WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3303
WSSTH ตอนที่ 3,303 : แผนการ
แต่ก่อน ต้วนหลิงเทียนรู้แค่ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ เป็นลูกสาวของฉือหล่างเท่านั้น และเรื่องเกี่ยวกับนางก็แลดูลึกลับเสมอ
อย่างไรก็ตามเขายังรู้อีกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ร้ายกาจกว่าศิษย์พี่รอง
ทว่าเขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
ว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่นั้น จะสามารถฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้เช่นกัน!
สิ่งนี้เผยให้เห็นถึงอะไร?
มันบอกให้รู้ว่า ศิษย์พี่หญิงใหญ่ลูกสาวของครูเขานั้น แม้ความแข็งแกร่งจะยังไม่ถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่กลับมีความสามารถบางอย่างที่ทำให้เข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้!
ดุจเดียวกับเขา!
“ฮิฮิ…ศิษย์น้องเล็ก เจ้าคงไม่ใช่กำลังคิดไปอยู่หรอกนะ ว่าการที่เจ้าฆ่าตู๋กูเหวินได้ จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเหล่าศิษย์ของอาจารย์?”
หูเหมยหัวเราะอย่างสุนกสนานกล่าวว่า “ศิษญ์พี่หญิงใหญ่นั้น แม้จะยังไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่นางก็ฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ตั้งนานแล้ว”
“ตอนนี้พลังฝีมือของศิษย์พี่หญิงใหญ่ ต่อให้เทียบกับอาจารย์ก็ไม่แน่ว่าจะด้อยกว่า”
กล่าวถึงจุดนี้หูเหมยก็เหลือบไปมองฉือหล่าง
ด้านฉือหล่างที่ได้ยินหูเหมยกล่าวถึงศิษย์พี่หญิงใหญ่ซึ่งเป็นลูกสาวของตัวเอง แววตาก็ฉายความอ่อนโยนทั้งภาคภูมิใจขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็คือลูกสาวของมัน
“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไม่รู้หรอกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ชอบตำหนิพวกเราว่าพวกเราไม่เอาไหน! กระทั่งศิษย์พี่รองยังโดนดุอยู่บ่อยๆ!!”
หงเฟยระเบิดหัวเราะพลางกล่าวด้วยท่าทางถูกใจ “ตอนนี้เจ้านับว่าให้หน้าพวกเราจริงๆ…หากศิษย์พี่หญิงใหญ่รู้ว่ามีใครในบรรดาพวกเราถึงกับฆ่าตู๋กูเหวินได้ นางก็ไม่มีทางตำหนิพวกเราว่าไม่เอาไหนอีกต่อไป!”
“ศิษย์น้อง 6 เจ้าฝันเฟื่องเกินไปแล้ว”
โอวหยางฉีเฟยที่ยืนข้างๆ กล่าวแทกขึ้นมาด้วยรอยยิ้มแหยๆ “หากศิษย์พี่หญิงใหญ่รู้เรื่องนี้ เต็มที่นางก็ไม่คิดตำหนิพวกเราแบบเหมารวมอีก…แต่ไม่พ้นต้องแยกศิษย์น้องเล็กออกไปต่างหาก ก่อนจะถล่มพวกเราเหมือนเดิม เผลอๆยังจะหนักกว่าเดิมอีก…”
แทบจะทันทีที่โอวหยางฉีเฟยกล่าวจบคำ หลูจี้ที่ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดจาแต่ต้นจนจบ ก็พยักหน้าให้ฉือหล่าง ก่อนจะหันมากล่าวคำลาต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์น้องเล็ก เมื่อไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน”
หลังกล่าวจบคำ หลู่จี้ก็เหินร่างออกไปทันที ทิศทางที่มุ่งหน้าไปก็คือสถานที่พักบ่มเพาะของมัน
“นั่นไง พวกเจ้าจะพูดเรื่องทำผักกาดอันใด? เห็นไหมว่าศิษย์พี่รองรีบแจ้นกลับไปนู่นแล้ว…”
หูเหมยหันไปมองโอวหยางฉีเฟยกับหงเฟพลางกล่าวบ่นออกมา “ลำพังแค่ศิษย์พี่หญิงใหญ่แข็งแกร่งคนเดียว ก็ทำให้ศิษย์พี่รองรู้สึกกดดันมากแล้ว…ตอนนี้มามีศิษย์น้องเล็กอีกคน ศิษย์พี่รองไม่พ้นต้องเคร่งเครียดกว่าเก่า”
เวิ่นหว่านเอ๋อพอได้ยินก็พยักหน้ากล่าวเสริมออกมาอย่างเห็นด้วย “มิผิด ไม่พ้นศิษย์พี่รองต้องรีบกลับปิดด่านบ่มเพาะเอาเป็นเอาตายแน่นอน…”
หงเฟยส่ายหน้าไปมาจนไขมันกระเพื่อม “อั้ย ศิษย์พี่รองก็ชอบกดดันตัวเองเกินไป…หากเป็นข้านะ พอเห็นคนที่ผิดมนุษย์มนาอย่างศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์น้องเล็ก ข้าก็ไม่คิดจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบให้ทุกข์ใจแต่แรกหรอก…”
“เหอๆ ศิษย์น้อง 6 เพราะเจ้าคิดเช่นนี้อย่างไรเล่า เจ้าถึงไม่อาจเทียบศิษย์น้อง 6 ได้”
โอวหยางฉีเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“โธ่ศิษย์พี่ 5 ท่านก็อย่าเอาแต่ว่าข้านักเลย…ข้าเทียบศิษย์น้องเล็กไม่ได้แล้วจะอย่างไรเล่า หรือท่านเทียบได้?”
หงเฟยกล่าวสวนอย่างขุ่นขึ้ง
โอวหยางฉีเฟยก็ผงะไปก่อนใดอื่น จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับหงเฟยด้วยรอยยิ้มกลบเกลื่อนความละอายใจ “กับศิษย์น้องเล็กข้าเทียบไม่ได้…แต่ข้าไม่ปวกเปียกเหมือนเจ้าแน่นอน”
“ท่าน…”
หงเฟยหน้ามุ่ย แต่จะให้มันเถียงอะไรได้ เพราะในบรรดาศิษย์ทั้งหมดของฉือหล่าง ตอนนี้มันคือคนที่อ่อนด้อยที่สุด
ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองศิษย์พี่ 5 กับ 6 เถียงกันง้องๆแง้งๆ ก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกมาโดไม่รู้ตัว
ตอนนี้เขายึดถือว่าคนไม่กี่คนที่อยู่เบื้องหน้า เป็นดั่งคนในครอบครัวเขาของแล้ว
ก่อนที่เขาจะกลับมา เขาไม่คิดเลยว่าคนอื่นๆรวมถึงฉือหล่างจะวิ่งวุ่น สืบหาเบาะแสอะไรเพื่อเขาแบบนี้
เขาเองก็ลองส่งเสียงผ่านพลังถามฮ่วนเอ๋อดูแล้ว กระทั่งฮ่วนเอ๋อก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย
ตั้งแต่ก่อนที่จะขึ้นสู่ระนาบเทวโลก จวบจนก่อนจะเข้าสู่วังเทียนฉือ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ต้วนหลิงเทียนเก็บเอามาใส่ใจ
แต่ตอนนี้กลุ่มคนเบื้องหน้าเหล่าศิษย์ของฉือหล่าง ทำให้เขารู้สึกเอาใจใส่โดยสมบูรณ์
“จริงสิ!”
ทันใดนั้นเองหูเหมยที่คล้ายนึกอะไรได้ออก ก็โพล่งขึ้นมา เรียกร้องความสนใจของทุกคนได้ทันที
“ศิษย์น้องเล็ก”
จากนั้นหูเหมยก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เจ้าฆ่าตู๋กูเหวินไปแบบนี้ ตู๋กูหวู่ไม่พ้นต้องส่งข้อความถึงหานอวิ๋นจิ่นกับเหลยจวิ้นแน่”
“หากเป็นแบบนั้นจริง แล้วอีกหนึ่งปีหลังจากนี้หานอวิ๋นจิ่นมันจะกล้าขึ้นสังเวียนอัจฉริยะกับเจ้าอีกหรือ?”
ที่หูเหมยนึกได้ก็เป็นเรื่องนี้เอง
พอต้วนหลิงเทียนได้ฟังก็ผงะไปเล็กน้อย คิ้วยังย่นเป็นปมทันที
ใช่! หากตู๋กูหวู่บอกเรื่องร่าวทั้งหมดให้หานอวิ๋นจิ่นกับเหลยจวิ้นฟัง มีโอกาสสูงที่หานอวิ๋นจิ่นจะยอมขายขี้หน้าผู้คน แต่ไม่ยอมขึ้นสังเวีนอัจฉริยะกับเขาเพื่อหาที่ตาย…
สุดท้ายแล้วเขาก็ฆ่าได้กระทั่งตู๋กูเหวิน หานอวิ๋นจิ่นยังจะเหลือความกล้ามายืนต่อหน้าเขาอีกหรือ?
“เจ้า 7 เจ้าได้ตรวจสอบบแหวนพื้นที่ของตู๋กูเหวินแล้วรึยัง?”
ฉือหล่างที่เดินพลังรักษาตัวเงียบๆอยู่ด้านข้าง หันไปมองถามต้วนหลิงเทียน “เท่าที่ข้ารู้มาตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่นั้น…ผู้ที่รับผิดชอบติดต่อกับลูกค้า มักจะเป็นตู๋กูเหวินเสมอ”
“เช่นนั้นโดยปกติแล้วลูกแก้ววิญญาณของลูกค้าที่เอาไว้ใช้ติดต่อกัน ก็สมควรอยู่กับตู๋กูเหวินมากกว่า”
ได้ยินคำพูดของฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเรียกแหวนพื้นที่ของตู๋กูเหวินออกมาทันที จากนั้นก็สะบัดมือเรียกลูกแก้ววิญญาณที่เก็บไว้ 3 ลูกในแหวนออกมา “ก่อนหน้าข้าก็ได้ตรวจสอบแหวนของตู๋กูเหวินดูแล้ว…ด้านในมีลูกแก้ววิญญาณ 3 ลูกนี้เก็บไว้เท่านั้น”
หลังต้วนหลิงเทียนนำลูกแก้ววิญญาณทั้ง 3 ออกมา ลูกตาเวิ่นหว่านเอ๋อก็หดแคบลงเร็วไว จากนั้นก็ชี้ไปยังลูกแก้ววิญญาณ 1 ในนั้นพลางกล่าวว่า “ศิษย์นองเล็ก ซ้ายสุดเป็นลูกแก้ววิญญาณของหานอวิ๋นจิ่น…”
เวิ่นหว่านเอ๋อ ที่เคยมีอดีตกกับหานอวิ๋นจิ่นย่อมจดจำกลิ่นอายพลังวิญญญาณของหานอวิ๋นจิ่นได้
“ฮ่วนเอ๋อ”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยยินก็มองถามฮ่วนเอ๋อเพิ่มเติมทันที “ข้าจำได้ว่าเหลยจวิ้นก็เคยแลกลูกแก้ววิญญาณกับเจ้าใช่ไหม?”
“อื๊อ”
ฮ่วนเอ๋อพยักหน้าตอบ ค่อยสะบัดมือนำลูกแก้ววิญญาณของเหลยจวิ้นออกมา
และทันทีที่นานำลูกแก้ววิญญาณลูกนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่รอบๆก็สัมผัสได้ทันทีว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากลูกแก้ววิญญาณเหนือฝ่ามือฮ่วนเอ๋อ มันเหมือนกับกลิ่นอาย 1 ใน 3 ลูกแก้ววิญญาณที่ต้วนหลิงเทียนนำออกมาไม่มีผิดเพี้ยน
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดาถูกจริงๆ”
หงเฟยกล่าวออกเสียงหนัก
ตอนนี้กระทั่งสองตาฉือหล่ายังฉายแววเยียบเย็นออกมา
ทั่วร่างฮ่วนเอ๋อก็แผ่รังสีฆ่าฟันยะเยือกออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ พาลให้อุณหภูมิโดยรอบเสมือนลดต่ำลงหลายองศา
นัน์ตาคู่งามปานมุกมณีของนางยังฉายแววดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!
หากตอนแรกบอกว่า เหลยจวิ้นอาจอยู่เบื้องหลังล่ะก็…มาตอนนี้ก็สามารถพูดได้เต็มปากว่าเหลยจวิ้นอยู่เบื้องหลังจริงๆ!
จังหวะนี้นางจะให้นางระงับโทสะได้อย่างไรไหว?
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะมีลูกแก้ววิญญาณลูกนี้เป็นหลักฐาน แต่ก็ยังไม่มีน้ำหนักมากพอจะพิสูจน์ว่าเหลยจวิ้นกับหานอวิ๋นจิ่นเป็นคนจ้างมือสังหารมาฆ่าข้า…เพราะสุดท้ายเหลยจวิ้นมันก็อ้างได้ว่าพวกเราคิดป้ายสีมัน จึงนำลูกแก้ววิญญาณของมันมาแอบใส่เอาไว้…”
ต้วนหลิงเทียนกุมมือฮ่วนเอ๋อเอาไว้แน่น แม้ปากจะฟังดูเหมือนคุยกับฉือหล่างและคนอื่นๆ แต่อันที่จริงเขาจงใจพูดเตือนสติฮ่วนเอ๋อให้ใจเย็นลงก่อน
เขาย่อมสัมผัสได้ถึงโทสะอันคุกรุ่นของฮ่วนเอ๋อชัดเจน
“หานอวิ๋นจิ่น เหลยจวิ้น…พวกเจ้ามันจะมากเกินไปแล้ว!!”
หงเฟยกล่าวด้วยสีหน้ามืดดำ
ด้านหูเหมย เวิ่นหว่านเอ๋อ โอวหยางฉีเฟย เองก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
“ดูเหมือนสิ่งที่อาจารย์กล่าวมาจะไม่ผิดเพี้ยน…ในมือตู๋กูหวู่ ไม่น่าจะมีลูกแก้ววิญญาณของเหลยจวิ้นกับหานอวิ๋นจิ่นเก็บไว้ ทำให้หานอวิ๋นจิ่นกับเหลยจวิ้นยังไม่น่าจะรู้ว่าตู๋กูเหวินถูกเจ้าฆ่าตาย”
โอวหยางฉีเฟยกล่าว
“ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หานอวิ๋นจิ่นไม่น่าจะหวาดกลัวศิษย์น้องเล็ก จนไม่กล้าขึ้นสังเวียนอัจฉริยะกับน้องเล็กในอีก 1 ปีหลังจากนี้”
ขณะที่โอวหยางฉีเฟยกล่าวถึงจุดนี้ มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง
“อย่างไรก็ตามเนื่องจากตู๋กูเหวินมีลูกแก้ววิญญาณของหานอวิ๋นจิ่นกับเหลยจวิ้น หมายความว่าพวกมันทั้งคู่ก็สมควรมีลูกแก้ววิญญาณของตู๋กูเหวินเช่นกัน”
ลูกตาต้วหลิงเทียนหรี่ลงทันที “ป่านนี้พวกมันคพบเรื่องที่ตู๋กูเหวินตกตายเรียบรอยแล้ว…แต่ต่อให้หลับพวกมันก็ไม่มีทางฝันถึง ว่าคนที่ฆ่าตู๋กูเหวินจะเป็นข้า”
กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฉือหล่างอีกครั้ง “ครู เรื่องที่พวกเราโดนตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ดักกลางทาง ท่านยังไม่ได้คุยกับจ้าวตำหนักลองกระบี่เหลยอิงกระมัง?”
“ยังไม่”
ฉือหลางส่ายหัว “วันนั้นตอนแรกข้าเองก็คิดจะขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเช่นกัน แต่ข้าก็ตระหนักว่าน้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้…เช่นนั้นข้าจึงขอความช่วยเหลือจากเจิ้งอวี้อี้เท่านั้น”
“เจิ้งอวี้อี้…จักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดง?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
เพราะเขาก็พึ่งรู้เอาตอนนี้ ว่าฉือหล่างได้ขอความช่วยเหลือจากเจิ้งอวี้อี้เพื่อลากถ่วงตู๋กูหวู่
“ถ้างั้นหมายความว่า มีโอกาสสูงที่พวกมันจะไม่รู้ว่าข้าฆ่าตู๋กูเหวินตาย…ถึงพวกมันจะเห็นว่าลูกแก้ววิญญาณตู๋กูเหวินแตกแล้ว แต่ไม่พ้นต้องคิดว่าตู๋กูเหวินตายด้วยน้ำมือคนอื่นแน่นอน”
“ขอเพียงพวกมันไม่ออกไปติดต่อหาความกับตู๋กูหวู่ เพื่อสอบถามเรื่องภารกิจจ้างวานฆ่าข้า…พวกมันก็ไม่น่าจะรู้ได้เลยว่าคนที่ฆ่าตู๋กูเหวินเป็นข้า”
ต้วนหลิงเทียนคาดเดา
“ดูเหมือนว่าพวกเราต้องหาทางปล่อยข่าวออกไป ว่าถูกตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ดัก…แต่โชคดีในห้วงเวลาคับขัน ปรากฏจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีความแค้นกับพวกมันผ่านมาพอดี ทั้งยังมีสหายท่านอีกคน จึงช่วยพวกเราลงมือสังหารตู๋กูเหวินได้สำเร็จ”
ขณะกล่าวสองตาต้วนหลิงเทียนก็มองสบตาฉือหล่างไม่วาง
“เจ้าคิดให้หานอวิ๋นจิ่นกับเหลยจวิ้นรับรู้เรื่องที่เจ้าถูกตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ดักฆ่า…จนทำให้พวกมันไม่กล้าทำอะไรกระโตกกระตากและไปหาตู๋กูหวู่ช่วงนี้สินะ?”
ฉือหล่างย่อมคาดเดาความคิดต้วนหลิงเทียนได้ทันที จึงเอ่ยถามออกไปเร็วไว
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “หากพวกมันไม่รู้เรื่องที่ข้าถูกตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ดักกลางทาง ไม่พ้นพวกมันต้องไปหาตู๋กูหวู่เพื่อสอบถามรายละเอียดแน่นอน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตู๋กูเหวินกันแน่ รวมถึงเรื่องที่ตู๋กูหวู่ยังจะดำเนินภารกิจฆ่าข้าต่อหรือไม่…”
“แต่ถ้าพวกมันได้รู้ข่าวเรื่องที่ข้าถูกดัก ต่อให้พวกมันอากจะไปหาตู๋กูหวู่เพื่อถามรายละเอียดแค่ไหน พวกมันก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่ามช่วงนี้แน่นอน โดยเฉพาะหานอวิ๋นจิ่น มันคงไม่กล้าก้าวออกจากวังเทียนฉือแม้แต่ก้าวเดียว เพราะมันถือว่าเป็นคนที่มีแรงจูงใจจะจ้างคนมาฆ่าข้ามากที่สุด”
“ด้านเหลยจวิ้นก็เช่นกัน ขอเพียงมันไม่ใช่ตัวโง่งม มันไม่มีทางเผยพิรุธอะไรออกมาตอนนี้แน่”
“ด้วยวิธีนี้ การตายของตู๋กูเหวิน ก็จะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการประลองเป็นตายระหว่างข้ากับหานอวิ๋นจิ่นปีหน้า…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบ สองตาก็ฉายแววเยียบเย็นนัก
“จัดการเลยเถอะ”
ฉือหล่างพยักหน้า จากนั้นก็ไม่รอช้าเร่งส่งงข้อความถึงเหลยอิง จ้าวตำหนักลองกระบี่ทันที “เหลยอิง ก่อนหน้าเจ้าถามข้าใช่หรือไม่ว่าเป็นใครมาขวางพวกเราเอาไว้ ตอนแรกข้าไม่สะดวกจะกล่าว…ตอนนี้เมื่อไม่มีใดแล้วข้าจะบอกเจ้า”
“คนที่มาดักขวางพวกเราขระกลับจากวิหารเฟิงฮ่าวคือ ตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่…พวกมันมาขวางเพราะคิดฆ่าเจ้า 7 ของข้า”
“ก่อนหน้าที่ข้าไม่สะดวกจะบอกเจ้า เพราะข้าคิดจะสืบหาว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้ได้ก่อน”
ฉือหล่างกล่าว
“เช่นนั้น…ตอนนี้เจ้าหาเจอแล้วหรือ?”
เหลยอิงก็ส่งข้อความตอบกลับไม่ช้า และยังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนัก
“ใช่”
ฉือหล่างก็กกล่าวตอบกลับไปเร็วไว ยังบอกไปตรงๆว่า “หานอวิ๋นจิ่น ศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เป็นผู้ที่มีแรงจูงใจมากที่สุด”