WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3308 จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ!
ตอนที่ 3,308 : จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ!
“ข้าจะรอดูชม…”
ได้ยินวาจาน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมของหานอวิ๋นจิ่น ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยตอบไปทำนองท้าทายน้ำเสียงสงบเหมือนเคย ปราศจากความกลัวโดยสิ้นเชิง
ด้านหานอวิ๋นพอได้ยินวาจาท้าทายของต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่อาจอดรนทนไหวสืบไป พลังปะทุออกมาลุกโชนท่วมร่างในชั่วพริบตา จากนั้นคนก็เข่นฆ่าเข้าใส่ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวที่ต้วนหลิงเทียนควบสร้างขึ้นมาอีกรอบ!
ทว่าครานี้ เพลิงพลังที่ปะทุออกมามหาศาลทั่วร่างหานอวิ๋นจิ่น พอคนโจนทะยานมาถึงครึ่งทางมันก็เริ่มแตกตัวออกไปเป็น 10 สาย ก่อนจะควบรวมก่อเกิดหอกไฟ แผ่กลิ่นอายลี้ลับประการหนึ่ง ปะทุพลังแกร่งกล้าเพ่งเล็งทำลายเข้าใส่ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียนทุกทาง!
ซู่มม! ซู่มม! ซู่มม! ซู่มม! ซู่มม! ซู่มม!
…
สภาวะทะลวงแทงของหอกไฟทั้ง 10 เล่มนั้น ไม่ต่างอะไรกับดาวตกถล่มลงจากฟากฟ้าแม้แต่น้อย!
อย่างไรก็ตามต้นไม้เทพสนหลิวยังคงตั้งตระหง่านอย่างมั่นคง กิ่งสนหลิวค่อยๆยืดยาวออกมา ก่อนจะตวัดฟันฟาดไปทางหอกไฟทั้ง 10!
ทว่าครานี้หอกไฟทั้ง 10 ของหานอวิ๋นจิ่นไม่คล้ายง่ายดายเหมือนบอลเพลิงลูกเขื่องเมื่อครู่! เพราะยามกิ่งสนหลิวฟาดถูกหอกเพลิงแต่ละเล่ม ไม่เพียงกิ่งสนหลิวจะทุบทำลายได้เหมือนเคย ยังปรากฏไฟลุกท่วมแผดเผา แถมดูเหมือนในเปลวเพลิงที่แผดเผายังเต็มไปด้วยพลังกัดกร่อนอันน่ากลัว ทำให้กิ่งต้นไม้เทพสนหลิวเริ่มมอดไหม้สลายหายไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว!!
“ช่างทรงพลังยิ่ง!!”
เห็นการลงมือดังกล่าวของหานอวิ๋นจิ่น ลูกตาศิษย์วังเทียนฉือหลายคนพลันลุกวาวสว่างจ้า “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าศิษย์พี่หานแตะถึงธรณีประตูการผสานรวมความลึกซึ้งปะทุกับกัดกร่อนของกฏแห่งไฟ…ตอนนี้กลับสามารถใช้การผสานความลึกซึ้งได้บางส่วนแล้ว! อีกไม่นานต้องเข้าถึงแกก่นแท้ของการผสานรวมความลึกซึ้งทั้ง 2 ประการแน่!!”
“ใช่! ถึงแม้จะยังมิได้ผสานรวมเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์ แต่พลังอานุภาพก็หาได้ง่ายดายดั่งเช่นหนึ่งบวกหนึ่งไม่!!”
“ร้ายกาจ! น่าทึ่งนัก!!”
…
ในขณะที่เหล่าศิษย์วังเทียนฉือกำลังอุทานออกมาด้วยความทึ่งกับการลงมืออันทรงพลังของหานอวิ๋นจิ่น ซือหม่าอวี้ ชายหนุ่มในชุดธรรมดาที่หอบหิ้วกู่ฉินไม่ห่างมือที่ลอยล่องอยู่ด้านหนึ่ง ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆพลางถอนหายใจดังเฮือก “ข้าหลงคิดว่าใกล้จะทัดเทียมหานอวิ๋นจิ่นเต็มที…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะแตะถึงธรณีประตูการผสานรวมความลึกซึ้งแล้ว”
“ดูเหมือนต่อให้ข้าทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ ก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันอยู่ดี…”
ซือหม่าอวี้ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอนเฮือกแล้วเฮือกเล่า
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ท้อแท้หมดกำลังใจเพราะเรื่องแค่นี้ สองตายังเริ่มฉายแววเด็ดเดี่ยวฮึดสู้ ราวกับได้รับพลังอันไร้ขีดจำกัดมาครองในชั่วพริบตา!
“เจ้าหานอวิ๋นจิ่นนั่น…มันเจียนจะผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ได้แล้วเช่นนั้นรึ?”
หลิวไป๋เฟิ่งรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ในฐานะ 3 อันดับแรกของ 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือ ที่ไฉนพลังฝีมือของนาง หลู่จี้ และซุนชิงถึงเหนือกว่าหานอวิ๋นจิ่นกับอีกคน ก็เพราะพวกนางเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการแล้ว
มาตอนนี้พอเห็นการลงมอของหานอวิ๋นจิ่น นางจึงดูออกได้ทันที ว่าอีกไม่นานหานอวิ๋นจิ่นต้องผสานรวมความลึกซึ้งปะทุกับกัดกร่อนของกฏแห่งไฟได้แน่
“เจ้าหานอวิ๋นจิ่นนั่น…มันก้าวหน้าถึงขนาดนี้แล้วหรือ?”
จังหวะนี้กระทั่งศิษย์คนที่ 2 ในด่านฉือหล่างอย่าง หลู่จี้ ซึ่งเป็นศิษย์พี่รองของต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วย่นยู่เป็นปม กล่าวพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“อั้ย ให้มันก้าวหน้าแล้วจะอย่างไร? สุดท้ายมันก็ยังไม่ได้ผสานรวมความลึกซึ้งทั้ง 2 ประการได้สมบูรณ์แล้วเสียหน่อย…ศิษย์น้องเล็กต้องไม่กลัวมันแน่!!”
ได้ยินเสียงพึมพำของหลู่จี้ หงเฟยก็โพล่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เรียกว่ามันเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนล้นปรี่
และในขณะที่อาวุโสตำหนักลองกระบี่เริ่มย่นคิ้วเมื่อเห็นว่ากิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวเริ่มมอดไหม้สูญสลายเป็นผุยผง และหานอวิ๋นจิ่นกำลังเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมานั้น
วู้มมม!!
บังเกิดเสียงพลังกังวานขึ้นเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏพลังอ่อนโยนชุ่มชื้นหนึ่งพุ่งพล่านไปทั่วต้นไม้เทพสนหลิว พาลให้ต้นไม้เทพสนหลิวยิ่งมายิ่งสดใหม่ ใบยังเขียวขจีมากขึ้น!
และเมื่อพลังดังกล่าวไหลไปถึงกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวที่ถูกเผาทำลายไปเมื่อครู่ ไม่เพียงแต่ส่วนอื่นที่กำลังถูกเพลิงผลาญจะสามารถต้านทานฤทธิ์กัดกกร่อนแผดเผาของเปลวไฟได้เท่านั้น แต่ยังเริ่มโต้กลับ เป็นฝ่ายสลายหอกไฟทั้ง 10 ที่เต็มไปด้วยอานุภาพผลาญกร่อนแทน!!
“เอ่อ…”
เห็นฉากดังกล่าว เหล่าศิษย์วังเทียนฉือทั้งหลายก็ได้แต่อึ้งกิมกี่ ปากอ้ากว้างจนหมัดลอดเข้าออกได้ “นี่มันอะไรกันแน่!? ไม่ใช่เมื่อครู่ก็ถูกไฟเผาจนมอดไหม้อยู่ดีๆหรือไร…ไฉนพลิกกลับได้แล้วล่ะ!?”
“บ้าไปแล้ว! นี่ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวมันมีพลังอำนาจถึงขนาดนี้เชียวหรือ!?”
“ไฉนข้ารู้สึกว่าเสมือนต้นไม้เทพสนหลิวแลดูชุ่มชื้นขึ้นเหมือนได้รับน้ำหล่อเลี้ยง และความชุ่มชื้นดังกล่าวก็เป็นเหตุให้พลังไฟของหานอวิ๋นจิ่นมอดดับ?”
…
ฉากตรงหน้าทำให้ทุกคนงุนงงทั้งสับสนหนักแล้วจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดสามารถมองเส้นสนกลในใดๆได้ออก
เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนที่กำลังสู้อยู่ พอตระหนักได้ว่าอาศัยแค่พลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์อย่างเดียว คงยากจะทำให้ร่าอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวเอาชนะหานอวิ๋นจิ่นได้
ยังส่อเค้าลางว่าจะแพ้สูง!
ดังนั้นในห้วงเวลาสำคัญ เขาจึงชักนำพลังของวารีเทพชำระโลกาออกมาผสานทันที
น้ำย่อมดับไฟได้
ถึงแม้ว่าการใช้วารีเทพชำระโลกา เพราะต้องซ่อนกลิ่นอายพลังเอาไว้ไม่ให้แพร่งพรายออกเพียงเศษเสี้ยว จึงทำได้แค่แผ่พลังออกมาเบาบาง จนไม่อาจเทียบกับพลังของพฤกษาเทพครองสวรรค์ได้เลย แต่เพียงเล็กน้อยก็สามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้แล้ว!
“เป็นไปได้ยังไง!?”
หานอวิ๋นจิ่นตกตะลึงกับฉากเรื่องราวเบื้องหน้าจนหัวตื้อไปแล้วจริงๆ เพราะในสามัญสำนึกของมันเรื่องราวพรรค์นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย
แล้วต้วนหลิงเทียนทำได้อย่างไรกันแน่?
“ไอ้หนู! ฉวยโอกาสตอนมันเหวอตีมันให้ตายเร็ว!”
ภายในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียน เสียงเด็กปากไม่สิ้นกิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นอย่างคึกคัก จากนั้นมันก็จ่ายพลังปฐพีของมันไปยังต้นไม้เทพสนหลิวในปริมาณเหมาะสมโดยไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนบอก!
ทันใดนั้นร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวประหนึ่งได้รับสารอาหารชูกำลังครั้งยิ่งใหญ่ ลำต้นขยายใหญ่ขึ้นในฉับพลัน! เรียกว่าหากเมื่อครู่เป็นดั่งเนิ่นเขาย่อมๆ บัดนี้มันกลับกลายเป็นเนินเขาใหญ่ไปแล้วจริงๆ!
ฟั่ฟ ฟั่ฟ ฟั่ฟ ฟั่ฟ ฟั่ฟ !
…
ทันใดนั้นกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวแต่ละกิ่งพลันปะทุพลังดุดัน ตบฟาดทำลายหอกเพลิงทั้ง 10 ของหานอวิ๋นจิ่น ก่อนจะพุ่งไปฉับไวดั่งอสรพิษปราดเปรียว เริ่มถักทอก่อเกิดเป็นข่ายฟ้าแหสวรรค์ล้อมกักร่างหานอวิ่นจิ่นเอาไว้ด้านใน
‘กักกัน!’
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมใช้ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติผนึกห้วงมิติรอบกายหานอวิ๋นจิ่นที่ติดอยู่ในลูกตะกร้ออีกชั้น
ตอนนี้ต่อให้เขาไม่ต้องใช้พลังของกฏมิติ อาศัยแค่ร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวก็มากพอจะฆ่าหานอวิ๋นจิ่นให้ตายได้ง่ายๆแล้ว
เนื่องเพราะพอปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจ่ายพลังปฐพีมาเสริม ทำให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าการต่อสู้ครั้งนี้จบลงแล้ว
ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พลังใดอื่น ให้ต้องปกปิด
“คิดฆ่าข้างั้นเหรอ! มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!!”
หลังดึงสติกลับมาจากอาการเหม่อลอย หานอวิ๋นจิ่นที่ถูกกิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวล้อมกักราวติดอยู่ในลูกตะกร้อ รวมถึงสัมผัสได้ว่าตัวเองติดอยู่ในกรงมิติ ก็สามารถสงบใจได้เร็วไว โพล่งคำออกมาอย่างดุดัน จากนั้นพลังเพลิงทั่วร่างก็ปะทุลุกโชขึ้นมาเต็มกำลัง จนคนคล้ายกลายเป็นมนุษย์ไฟตัวเขื่อง ขณะเดียวกันเพลิงพลังของมันก็เริ่มแผ่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ!
ในชั่วพริบตา พลังของกรงมิติที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ก็ถูกร่างมนุษย์เพลิงตัวเขื่องแผดเผาทำลายจนสลายตัวไป
แน่นอนว่าเพลิงพลังของมันที่ปะทุขึ้นมาก็มีอันอ่อนโทรมลงไปบางส่วน
อย่างไรก็ตามในที่สุดเพลิงพลังดั่งมนุษย์ไฟตัวเขื่องของมัน พอแผ่ขยายใหญ่จนสัมผัสถูกกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวที่ถักทอเป็นก้อน กลับไม่อาจแผ่ขยายออกไปได้อีก
“เฮอะ! เจ้าคิดว่ากิ่งไม้สานโง่ๆนี่จักสามารถกักขังข้าได้รึ!?”
ร่างมนุษย์เพลิงตัวเขื่องยื่นมือออกไปหมายฉีกกระชากกรงที่สานถักขึ้นมาจากกิ่งต้นไม้เทพสนหลิว
อย่างไรก็ตาม ไม่นานมันก็พบว่าต่อให้มันจะดิ้นรนจ่ายพลังไปเพียงใด ก็ทำได้แค่ทำให้กิ่งของต้นไม้เพทสนหลิวไหม้สลายไปเล็กน้อย ก่อนจะฟื้นฟูกลับมาดังเดิมในชั่วพริบตา!
และการฟื้นฟูอันน่ากลัวแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพลังของกฏแห่งไม้ชัดๆ!!
“เป็นไปได้ยังไงกัน!?”
“ไฉนร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวเจ้าถึงใช้ความลึกซึ้งฟื้นฟูของกฏแห่งไม้ได้!?”
เสียงประหวั่นด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งมากล้นไปด้วยความเหลือเชื่อของหานอวิ๋นจิ่น ดังขึ้นจากใจกล่างร่างมนุษย์ไฟตัวเขื่อง
เพราะตอนนี้ไม่ว่าหานอวิ๋นจิ่นจะเร่งเร้าพลังมากแค่ไหน…เพลิงพลังที่ปกคลุมทั่วร่างดั่งมนุษย์ไฟตัวเขื่องจะลงมืออย่างไร มันก็พบว่าไม่อาจทำลายกิ่งต้นไม้เทพสนหลิวที่ถักทอล้อมกักร่างมันจนเหมือนติดอยู่ในรังไหมกิ่งไม้ได้เลย! ซ้ำร้ายรังไหมกิ่งไม้ที่ว่ายังหดเล็กลงทุกขณะ!!
เพลิงพลังดังมนุษย์ไฟตัวเขื่องของมันก็ถูกบีบให้หดลงเรื่อยๆ
“นี่…”
และฉากดังกล่าว ก็ทำให้ผู้ชมทั้งหลายโดยรอบ พากันตกตะลึงพรึงเพริดยกใหญ่!
เนื่องเพราะกิ่งของร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียนที่แผ่ขยายออกมาสานถักราวรังไหม ดูเหมือนจะทรงพลังเหนือชั้น…สุดที่หานอวิ๋นจิ่นจะต้านทานแข็งขืนได้เลย!
ไม่ว่าหานอวิ๋นจิ่นจะดิ้นรนอย่างไร แม้กระทั่งรวมศูนย์พลังหมายทะลวงเจาะฝ่าออกไป ก็ไร้ประโยชน์ ทำลายไม่ได้!
ไม่นานนักเพลิงพลังที่เป็นดั่งมนุษย์ไฟตัวเขื่องของหานอวิ๋นจิ่นก็สลายไป เผยให้เห็นร่างหานอวิ๋นจิ่นอีกครั้ง
และตอนนี้มันก็ถูกกรงกิ่งสนหลิวที่หดตัวเล็กลงทุกขณะกำลังบีดรัดเข้าร่าง ไม่ว่ามันจะเกร็งพลังจนเส้นเลือดขอดแค่ไหน แต่เพลิงพลังของมันพึ่งปะทุออกมาได้ไม่ทันไรก็ดับลงทันที!
ไม่ทันไรสีหน้าของหานอวิ๋นจิ่นก็ซีดลงปานขี้เถ้า กลิ่นอายพลังทั่วร่างมันอ่อนโทรมลงถึงขีดสุด เห็นได้ชัดว่ามันแทบจะรีดเค้นพลังชีวิตออกมาต้านทานแล้ว เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างสิ้นหวังแล้วจริงๆ พาลให้เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่ชมมองอยู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกซู่ ใจยังสะท้านสั่นไปไม่น้อย
เพราะวินาทีนี้ ขอเพียงสองตายังไม่มืดบอด ไม่ว่าใครก็มองเห็นได้ชัดเจน
ต้วนหลิงเทียนนั้นเอาชนะหานอวิ๋นจิ่นได้อย่างราบคาบ
กระทั่งสามารถฆ่าหานอวิ๋นจิ่นได้ทุกเมื่อ แต่กลับเลือกลงมือด้วยวิธีที่ทำให้หานอวิ๋นจิ่นตระหนักถึงความตายที่กำลังจะมาเยือนอย่างช้าๆ จนหานอวิ๋นจิ่นได้รู้รสชาติของความสิ้นหวังจับใจ!
เนื่องจากการต่อสูในวันนี้เป็นการประลองเป็นตายรูปแบบไม่ตายไม่เลิกรา เช่นนั้นการต่อสู้จะยุติลงได้ ก็มีแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายเท่านั้น…
‘ข้าไม่คิดเลยว่าสารเลวต้วนหลิงเทียนนี่จักร้ายกาจถึงขนาดนี้…’
หานอวิ๋นจิ่นที่รู้ตัวดีว่ามันกำลังจะตายแล้ว ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสิ้นหวัง มุมปากยกยิ้มอย่างขมขื่นราวสังเวชตัวเองจับใจ ‘ข้าหานอวิ๋นจิ่น ต้องมาตกตายด้วยน้ำมือคนที่มีอายุไม่ถึง 300 ปีเช่นนั้นหรือ…’
‘จักรพรรดิอมตะผู้น่าเกรงขาม กลับถูกจอมราชันอมตะคนหนึ่งเข่นฆ่า…ในประวัติศาสตร์ของวังเทียนฉือ ข้าสมควรเป็นจักรพรรดิอมตะคแรกที่ถูกจอมราชันอมตะฆ่าตายกระมัง?’
รอยยิ้มขื่นขมที่มุมปากของหานอวิ๋นจิ่นยิ่งมายิ่งเศร้าสลดทดท้อ
“หึ!”
พอเห็นว่าหานอวิ๋นจิ่นถูกความสิ้นหวังกัดกิน จนสายตาเลื่อนลอยดั่งปลาตายแล้ว นัยน์ตาต้วนหลิงเทียนพลันฉายแววเยียบเย็นทันที และคิดจะบดขยี้ร่างหานอวิ๋นจิ่นให้แหลกในบัดดล
แต่ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียยนกำลังจะลงมือหดกรงกิ่งสนหลิวให้บดขยี้ร่างหานอวิ๋นจิ่นนั้นเอง เขาพลันตระหนักได้ว่ามีกลิ่นอายอันทรงพลังหนึ่งเพ่งเล็งมาที่ตัวเขา ราวกับหากเขากล้าลงมือบุ่มบ่าม เจ้าของกลิ่นอายทรงพลังดังกล่าวก็พร้อมจะเข่นฆ่าเขาทันที!
“หนุ่มน้อย…พอเท่านี้เถอะ…”
จากนั้นสุรเสียงชราราวผ่านวันเวลามาเนิ่นนานหนึ่ง พลันดังกึกก้องไปทั่วสังเวียนอัจฉริยะและอาณาบริเวณโดยรอบ
และพร้อมๆกันกับที่สุรเสียงชราดังกล่าวดังจบคำ ก็ปรากฏร่างชายชราในชุดคลุมนักพรตเต๋าผู้หนึ่งขึ้นกลางฟ้าเหนือสังเวียนอัจฉริยะ เป็นชายชราเส้นผมสีดอกกเลา หางคิ้วขาวตั้งขึ้นปานอินทรีย์ ใบหน้าแลดูกระจ่างใสอ่อนวัย ดั่งเทพเซียนก็ว่า
“อาจารย์!”
พอตระหนักได้วว่าผู้ใดมาถึง สองตาที่ไร้ประกายราวปลาตายของหานอวิ๋นจิ่น ก็เริ่มหวนกลับมาทอประกายแห่งชีวิตอีกครั้ง มันยิ้มอย่างขื่นขมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงท้อแท้ “ศิษย์หานอวิ๋นจิ่นไม่เอาไหน ทำให้อาจารย์ขายหน้าแล้ว…”
“อาจารย์?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดแคบลงโดยพลัน หลังจากได้ยินคำที่หานอวิ๋นจิ่นใช้เรียกหาผู้มาใหม่ เขาย่อมคาดเดาฐานะของผู้มาใหม่ได้ออก! 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ และยังเป็น 1 ใน 3 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเทียนฉือ จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ!!
ในอดีตเขาเคยได้ยินก็แต่ชื่อของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับเท่านั้น วันนี้นับเป็นครั้งแรกเลยที่เห็นคนตัวเป็นๆ…
“จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับมางั้นหรือ!?”
การมาของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ย่อมทำให้เหล่าศิษย์วังเทียนฉือทั้งหลายฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง
“จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับมาแล้วเช่นนี้…หมายความว่าหานอวิ๋นจิ่นคงไม่ตายแล้วสินะ”
หลายคนยังพูดออกมาทำนองดังกล่าว
“เรื่องนี้มันจะไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรือไร นี่คือการประลองเป็นตายบนสังเวียนอัจฉริยะ ทั้งยังเป็นรูปแบบไม่ตายไม่เลิกราอีก…หากมีใต้เท้าคนใดสอดมือเข้ามาแทรกเช่นนี้ ไม่ใช่จะไม่เป็นธรรมต่อเหล่าศิษย์อัจฉริยะที่ต้องตายไปก่อนหน้าหรือไร?”
“เฮ่อ กฏเป็นสิ่งที่ผู้คนกำหนดขึ้นมาเอง ไหนเลยจะตายตัว…ขอแค่เจ้ามีพลังและอำนาจมากพอ กฏมันก็เป็นแค่เครื่องมือให้เจ้าใช้หาผลประโยชน์อย่างหนึ่ง คำว่ายึดมั่นในกฏอันใดก็แค่ลมที่ผายออกมาเท่านั้น…”
“จริง อีกทั้งเรืองของเรื่องก็คือ ที่มามิใช่จักรพรรดิอมตะสมญานามธรรมดา แต่เป็นจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ 1 ใน 3 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเทียนฉือเรา….ใครจะไปกล้าร้องขอความเป็นธรรม?”
“เหอะๆ ในใต้หล้าคำยุติธรรมไม่มีอยู่จริง…ที่เข้าใจว่ายุติธรรม มันก็แค่ความเมตตาของผู้เข้มแข็งที่มีให้ผู้อ่อนแอเท่านั้น…”
…
ถึงแม้เหล่าศิษย์ของวังเทียนฉือจะรู้ดีว่าการสอดมือเข้ามาแทรกแซงของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับนั้น มันขัดต่อกฏที่กำหนดไว้ของวังเทียนฉือ แต่ทว่าหลายคนก็รู้ดีว่าต่อให้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับจะสอดมือเข้ามาจริง ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร..
สองตาต้วนหลิงเทียนเย็นลง ใช้เคลื่อนมิติวูบออกจากร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวไปลอยกลางหาว ก่อนจะมองจ้องไปยังจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับบนฟ้าสูง พลางกล่าวออกเสียงเข้มว่า “อาวุโส…ข้ากับหานอวิ๋นจิ่นกำลังยืนอยู่บนสังเวียนประลองเป็นตายไม่ตายไม่เลิกรา ทั้งยังเป็นการประลองตามกฏที่มีอาวุโสตำหนักลองกระบี่รวมถึงศิษย์พี่ศิษย์น้องนับหมื่นพันเป็นสักขีพยาน…ท่านมาขัดขวางเช่นนี้ คงไม่ถูกต้องตามกฏกระมัง?”