WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3274
WSSTH ตอนที่ 3,274 : การประมือของเหล่าจักพรรดิอมตะสมญานาม!
วังเทียนฉือมีจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 คน
จักรพรรดิอมตะสมญานามทุกคนของวังเทียนฉือนั้น ไม่ว่าใครล้วนมีอำนาจลิขิตความเป็นตายของผู้อื่น…
ต้วนหลิงเทียน ถึงจะเป็นศิษย์ในประตูของ ฉือหล่าง จักรพรรดิอมตะทุ่งขจี อย่างไรก็ตามเขายังเป็นแค่ศิษย์ใหม่เท่านั้น ในสายตาของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง ต้วนหลิงเทียนอาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายสำหรับฉือหล่าง เช่นนั้นมันจะล้างแค้นให้หลิวเจี้ยนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ฝีมือไม่สู้ผู้อื่น?”
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ กู้ฉางเจียงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวคำด้วยน้ำเสียงชืดชาอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันมันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันก็แค่ศิษย์ใหม่ของฉือหล่าง ต่อให้ข้าฆ่าเจ้าทิ้งสักคน มันก็ไม่สนใจจะหาความจากข้าหรอก”
“ตอนนี้ข้ามี 2 ทางให้เจ้าเลือกเดิน…หนึ่งถูกข้าฆ่าทิ้งมันตรงนี้ ส่วนทางที่สองคือออกจากด่านของฉือหล่างแล้วมาอยู่กับข้าเสีย!”
“หากเจ้าเข้ามาแทนที่หลิวเจี้ยน ไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ แต่ข้ายังจะจัดหาทรัพยากรบ่มเพาะให้เจ้ามากกว่าที่หลิวเจี้ยนเคยได้รับในอดีต!”
ผิวเผินนั้น เจตนาฆ่าฟันของกู้ฉางเจี้ยนช่างน่าเกรงขามนัก แต่ขณะเดียวกันมันก็ลอบส่งเสียงผ่านพลังหมายขุดกำแพงฉือหล่าง ดึงตัวต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมกับมันแทน
ได้ยินคำของกู้ฉางเจียง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เจ้าหัวเราะอะไร!?”
สีหน้ากู้ฉางเจียงมืดลงทันที
“จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้อย่างไร…หากข้าละทิ้งด่านของครูฉือหล่างไปอยู่กับท่าน…ผู้ใดจะไปรู้ว่าท่านจะฆ่าข้าก่อนที่จะได้เข้าร่วมด่านของท่านหรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ถึงตอนนั้นต่อให้ข้าตาย แต่เกรงว่าครูฉือหล่างก็คงไม่คิดปกป้องข้าด้วยซ้ำ”
“ไม่ว่าข้าจะเลือกให้ท่านฆ่าข้าลงตรงนี้ หรือออกจากด่านครูฉือหล่างไปเข้ากับท่าน ก็มีแต่ตายกับตาย…ท่านนับว่าดีดลูกคิดรางแก้วมาดีจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เหอะ! ข้ากู้ฉางเจียงพูดคำไหนย่อมเป็นคำนั้น! ในเมื่อข้าบอกว่าหากเจ้าเปลี่ยนมาเข้าด่านข้าแล้วจะไว้ชีวิตเจ้า ข้าก็จะไม่ฆ่า…บัดซบ! ไอ้หนู…เจ้ากล้าเล่นไม้นี้กับข้า!!”
กู้ฉางเจี้ยงที่กล่าวไปได้ไม่กี่คำก็ตระหนักว่าหลงกลต้วนหลิงเทียนเข้าแล้ว สีหน้ามันเปลี่ยนไปใหญ่หลวงโพล่งคำออกมาด้วยน้ำโห เพราะนอกจากคำ ‘จะไม่ให้ข้าหัวเราะได้อย่างไร’ ที่ต้วนหลิงเทียนพูดด้วยการส่งเสียงผ่านพลังแล้ว ประโยคถัดมาเขากลับพูดออกเสียงตามปกติ!
กู้ฉางเจียงจึงถูกต้วนหลิงเทียนทำให้คล้อยตามจนพูดออกเสียงตามปกติโดยไม่รู้ตัว! เสมือนท่านจ้องหน้ามองตาผู้อื่นอยู่ หากผู้อื่นหันไปมองทางหนึ่ง ท่านก็จะเผลอหันไปมองทางนั้นตาม!!
และในขณะที่หน้ากู้ฉางเจียงเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง สายตาที่เหล่าศิษย์วังเทียนฉือโดยรอบไม่เว้นผู้อาวุโสตำหนักลองกระบี่ใช้มองกู้ฉางเจียน ก็กลายเป็นแปลกๆทันที
จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง หลังจากที่ศิษย์ของมันถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าในการประลองเป็นตายตามกฏ กลับนำความตายมาข่มขู่ต้วนหลิงเทียน! หมายบีบคั้นให้ทรยศครูบาอาจารย์คนก่อน มาเข้าร่วมกับตัวเองแทน?!
“สารเลวน้อย! เจ้ามันแส่หาที่ตาย!!”
กู้ฉางเจียงย่อมรู้ดี ว่าหากเรื่องราววันนี้แพร่งพรายออกไป มันต้องถูกทั้งวังเทียนฉือสาดเสียเทเสียแน่นอน อารามโมโห จึงคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งทันที!
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันของกู้ฉางเจียง ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดหยีลงเล็กน้อย ลอบครุ่นคิดในใจอย่างนิ่งสงบ ‘ตอนนี้…ครูฉือหล่างสมควรมาใกล้ถึงแล้วกระมัง’
เพราะตั้งแต่ที่เขาสัมผัสได้ถึงการมาของกู้ฉางเจียง ต้วนหลิงเทียนก็เร่งส่งข้อความไปหาฉือหล่างแต่แรก ยังเร็วกว่าหงเฟยเสียอีก!
และฉือหล่างก็ตอบกลับมาว่าจะรีบมาที่นี่ให้เร็วที่สุด
ฟั่ฟฟฟฟ!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดเสร็จ กู้ฉางเจียงที่กำลังจะลงมือ ก็ปรากฏเสียงกระบี่แหวกฟ้าหนึ่งดังก้องมาแต่ไกลเสียก่อน!
ทันใดนั้นท่ามกลางสายตาของทุกคน ปรากฏแสงกระบี่สีฟ้าแหวกอากาศมาด้วยความเร็วอัศจรรย์ ในที่สุดก็มาหยุดลงไม่ห่างต้วนหลิงเทียน แสงพลังจางหายเผยให้เห็นเป็นร่างๆหนึ่ง
ไม่ใชใครที่ไหน ครูของต้วนหลิงเทียน จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง!
“กู้ฉางเจียง คิดร้ายกับศิษย์ข้าเช่นนี้ หรือเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้วจริงๆ?”
หลังจากที่ฉือหล่างปรากฏตัว สองตาเฉยเมยก็มองถามกู้ฉางเจียงเสียงเย็น
ฟังจากน้ำเสียงเย็นยะเยือก ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกเสมือนตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง ก็บอกให้รู้ว่าฉือหล่างกำลังมีโมโหขนาดไหน!
ทันใดนั้นเอง ทั่วร่างฉือหล่างก็เริ่มปรากฏกลิ่นอายพลังแหลมคมปานกระบี่น่ากลัวแผ่ซ่านออกมากดดันในบรรยากาศ ราวกับขอแค่กู้ฉางเจียงตอบไม่เข้าหูสักคำ มันก็พร้อมชักกระบี่ออกมาสนทนาแทนทันที
เรียกว่าบรรยากาศระหว่างจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 คลุ้งกลิ่นดินปืนขึ้นมาทันตาเห็น!
ฉากเรื่องราวดังกล่าว ย่อมทำให้เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูอยู่โดยรอบตาลุกวาวทันที จากนั้นก็เร่งส่งข้อความติดต่อไปหาสหายให้เร่งรุดมาเร็วไว เผื่อจะทันได้ชมดูความหนุกหนาน!
“ฉือหล่าง ศิษย์ของเจ้าผู้นี้…พบเห็นข้าแล้วแต่กลับถือดี ไร้ซึ่งสัมมาคารวะ! ข้าจึงอยากสั่งสอนบทเรียนให้มันรู้ ว่าวันหลังหากพบเจอผู้หลักผู้ใหญ่ต้องทำเช่นไร…”
เห็นฉือหล่างปรากฏตัวแบบนี้ กู้ฉางเจียงก็รู้ดีว่าไม่อาจลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้อีก
เพราะตอนนี้ต่อให้มันยังคิดจะลงมือเล่นงานต้วนหลิงเทียน แต่น่ากลัวจะยังไม่ทันได้แตะชายเสื้อต้วนหลิงเทียน มันก็อาจจะโดนฉือหล่างเล่นงานเสียก่อน! เพราะไม่อาจปฏิเสธได้เลย…ว่าพลังฝีมือของฉือหล่างเหนือกว่ามันหลายส่วน!!
ฟุ่บบบ!!
ทันใดนั้นเองเสีงแหวกอากาศฉับไวพลันดังขึ้นอีกสำเนียง เป็นสตรีชรานางหนึ่งที่วูบร่างมาด้วยความเร็วสูงล้ำ จ้าวตำหนักลองกระบี่ จักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง!
“กู้ฉางเจียง เดี๋ยวนี้เจ้าเก่งกล้าสามารถมากนักหรือ…กระทั่งกล้าลงมือทำร้ายคนของตำหนักลองกระบี่ข้ามหัวข้าแล้ว!?”
หลังจากเหลยอิงปรากฏกาย นางก็มองงจ้องกู้ฉางเจียงตาเขม็ง จี้ถามออกมาเสียงต่ำ
“ท่านจ้าวตำหนักเหลยอิง ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
เมื่อเห็นเหลยอิงมาถึงก็เข้าข้างฉือหล่างและมองจ้องมาที่มันตาขวาง สีหน้ากู้ฉางเจียงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง รีบคลี่ยิ้มแหยๆกล่าวแก้ตัวออกมาทันที
ตอนนี้มันงุนงใหญ่แล้ว ว่าไฉนสองคนนี้ถึงมารวมหัวกันได้!
หากมีแค่คนใดคนหนึ่ง ต่อให้พลังฝีมืออีกฝ่ายจะล้วนเหนือกว่ามันทั้งคู่ แต่มันก็ไม่ได้กลัวอะไรมากมาย อย่างดีก็แค่หวั่นๆ
แต่เมื่อทั้งสองรวมหัวกัน มันไม่อาจไม่กลัว!
“เข้าใจผิด? เช่นนั้นอาวุโสตำหนนักลองกระบี่คนนี้ของข้าว่างจนทำร้ายตัวเองหรือไร? ยังเข้าใจผิดบัดซบอะไรอีก!?”
สายตาเหลยยิ่งมายิ่งเย็นชาลงทุกขณะ
และในขณะเดียวกับที่กู้ฉางเจียงสัมผัสได้ถึงโทสะของเหลยอิง ด้านฉือหล่างก็ลอบส่งเสียงผ่านพลังไปหาเหลยอิงทันที “เหลยอิง วันนี้พวกเรามาร่วมมือกัน ทุบตีตัวบัดซบกู้ฉางเจียงให้หน้ายับสักคราดีหรือไม่? จักได้ลดทอนความกร่างของมันลงบ้าง!”
“ประเสริฐ!”
เหลยอิงเห็นด้วยทันที
ทันใดนั้น ประหนึ่งนัดกันมาตั้งแต่เมื่อวาน ร่างทั้ง 2 ระเบิดพลังกล้าแข็ง! คนโจนทะยานออกไปปานลำแสง 2 สายแยกย้ายกันไปหนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ขนาบกู้ฉางเจียงในพริบตา!!
“จ้าวสวรรค์ช่วย…”
“นี่ใต้เท้าเหลยอิงกับใต้เท้าฉือหล่าง คิดลงมือกับใต้เท้ากู้ฉางเจียงพร้อมๆกันเลยหรือ?!”
“มารดาเราช่วย! 3 จักรพรรดิอมตะสมญานามกำลังจะปะทะกันเรอะ!?”
…
เมื่อเห็นฉือหล่างกับเหลยอิงโจนทะยานแยกซ้ายขวาไปขนาบกู้ฉางเจียง จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดรวมถึงพลังความลึกซึ้งอันน่าพรั่นพรึงของทั้งคู่ เหล่าศิษย์วังเทียนฉือรู้ได้ทันทีว่าฉือหล่างกับเหลยอิงคิดเล่นงานกู้ฉางเจียงแล้ว!
ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ของวังเทียนฉือ ได้มารวมตัวกันที่นี่ถึง 3 คน
และ 2 คนในนั้นกำลังจะกลุ้มรุมอีกคน!
ยิ่งไปกว่านั้นนบรรดา 2 คนที่กำลังจะกลุ้มรุมอีกคน ไม่ว่าใครก็ล้วนแข็งแกร่งว่าอีกคนทั้งนั้น…เช่นนั้นผลการกลุ้มรุมเป็นเช่นไรก็พอจะคาดเดากันได้ออก!
“เฮ่พวกเจ้า! สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง!?”
“หืม? ดูนั่นเร็ว! นั่นมิใช่จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจของวังเทียนฉือเรารึไร? นอกจากนั้นอีกคนนั่นคือ…จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊!?”
…
ศิษย์ของวังเทียนฉือที่พึ่งมาถึงหลายคน พอเห็นจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 กำลังขนาบจักรพรรดิอมตะอีกคนอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ยังรู้สึกตื่นตาตื่นใจนัก
“เหอะๆ…พวกเจ้าช่างมาได้จังหวะเหมาะเจาะจริง! อย่างที่เห็น…ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 กำลังจะกลุ้มรุมใต้เท้าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊! ข้าเองก็กำลังรอชมดูอยู่ว่าใต้เท้าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊จะทนได้อีกกี่ท่า!!”
ศิษย์วังเทียนฉือที่อยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก กล่าวกับผู้มาใหม่ด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
ทันใดนั้นสองตาของเหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่พึ่งมาถึง ก็เปล่งประกายวิบวับทันที
เรื่องราวที่อยู่ๆก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ไม่วาจะต้วนหลิงเทียนก็ดี อาวุโสตำหนักลองกระบี่ก็ดี ล้วนอึ้งไปอยู่บ้าง เพราะคิดไม่ถึงจริงๆว่าฉือหล่างกับเหลยอิงจะคิดลงมือกลุ้มรุมกู้ฉางเจียง! โดยเฉพาะอาวุโสตำหนักลองกระบี่ สายตาที่มองเหลยอิงยังฉายชัดถึงความเคารพที่เพิ่มพูนขึ้นหลายส่วน!!
“ฉือหล่าง เหลยอิง! นี่พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!?”
เมื่อเห็นว่าฉือหล่างกับเหลยอิงดูเหมือนจะร่วมมือกันเล่นงานมัน สีหน้ากู้ฉางเจียงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เพราะสถานการณ์ของมันตอนนี้ ประหนึ่ง ‘ไล่เป็ดขึ้นคอน’ แท้ๆ แต่ต่อให้มันไม่เต็มใจแค่ไหน ก็จำต้องสู้ป้องกันตัว!
(ไล่เป็ดขึ้นคอน = ถูกบีบบังคับให้ทำในสิ่งที่ความสามารถไม่ถึง/ ให้เป็ดตีปีกพั่บๆ บินขึ้นไปบนคอนเหมือนไก่มันทำไม่ไหว)
ซู่มมม!!
ทันใดนั้นทั่วร่างของเหลยอิงพลันปรากฏพลังพวยพุ่งออกมาดั่งน้ำหลาก ทว่าไอพลังของนางกลับมิใช่ปรากฏในรูปลักษณ์เพลิงไฟตามปกติ แต่เกาะกลุ่มวนเวียนรอบกายนางประหนึ่งมังกรตัวเขื่อง!
และมังกรพลังของนางยังเต็มไปด้วยประกายอัสนีสีม่วงแลบลั่นแปลบปลาบ! เสียงพลังยังดังจิ๊กๆๆๆ ไม่หยุดประหนึ่งปักษานับพันร่ำร้อง…เป็นพลังสายฟ้าที่มีพลานุภาพสะท้านฟ้าดินนัก!!
เพียงดูก็รู้ว่าเหลยอิงเชี่ยวชาญกฏสายฟ้า
‘กฏสายฟ้านี่มัน…’
เมื่อเห็นการปลดปล่อยพลังของเหลยอิง ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยพลัน เพราะเขาสัมผัสได้จากกลิ่นอายพลังของเหลยอิงว่า นางได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมดแล้ว!
และที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือการควบคุมพลังของเหลยอิงนั่น แม้แลแล้วไม่ได้ยากเย็นอะไรจนผิวเผินคล้ายสร้างลักษณ์พลังทั่วไป แต่เขามองออกว่ามังกรพลังสายฟ้านั่นของนางได้ซุกซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้!!
‘ความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าแต่ละประการนั่นที่นางใช้ออกมา ดูเหมือนจะผสานหลอมรวมเข้ากันโดยสมบูรณ์! ผลลัพธ์เช่นนี้ หาได้ง่ายดายดั่งเช่นหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองไม่!!’
ต้วนหลิงเทียนได้ตระหนักถึงความไม่ธรรมดาดังกล่าวของลักษณ์พลังมังกรสายฟ้านั่นของเหลยอิงทันที
นับว่าการลงมือของจักรพรรดิอมตะนั้น ไม่ธรรมดานัก!
วู้ม! แก่ก! แก่ก! แก่ก! เปรี๊ยะ!!
…
ต่างจากความเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดของเหลยอิง เมื่อฉือหล่างปลดปล่อยพลังออกมา พริบตารอบกายก็ปรากฏแสงกระบี่ขึ้นนับร้อยพันห้อมล้อม จากนั้นพอฉือหล่างเอื้อมมือออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน อยู่ๆแสงกระบี่นับร้อยพันโดยรอบก็ระเบิดไอเย็นยะเยือกออกมา! พาลให้ศิษย์วังเทียนฉือที่ชมดูเรื่องราวโดยรอบรู้สึกเหนน็บหนาวจนร่างสะท้านอยู่บ้าง!!
ฉือหล่างนั้นเชี่ยวชาญกฏน้ำแข็ง ยามลงมืออาณาบริเวณนับพันลี้จะถูกปกคลุมไปด้วยแสงกระบี่เยือกแข็งทันที!!
“ฉือหล่าง เหลยอิง อย่าให้มันมากเกินไปนัก!!”
เผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 สีหน้าท่าทีกู้ฉางเจียงเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันเร่งตะโกนออกมาเสียงหลง ปลดปล่อยพลังของตัวออกมาหมายต้านทานพลังสภาวะของทั้งคู่ทันที
“มากเกินไป?”
ฉือหลางแค่นยิ้มเย้ยหยัน
ครู่ต่อมา ฉือหล่างพลันโจมตีออกไปส่งๆคราหนึ่ง กระบี่เยือกแข็งนับร้อยเล่มพุ่งทะยานแหวกฟ้าฉับไว ทิ้งอากาศที่จับตัวแข็งไว้เบื้องหลังเป็นทาง แช่แข็งพลังที่กู้ฉางเจียงปลดปล่อยยออกมาได้ชะงัด!
เรียกว่าพลังที่กู้ฉางเจี้ยงปลดปล่อยออกมาหมายเร่งเร้าพลังสภาวะต้านทานไม่ให้ตัวเองเสียเปรียบ ได้ถูกฉือหล่างทำลายจนหมดสิ้น กระทั่งไอพลังของมัน ยังถูกกระบี่เยือกแข็งของฉือหล่างแช่แข็งได้!!
เรียกว่าแค่การเผชิญหน้ากันเล็กน้อย ก็บอกให้รู้ว่าพลังของฉือหล่างนั้นแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าพลังของกู้ฉางเจียงเพียงใด เรียกว่าครอบงำโดยสมบูรณ์! หากฉือหล่างไม่เลิกราวันนี้มันอย่าหวังจะได้เร่งเร้าพลังต้านทานอะไรได้!!
ทว่าการลงมือเมื่อครู่ของฉือหล่างก็แค่การลงมือส่งๆไม่จริงจัง ดั่งอาหารเรียกน้ำย่อย งมือเสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรสืบต่อ
ทว่าในขณะที่ฉือหล่างยังไม่ได้ลงมือสืบต่อ เหลยอิงพลันลงมือซ้ำออกมาเสียอย่งนั้น เป็นมังกรสายฟ้าที่ม้วนวนรอบกายนาง อยู่ๆก็โจนทะยานจี้ตรงเข้าใส่กู้ฉางเจียงที่พึ่งถูกฉือหล่างสลายพลังสภาวะ!
ทันใดนั้นฉากเรื่องราวเบื้องหน้าเหลยอิงงแปรเปลี่ยนไปในบัดดล ความว่างเปล่าคล้ายจะอุดมไปด้วยสายฟ้า มังกรสายฟ้าของเหลยอิงพุ่งผ่านไปที่ใด ปรากฏอัสนีสีม่วงฟาดผ่าเปรี๊ยงปร๊างระรัว ประหนึ่งความพิโรธของเทพสายฟ้า!!
เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าวสีหน้ากู้ฉางเจียงเปลี่ยนไปใหญ่หลวง มันรีบเร่งเร้าพลังออกมาห้วงเร็วไว จากนั้นก็ควบรวมใช้พลังทั้งหมดสร้างม่านพลังคลุมกายไว้ก่อนใดอื่น!
ขณะเดียวกันยังปรากฏเร่างขุดเกราะผุดโผล่ออกมาคลุมกายของมันอีกด้วย
เรียกว่าตอนนี้เสมือนกู้ฉางเจียงเป็นเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดอง หมายอาศัยกระดองแกร่งต้านทานมรสุมด้านนอก!!
เปรี๊ยงงง!!
เปรี๊ยงงงง! ตูมม!!!
…
อย่างไรก็ตามมังกรสายฟ้าของเหลยอิงเพียงพุ่งเข้าใส่มันโต้งๆ จากนั้นห่าอัสนีก็ระเบิดฟาดผ่าระรัว กระหน่ำทำลายม่านพลังกู้ฉางเจียงปานมรสุมสายฟ้าคลั่ง! จนสุดท้ายเมื่อมังกรสายฟ้าพร่องพลังไปราวๆ 5-6 ส่วน ปราการป้องกันทั้งหมดของกู้ฉางเจียงก็พังทลายลง!!
ปงงงง!!
หลังฝ่าปราการป้องกันของกูฉางเจียงมาแล้ว มังกรสายฟ้าก็พุ่งซัดเข้าร่างมันอย่างจัง! จนคนปลิวละลิ่วไปปานลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร!!
จนเมื่อกู้ฉางเจียงหยุดร่างลงกลางหาวได้อีกครั้ง เนื้อตัวมันก็แลดูยักแย่ยักยันเต็มที เสื้อผ้าไหม้เกรียมชุ่มโชกไปด้วยเลือด! กล่าวได้ว่าแม้จะไม่มีบาดแผลใดร้ายแรง แต่ทั้งร่างมันก็ไม่มีตรงไหนไม่บาดเจ็บ!!