WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3343
ตอนที่ 3,343 : จักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จี้อวี่เหนียน!
ในบรรดาคนทั้ง 5 ที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาช่วยเขา ชายวัยกลางคนคลุมทองที่แลดูน่าเกรงขาม กับสตรีสะสวยในชุดขาวแลดูเลอค่าสูงศักดิ์นั่นต้วนหลิงเทียนไม่คุ้นหน้าแม้แต่น้อย เขามั่นใจ ว่าไม่เคยรู้จักทั้งคู่กระทั่งมั่นใจว่าไม่เคยเห็นทั้งคู่มาก่อนด้วยซ้ํา
อย่างไรก็ตาม สําหรับชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 3 ที่อยู่เบื้องหลังทั้งคู่ ถึงแม้วนหลิงเทียนจะมั่นใจว่าพึ่งเคยเห็นอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก แต่ไม่ทราบทําไมเขากลับรู้สึกว่าทั้ง 3 ช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยทั้งให้ความรู้สึกสนิทใจกับเขานัก
ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้เจอทั้ง 3
อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่า
เขาไม่เคยเห็นชายหนุ่มหญิงสาวทั้ง 3 มาก่อน!
“ไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้ใด”
จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่ามองถามชายวัยกลางคนคลุมทองด้วยความหวั่นเกรง ถึงแม้มองปราดแรกมันจะรู้สึกว่าชายวัยกลางคนผู้นี้คุ้นๆแต่ปุบปับกลับนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“สมกับที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรค์แห่งอู่หยาเทียนจริงๆเจ้าคงไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตากระมัง”
ได้ยินคําถามของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า ชายวัยกลางคนก็หันมาเหลือบมองมันผ่านๆ อ่ยคําแฝงความนัยหนึ่ง “ แม้พวกเราจะเคยพบกันครั้งเดียว แต่ข้ายังจดจําได้ว่าเจ้าคือจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า….แต่ดูเหมือนข้าจักเป็นแค่คนตัวเล็กๆไว้สําคัญ ไม่ได้อยู่ในสายตาสูงส่งของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าเจ้า”
กล่าวถึงท้ายประโยค มุมปากของชายวัยกลางคนคลุมทองก็เผยรอยยิ้มประชดประชันหนึ่ง
“นี่ท่านรู้จักข้าหรือ?”
จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าขมวดคิ้วยู่ย่น ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่ เชี่ยวชาญ 1 ใน 4 กฏสูงสุดอย่างกฏมิติ มันไม่เพียงมีแวดวงในอู่หยาเทียน แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่เชี่ยวชาญในกฏมิติของระนาบเทวโลกอื่นๆมันก็รู้จักไม่น้อย กล่าวได้ว่าแวดวงมันมักออกจากอู่หยาเทียนไปติดต่อแวดวงจักรพรรดิอมตะสมญานามที่เชี่ยวชาญกฏมิติในระนาบเทวโลกอื่นอยู่บ่อยๆ
มันจึงรู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นๆหน้า แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน
“ ตาเฒ่า เพียงเพราะเจ้าไม่ได้สวมหน้ากากนั่น..จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าก็ถึงกับจดจําเจ้าไม่ได้แล้วหรือ?”
สตรีสะสวยแลดูสง่างามหันมามองถามชายวัยกลางคนคลุมทองข้างๆด้วยรอยยิ้ม
“ดูเหมือนจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่า จะจําข้าไม่ได้จริงๆ”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมทองเอ่ยออกเสียงเบา
“หน้ากาก?”
ด้วยมีเสียงของสตรีชุดขาวกระตุ้นเตือนความจํา ทําให้ร่างจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่ายงะไปเล็กน้อย จากนั้นในใจพลันปรากฏภาพจําหนึ่งวาบขึ้น และพอนึกได้ว่าเบื้องหน้าที่แท้เป็นผู้ใด ลูกตามันก็หดแคบลงเร็วไว สีหน้ายังซีดลงไม่น้อย!
เป็นมัน!?
“ทําเป็นลึกลับ!!”
ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญที่รู้สึกอับอายทั้งโกรธเกรี้ยว เพราะไม่เพียงแต่จะถูกอีกฝ่ายขัดขวาง แต่อีกฝ่ายกระทั่งไม่เหลียวแลมันสักครั้ง มันก็หัวร้อนจนทนไม่ไหว โพล่งคําออกมาด้วยน้ําเสียงดุร้าย ทั่วร่างปรากฏเพลิงไฟลุกท่วมอีกครา
ฟูมมม!
เสียงพลังปะทุรุนแรงดังขึ้น เป็นก้อนมหึมาที่ก่อร่างขึ้นจากความว่างเปล่าอัดแน่นไปด้วยพลังไฟสุดไพศาล ง้างฟาดไปทางชายวัยกลางคนในชุดคลุมทองอย่างดุดัน!
“เพลิงผลาญ หยุดมือ!!”
การลงมืออย่างกะทันหันของจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ นับว่าเหนือความคาดหมายของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าอยู่บ้าง! จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าพึ่งจะนึกออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครไม่ทันได้พูดอะไร จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญดันลงมือใส่ผู้อื่นเต็มกําลังเสียอย่างนั้น!
ไม่เพียงแต่มันจะใช้ออกด้วยศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิ แต่ยังผสานไว้ด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟทั้งหมดที่เข้าใจ บ่งชี้ว่ามันหัวร้อนสุดทน คิดลงมือสังหารชายวัยกลางคนให้จบๆไป!
เสียงตะโกนของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าไม่ได้เบาเลย เรียกว่าดังสนั่นลั่นฟ้าก็ยังได้ เพราะมันแฝงเร้นไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกําเนิด หมายห้ามปรามจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญให้จงได้!
จังหวะนี้จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆที่กําลังประมือกัน ไม่เว้นจ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้ที่ยังถูกเมิ่งชวนพัวพันไม่เลิก ราวมไปถึงจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับที่กําลังเล่นงานเผยหยวนจีพร้อมจักรพรรดิอมตะหอนฟ้า ก็ต่างซัดพลังทิ้งท้าย ผละแยกออกจากกัน และเหลีอบไปมองทางจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าทันที
พวกมันจึงได้เห็นว่า
ขณะนี้ จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญที่สภาวะคล้ายรวมเป็นหนึ่งกับค้อนไฟอันเขื่อง ได้ปลดปล่อยพลังทําลายอันดุร้ายออกมา ง้างฟาดไปทางชายวัยกลางคนในชุดคลุมทองที่ยังคงลอยร่างนิ่งใบหน้าเฉยเมยไร้แยแส
การลงมือครั้งนี้ของจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ แม้ดูทรงแล้วก็เป็แค่การง้างค้อนฟาด ทุบไปตรงๆไร้ลูกเล่นใดๆ แต่จากกลิ่นอายพลังน่ากลัวนั่น ก็บอกได้ว่ามันลงมือจู่โจมออกไปสุดตัว! เผยพลังอันน่าพรั่นพรึงสมกับเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ออก มาจนหมด!!
“หากตอนที่เจ้านั่นร่วมมือกับจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าและจักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารีกมรุมข้า ทุ่มพลังจู่โจมสุดตัวแบบนี้…ข้าคงไม่ได้บาดเจ็บแค่เล็กน้อยแน่”
เห็นฉากการลงมือเบื้องหน้า ถือหย่าชีก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวพึมพํากับตัวเบาๆ
นางย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 3 ที่กลุ้มรุมนาง ไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดสักคน
หากทั้ง 3 ทุ่มกําลังทั้งหมดเล่นงานนางแต่แรก อย่าว่าแต่ 3 คนเลย เกรงว่าแค่ 2 คนก็ทําให้นางไม่มั่นใจแล้ว ว่ายังจะรับมือได้ไหวถึงร้อยกระบวนท่าหรือไม่
“ไฉนมันมาที่นี้ได้!?”
แตกต่างจากจ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอ เผยหยวนจี้รวมถึงคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีปฏิกิริยา ใดๆหลังเห็นชาวัยกลางคนในชุดคลุมสีทอง
ด้านเมิ่งชวนถึงกับหยีตาแทบปิด หลังเห็นหน้าค่าตาชายวกลางคนในชุดคลุมทองชัดๆ! ในแววตายังฉายแววตกตะลึงทั้งเหลือเชื่อ เพราะร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้เพราะชายวัยกลางคนนั้น ไม่ได้มีชื่อเสียงด้อยไปกว่าจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมงหลัว พี่ชายของมันเลย!
กล่าวไปแล้ว หากเทียบกับอีกฝ่าย พี่ชายของมันยังถือว่าเป็นแค่ดาวรุ่งดวงใหม่เท่านั้น!
กระทั่ง เมื่อ 100 ปีก่อน ยามที่พี่ชายของมันประมือกับอีกฝ่าย แค่จะเอาตัวให้รอดก็เต็มกลืน แล้ว!
“ตายย!!!”
จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญคํารามสนั่นปานสัตว์ร้าย อารมณ์ของมันตอนนี้ เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าฟ้าคุ้มฝนคลั่งเสียอีก!!
มันที่หัวร้อนจัด จนลงมือออกมาด้วยบันดาลโทสะ ไม่เพียงแต่จะปลดปล่อยพลังความ กซึ้งของกฎแห่งไฟออกมาทั้งหมดกระทั่งอารมณ์ยังเดือดดาลปานเพลิงไฟไปด้วย!
ทําให้ถึงแม้เสียงตะโกนห้ามปรามของจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าจะห่างไกลคําว่าเบา แต่เพราะเสียงพลังเพลิงไฟที่ปะทุ รวมถึงเสียงแหวกฝ่าสายลมด้วยความเร็วสูงรอบตัว ได้ลดทอนเสียงรอบข้างไปมาก จึงทําให้มันได้ยินไม่ชัดเจน
“อาศัยพลังเท่านี้ เจ้ายังคิดให้ข้าตาย?”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ชาวัยกลางคนที่เผชิญหน้ากับการลงมืออย่างเกรี้ยวกราดของจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญก็กล่าวคําออกมาด้วยรอยยิ้มดูแคลน หากทว่าแววตาของอีกฝ่ายกลับกลายเป็นแหลมคม พุ่งยิงรังสีฆ่าฟันออกมาอย่างเห็นได้ชัด!!
และพริบตาต่อมา ชายวัยกลางคนในชุดคลุมทองก็อันตรธานหายไปจากสายตาของทุกคน
ปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ไปผุดโผล่เบื้องหน้าจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญแล้ว!
“ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะทําให้ข้าตายได้อย่างไร”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมทอง ที่อยู่ๆก็รูบร่างข้ามมิติไปโผล่ในระยะจู่โจมของจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ ใบหน้าของมันช่างเฉยเมยนัก สายตาที่ใช้มองจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญยังฉายแววหยอกล้อให้เห็น
บรึม!!
ตูมมมม!!
โดนชายวัยกลางคนคลุมทองวูบร่างมากล่าวท้าทายซึ่งๆหน้าแบบนี้ จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญที่หัวร้อนเป็นทุน ก็ไม่รอช้าฟาดทุบค้อนลงมาอย่างดุร้าย เงาค้อนแหวกฟ้าลงมาฉับไวเพลิงพลังงปะทุระเบิดออกมาถี่ยิบจนสภาวะพลังซ้อนทับราวระลอกคลื่นทับซ้อน!
ค้อนอันเขื่องที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟร้อนลวก ฟาดทุบลงมาด้วยสภาวะดุร้ายหาใดเปรียบยังผลให้มวลอากาศแตกระเบิดไม่หยุด ก่อเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ทั้งคลื่นกระแทกกําจายออกไปรอบสารทิศ!
ปงงงงง!!
บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นลั่นหล้า ราวกับฟ้าถล่มลงแล้วก็ไม่ปาน
“ให้ตายเถอะ”
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ค้อนอันเรื่องที่อัดแน่นไปด้วยเพลิงไฟ แม้จะฟาดทุบลงมาด้วยสภาวะพลังดุร้ายหาใดเปรียบ แต่กระนั้นมันกลับหยุดลงเหนือศีรษะชายวัยกลางคนคลุมทองดื้อๆ!ราวกับความว่างเปล่าตรงนั้นเป็นปราการแกร่งไร้ทลาย มวลพลังที่อัดแน่นในก้อนจึงระเบิดออกไป ทุกทิศทางราวห่ามังกรเพลิงฝูงใหญ่หลุดพันธนาการ มุ่งหนีไปทั่วสารทิศ!!
และเมื่อค้อนที่เปี่ยมล้นไปด้วยสภาวะพลังเกรี้ยวกราดสุดตัวของจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญห ยุดชะงักลง ไม่อาจรุกคืบได้แม้องคุลี ชายวัยกลางคนในชุดคลุมทองก็ไม่รอให้ใครทันได้ตตัว แค่น คําสบถเย้ยเสียงเย็นออกมาเบาๆ
และทันใดนั้นเอง
เปรียะ!
เสียงราวบางสิ่งปริแตกดังขึ้นถนัดหู จากนั้นรอยแยกมิติอันน่าสะพรึงกลัวก็ปรา กฏขึ้นเหนือศีรษะชายวัยกลางคนคลุมทองมองไปยังคล้ายปากของอสูรร้ายตัวเขื่องอ้าออก ฮุบ กลืนเพลิงไฟที่แตกตัวระเบิดออกไปทุกทิศทางในบัดดล!
หลังกลืนเปลวเพลิงแล้ว เสียงปานกระจกแตกร้าวก็ดังขึ้นระรัว ความว่างเปล่าใต้รอยแยกมิติเสมือนเริ่มบิดเบือนพับไปอย่างประหลาด มองไปประหนึ่งอุบัติขั้นบันไดก่อตัวทอดยาวออกไปเบื้องหน้า!
และเหนือขั้นบันไดนี้ รอยแยกมิติที่ราวกับปากอสูรกายก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมา มันพุ่งถลาออกไปตามขั้นบันได จี้เข้าใส่จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ!!
“ใต้เท้าจี้อวี่เหนียน โปรดเมตตาด้วย!!”
ตอนนี้เอง จักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าที่เห็นฉากเรื่องราวถนัดตา ก็เร่งผสานพลังตะคอกคําสุดตัวอย่างร้อนรน
อนิจจามันยังตะโกนออกมาช้าไป
เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!
ท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญที่คล้ายตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของรอยแยกมิติที่พุ่งตามห้วงมิติที่พับย่นแผ่ขยายออกมาราวขั้นบันได ก็พยายามหลบเลี่ยง แต่ร่างมันพึ่งขยับไม่ทันไร ก็โดนมิติพับผ่นที่แผ่มาราวขั้นบันไดนั่นฉีกเป็นชิ้นๆ !!
จากนั้นในสายตาของทุกคน ร่างที่แหลกเป็นชิ้นๆของจักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ ก็ถูกรอยแยกมิติที่ราวกับปากของอสูรร้ายกระหายเลือดที่ตามมาไล่หลัง กลืนกินหายไปไม่มีเหลือ
ก่อนจะเห็นฉากนี้ ทุกคนก็ตระหนักได้แต่แรก
จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญนั่น ตกตายวิญญาณสลายตั้งแต่โดน ห้วงมิติทับซ้อนที่แผ่ขยายมาราวขั้นบันไดคลี่กางนั่นไปแล้ว
“ช่างเป็นการใช้กฏมิติอันร้ายกาจนัก!!”
นี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่ต้วนหลิงเทียนได้เห็นการใช้พลังของกภูมิติอันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้เพราะถึงเขาจะมีผลึกสํานึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่เสมือนมันอิงตามระดับความเข้าใจของเขา ทําให้เขาแลเห็นแค่การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติแค่ 2 ประการชุดต่างๆเท่านั้น
ทว่าการลงมือของชายวัยกลางคนในชุดคลุมทองเบื้องหน้า เขาเชื่อว่าไม่มีการผสานรวมความลึกซึ้งของภูมิติแค่ 2 ประการชุดใด จะทําอะไรแบบนี้ได้เลย
กระทั่งเขายังสัมผัสได้ว่าเมื่อครู่ ไม่พ้นต้องเป็นการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการ!แม้จะไม่ได้ทรงพลังถึงขั้นการผสานรวมความลึกซึ้ง 4 ประการของกฏอื่น แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันสักเท่าไหร่
จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญ จักรพรรดิอมตะสมญานามแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนที่เร่งเร้าพลังสภาวะถึงขีดสุด ออกกระบวนท่าลงมือจู่โจมเข่นฆ่าเข้าใส่ผู้อื่นเขาก่อน
อย่างไรก็ตามฝายหลังนึกจะลงมือก็ลงมือ เพียงวูบร่างไปโผล่เบื้องหน้า ปลดปล่อยกระบวนท่าออกมาอย่างไร้เรื่องราว ก็ถล่มมันจนตายไม่เหลือซาก!
“จี้อวี่เหนียน?!”
ตอนนี้เอง ข้างๆจักรพรรดิอมตะท่องว่างเปล่าที่ได้แต่คลี่ยิ้มขึ้นขมสีหน้าสลดแลดูอับจ นหนทางร่างชราของจักรพรรดิอมตะไม้เท้าวารีก็สะท้านไปราวเป็นไข้จับสั่น สีหน้ายังกลาย เป็นอัปลักษณ์ปั้นยา มองร่างในชุดคลุมทองอีกครั้ง ลูกตาก็หดหยีเผยประกายหวาดกลัว กล่าวอ กเสียงสั่นว่า “มัน…มันคือจื้อเหนียนงั้นหรือ!?”
“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…กระทั่งจื้อเหนียนยังมาช่วยมันเชียวหรือ!?”
กับฉากเรื่องราวเบื้องหน้า แม้แต่เพิ่งชวนเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะงงเป็นไก่ตาแตก เพราะมันรู้ดีว่าชายวัยกลางคนชุดทองนั่นก็คือ ขี้อวี่เหนียน ผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกรของว่านโช่วเทียน หรือที่รู้จักกันดีในนามจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด!
การลงมือของจื้อเหนียนเมื่อครู่ มันคือการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติหลายประการเรียกว่าคร่าชีวิตผู้คนในที่นี้ได้ในพริบตาแทบทุกคน
ต่อหน้าจักรพรรดิอมตะสลายกําเนิด จักรพรรดิอมตะเพลิงผลาญนั่น ไม่ต่างอะไรกับกระดาษเปื่อยเปียกน้ําเลย ถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างไร้ซึ่งพลังอํานาจต้านทาน