WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3346
ตอนที่ 3,346 : สนทนา
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนแทบจะใช้พลังของเทพเบญจธาตุออกมาเต็มกําลังอยู่แล้ว ยังจะใช้มันต่อหน้าจักรพรรดิอมตะสมญานามมากมายอีกด้วย
และมีความเป็นไปได้สูง ว่าทันทีที่เรื่องเทพเบญจธาตุเผยถูกเปิดเผย ตัวเขาจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่า” ในสายตาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้งหมดทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่ไม่ต้องการเทพเบญจธาตุ
เทพเบญจธาตุนั้น แค่ขั้นต่ำๆ ทว่าหากจักรพรรดิอมตะสมญานามได้ครอบครอง ก็มีโอกาสที่จะทําให้ทะลวงถึงขอบเขตเทพได้สูงมาก!
และการทะลวงถึงขอบเขตเทพ ล้วนแล้วแต่เป็นความฝันชั่วชีวิตของจักรพรรดิอมตะส่วนใหญ่
กวาดตามองไปทั่วระนาบเทวโลก มีจักรพรรดิสวรรค์แค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถทะลวงถึงขอบเขตเทพได้สําเร็จ และกลายเป็นตัวตนระดับเทพเจ้าไป
เมื่อเรื่องที่เขาครอบครองเทพเบญจธาตุ สิ่งที่ช่วยให้ทะลวงถึงขอบเขตเทพได้แพร่งพรายออกไป น่ากลัวว่าจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย ไม่ทันได้ยกขโยงมาตามล่าหาตัวเขาแน่!
ถึงตอนนั้นนาม ต้วนหลิงเทียนก็จะกลายเป็นนามของศัตรูร่วมของจักรพรรดิอมตะสมญานามในระนาบเทวโลกทั้งมวล
“พี่ใหญ่หลิงเทียน แล้วพี่สาวเค่อเอ๋อ กับพี่สาวเฟยเอ๋อล่ะ?”
เสี่ยวจินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เค่อเอ๋อ เฟยเอ๋อ…”
ได้ยินคําถามของเสี่ยวจิน ต้วนหลิงเทียนก็นิ่งไปครู่หนึ่งจากนั้นในแววตาก็เผยความอับจนหนทางออกมา “ทั้งสองคนไม่ได้ขึ้นมายังระนาบบเทวโลกกับข้ากระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้อยู่ในระนาบเทวโลกด้วยซ้ำ”
“ไม่ได้อยู่ในระนาบเทวโลกเหรอ?”
เสียวจนขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้หรอกพี่ใหญ่ข้า เสี่ยวเฮย แล้วก็เสี่ยวไป๋ พวกเราเคยย้อนกลับไประนาบเซียนมาแล้ว แต่พวกเราไม่เพียงแต่จะไม่เจอท่านพวกเรายังไม่เจอพี่สาวทั้งสองด้วย”
พอเสี่ยวจินพูดจบ เสี่ยวเฮย กับเสี่ยวไป๋ก็หันมามองรอฟังคําตอบจากตัวนหลิงเทียนทันที
“ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยยเทพ…ที่เป็น 1 ใน 18 ระนาบเทพ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงขรึม
“ระนาบเทพ? ดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ?”
ได้ยินคําพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน เสี่ยวจิน เสียวเฮย แล้วก็เสี่ยวไป๋ ขมวดอยู่ยนทันที พวกมันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของระนาบเทพมาไม่มากก็น้อย แต่พวกมันไม่เคยรู้ว่าชื่อของระนาบเทพต่างๆมีอะไรบ้าง จึงไม่รู้จักดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ
และตอนนี้เอง กระทั่งอาวุโสลําดับที่ 4 ของเผ่ามังกรจี้หนิงอวิ๋น ก็อดไม่ได้ที่จะหัน มามองตัวนหลิงเทียนอีกคน
ท้ายที่สุดแล้ว ระนาบเทพ ยังเป็นสถานที่ๆตัวนางได้แต่แหงมองขึ้นไปเท่านั้น
“พี่ใหญ่หลิงเทียน แล้วทําไมพี่สาวเค่อเอ๋อกับพี่สาวเฟยเอ๋อถึงไปอยู่ในระนาบเทพได้ล่ะ?”
เสี่ยวไป๋เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
ไม่ว่าจะเสี่ยวจินก็ดี เสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็ดี ทั้ง 3 ล้วนออกจากระนาบโลกียะก่อนที่ทุกคนจะถูกอวินชิงเหยียนจับตัวไประนาบเทพ
ด้วยเหตุนี้ทั้ง 3 จึงไม่รู้เรื่องราวอะไรแม้แต่น้อย
ได้ยินคําถามด้วยความสงสัยของเสี่ยวไป๋ ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงร่างหนึ่งขึ้นมา…ทําให้ใจเขาเต็มไปด้วยโทสะ ร่างยังสั่นระริกไปเบาๆเพราะความโกรธ จากนั้นหลังสงบใจได้แล้วเขาก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวออกมา “เรื่องมันมีอยู่ว่า..ฯลฯ”
“ ตระกูลอวิ๋น ดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ!?”
อาวุโส 4 ของเผ่ามังกร จี้หนิงอวิ๋น อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
“ผู้อาวุโส นี้ท่านรู้จักตระกูลอปืนของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพด้วยเหรอ?”
เห็นอาการดังกล่าว เสี่ยวจินก็เอ่ยถามจี้หนิงอวิ๋นออกมาด้วยความสงสัย และในแววตาของนางตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางไม่คิดเลยจริงๆว่าพี่สาวเค่อเอ๋อกับพี่สาวเฟยเอ๋อ รวมถึงคนอื่นๆที่เป็นสหายและครอบครัวของพี่ใหญ่หลิงเทียน จะถูกคนที่เรียกว่า อวิ๋นชิงเหยี่ยนจับตัวไประนาบเทพ
หากเป็นไปได้นางเองก็อยากจะตามพี่ใหญ่หลิงเทียน เพื่อไปช่วยพี่สาวเค่อเอ๋อกับพี่สาวเฟยเอ๋อของนางที่ระนาบเทพเช่นกัน
“ก็พอรู้อยู่บ้าง”
จี้หนิงอวิ๋นเอ่ยออกเสียงขรึม “ตระกูลอวิ๋นนับเป็นตระกูลใหญ่ระดับต้นๆของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ขุมพลังของพวกมันแข็งแกร่งเหนือจินตนาการไม่ว่าอาวุโสคนใดของตระกูลอวิ๋น ล้วนแล้วแต่เป็นเทพอันทรงพลังทั้งสิ้น”
“กระทั่งข้ารับใช้ที่ต้อยต่ำที่สุดในตระกูลอวิ๋น ไม่เว้นรุ่นเยาว์ที่มีความโดดเด่น….อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นระดับจักรพรรดิอมตะสมญานาม ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วๆไป”
“แน่นอนว่า ระดับพวกมันแล้วไม่จําเป็นต้องไปรับสมญานามที่วิหารเพิ่งอ่าว แต่พลังของพวกมันล้วนเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามส่วนใหญ่”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าว
สิ่งที่จี้หนิงอวิ๋นกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดี
เพราะในตอนนั้น อาวุโสฝูงชิงหยาง ก็ถูกข้ารับใช้คนหนึ่งของตระกูลอปืนไล่ต้อน ยังถูกบีบคั้นให้ต้องหลบหนีเข้าสู่นรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามแห่งระนาบเทวโลกเพื่อเอาตัวรอด
“ที่แท้คนที่บีบคั้นให้ฟังชิงหยางต้องเข้าไปยังนรกอสุรา ก็เป็นคนของตระกูลอนจากแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพนี่เอง….และนั่นเป็นเพราะเจ้า”
พอจี้หนิงอวิ๋นมองตัวนหลิงเทียนอีกครั้ง นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นต้นเหตุให้อาวุโสฟงชิงหยางเกิดเรื่องแบบนี้”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มเจื่อนๆ
“อย่างไรก็ตาม ช่างเหนือความคาดหมายนัก ที่แท้เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดของฝูงชิงหยางในระนาบโลกียะเท่าที่ข้ามาฟังชิงหยางไม่เคยรับศิษย์ที่แท้จริงเลยสักคน ถึงแม้ตัวเจ้าจะเป็นผู้สืบทอดมรดกในระนาบโลกียะ แต่เจ้าต้องทราบด้วยว่า กระทั่งศิษย์ในนามของฟงชิงหยาง ก็ไม่เคยมีใครได้รับสืบทอดมรดกวิชาของฟงชิงหยางเหมือนเจ้าแต่คนเดียว”
จี้หนิงอวิ๋นมองจ้องตัวนหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจ “แล้วไฉน. เจ้าถึงไม่ไปจี้เมียเทียน เพื่อหาฟงชิงหยางล่ะ?”
“ข้าเองก็ได้รู้ว่าอาวุโสฟงชิงหยางกลับมาจากนรกอสุราอย่างปลอดภัยแล้ว แถมยังทวงคืนตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้สําเร็จอย่างไรก็ตามข้าคิดว่าอาศัยข้าที่เป็นแค่ผู้สืบทอดมรดกของท่าน ในระนาบโลกียะคงไม่มีค่าให้พูดถึง เพราะท่านไม่พ้นต้องมีคนที่ได้รับมรดกในระนาบโลกียะเหมือนข้ามากมาย ไหนจะยังในระนาบเทวโลกอีก เช่นนั้นข้าก็เลยคิดว่าต่อให้ข้าไป ไม่แน่ว่าจะโดนปิดประตูใส่เอาน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มโง่งม
“ ปิดประตูใส่ เจ้าคิดไปนุ่นแล้ว!”
จี้หนิงอวิ๋นส่ายหัวไปมา “ฟังชิงหยางนั้นกับคนที่ไม่รู้จัก มันหยิ่งผยองไม่เห็นหัวผู้ใดก็จริง แต่กับคนใกล้ตัวมันนับว่าใจดีและให้ความสําคัญมาก”
“ในอดีตมันก็เคยมาประมือกับผู้นําเผ่ามังกรของพวกเรา สุดท้ายจากคนไม่รู้จักก็ได้เป็นสหายกัน”
“ต่อมาท่านผู้นําพบเจอปัญหาบางประการที่ยากแก้ไข ก็ได้ร้องขอความช่วยเหลือออกไปมากมาย แต่กลับมีฟังชิงหยางเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่เร่งรุดมาช่วยทันที..”
กล่าวถึงจุดนี้ จี้หนิงอวิ๋นก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาล็กซึ้ง “ดังนั้น…ข้าเชื่อว่าด้วย นิสัยของฟงชิงหยางแล้ว ข้าเกรงว่าไม่เพียงแต่มันจะรู้จักเจ้าในฐานะผู้สืบทอด แต่ยังน่าจะให้ความสําคัญกับเจ้าอย่างมาก โดยที่เจ้าเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ํา”
“ผู้สืบทอดใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!?!”
เหลียนชิวที่ฟังเรื่องราวอยู่ด้านข้าง ตอนนี้ตกใจจนปากอ้าค้างแล้ว
ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนนั้นได้เป็นลูกเขยของมันเรียบร้อย ยังเป็นเขยขวัญอันประเสริฐอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมีฐานะความเป็นมาข้องเกี่ยวกับจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมียเทียนของมันขนาดนี้จังหวะนี้มันอดคิดไปไม่ได้ ว่าคราวนี้ลูกสาวของมันตกได้สมบัติล้ําค่ามาแล้วจริงๆ!
ในฐานะศิษย์ของขุนเขากระบี่ฟ้า หนึ่งในขุมกําลังระดับสวรรค์ของเมียเทียน ฟงชิงหยางนั้นไม่ต่างอะไรจากจุดศูนย์รวมความศรัทธาเลย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมือกระบี่เช่นพวกมันที่แสวงหามรรคากระบี่ของตัวเอง ฟังชิงหยางแทบไม่ต่างอะไรจากเทพเจ้า!
“ข้าก็ไปแล้วนั่นแหละ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ท่านไม่อยู่ และกระทั่งอาวุโสเมิ่งชวนก็ไม่อาจติดต่อผู้อาวุโสฟงชิงหยางได้”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มแหยๆ
“เฟิงชวน? อา ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าไฉนคนที่ประมือกับจ้าววังเทียนฉือเมื่อครู่มันคุ้นๆนัก ที่แท้ก็เป็นจักรพรรดิอมตะหยกกุ้ง เฟิงชวน น้องชายของจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว ที่เป็นดังมือขวาของฟงชิงหยางนี่เอง!”
จี้หนิงอวิ๋นตระหนักได้ในทันที “อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเจ้าสามารถดึงตัวเมิ่งชวนมาช่วยได้ แล้วไฉนไม่พาจักรพรรดิอมตะสมญานามของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ขี้เมียเทียนมาเยอะๆเล่า”
“ขอแค่มีจักรพรรดิอมตะสมญานามสกกลุ่ม วันนี้เจ้าก็คงไม่ต้องมาสู้กับคนของวังเทียนฉือเลย เจ้าสามารถขอให้พวกมันปล่อยคนได้ด้วยซ้ำ ถึงต่อให้เกิดเรื่องเจ้าก็สมควรหนีไปได้ง่ายๆ
กล่าวถึงจุดนี้ จี้หนิงอวิ๋นก็อดสงสัยไม่ได้
“ฟังจากที่อาวุโสเมิ่งชวนกล่าวด้วยความที่ท่านไม่อาจติดต่อพี่ชายรวมถึงอาวุโสฟงชิงหยางได้ ทําให้อาวุโสเมิงชวนเองก็ไม่แน่ใจว่าข้ามีฐานะอย่างไรในใจอาวุโสฟงชิงหยาง ทําให้ไม่สะดวกที่จะขอให้คนอื่นๆในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ช่วย…”
หลังจากที่ตัวนหลิงเทียนเล่าอะไรสืบต่อไปสักพัก เขาก็ไม่ลืมบอกจี้หนิงอวิ๋นด้วยว่า เฟิงชวนนั้นมีหน้าที่แค่ถ่วงรั้งจ้าววังเทียนฉือโหยวเชิงอวี่เพียงแค่คนเดียว กันท่าไม่ให้โหยวเพิ่งอวลงมือกับใครได้
“ข้าเข้าใจแล้ว”
จี้หนิงอวิ๋นพยักห้า
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…ตอนนี้ถึงจะเหลือเวลาอีกแค่ 700 ปีก่อนที่ช่องทางเชื่อมระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบเทพจะเปิดออก แต่ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไป ไม่ได้ที่จะบุกขึ้นไปช่วยเหลือทุกคนกลับมา!”
เสียวไปกล่าวปลอบตัวนหลิงเทียน
ถึงเสี่ยวเฮยจะไม่พูดอะไร แต่พอเสี่ยวไปกล่าวคําระนาบเทพออกมา สองตามันก็ฉายแวว เยียบเย็นเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ สองหมัดกําแน่นทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลังกดดันไร้สภาพขุม หนึ่งออกมาสะท้านในบรรยากาศ
“อือ”
ตัวนหลิงเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ไหนเลยเขาจะไม่รู้ว่าเสี่ยวไป๋คิดปลอบใจ “ไม่ต้องห่วงข้าผ่านมันมาได้กว่า 200 ปีอีก 700 ปีจะนับเป็นอะไร ตอนนี้ข้าหวังแค่ให้ทุกคนในระนาบเทพยังปลอดภัยเท่านั้น”
กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาตัวนหลิงเทียนก็ฉายแววกังวลให้เห็น
“พี่ใหญ่หลิงเทียน”
เมื่อเห็นว่าตัวนหลิงเทียนเริ่มเป็นกังวล เสี่ยวจินที่อยู่ข้างๆก็พยายามเปลี่ยนเรื่องทันที เพื่อไม่ให้ต้วนหลิงเทียนคิดมากและกดดันตัวเองจนร้ายมากกว่าดียิ้มถามออกมาด้วยใบหน้าทะเล้น “ท่านเล่าเรื่องพี่สาวฮ่วนเอ๋อออกมาเร็วเข้าที่แท้พวกท่านไปรู้จักกันได้อย่างไร?”
“คราวนี้เพื่อนาง กล่าวไปท่านถึงกับลุยฝ่าอันตราย 9 ตาย 1 รอดด้วยซ้ำ!”
นอกเหนือจากคิดเปลี่ยนเรื่องแล้ว เสี่ยวจินเองก็สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษอีกด้วย
“ฮ่วนเอ๋อ…”
สายตาตัวนหลิงเทียนกลายเป็นเลื่อนลอยหวนรําลึก “ข้าพบเจอกับฮวนเอ้อครั้งแรก เมื่อ 200 กว่าปีก่อน…”
หลังจากนั้นเขาก็กล่าวเล่าให้เสี่ยวจินและทุกคนฟัง ว่าเขาเจอกับฮ่วนเอ๋อได้ยังไงออกมา
และเล่าไปถึงจุดหนึ่ง เหลียนชิวที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแหยๆ กล่าวแทรกขึ้นมาด้วยความละอาย “ทั้งหมดเป็นเพราะข้าแท้ๆ…หากไม่ใช่เพราะข้าถูกขังในวังเทียนฉือเสวียนเอ้อก็คงไม่ต้องต้นมาหาข้า ฮ่วนเอ๋อก็คงไม่ถูกทิ้งไว้เพียงลําพังแบบนั้น”
“โชคดีนักที่นางได้พบกับเจ้า….”
“ดูเหมือนเรื่องที่เสวียนเอ้อบอกว่า ก่อนจะมาหาข้านางได้ไปหาผู้อาวุใสในเผ่าจิ้งจอกมายาที่เชี่ยวชาญศาสตร์ทํานาย และบอกว่าส่วนเอื้อมีชะตาได้พบเจอผู้ยิ่งใหญ่เกื้อหนุน ท่าทางนางจ ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ”
เหลียนชิวกล่าว
ในสายตาของเหลียนชิว ต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ว่า
“อาวุโสเหลียนชิว ข้าจะพาท่านไปยังระนาบเซียน เพื่อพบนาง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับเหลียนชิว
ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมหันไปมองถามเสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋ “พวกเจ้าทั้ง 3 ล่ะว่าไง? จะกลับไประนาบเซียนกับข้าก่อน หรือจะกลับไปว่านโซ่วเทียนเลย?”
“พี่ใหญ่หลิงเทียน พวกเราต้องไปกับท่านก่อนอยู่แล้ว..พอดีพวกเราก็อยากพบเจอพี่สาวฮ่วนเอ๋อเหมือนกัน”
เสี่ยวจินยิ้ม
เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตอบทันที แต่หันไปมองหนิงอนก่อน
“พวกเจ้าเนิ่นนานกว่าจะได้พบกัน เช่นนั้นพวกเราก็ไปเดินเล่นที่ระนาบเซียนที่ว่าเถอะพอดี ข้าเองก็อยากไปเห็นบ้านเกิดของพวกเจ้าด้วยเหมือนกัน”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าวด้วยรอยยิ้มใจดี
“ผู้อาวุโส…”
จู่ๆตัวนหลิงเทียนก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองถามจี้หนิงอวิ๋นด้วยสายตาจริงจัง “แล้วผู้อาวโสจื้อวี่เหนียนละอย่างไรไม่พ้นจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนต้องมาแน่….อาวุโสจะไม่เป็นไรหรือ?”
ถึงแม้ว่าเผ่ามังกรแห่งว่านโช่วเทียนจะยิ่งใหญ่ และมีคนของเผ่ามังกรที่กลายไปเป็นจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบเทวโลกอื่น
ก็ใช่ที่ฐานะของอาวุโสจื้อวี่เหนียนยิ่งใหญ่มากในเผ่ามังกร
ทําให้หากเกิดเรื่องอะไรกับจื้อวี่เหนียน เผ่ามังกรต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ แต่เขาไม่มั่นใจว่าคนของเผ่ามังกรที่กลายไปเป็นจักรพรรดิสวรรค์ในระนาบเทวโลกอื่นที่ว่าจะเต็มใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่…