รอบตัวรู้สึกกดดันอย่างมาก พวกมันพยายามรีดเค้นพลังชั่วชีวิตออกมาผนึกกำลังกันร่วมมือต้านทานพลังงของชายหนุ่มผู้ทดสอบ
และในขณะที่หลายคนกำลังกัดฟันดังกรอดเพื่อเร่งเร้าพลังต้านทานสุดตัว ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้นก่อนจะกดลง
ทันใดนั้นเอง
ซู่มมม!
ปงงง!!
…
พลังมิติอันบ้าคลั่งระเบิดปะทุออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนอย่างน่ากลัว ประหนึ่งงูหลามสีเทาพิโรธโถมเข้าใส่แรงกดดันพลังของชายหนุ่มอยย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะบดขยี้ทำลายจนย่อยยับ!
“อั๊คค!!”
ชายหนุ่มได้แต่กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง! และรอบนี้ร่างเซถลาถอยไปหลายก้าวใหญ่…สภาพแลดูยักแย่ยักยันนัก!!
“อะ…”
คราวนี้กระทั่งเหลยอิงก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ยังเหม่อมองเรื่องราวด้วยความเหลือเชื่อ
เมื่อครู่ก็มีปีศาจน้อยปรากฏขึ้นตัวหนึ่งแล้ว มาตอนนี้ยังจะมีปีศาจน้อยปรากฏขึ้นมาติดๆอีกตัวหรือ?
คนอื่นๆที่อยู่รอบๆต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปไม่ต่าง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีปีศาจร้ายอายุเยาว์มากมายขนาดนี้มาทดสอบพร้อมๆกัน?
แล้วนี่ทั้งคู่ยังอายุไม่ถึง 300 ปีจริงๆหรือ?
“ท่านผู้อาวุโส ข้าไปยืนตรงนั้นด้วยได้ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนชี้ไปตรงที่ฮ่วนเอ๋อยยืนอยู่ จากนั้นก็เอ่ยถามเหลยอิงที่ยังแลดูตะลึงไม่หาย กระทั่งได้ยินเสียงเขา นางยังพยักหน้ารับอย่างเลื่อนลอย
ด้านเหลยอิงไหนเลยจะมองไม่ออก ว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ ยังร้ายกาจยิ่งกว่าสาวน้อยชุดขาวเมื่อครู่อยู่หลายส่วน!
และพอนางเห็นว่าต้วนหลิงเทียนที่ก้าวไปยืนใกล้ๆฮ่วนเอ๋อได้ไม่ทันไร ฮ่วนเอ่อก็พุ่งมือมากุมมือข้างหนึ่งของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ นางจึงบอกได้ไม่ยากว่าทั้งคู่มาด้วยกัน
‘พวกมันเป็นผู้ใดกันแน่?’
หากมีอะไรผิดปกติไม่พ้นต้องมีปีศาจ อยู่ดีๆก็มีตัวตนที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าอัจฉริยะของวังเทียนฉือของพวกมันปรากฏตัวออกมาแบบนี้พร้อมๆกัน กระทั่งเหลยอิงก็จำต้องระวังให้มาก
“แข็งแกร่งนัก!”
“บ้าไปแล้ว นี่ทั้งคู่อายุไม่ถึง 300 ปีจริงๆหรือ?”
…
เหล่าคนของวังเทียนฉือที่อยู่ด้านหลังเหลยอิง ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนต่อจากฮ่วนเอ๋อ
ที่ย่ำแย่ที่สุดเลยก็คือ ชายหนุ่มที่รับหน้าที่ทดสอบผู้นั้น กระทั่งรับประทานโอสถอมตะและเดินพลังก็แล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายดีง่ายๆ เห็นชัดว่ามันไม่อาจฟื้นตัวได้ในช่วงสั้นๆแน่นอน
“เจ้าไปพักก่อนเถอะ”
เหลยอิงก็เหลือบไปมองกล่าวกับชายหนุ่มผู้นั้นเสียงเบา
“ทราบแล้วท่านจ้าวตำหนัก”
ชายหนุ่มหอบร่างช้ำในของตัวเองกลับมายืนด้านหลังเหลยิง ก่อนที่จะมีอีกคนก้าวออกไปแทนมัน และเมื่อคนใหม่เดินไปถึง มันก็มองทุกคนด้วยสายตาระแวงอยู่พักหนึ่ง!
เพราะมันกลัวใจเหลือเกินว่าในกลุ่มคนอายุ 200-300 ปีเบื้องหน้า จะยังมีปีศาจร้ายเยี่ยงชายหนุ่มชุดม่วงกับสาวน้อยชุดขาวนั่นปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักมันก็พบว่าเป็นมันกังวลมากเกินไป
“พวกเจ้าสองคน…เป็นผู้ใดกันแน่?”
จังหวะนี้กระทั่งเหลยอิงเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อพลางถามออกมาเสียงขรึม
“ผู้อาวุโส ไฉนท่านถามเช่นนี้เล่า? ในเมื่อพวกเรามาเข้าร่วมการทดสอบของวังเทียนฉือ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ฝึกตนไร้สังกัด”
ต้วนหลิงเทียนมองเหลยอิงด้วยสายตาสับสน ทำราวกับไม่เข้าใจคำถามของเหลยอิง
“พวกเจ้าเรียกว่าอะไร?”
เหล่ยอิงถาม
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนตอบ และก่อนที่ฮ่วนเอ๋อจะทันได้ตอบเหลยอิง ต้วนหลิงเทียนยก็กล่าววออกมาอีกครั้งเสียก่อน “ผู้อาวุโสไม่ทราบว่าท่านมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“หรือ…วังเทียนฉือไม่คิดรับพวกเรา? หากไม่รับ พวกเราไปเสี่ยงโชคที่ขุมกำลังสวรรค์อื่นก็ได้”
พอกล่าวจบ ต้วนหลิงงเทียนก็จูงมือฮ่วนเอ๋อหันร่างเหินจากไปทันที พริบตาทั้งคู่ก็พุ่งไปหลายลี้!
“กลับมา!”
พอเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง คิ้วที่ขมวดย่นเป็นปมของเหลยอิงก็คลายตัวลง เร่งกล่าวออกไปเร็วไว “ผู้ใดบอกว่าวังเทียนฉือเราไม่รับคนเล่า!?”