WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3311 ถามเรื่องคุกหมื่นพันธนาการ
ตอนที่ 3,311 : ถามเรื่องคุกหมื่นพันธนาการ
“พอจะเข้าใจอยู่…”
หลังได้ยินคำพูดของซุนชิง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักเรื่องราวที่สงสัยได้
ตอนแรกเขายังงงไม่น้อย ว่าไฉนจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าถึงไปเป็นสุนัขสวรรค์ข้างกายจักรพรรดิอมตะ 3 ตาหยางเจี่ยน หรือเทพเอ้อหลางที่เขารู้จักจากในตำนานได้?
เพราะหากเป็นสุนัขสวรรค์ของเทพเอ้อหลางจริง ไม่ใช่สมควรอยู่ที่อวี้หวงเทียนหรือไร? ไฉนถึงมาปรากฏตัวในวังเทียนฉือแห่งนี้ล่ะ?
พอมาได้ยินเรื่องราวจากปากซุนชิง ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักว่าที่แท้จักรพรรดิอมตะหอนฟ้ากับจักรพรรดิอมตะ 3 ตามีเรื่องกระทบกระทั่งกันนั่นเอง
สำหรับคำ ‘ทะเลาะกันเล็กน้อย’ ที่ซุนชิงพูดนั้น เขาว่าไม่น่าจะเล็กน้อยอย่างที่พูดหรอก
ทะเลาะกันเล็กน้อยอีท่าไหน ถึงทำให้จักรพรรดิอมตะหอนฟ้าถึงกับหอบผ้าหอบผ่อนออกจากอวี้หวงเทียนมายังอู๋หยาเทียนแห่งนี้ กระทั่งเลือกจะลงหลักปักฐานในวังเทียนฉืออีก
‘บางทีกระทั่งซุนชิงก็ยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง…อย่างไรเสียซุนชิงก็ถูกพาออกจากโลก และมาอยู่ที่วังเทียนฉือที่เป็นถึงขุมกำลังระดับสวรรค์โดยตรง’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“อะไรกัน…นี่พวกเจ้าที่แท้เป็นคนบ้านเดียวกันงั้นหรือ?”
หลิวไป๋เฟิ่งที่อยู่ข้างหลังได้ยินบทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับซุนชิง ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง
“ฮ่าๆๆ ศิษย์น้องต้วนมิใช่แค่เป็นคนบ้านเดียวกับข้าเท่านั้น…แต่ยังเป็นคนบ้านเดียวกันกับท่านอาจารย์ข้าด้วย”
ซุนชิงหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีมากอัธยาศัย “ศิษย์น้องต้วนพวกเรามาแลกลูกแก้ววิญญาณกันก่อนเถอะ…หลังจากนี้หากข้าว่าง ข้าจะพกสุราสวรรค์ดีๆไปเลี้ยงเจ้า และถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไร ข้าก็จะพาเจ้าไปพบอาจารย์! ท่านอาจารย์เองก็คงยินดีไม่น้อยที่ได้พบเจอสหายบ้านเดียวกันแบบนี้”
เรียกว่าตอนนี้ท่าทีของซุนชิงต่างจากก่อนหน้าอย่างงสิ้นเชิง
หากบอกว่าตอนแรกซุนชิงยังแลดูเกรงใจเว้นระยะห่าง แต่ตอนนี้ทำราวกับมันเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นสหายเก่าที่รู้จักกันมานานปี แลดูพยายามตีซี้อย่างออกหน้าออกตานัก
“เอาสิ!”
พอได้พบกับคนบ้านเดียวกันในระนาบเทวโลกแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกคุ้นเคยและสนิทกับซุนชิงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล เขานำลูกแก้ววิญญาณออกมาแลกเปลี่ยนกับซุนชิงทันที
“ศิษย์น้องต้วน เช่นนั้นข้าขอตัวลาไปก่อน”
ซุนชิงกล่าวลาต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็พยักหน้าให้คนอื่นเบาๆก่อนจะจากไป
หลิวไป๋เฟิ่งหลังคุยกับหลู่จี้อีกไม่กี่คำ ก็เหินร่างจากไปเช่นกัน
ในขณะที่ทุกคนเหินร่างกลับ หงเฟยก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงขรึม “ศิษย์น้องเล็ก กับซุนชิงผู้นั้น ถึงแม้วันนี้มันจะดูมกาอัธยาศัยราวเห็นเจ้าเป็นสหาย แต่เจ้ากก็อย่าได้ไว้ใจมันมากเกินไป…ข้ากลัวว่าวันหนึ่งเจ้าจะโดนมันขายไม่รู้ตัว”
“เพราะเท่าที่ข้าทราบมา มันไม่เคยเข้าหาใครเพื่อตีสนิทเช่นนี้มาก่อนเลย”
ในสายตาของหงเฟย หากมีสิ่งใดผิดปกติ ที่นั่นต้องมีปีศาจ! ปกติซุนชิงใช่แยแสผู้ใดที่ไหน! มักเห็นทุกคนเป็นแค่คนผ่านทางเสมอ แต่วันนี้กลับแลดูพยายามเข้าหาทั้งตีสนิทศิษย์น้องเล็กของมันอย่างผิดวิสัย!
“เจ้าอ้วน ศิษย์พี่ซุนอาจไม่ได้คิดร้ายอันใด…ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพลังฝีมือของมัน ข้าดูแล้วก็คงมิต้องใช้ศิษย์น้องเล็กเพื่อหาผลประโยชน์อันใดกระมัง?”
หูเหมยที่เห็นต่าง ส่ายหัวไปมาพลางกล่าว
“ศิษย์พี่หญิง 3 ใครบอกท่านว่ามันไม่อาจใช้ประโยชน์อะไรจากศิษย์น้องเล็กได้…เท่าที่ข้ารู้มา ในวังเทียนฉือเรามีสตรีมากมายที่ชมชอบซุนชิง แต่เจ้านั่นมันกลับไม่เหลียวแลผู้ใดเลย…”
หงเฟยกล่าวออกเสียงเข้ม “สิ่งนี้ไม่ผิดแปลกไปหน่อยหรือไร…ใครจะไปรู้ว่าที่แท้มันอาจชมชอบบุรุษด้วยกันก็เป็นได้!”
“แล้วท่านดูเถอะ ศิษย์น้องเล็กหล่อลากดินถึงเพียงใด…หากเจ้าบ้านั่นมันนิยมไม้ป่าเดียวกัน มันจะชอบศิษย์น้องเล็กก็ไม่ใช่เรื่องแปลกมิใช่รึ?”
ยิ่งกล่าวน้ำเสียงของหงเฟยยิ่งหนักขึ้น ทั้งฟังดูมีเหตุผลรองรับไม่น้อย
แต่ตอนนี้เอง เวิ่นหว่านเอ๋อที่เหินร่างอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะยกมือป้องปากหัวเราะออกมาเบาๆ ท่วงท่าราวลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ “ศิษย์น้อง 6 ที่เจ้ากล่าวว่าร้ายยซุนชิงเช่นนี้ คงมิใช่เพราะ ศิษย์น้องหญิงเสี่ยวเฟิงที่เจ้าตามเกี้ยวนาง กล่าวปฏิเสธเจ้า เพราะนางชมชอบศิษย์พี่ซุนชิงหรอกนะ?”
“ศิษย์พี่หญิง 4 อ่า!”
หงเฟยที่ถูกเวิ่นหว่านเอ๋อขุดแผลเก่า อดไม่ได้ที่จะชักหน้าปั้นปึ่งฮึดฮัด
“ก็ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว!”
ถึงแม้เวินหว่านเอ๋อจะไม่ได้กล่าวอะไรต่อ แต่ใบหน้านางก็เผยรอยยิ้มขบขันไม่น้อย
“จึกๆๆ…เจ้าอ้วนเอย ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าที่แท้เจ้ายังแค้นเคืองศิษย์พี่ซุนชิงอยู่ ถึงขั้นใส่ร้ายป้ายสีผู้คน เพราะสาวที่เจ้าสนใจถูกผู้อื่นไม่แลเหลียวเชียวหรือ…เจ้ายังตกต่ำได้อีกนะ”
หูเหมยหัวเราะ
“ศิษย์น้องเล็ก”
อย่างไรก็ตามหงเฟยเพิกเฉยทุกวาจาจิกกัดของหูเหมย เพียงหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าบอกเจ้าไว้เลย ข้าไม่ได้พูดเพราะอคติอะไรกับซุนชิง แต่การกระทำของมันวันนี้มันผิดวิสัยของเจ้านั่นจริงๆ มันมาตีซี้เจ้าต้องมีลับลมคมในอะไรแน่!!”
“ศิษย์พี่ 6 ท่านคงไม่ใช่ผู้ที่ขึ้นสวรรค์ แต่เป็นชาวสวรรค์ดั้งเดิมกระมัง?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“หืม?”
หงเฟยประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าตอบไป “ก็ใช่ ข้ามิใช่คนที่ขึ้นสวรรค์มา ทำไมหรือ…มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้รึไง?”
หงเฟยนั้นไม่เพียงแต่จะไม่ใช่ผู้ขึ้นสวรรค์มาและเป็นชาวสวรรค์ดังเดิมเท่านั้น แต่ชาติกำเนิดของมันยังใหญ่โต ปู่ของมันเป็นถึงผู้นำตระกูลหงคนปัจจุบันอีกด้วย! เรียกว่าเห็นแบบนี้มันก็คือนายน้อยตระกูลใหญ่อันดับต้นๆของอู๋หยาเทียนคนหนึ่ง!!
“เพราะท่านไม่ใช่คนที่ขึ้นสวรรค์มา ท่านจึงไม่อาจรับทราบและเข้าใจความรู้สึกของคนที่ขึ้นสวรรค์มาอย่างพวกเรา…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มกล่าว “ท่านเองก็คงทราบดีว่าระนาบเทวโลกกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด ทั้งยังมีถึงเก้าเก้า 81 ระนาบ…แค่ 1 ระนาบเทวโลกก็มีระนาบโลกียะใต้อาณัติมากมายยนับไม่ถ้วนแล้ว”
“เช่นนั้นท่านว่าโอกาสที่ท่านจะพบเจอกับคนที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันในระนาบเทวโลกแห่งนี้ มันมากน้อยเพียงใดเล่า…?”
“ต่อให้กล่าวว่าโอกาสมันน้อยยิ่งกว่าหนึ่งในล้าน ท่านทราบหรือไม่ว่ามันไม่เกินจริงแม้แต่น้อย กระทั่งเผลอๆยังมีโอกาสน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ…”
หลังจากรับทราบว่าซุนชิงเองก็มาจากโลกเก่า ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายเป็นพิเศษ ถึงแม้ซุนชิงจะไม่ได้มาจากยุคสมัยเดียวกันกับเขาก็ตามที
ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่อาจขัดขวางไม่ให้เขาเห็นซุนชิงเป็นดั่งสหายเก่าได้
“ศิษย์น้องเล็กพูดถูกแล้ว”
ตอนนี้เองศิษย์พี่รอง หลู่จี้ ก็เอ่ยเสริมขึ้นมา “ข้าเองก็เป็นผู้ที่ขึ้นสวรรค์มาเช่นกัน และข้าเองก็เข้าใจความรู้สึกของศิษย์น้องเล็กดี…กระทั่งแค่คนที่มาจากแดนย่อยเดียวกัน มาพบเจอกันในแดนอู๋หยา ยังรู้สึกเหมือนพบเจอสหายเก่า เช่นนั้นนับประสาอะไรกับพบพานสหายจากบ้านเกิดเดียวกันในระนาบโลกียะ”
พอเห็นว่ากระทั่งหลู่จี้ยังพูดออกมาด้วย หงเฟยก็เลิกแย้งเรื่องนี้สืบต่อ เพราะอาศัยมันเพียงลำพังย่อมไม่มีความกล้าพอจะคัดค้านศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่หญิง 3 และศิษย์พี่หญิง 4 ได้
“ศิษย์พี่หญิง 3”
ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนพลันหันไปยิ้มถามหูเหมยอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ข้าได้ยินคนพูดถึงคุกหมื่นพันธนาการมาเมื่อวันก่อน…ในวังเทียนฉือเรามีสถานที่เช่นนั้นด้วยหรือ?”
คุกหมื่นพันธนาการ!
หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนเปิดประเด็นเรื่องคุกหมื่นพันธนาการ ฮ่วนเอ๋อที่ทราบแล้วว่าบิดาของนางถูกขังไว้ที่นั่น สองตาก็ฉายแสงจ้าโ ทั่วร่างยังรู้สึกตึงเครียดทันที
ขณะเดียวกันนางก็อดหันไปมองหูเหมด้วยความวาดหวังไม่ได้
“หือ คุกหมื่นพันธนาการรึ?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หูเหมยก็ผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย “ศิษย์น้องเล็ก ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอก วันก่อนข้าได้ยินศิษย์กล่าวนินทาอะไรกันอยู่ และมีคนบอกว่าพูดมากเดี๋ยวก็โดนจับยัดคุกพันธนาการอะไรสักอย่าง วันนี้พอข้าเห็นจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับลำเอียง ก็เลยเผลอคิดถึงคุกอะไรนั่นขึ้นมา…ว่าถ้าตัวตนระดับนั้นทำผิดจะติดคุกที่ว่าด้วยหรือไม่ แล้วคุกที่ว่าคืออะไร…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มกล่าวอ้างออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“ศิษย์น้องเล็ก”
ก่อนที่หูเหมยจะทันได้กล่าวตอบอะไร ก็เป็นหงเฟยที่เอ่ยตอบขึ้นมาเสียก่อน “คุกหมื่นพันธนาการที่เจ้าว่า ข้าเองก็รู้จัก…มันเป็นคุกที่วังเทียนฉือเราใช้กักขังศิษย์ที่ทำผิดร้ายแรง รวมถึงคนที่เป็นภัยต่อวังเทียนฉือเรา…สำหรับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ เจ้าเลิกฝันไปได้เลย…ต่อให้มันฆ่าเจ้าหรือป่วนการประลองเป็นตายจริงๆ มันก็ไม่ถูกจับเข้าคุกนั่นหรอก”
“ที่นั่นน่ะ มีไว้ลงโทษผู้ที่ก่อเภทภัยต่อวังเทียนฉือเราโดยเฉพาะ ว่ากันว่ามีการลงโทษมากมายทั้งทางร่างกายและวิญญาณ…”
“มีศิษย์วังเทียนฉือที่ทำผิดร้ายแรงถูกจับเข้าคุกหมื่นพันธนาการ สุดท้ายก็ทนความทรมานไม่ไหว ตกตายไปไม่น้อย”
…
ในขณะที่หงเฟยกล่าวถึงความอันตรายของคุกหมื่นพันธนาการ สีหน้าอ่วนเอ๋อก็ซีดลง นางยังกอดแขนต้วนหลิงเทียนแนบแน่น สักพักกว่าจะสงบอารมณ์ได้
ต้วนหลิงเทียนก็เอื้อมมือมาตบหลังมือฮ่วนเอ๋อเบาๆ จากนั้นเอ่ยถามด้วยสองตาเป็นประกายว่า “แล้วคุกหมื่นพันธนาการที่ว่ามันอยู่ไหนหรือ?”
“มันตั้งอยู่เลยสังเวียนอัจฉริยะไปน่ะ เลยไปไม่ไกลสักเท่าไหร่ด้วย”
หงเฟยกล่าว “อย่างไรก็ตาม คุกหมื่นพันธนาการนั้น มีผู้อาวุโสวังเทียนฉือเราเฝ้าไว้ตลอด…ปกติแล้วหากไม่ใช่คนที่มีความผิดและถูกส่งตัวไปขัง วังเทียนฉือเราก็ไม่อนุญาตให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป”
“หากคิดจะเข้าไป…เว้นเสียแต่จะเป็นศิษย์ที่ไปทำงานเป็นพวกผู้คุมอะไรทำนองนั้น”
ได้ยินคำพูดของหงเฟย สองตาต้วนหลิงเทียนก้ทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง “ศิษย์อย่างพวกเราก็สามารถเป็นผู้คุมอะไรได้ด้วยหรือ?”
“แล้วหากศิษย์วังเทียนฉือคิดจะไปทำงานเป็นผู้คุมคุกที่ว่าต้องมีเงื่อนไขอย่างไรรึ แล้วของตอบแทนดีรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“นั่นก็เป็นเรื่องที่ข้ากำลังจะพูดนี่ล่ะ”
หงเฟยกล่าวสืบต่อ “ข้าเองก็ไม่รู้เงื่อนไขและรายละเอียดมากนัก แต่ที่รู้คืออย่างน้อยๆต้องเป็นศิษย์อัจฉริยะน่ะ ถึงจะสมัครไปทำงานเป็นผู้คุมในคุกหมื่นพันธนาการได้”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไฉนถึงตั้งเงื่อนไขเช่นนี้ขึ้นมา…ศิษย์อัจฉริยะคนใดจะอยากไปทำงานในคุกหมื่นพันธนาการที่ไร้อิสระนั่นกัน?”
หงเฟยส่ายหัวไปมา
ตอนนี้เองหลู่จี้พลันหันไปมองหงเฟด้วสาตาเฉยเมย กล่าวว่า “งานในคุกหมื่นพันธนาการสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในนั้นมิได้มีแต่ศิษย์วังเทียนฉือของพวกเราที่ถูกจับไว้ แต่ยังมีคนนอกมากมายยที่ถูกจับขังเอาไว้อีกด้วย”
“ยังกล่าวกันว่าด้านในนั้นมีกระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามบางคนที่ถูกขังเอาไว้”
“และจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ถูกวังเทียนฉือพวกเรากักขังเอาไว้แต่ทำไมไม่ฆ่าทิ้งไปเสีย ก็เพราะพวกมันเข้าใจกฏแห่งดิน พลังป้องกันนับว่าสูงส่งสุดที่จะฆ่าได้ เช่นนั้นจึงทำได้เพียงจับขังเอาไว้เท่านั้น”
“เหล่าทายาทของจักรพรรดิอมตะสมญานามพวกนั้น กระทั่งหลับยังฝันถึงเรื่องจะช่วยพวกมันไป ต่างพยายยามหาวิธีไถ่ตัวพวกมันออกไปตลอด”
“อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิอมตะสมญานามเหล่านั้น ไม่ว่าใครหากหลุดออกไปก็ล้วนสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้วังเทียนฉือของพวกเราได้ทั้งสิ้น ผู้อาวุโสจึงไม่มีใครคิดเสี่ยงปล่อยพวกมันออกไปเพราะเห็นแก่สมบัติ”
“แต่ในอดีตเคยมีกรณีศึกษาหนึ่งเกิดขึ้น! มีลูกหลานของจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่ง แฝงตัวเข้ามาในวังเทียนฉือนานปี ก่อนจะเข้าถึงคุกหมื่นพันธนาการและปล่อยนักโทษออกมา ตอนนั้นไม่ทราบศิษย์วังเทียนฉือเท่าไหร่ที่ต้องตายเพราะมันเข่นฆ่าเปิดทางขณะหลบหนี…”
“การที่วังเทียนฉือจำกัดให้มีแต่ศิษย์อัจฉริยะที่เข้าไปทำงานในนั้นได้ ก็เพื่อกันไม่ให้มีผู้ใดแฝงตัวเข้ามาเหมือนครั้งนั้น…”
“เพราะสุดท้ายแล้วหากลูกหลานหรือเหล่าศิษย์ของจักรพรรดิอมตะที่ถูกจับขัง มีศักยภาพและพรสวรรค์ถึงขั้นเป็นศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือได้ ทางตระกูลหรือขุมกำลังต้นสังกัด ก็ไม่มีทางปล่อยให้มาเสี่ยงทำอะไรแบบนี้แน่”
“ดังนั้นทางวังเทียนฉือเรา จึงกำหนดให้มีแต่ศิษย์อัจฉริยะเท่านั้นที่สามารถเข้าไปทำงานในคุกหมื่นพันธนาการได้ จึงทำให้ไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานามคนใดถูกช่วยออกมาได้อีกเลย”
…
หลังได้ยินคำพูดของหลู่จี้ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจคุกหมื่นพันธนาการมากขึ้น
“ยิ่งไปกว่านั้น การไปทำหน้าที่ผู้คุมที่คุกหมื่นพันธนาการนั้น หน้าที่อย่างมากก็แค่เข้าเวรเฝ้าระวังเท่านั้น…แถมค่าจ้างก็ไม่เลวเลยทีเดียว จำนวนผลึกอมตะที่ได้ยังมากกว่างานที่ต้องเหน็ดเหนื่อยงานอื่นเสียอีก”
หลู่จี้พูดต่อ
“ศิษย์พี่รอง”
หูเหมยหันไปมองหลู่จี้ “ข้าจำได้…ท่านกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ ก็เคยรับงานเป็นผู้คุมในคุกหมื่นพันธนาการด้วยนี่?”
“ใช่”
หลู่จี้พยักหน้า “อันที่จริงมีเรื่องหนึ่งที่พวกเจ้าอาจจะยังไม่รู้…สาเหตุที่ไฉนภายหลัง ศิษย์พี่หญิงใหญ่ถึงเปลี่ยนไปใช้กฏแห่งความตาย ก็เพราะว่าในคุกหมื่นพันธนาการมันมีกลิ่นอายแห่งความตายหนาแน่น จึงเหมาะแก่การทำความเข้าใจกฏแห่งคววามตายเป็นอย่างมาก”
“ก่อนที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่จะออกไปทำธุระนอกวังเทียนฉือ นางยังมีตำแหน่งเป็นถึงพัสดีคุกหมื่นพันธนาการแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจ
ศิษย์พี่หญิงใหญ่ที่เขาไม่เคยพบเคยเจอผู้นี้ ที่แท้เป็นถึงพัสดีคุกหมื่นพันธนาการเชียวหรือ?
ไม่ว่าจะเป็นคุกอะไร แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นพัสดี ก็ต้องมีอำนาจสูงระดับหัวหน้าเลยไม่ใช่หรือ?