WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3273
WSSTH ตอนที่ 3,273 : จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง!
เมื่อแสงกระบี่นับพันสายเริ่มสลายหายไป เหล่าศิษย์ของวังเทียนฉือที่ชมดูเรื่องราวไกลๆ ก็พร้อมใจกันส่ายหน้าเบาๆ ด้วยคิดว่า ตอนนี้ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องถูกหลิวเจี้ยนปลิดปลงชีวิตไปแล้วแน่แท้ ในเมื่อการต่อสู้เบื้องหน้าได้ยุติลง
กระทั่งเหลยจวิ้น หรือแม้แต่อาวุโสตำหนักลองกระบี่เองก็คิดไปทำนองดังกล่าว
“ศิษย์น้องเล็ก!!!”
หน้าหงเฟยเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
คงมีแต่ฮ่วนเอ๋อเท่านั้น ที่ยังคงลอยร่างอยู่ตรงนั้นอย่าสงบ สีหน้าท่าทีไม่ได้แลดูแตกตื่นร้อนใจอะไรเลย
ในที่นี้ ไม่มีใครเข้าใจต้วนหลิงเทียนได้ดีไปกว่าฮ่วนเอ๋อแล้ว
ในสายตาของนาง หลิวเจี้ยนนั้น…ไม่ใช่แม้แต่คู่มือของนางด้วยซ้ำ! แล้วมันจะไปเป็นคู่ต่อสู้พี่หลิงเทียนของนางได้อย่างไร!!
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางก็เลยไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความกังวล
ด้วยประการฉะนี้ พอร่างม่วงค่อยๆปรากฏตัวออกมาหลังแสงสีทองจางหาย ฮ่วนเอ๋อจึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพียงแต่เรื่องราวไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของฮ่วนเอ๋อ…ไม่ใช่ว่ามันจะไม่อยู่เหนือความคาดหมายของคนอื่นเช่นกัน!
“ตะ…ต้วนหลิงเทียน!?”
“ได้อย่างไร…มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
…
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน ร่างที่ยังปลอดภัยไร้เรื่องราว กระทั่งเสื้อผ้ายังไม่มีแม้แต่รอยยับย่นของต้วนหลิงเทียน ก็ค่อยๆปรากฏให้เห็นชัดกระจ่างง ขณะเดียวกันร่างไร้วิญญาณที่สองตาเบิกโพลง หว่างคิ้วปรากฏหลุมเลือดชวนสยองของหลิวเจี้ยน ก็ค่อยๆร่วงตกลงจากฟ้าไปกระแทกสังเวียนอัจฉริยะดังตุบ!
หลิวเจี้ยน ผู้เป็นศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือในช่วงอายุ 600-700 ปี ตัวตนที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 8 ชะตา เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ 6 ประการ…
แต่กระนั้น กลับตกตายภายใต้เงื้อมมือศิษย์อัจฉริยะ ในช่วงอายุ 200-300 ปี…
‘เจ้าต้วนหลิงเทียนคนนี้…’
สองตาเหลยจวิ้นหรี่ลงทันใด กระทั่งในดวงตายังฉายแววเหลือเชื่อทั้งหวาดกลัวประการหนึ่ง ด้วยเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนรอดพ้นเงื้อมมือหลิวเจี้ยนมาได้ นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของมันจริงๆ!
ที่สำคัญ ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะรอดพ้นความตายภายใต้เงื้อมมือหลิวเจี้ยนมาเท่านั้น อีกฝ่ายยังสามารถเข่นฆ่าหลิวเจี้ยนได้อีก! เรื่องนี้นับว่าสุดที่มันจะจินตนาการได้ออกด้วยซ้ำ!!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่!? ไฉนศิษย์พี่หลิวเจี้ยนถึงเป็นฝ่ายถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายได้ล่ะ!?”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…หรือมันจะใช้ยันต์อมตะบางอย่างฆ่าศิษย์พี่หลิวเจี้ยน?”
“ยันต์อมตะ? เจ้าคิดว่าสังเวียนอัจฉริยะ เป็นแค่เวทีศิลาโง่ๆลอยฟ้าหรือไร? อยู่ในสังเวียนเจ้ามิอาจใช้พลังภายนอกอะไรได้ทั้งสิ้น!!”
…
เหล่าศิษย์ของวังเทียนฉือตกตะลึงกับฉากที่สองตาแลเห็นไปพักใหญ่ พอดึงสติกลับมาอีกครั้ง สายตาที่พวกมันใช้มองต้วนหลิงเทียน ก็แตกต่างไปจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง!
ไม่มีใครในบรรดาพวกมัน ที่คิดว่าหลิวเจี้ยนจะเป็นฝ่ายตกตายคามือต้วนหลิงเทียนสักคน…
ศิษย์อัจฉริยะของช่วงอายุ 200-300 ปีคนนี้…พึ่งจะได้รับสถานะศิษย์อัจฉริยะมาสดๆร้อนๆด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตาม พึ่งได้สถานะศิษย์อัจฉริยะมาครองไม่ทันไร พวกก็เข่นฆ่าหลิวเจี้ยนทิ้งหน้าตาเฉย!
เป็นไปได้สูงมาก ที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ยามแพร่ไปในวังเทียนฉือ จะสร้างความตกใจให้ผู้คนไม่น้อย…เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถึงในประวัติศาสตร์ของวังเทียนฉือไม่ใช่ว่าจะไม่มีเรื่องราวทำนองนี้เกิดขึ้น แต่มันก็มีเกิดขึ้นน้อยมากๆ!
“นี่มัน…”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่เองก็ตะลึง มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะตายเพราะหลิวเจี้ยนไปแล้วเหมือนคนอื่นๆ แต่ไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะไม่ตายคามือหลิวเจี้ยน แต่ยังเป็นฝ่ายฆ่าหลิวเจี้ยนตายคามือแทนซะงั้น!
‘มันที่แท้ทำได้อย่างไรกันแน่?’
จังหวะนี้กระทั่งตัวอาวุโสตำหนักลองกระบี่เองก็อดสงสัยไปไม่ได้ และไม่เข้าใจจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนไปทำอีท่าไหนถึงฆ่าคนอย่างหลิวเจี้ยนได้
อายุต้วนหลิงเทียนนั้นอย่างน้อยๆก็ต้องอ่อนกว่าหลิวเจี้ยน 300 ปี
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนกลับฆ่าศิษย์อัจฉริยะที่อายุมากกว่าตัวเองเป็นรอบได้!
ที่สำคัญ ตัดสินจากการที่หลิวเจี้ยนไม่มีแม้แต่เวลาจะเอ่ยคำยอมแพ้ออกมา ก็มากพอจะบ่งบอกให้รู้…ว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน มันไม่ธรรมดาจริงๆ!
“ไม่จริง…ไฉนเป็นเช่นนี้ไปได้!?”
“ไม่! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง! ฝัน…ข้าต้องฝันร้ายอยู่แน่ๆ!”
หวงลู่หนานที่ถูกต้วนหลิงเทียนเตะจนเด้งออกจากตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือ เดิมทีมันคิดว่าศิษย์พี่ของมันต้องทวงแค้นและล้างอายให้มันด้วยการฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่ๆ แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลย…ว่าสุดท้ายแล้วศิษย์พี่หลิวเจี้ยนของมันไม่เพียงแต่ไม่อาจช่วยมันล้างอายได้สำเร็จ ยังถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตายเสียอย่างนั้น!
ผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้ใจมันไม่อาจยอมรับความจริงได้ ยังรู้สึกเสมือนตัวเองกำลังติดอยู่ในฝัน…
อนิจจาสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งผู้คนทั้งหลาย ก็บ่งบอกให้มันล่วงรู้ถึงความจรงิงอันโหดร้าย ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน…
“บ้าไปแล้ว…ศิษย์น้องเล็ก…จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ!?”
หงเฟยแต่เดิมที่สีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากเพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนตกตายคามือหลิวเจี้ยนไปแล้ว พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังเป็นฝ่ายฆ่าหลิวเจี้ยนแทน หลังจากอื้ออึงคล้ายเด็กอ้วนเอ๋อไปพักหนึ่ง มันก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ฮ่าๆๆๆ…ศิษย์น้องเล็กเจ้าร้ายลึกยิ่ง! ข้าไม่คิดเลยว่าที่แท้เจ้าจะร้ายกาจถึงขนาดนี้! เป็นข้าดูเบาเจ้าเกินไปแล้ว!!”
หลังฮ่วนเอ๋อวูบร่างไปลอยเคียงข้างต้วนหลิงเทียนทั้งเอื้อมมือไปกอบกุมมือต้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ หงเฟยก็เหินร่างเร็วไวจนไขมันกระเพื่อม มาโพล่งคำอย่างยินดีปรีดาข้างต้วนหลิงเทียน
หลิวเจี้ยนนั้นเป็นอริเก่ามันมานานปี อนิจจาพลังฝีมือมันด้อยกว่า ไม่อาจทำอะไรผู้อื่นเขา…
วันนี้พอมาเห็นหลิวเจี้ยนตัวดีที่มันเกลียดชังเข้ากระดูกดำถูกศิษย์น้องเล็กของมันฆ่าตาย หงเฟยย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา!
“หึ!”
เมื่อเห็นว่าฮ่วนเอ๋อที่ไม่แม้แต่จะเหลือบแลตัวเอง วูบร่างไปเคียงข้างต้วนหลิงเทียนทั้งอิงแอบแนบชิดกุมมืออีกฝ่ายราวคู่รัก สองตาเหลยจวิ้นก็กลับกลายเป็นเย็นชา ปานหนึ่งมองก็สามารถแช่แข็งผู้คนได้อย่างไรอย่างนั้น
และหลังจากพ่นลมสบถเย็นยะเยือกคำหนึ่ง มันก็เหินร่างจากไปทันที
หลังเหลยจวิ้นจากไป หวงลู่หนานก็เร่งรุดเหินร่างจากไปอีกคน เพราะมันรู้ดีว่าถึงมันจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อไป ก็มีแต่จะอับอายขายหน้าผู้คนเท่านั้น…
แต่กระนั้น ก่อนที่มันจะจากไป มันก็ไม่วายแจ้งเตือนไปยังอาจารย์ของมันกับหลิวเจี้ยน ว่าบัดนี้หลิวเจี้ยนได้ถูกคนฆ่าตายไปแล้ว
อาจารย์ของมันกับหลิวเจี้ยน ก็เป็น 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเช่นกัน มีสมญานามว่า มังกรบู๊ ชื่อเรียกว่า กู้ฉางเจียง
“ต้วนหลิงเทียน ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าที่แท้เจ้าจักมีความสามารถขนาดนี้…ความแข็งแกร่งของหลิวเจี้ยนไม่นับว่าธรรมดา แต่เจ้ากลับสามารถฆ่ามันได้!”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่เริ่มเหินบินออกจากเกาะกลางมาหาต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็มองกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
“ข้าแค่โชคดีน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับคำชมอย่างสุภาพ
โชคดี?
อย่างไรก็ตามคำพูดถ่อมตัวดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะอาวุโสตำหนักลองกระบี่ก็ดี เหล่าศิษย์วังเทียนฉือคนอื่นๆที่มาชมดูการประลองก็ดี ล้วนเบ้ปากหน้าเบี้ยวกันเป็นแถบ ผู้ใดจะไปเชื่อ!
“ผู้อาวุโส ตอนนี้ข้าก็มีสิทธิ์ท้าประลองศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุเดียวกับข้าแล้วใช่ไหม?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามอาวุโสตำหนักลองกระบี่
“ย่อมมี”
อาวุโสตำหนักกลองกระบี่พยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะ “เดี๋ยวพอข้ากลับไป ข้าจะใช้ลูกแก้ววิญญาณที่มันฝากไว้ ติดต่อส่งคำท้าของเจ้าไป…หากมันตอบรับแล้วกำหนดวันประลองเมื่อใด ข้าจักติดต่อไปแจ้งให้เจ้าทราบทันที”
“และมันก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำท้าของเจ้า และหากมันปฏิเสธการต่อสู้โดยเลือกเพิกเฉยคำท้า เช่นนั้นเต็มที่อีก 3 เดือนหลังจากนี้ เจ้าก็จะได้รับตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุของเจ้าโดยไม่ต้องลงมือให้เหนื่อย”
อาวุโสตำหนักลองกระบี่กล่าว
“เช่นนั้นต้องรบกวนอาวุโสแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“เอาล่ะ เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน…”
ในขณะที่อาวุโสตำหนักลองกระบี่พยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเป็นการอำลา และเตรียมตัวจากไปนั้นเอง
เสียงสนั่นปานฟ้าร้องหนึ่งพลันดังขึ้นมาแต่ไกล ยังสะท้านสะเทือนแก้วหูผู้คนนัก!
“ผู้ใดฆ่าลูกศิษย์ของข้า กู้ฉางเจียง!?”
เสียงสนั่นปานฟ้าร้องดังกล่าว ยังทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
นั่นเพราะชื่อที่ผู้มาใหม่เอ่ยออกเมื่อครู่ ไม่ใช่ชื่อแปลกหูสำหรับเขา!
กู้ฉางเจียง คือ 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ!
‘กู้ฉางเจียงผู้นั้น มันถึงกับถ่อมาด้วยตัวเองเชียวหรือ?’
ต้วนหลิงเทียนได้แต่เลิกคิ้วขึ้นอย่างเหนือความคาดหมาย ด้วยไม่คิดว่าคนอย่างหลิวเจี้ยนจะทำให้กู้ฉางเจียงออกหน้าด้วยตัวเองได้
“กู้ฉางเจียง?!”
หลังหงเฟยได้ยินเสียงประกาศดังกล่าว มันก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆเร่งสะบัดมือเรียกยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณแผ่นหนึ่งขึ้นมาบดขยี้ ติดต่อถึงอาจารย์อย่างจักรพรรดิอมตะทุ่งขจี ฉือหล่าง ทันที
ในวังเทียนฉือ ที่พักของจักรพรรดิอมตะสมญานามแต่ละคน ค่อนข้างตั้งอยู่ห่างกับจุดนี้พอสมควร
หากจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง ผู้นี้บันดาลโทสะเข่นฆ่าศิษย์น้องเล็กของมันหน้าด้านๆอย่างไร้เหตุผลขึ้นมา แต่วังเทียนฉือก็ไม่มีทางให้อีกฝ่ายชดใช้ด้วยชีวิตแน่นอน อย่างดีก็แค่ลงโทษทางวินัยเท่านั้น!
มันก็เลยเร่งแจ้งเรื่องราวไปให้อาจารย์ของมันกับต้วนหลิงเทียนอย่างฉือหล่างทราบทันที
ฟุ่บ!
กู้ฉางเจียงมีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน รูปร่างสูงแลดูแข็งแรงมาในชุดคุมสีฟ้าหลวมๆ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลา
และเมื่อมันกวาดตามองไปยังสังเวียนอัจฉริยะ สีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที
หลิวเจี้ยนนั้น แม้จะไม่ใช่ศิษย์อัจฉริยะที่มีฝีมือสูงสุดของมัน
อย่างไรก็ตาม หลิวเจี้ยนเป็นคนช่างเจรจา ทำให้มันเองก็รู้สึกพอใจศิษย์คนนี้มาก พอมารู้ว่าศิษย์ที่ช่างเจรจาของตัว ถูกคนอื่นฆ่าตายไป โทสะอารมณ์ของมันก็อดพุ่งปรี๊ดขึ้นมาไม่ได้!
“ผู้ใดคือต้วนหลิงเทียน!?”
กู้ฉางเจียงที่หยุดลอยร่างค้างกลางหาว สองตากวาดมองไปยังผู้คนโดยรอบ และในที่สุดก็ไปตกลงบบนร่างต้วนหลิงเทียน
นั่นเพราะในบรรดาทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต้วนหลิงเทียนแลดูสะดุดตากว่าใคร
ไม่เพียงแต่รูปลักษณ์จะโดดเด่น ท่วงท่าสภาวะยังไม่ธรรมดา รวมไปถึงมีฮ่วนเอ๋อที่ลอยร่างกุมมืออยู่ข้างกายนั่น ต่อให้ใบหน้าครึ่งล่างของนางจะมีผ้าปกปิด แต่ก็มากพอให้นางเป็นจุดสนใจของผู้คนแล้ว
“เจ้าเป็นคนฆ่าลูกศิษย์ของข้าเช่นนั้นหรือ!?”
กู้ฉางเจียงมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง เอ่ยถามออกไปเสียงหนัก จากนั้นแรงกดดันพลังไร้สภาพขุมหนึ่งก็กำจายออกจากร่างมันไปกดทับต้วนหลิงเทียนทันที
“หากท่านกำลังพูดถึง หลิวเจี้ยน เมื่อครู่มันกับข้าประลองเป็นตายกันบนสังเวียนอัจฉริยะ ถึงแม้มันจะพ่ายแพ้ตายตก ก็พูดได้แค่พลังฝีมือของมันไม่สู้ผู้อื่นเท่านั้น”
เผชิญกับการจี้ถามพร้อมแผ่แรงกดดันพลังของงกู้ฉางเจียง ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบกลับไปเสียงดังฟังชัด สีหน้าท่าทียังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับแรงกดดันพลังของกู้ฉางเจียงเลย
และอันที่จริง เขาก็ไม่ได้กริ่งเกรงแรงกดดันพลังของกู้ฉางเจียงแม้แต่นิดเดียว
ต่อให้จะเป็นแรงกดดันพลังของจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วอย่างไร? ร่างกายเขาเคยเป็นสะพานเชื่อมในการถ่ายเทพลังวิญญาณฟ้าดินของซากระนาบเทพลงสู่โลกใบเล็ก จนร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับพลังมหาศาลดังกล่าวได้แล้ว อาศัยแค่แรงกดดันพลังกระจ้อยร่อยของจักรพรรดิมอมตะสมญานามคนหนึ่ง ยังจะส่งผลอะไรกับเขาได้อีก?
“ใต้เท้ากู้ฉางเจียง”
ขณะเดียวกัน ด้านอาวุโสตำหนักลองกระบี่ ก็ก้าวออกมาเบื้องหน้าประสานมือกล่าวกับกู้ฉางเจียงอย่างสุภาพ “การประลองระหว่างหลิวเจี้ยนกับต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นการประลองเป็นตาย และตัวข้าก็ทำหน้าที่กำกับดูแล หากใต้เท้ามีข้อสงสัยตรงที่ใดเชิญถามข้าน้อยเถอะ”
“ข้าพูดกับเจ้างั้นหรือ?”
กู้ฉางเจียงเหลือบมองอาวุโสตำหนักลองกระบี่ผ่านๆ จากนั้นมือหนึ่งพลันโบกปัดออกไปเบาๆ บังเกิดเป็นพลังไร้สภาพสุดไพศาลขุมหนึ่ง ประหนึ่งม้าศึกห้อตะบึงมาแต่ไกลโดดย่ำลงกลางอกอาวุโสตำหนักลองกระบี่ชรา จนคนกระเด็นปลิวออกไปดั่งว่าวสายป่านขาด!
“อ๊อคค–!!”
ถูกพลังดังกล่าววซัดกระแทกเข้าอย่างจัง อาวุโสชราก็ได้แต่กระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ สีหน้าซีดเซียว พลังในร่างถูกทำร้ายจนอ่อนโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด!
และอาวุโสตำหนักลองกระบี่คนนี้ ก็เร่งบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณอย่างไร้ซึ่งความลังเลใดๆ แจ้งเรื่องราวไปยังเหลยอิง จ้าวตำหนักลองกระบี่ทันที!
จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง จะไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
สถานการณ์ออกมาอีหร็อบนี้ มันก็ไร้ทางเลือกอื่น ทำได้แค่รอจ้าวตำหนัก ที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามดุจเดียวกับกู้ฉางเจียงมาสะสางเรื่องราวการใช้อำนาจโดยมิชอบของอีกฝ่าย!
“จักรพรรดิอมตะ กู้ฉางเจียงคนนี้…คงไม่คิดลงมือล้างแค้นให้หลิวเจี้ยนศิษย์ของมันอย่างอุกอาจหรอกนะ”
“คงไม่กระมัง ต่อให้คิดจะฆ่าต้วนหลิงงเทียนระบายแค้นจริง แต่ไหนเลยจะกล้าลงมือต่อหน้าผู้คน มีแต่ต้องลอบลงมือลับหลังเท่านั้นล่ะ!”
“ใช่ ข้าคิดว่าคงไม่ลงมือยอย่างโจ้งแจ้งหรอก ทำเช่นนั้นชื่อเสียงของมันได้ฉาวโฉ่กันพอดี”
…
เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูเรื่องราวทั้งหลาย พอเห็นจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง มาถึงก็ฟาดงวงฟาดงาอย่างบ้าอำนาจ ก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบคุยกันอย่างแตกตื่น ใจเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!