WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3294
WSSTH ตอนที่ 3,294 : ต้วนเสี่ยวเฮย ต้วนเสี่ยวไป๋
ณ ว่านโช่วเทียน
เผ่ามังกร
เผ่ามังกรโลหิตนั้เป็นแค่สายพันธุ์หนึ่งของเผ่ามังกรเท่านั้น และเผ่ามังกรที่ว่าก็คือเผ่าที่มีมังกรเทพยดาทุกสายพันธุ์ ยกเว้นแต่มังกรโลหิตสายพันธุ์เดียว
ไม่ว่าจะมังกรทอง มังกรมาร มังกรขาว มังกรฟ้า มังกรแดง…ฯลฯ ในบรรดาที่กล่าวมา มังกรทองกับมังกรมารนั้นถือว่ามีฐานะสูงสุดในบรรดามังกรเทพยดา รองลงมาก็คือมังกรขาว มังกรฟ้า มังกรแดง และอื่นๆ
มังกรโลหิตแม้จากรูปลักษณ์จะจัดเป็นมังกรเทพยดาเหมือนกัน แต่ทว่าสายพันธุ์ของพวกมันนั้นแปลกประหลาด มีวิถีชีวิตต่างจากมังกรสายพันธุ์อื่นโดยสิ้นเชิง เช่นนั้นมังกรสายพันธุ์อื่นจึงไม่อยากนับญาติกับพวกมัน…
และถิ่นที่อยู่อาศัยของเผ่ามังกร แน่นอนว่าต้องกว้างขวางใหญ่โตสุดที่เผ่ามังกรโลหิตจะเทียบได้
“ต้วนเสี่ยวเฮย! ต้วนเสี่ยวไป๋!”
และตอนนี้เอง ในหุบเขาที่พักของศิษย์อัจฉริยะของเผ่ามังกร ก็ปรากฏร่างในชุดคลุมสีทองหนึ่งกำลังยืนเผชิญหน้ากับชายหนุ่มในชุดสีดำกับหญิงสาวในชุดสีขาว
ชายในชุดคลุมทองที่ว่าก็เป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเคร่งขรึม สองตาเป็นประกายสดใสปานดวงดารา
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันกำลังมองจ้องชายหนุ่มชุดดำกับหญิงสาวชุดขาวเบื้องหน้าด้วยสายตาดุร้าย
ชายหนุ่มชุดดำนั้นมีใบหน้าหล่อเหลาเอาเรื่อง มาดขรึมแลดูเย็นชา รูปร่างสูงสมส่วนแข็งแรง ทั่วร่างเปล่งกลิ่นอายไร้สภาพเยียบเย็นออกมา
ส่วนหญิงสาวในชุดขาวราวหิมะนั่น หน้าตาสะสวย เพียงยืนอยู่เฉยๆก็ให้ความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์เลอค่า
“จี้เหยียน…นี่เจ้าคิดจะท้าทายข้ากับเสี่ยวเฮยจริงๆหรือ?”
หญิงสาวในชุดขาวอันมีเส้นผมสีดำเงางามทอดยยาวลงมาดั่งม่านน้ำตก ค่อยๆกลอกตาดั่งสารทฤดูไปเหลือบมองชายหนุ่มในชุดคลุมทอง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “ข้าจำได้ว่า…เมื่อ 30 ปีก่อนเจ้าก็ถูกข้ากับเสี่ยวเฮยทุบตีฝ่ายเดียวมิใช่หรือ?”
“หึ!!”
ชายยหนุ่มในชุดคลุมทองพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น “เจ้ายังพูดอยู่กับปากว่าเมื่อ 30 ปีก่อน…วันนี้ผู้ใดจักทุบตีผู้ใดฝ่ายเดียวมันก็ไม่แน่นักหรอก!!”
“ดูเหมือนว่าการไปทดสอบรับสมญานามที่วิหารเฟิงฮ่าวมาได้ จักทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นหลายส่วน…”
หญิงสาวชุดขาวคลี่ยิ้ม
“เลิกพล่ามเหลวไหลได้แล้ว ลงมือเสียที!!”
ชายหนุ่มในชุดคลุมทองโพล่งออกมาอย่างดุดัน แววตาพุ่งยิงรังสีฆ่าฟันออกมาเข้มข้น จากนั้นร่างมันก็กลับกลายเป็นสายฟ้าสีทอง ฟาดผ่าไปทางคู่ชายหนุ่มหญิงสาวเบื้องหน้า!
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
อีกด้าน ชายหนุ่มชุดดำกับหญิงสาวชุดขาว ก็เคื่อนไหวด้วยความเร็วสูง จนทิ้งภาพติดตาค่อยๆเลือนรางหายไปในความว่างเปล่า
ปงงง!!
เปรี๊ยงงง!!!
…
เพียงการประมือในช่วงเวลาสั้นๆของทั้ง 3 ความว่างเปล่าก็สะท้านสะเทือนไปหมด! เสียงระเบิดดังสนั่นปานฟ้าคำรนอุบัติออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ผืนดินผนังผาสั่นสะเทือนเลือนลั่นราวบังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นพลังสะท้อนกลายเป็นสายลมแรงพัดกวาดไปทั่วสารทิศ!
“เฮ่อ เจ้าเสี่ยวเฮย กับเสี่ยวไป๋มักรังแกผู้อื่นแบบนี้เสมอ…ไม่ว่าใครคิดท้าทายก็ต้องสู้กับพวกมัน 2 คนพร้อมกันตลอด”
คนเผ่ามังกรที่ชมดูการปะทะอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมา กล่าวด้วยน้ำเสียงจนปัญญา
“ทั่งคู่เป็นพี่น้องที่ไม่เคยแยกจากกัน เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกมันจะลงมือพร้อมกัน”
ชายหนุ่มเผ่ามักรอีกคนกล่าว “ที่สำคัญพวกเจ้าคิดว่าทั้งคู่อายุเท่าไหร่กัน? พวกมันแต่ละคนยังไม่ถึง 300 ปีที ให้เอาอายุของพวกมันทั้งคู่มารวมกัน ยังไม่ถึงครึ่งของจี้เหยียนด้วยซ้ำ เช่นนั้นต่อให้พวกมันกลุ้มรุมก็ไม่ถือว่าเอาเปรียบจี้เหยียนแม้แต่น้อย!”
“จักว่าไปก็จริงของเจ้า อายุของจี้เหยียนยังมากกว่าอายุของพี่น้องคู่นั้นรวมกันเสียอีก…”
“ถึงแม้ต้วนเสี่ยวเฮยกับต้วนเสี่ยวไป๋จะมาจากระนาบโลกียะอันล้าหลัง แต่มิคาดพอมาถึงเผ่ามังกรของพวกเราหลังจากเข้าใช้สระชำระมังกรบรรพชนของเผ่ามังกรเรา พวกมันก็ถึงกับวิวัฒนาได้สำเร็จ เจ้าต้วนเสี่ยวเฮยนั่นกลายเป็นมังกรมาร 9 กรงเล็บ ส่วนต้วนเสี่ยวไป๋ก็กลายเป็นมังกรขาว 9 กรงเล็บ…นับว่าเป็นตัวตนที่หาได้ยากในเผ่ามังกรของพวกเรานัก”
“เห็นว่าตอนพวกมันทั้งคู่อยู่ในระนาบโลกียะ ก็เคยผ่านการใช้สระชำระโลหิตของหุบจันทร์โลหิตมาก่อน สายเลือดของพวกมันจึงเข้มข้นขึ้นกระทั่งพัฒนาเป็นมังกรมาร 8 กรงเล็บกับมังกรขาว 8 กรงเล็บได้สำเร็จ! ด้วยความที่พวกมันมีรากฐานดีเช่นนี้ ทำให้ยามเข้าใช้สระชำระมังกรบรรพชนของพวกเรา พวกมันจึงยกระดับพัฒนากลายเป็นมังกรมาร 9 กรงเล็บกับมงกรขาว 9 กรงเล็บได้อย่างราบรื่น!”
“พวกเจ้าก็คงได้ยินเรื่องนี้กันมาแล้วกระมัง เห็นว่าพอหุบจันทร์โลหิตได้ยินว่าทั้งคู่เคยเข้าใช้สระชำระโลหิตของพวกมัน จึงส่งผลให้ทั้งคู่พัฒนากลายเป็นมังกรมารกับมังกรขาว 9 กรงเล็บได้สำเร็จ พวกมันก็ถึงกับมาร่ำร้องหาผลประโยชน์กันใหญ่”
“ใช่ๆๆ ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนั้นมาเหมือนกัน เห็นว่าเถียงกันรุนแรงจนโถงสั่นเลยทีเดียว…แถมเจ้าหุบเขาจันทร์โลหิตนั่น พอเห็นว่าผู้นำเผ่ามังกรเราไม่ยอมจ่ายใดๆ พวกมันก็ทำท่าจะคว้าตัวพี่น้องคู่นี้ไปถ่ายเดียว…”
…
ต้วนเสี่ยวเฮยกับต้วนเสี่ยวไป๋ถึงแม้ทั้งคู่จะมาจากระนาบโลกียะ แต่ทว่าหลังเข้าสู่เผ่ามังกรได้แค่ 200 ปี ทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นศิษย์อัจฉริยะของเผ่ามังกรทันที
และเมื่อ 2 ร้อยปีก่อน ทั้งคู่พึ่งถูกพาตัวมาถึงเผ่ามังกรไม่ทันไร หลังจากผ่านสระชำระมังกรบรรพชนของเผ่ามังกร ทั้งคู่ก็วิวัฒน์เป็นมังกรมาร 9 กรงเล็บกับมังกรขาว 9 กรงเล็บได้สำเร็จ จนถูกเผ่ามังกรสนับบสนุนทุ่มทุนปลูกฝังทันที
ตอนนี้หลังเวลาผ่านมา 200 ปี พลังฝีมือของทั้งคู่นั้น ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งก็ใกล้เคียงกับจอมราชันอมตะแล้ว
ทว่าหากให้ทั้งคู่ร่วมมือกัน กวาดตามองไปทั่วทั้งเผ่าพันธุ์มังกร ผู้ที่มีด่านพลังต่ำกว่าขอบเขตจักรพรรดิอมตะ ไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของทั้ง 2 ได้เลย…
“ต้วนเสี่ยวเฮย ต้วนเสี่ยวไป๋…อุ่นเครื่องเท่านี้ก็พอกระมัง คืนร่างที่แท้จริงกันเถอะ!”
ทันใดนั้นเสียงกังวานปานระฆังวัดของจี้เหยียนก็ดังลั่นเข้าหูเหล่ามังกรมุงทั้งหลายปานฟ้าร้อง
“กรรรร—!!”
พริบตาต่อมาเสียงมังกรคำรามสะท้านสะเทือนแดนดิน ก็ดังขึ้นเข้าหูผู้คนตามติด!
ทันใดนั้นทุกสายตาก็แลเห็นว่า จี้เหยียนในชุดคลุมทองนั้น ได้เปล่งแสงสีทองออกมาสว่างเจิดจ้า ก่อนคนจะกลับกลายเป็นมังกรทอง 9 กรงเล็บยาวกว่าหมื่นหมี่!
มังกรเทพยดาสีทอง 9 กรงเล็บยาวนับหมื่นหมี่ตัวนี้ ทั่วร่างเปล่งประกายด้วยแสงสีทองสว่างไสว และในแสงสีทองก็แผ่ซ่านกลิ่นอายเยียบเย็น ชวนให้ผู้ที่ชมมองอดหนาวสะท้านไปไม่ได้!
“กรรรร!!!”
“กรรรร!!!”
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่จี้เหยียนเปลี่ยนร่าง เสียงมังกรคำราม 2 สำเนียงก็ดังขึ้นตามติด เป็นชายหนุ่มชุดดำกับหญิงสาวในชุดขาว ที่ร่างค่อยๆกลับกลายเป็นเงาเลือน จากนั้นมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ 2 ตัวที่มีลำตัวยาวราวหมื่นหมี่ก็ปรากฏตัวขึ้น!!
มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บทั้ง 2 นั้นไม่ใช่มังกรเทพยดาสีทองเหมือนจี้เหยียน แต่เป็นมังกรมาร 9 กรงเล็บและมังกรขาว 9 กรงเล็บ!
ร่างงกายของมังกรมารนั้นมีสีดำสนิท เกล็ดแต่ละเกล็ดก็ส่องแสงสีดำออกมาเรืองๆ และความเยียบเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเกล็ดนั้น ยังเหนือกว่าเกล็ดสีทองของจี้เหยียนเสียอีก เพียงมองก็ชวนให้รู้สึกหนาวจับกระดูกพิกล!
ส่วนมังกรขาวนั้นลำตัวของมันเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เกล็ดยังเรืองแสงขาวศักดิ์สิทธิ์ ให้ความรู้สึกสง่างามสูงส่ง เลอค่า จนไม่กล้าจับต้องให้มัวหมอง
“จะว่าไปทุกวันนี้ในเผ่ามังกรของพวกเราดูเหมือนจะมีมังกรขาว 9 กรงเล็บแค่ 2 ใช่ไหม…นอกจากต้วนเสี่ยวไป๋แล้ว ก็มีแต่อาวุโส 4 เท่านั้นที่เป็นมังกรขาว 9 กรงเล็บ”
หนุ่มมังกรคนหนึ่งกล่าวพึมพำออกมา
“เฮ่อ หากไม่ใช่เช่นนั้นมีหรือผู้อาวุโส 4 จะประคบประหงมต้วนเสี่ยวไป๋ราแก้วตาดวงใจซะขนาดนั้น…นั่นไงข้าพูดไม่ทันขาดคำท่านผู้อาวุโส 4 มานู่นแล้ว”
“ไหนเล่า?”
“นู่นไง…”
…
หลังจากนั้นเผ่ามังกรที่ชมดูการต่อสูอยู่ก็หันไปมองดูรอบๆสักพัก ก่อนจะเห็นร่างในชุดขาวลอยอยู่บนฟ้าสูงไกลตาเหนือหุบเขาอัจฉริยะอย่างงสงบ
ร่างในชุดขาวที่ว่าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงามนางหนึ่งในชุดสีขาวบริสุทธิ์ หากทว่าชุดของนางมีความหรูหรา ให้ความรู้สึกสง่างามมีระดับ สองตากระจ่างของนางจับจ้องไปยังร่างมังกรขาวที่กำลังต่อสู้ในหุบเขาอัจฉริยะด้วยความอ่อนโยนเป็นที่สุด
“อาวุโสจี้เซียงก็มาด้วย!”
ข้างกายสตรีชุดขาวนั้น ยังมีสตรีอีกนางหนึ่ง และเป็นอาวุโสที่อ่อนวัยที่สุดในเผ่ามังกร จี้เซียง
“ท่านแม่ ยาโถวน้อยเสี่ยวไป๋คนนี้…ดูเหมือนจะร้ายกาจกว่าท่านตอนยังเด็กเสียอีก!”
จี้เซียงหันไปกล่าวกับสตรีข้างกายด้วยรอยยิ้ม
สตรีที่มีรูปโฉมงดงามในชุดขาวหรูหรามีระดับนั้น ก็คืออาวุโสลำดับที่ 4 ของเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียน จี้หนิงอวิ๋น
ต้วนเสี่ยวไป๋ มังกรขาวจากระนาบโลกียะนั้น เป็นศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของนาง และตำแหน่งของเสี่ยวไป๋ใจนางถึงกับทำให้จี้เซียงลูกสาวแท้ๆของนางอดไม่ได้ที่จะอิจฉาอยู่บ้าง
“อื้อ…ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่าจะมีมังกรขาว 9 กรงเล็บที่ร้ายกาจเท่านางทั้งที่ยังมีวัยเพียงเท่านี้ปรากฏขึ้นมาได้”
จี้หนิงอวิ๋นพยักหน้า “โชคดีนักที่เจ้าพบเจอนางกับเสี่ยวเฮยและชิงนำตัวทั้งคู่กลับมาเผ่ามังกรเรา ก่อนที่จะถูกพาไปยังหุบจันทร์โลหิต…หากทั้งคู่ถูกพาตัวไปถึงหุบจันทร์โลหิต และถูกค้นพบว่ามีศักยภาพพรสวรรค์ขนาดนี้ เกรงว่าพวกมันคงไม่มีทางปล่อยให้ทั้งคู่กลับสู่เผ่ามังกรของพวกเราแน่…”
“เจ้าจี้เหยียนนั่นพึ่งจะกลับมาจากวิหารเฟิงฮ่าวเมื่อเดือนก่อน…เห็นว่าตอนมันอยู่ในสถานที่ทดสอบรับสมญานามของวิหารเฟิงฮ่าว มันพบเจอโชคโดยบังเอิญ ทำให้ประสบความก้าวหน้าไม่น้อย กล่าวไปพลังฝีมือของมัน ในเผ่ามังกรเราผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตจักรพรรดิอมตะ นอกจากเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ที่ร่วมมือกันแล้ว ข้าเกรงว่าคงไม่มีผู้ใดรับมือมันได้อีก”
จี้เซียงกล่าว
“อย่างไรเสีย มันก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋”
จี้หนิงอวิ๋นส่ายหัวไปมา
“พูดไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋จักมีโชควาสนาสูงล้ำ ถึงกับได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาคู่ในตำนานของเผ่ามังกรเราที่หลงคิดว่าหายสาบสูญไปแล้ว…วันหน้ารอให้ทั้งคู่กลายเป็นจักรพรรดิอมตะก่อน ข้าเกรงว่าในเผ่ามังกรของเราคงไม่มีใครรับมือทั้งคู่ได้อีกต่อไป”
จี้เซียงกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “ในเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลกอันกว้างใหญ่ ผู้ที่สามารถใช้วิชาคู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย…อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้ที่ใช้วิชาคู่ที่ร้ายกาจที่สุดก็เห็นจะเป็น 2 คู่แฝดแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ผู้นำสายก้านเจี้ยงกับผู้นำสายม่อเหยีย จูเก่อฟง และจูเก่ออวิ๋น…แม้จะเป็นแค่จักรพรรดิอมตะ แต่ยามร่วมมือกันก็เข่นฆ่าได้กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานาม…”
“แต่ต่อไปไม่แน่ว่าทั้งคู่จะได้ครองบัลลังก์วิชาคู่ได้อีก สุดท้ายเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็เป็นคู่แฝดเหมือนกัน และที่สำคัญที่สุดก็คือทั้งคู่นั้นหนึ่งเป็นมังกรมาร 9 กรงเล็บ อีกคนก็เป็นมังกรขาว 9 กรงเล็บ ความสำเร็จในภายภาคหน้ามีแต่จะเหนือกว่า ไม่มีทางด้อยกว่าสองแฝดนิกายกระบี่หมื่นหายนะแน่!”
ฟังจากคำพูดของจี้เซียงแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความมั่นใจในมังกรมาร 9 กรงเล็บ กับมังกรขาว 9 กรงเล็บเบื้องหน้าสุดใจ!
“เรื่องนี้ข้าไม่สงสัยเลย”
ในขณะที่จี้หนิงอวิ๋นกล่าวเห็นด้วยออกมาเสียงเบา สองตางามของนางก็หรี่ลงเอ่ยออกด้วยยน้ำเสียงวาดหวัง “ที่ข้าสนใจ…ทั้งคู่มิทราบว่าจักวิวัฒนาการเป็นมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บได้หรือไม่…”
“คำนวณจากเวลา…เผ่ามังกรของพวกเราก็มิมีมังกรเทพยดา 10 กรงเล็บมาได้ราวๆแสนปีแล้ว…ตอนนี้มีโอกาสที่จะปรากฏขึ้นทุกเมื่อ และการปรากฏตัวครั้งนี้ มิแน่อาจเป็นทั้งคู่”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าว
“10…มังกรเทพยดา 10 กรงเล็บ!?”
จี้เซียงได้ยินดังนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความตกใจ จากนั้นก็หันขวับไปจับจ้องการปะทะไกลตา มองร่างมังกรเทพยดาสีทอง 9 กรงเล็บครู่หนึ่ง จากนั้นก็ย้ายไปมองมังกรมารกับมังกรขาว 9 กรงเล็บอย่างเลื่อนลอย พอดึงสติกลับมาก็อดพึมพำไม่ได้ “ทั้งคู่…เป็นไปได้หรือ?”
“ข้าได้หารือกับพ่อเจ้ารวมถึงผู้นำเผ่าแล้ว…ทั้งคู่มีโอกาสสูงทีเดียว”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าว
“ท่านพ่อกับท่านผู้นำ…ก็คิดเช่นนั้นหรือ!?”
ได้ยินเรื่องนี้ จี้เซียงรู้สึกเสมือนลมหายใจขาดห้วงทันที
บิดาของนางก็คือผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกร และผู้นำที่ว่าก็คือผู้นำของเผ่ามังกร! พลังฝีมือของทั้งคู่นั้น…เรียกว่าติดอยู่ใน 3 อันดับแรกของเผ่ามังกร!!
ทั้งเผ่ามังกร มีจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 16 คน!
เช่นนั้นการที่มีพลังฝีมือติดอยู่ใน 3 อันดับแรกของทั้งเผ่าได้ พลังฝีมือของบิดาจี้เซียงร้ายกาจขนาดไหนก็พอจะจินตนาการได้ออก!
“ต้วนเสี่ยวเฮย! ต้วนเสี่ยวไป๋…ถ้าพวกเจ้าแน่จริง ก็มาสู้กับข้าตัวๆสิ!!”
บัดนี้การต่อสู้ในหุบเขาอัจฉริยะก็ได้จบลงแล้ว หลังผ่านการแปลงร่างไปได้ราวๆ 10 ลมหายใจ จี้เหยียนก็แพ้พ่ายให้กับการร่วมมือของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋
“จี้เหยียน ยิ่งมาวิชาไร้ยางอายของเจ้ายิ่งกล้าแข็งแล้วจริงๆ”
หญิงสาวในชุดขาวราวหิมะแรกฤดูหนาว มองกล่าวกับจี้เหยียนด้วยรอยยิ้มเยาะ “เจ้าอายุเท่าไหร่ แล้วข้ากับเสี่ยวเฮยอายุเท่าไร? เจ้ายังมีหน้ามาท้าพวกเราสู้ตัวๆอีกหรือ?”
“เจ้าลองไถ่ถามตัวเองดูเถอะ…ว่าตอนที่เจ้าอายุเท่าพวกเรา เจ้าสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราคนใดคนหนึ่งได้หรือไม่?”
ได้ยินคำถามของหญิงสาวชุดขาว สีหน้าจี้เหยียนก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันไม่อาจพูดอะไรได้ออก เพราะตอนที่มันมีอายุพอๆกับทั้งคู่ พลังฝีมือของมันเรียกว่าห่าชั้นกับทั้งคู่คนละโลก…