WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3364
ตอนที่ 3364 : ความแข็งแกร่งของเสี่ยวจิน
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเสี่ยวไป ก็ไม่คิดให้เสี่ยวเฮยมาร่วมมือกับนางเพื่อประลองกับเสี่ยวจิน
แต่ก่อน จะกฎหรือด่านพลังฝึกปรือนางกับเสี่ยวจินก็พอๆกัน…แต่เนื่องจากนางเป็นมัง กรเทพดา9 กรงเล็บ ถึงแม้ร่างที่แท้จริงของเสี่ยวจินจะเป็นสัตว์อมตะชั้นยอดเช่นกัน แต่พลังดิบเถื่อนจากความแข็งแกร่งร่างกายนางก็สะกดข่มเสี่ยวจินได้ชะงัด
ด้วยเหตุนี้การประลองกับเสี่ยวจินในกาลก่อน จึงเป็นนางที่เป็นฝ่ายมีเปรียบเสมอ
ไม่ใช่ว่าพรสวรรค์และศักยภาพของเสี่ยวจินสู้นางไม่ได้ ก็แค่ความแข็งแกร่งของร่างกายเสี่ยวจินยังห่างจากนางมากพอสมควร
ความแตกต่างกันในร่างที่แท้จริง ถึงแม้จะไม่ได้คืนร่างที่แท้จริง แต่ก็ส่งผลให้ร่างมนุษย์นางมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเสี่ยวจินมากอยู่ดี
ปงงง!!
ตูมมมม!!
ทั่วร่างเสี่ยวไป อยู่ๆก็ระเบิดพลังออกมาเกรี้ยวกราด ฝามือขาวเนียนยกขึ้นสะบัดตบฟาดออกไป ปรากฏเป็นฝ่ามือพลังสีขาวพุ่งแหวกฟ้าผ่าอากาศเข้าใส่เสี่ยวจินอย่างดุดัน!
พร้อมๆกับที่ตบฟาดฝ่ามือออกไป ร่างเสี่ยวไปก็พร่ามัว คนวูบไปดั่งเงาเลือนรางสายหนึ่งจากนั้นร่างบางก็ปราดขึ้นไปเหนือฟ้าสูงเร่งเร้าพลังสภาวะเตรียมลงมือต่อเนื่อง ท่วงท่าสภาวะราวกับเทพธิดาสัญจรท่อง 9 แดนสรวง สูงส่งสง่างามหาใดเปรียบ
“เสี่ยวไป เจ้าไม่ใช่คู่มือข้าแล้ว!”
เผชิญหน้ากับฝ่ามือที่ชัดนํามาก่อนของเสี่ยวไป เสี่ยวจินก็หาได้ครั่นคร้ามไม่ มุมปากยกยิ้มแสยะมองกล่าวกับร่างเสี่ยวไปที่ลอยขึ้นสูงเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ ก่อนจะเอียงคอยกมือขึ้นสะบัด ตบฟาดคลื่นพลังออกไปส่งๆสลายพลังฝ่ามือของเสี่ยวไปได้อย่างง่ายดาย!
“เจ้า…นี่เจ้าทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 10 ทิศแล้วหรือ!?”
ในอดีตนั้น ด่านพลังฝึกปรือของเสี่ยวจินมักเท่าๆกับนางเสมอ กระทั่งมักจะทะลวงด่านพลังที่หลังนาง แต่มิคาดวันนี้ด่านพลังของเสี่ยวจินกลับบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 10 ทิศก่อนนาง ด้วยความที่พลังของเสี่ยวจินกล้าแข็งขึ้นแบบนี้ จึงทําให้เสี่ยวไปเริ่มชักสีหน้าเคร่งทันที
เสี่ยวจินที่ด่านพลังบรรลุถึงจอมราชันอมตะ 10 ทิศ ได้กลบถมความแตกต่างเรื่องพลังดิบเถื่อนที่นางเหนือกว่าเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม การที่เสี่ยวจินตบฟาดฝ่ามือส่งๆก็ทําลายพลังฝ่ามือที่นางซัดไปชิมลางได้อย่างง่ายดาย ก็ทําให้เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “ไฉนพลังของเสี่ยวจินถึงได้กล้าแข็งขึ้นผิดหูผิดตานกนี้ยังใช่เสี่ยวจินแน่หรือ?”
ในอดีต เสี่ยวจินแข็งแกร่งเท่าไหร่ นางย่อมรู้ดี
แต่วันนี้ความแข็งแกร่งที่เสี่ยวจินเผยออก กลับอยู่เหนือความเข้าใจของนาง
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากนั้นเสี่ยวไปพยายามใช้ทักษะลงมือกับเสี่ยวจิน แม้จะยังไม่ได้ใช้ร่างที่แท้จริงทว่าก็ลงมือเต็มกําลังแล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ออกมาชัดเจน…นางตกเป็นรองเสียวจิน!
กลับกัน ด้านเสี่ยวจินนั้นไม่คล้ายจริงจังอะไร ร่างบางย่ําเท้าวูบไปวูบมาในอากาศ ชัดกระบวนท่าต้านรับนางได้ด้วยท่าทางไม่เหนื่อยแรง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ลงมือจริงจังอะไรเลย
“กรรรร”
ในที่สุดเสียวไปก็คืนร่างที่แท้จริง มังกรเทพยดาสีขาว 9 กรงเล็บตัวเขื่อง เกล็ดตามตัวสีขาวปลอดไร้ซึ่งมนทิลใดๆ กอปรทั้งแสงพลังที่เรืองรองส่องสว่าง ทําให้แลดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามน่าเกรงขามเป็นที่สุด
“เปล่าประโยชน์น่า!”
อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยวไปจะคืนร่างที่แท้จริงแล้ว กระบวนท่ามังกรสะบัดหางที่ทรงพลังอานุภาพถลุ่มขุนเขาแยกห้วงสมุทรกลับถูกมือเล็กๆของเสี่ยวจิน ที่อยู่ๆก็ปลดปล่อยพลังอันเหนือชั้นออกมาต้านทานรับไว้ได้ไม่ยากเย็น !
“นี่มัน…”
พอเสี่ยวจินเริ่มเปิดเผยพลังที่แท้จริงส่วนหนึ่งออกมา สูตาจี้หนิงอริ้นอาวุโสลําดับ 4 ของเผ่ามังกรที่ลอยข้างๆต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงทันที เพราะนางคล้ายจะสังเกตเห็นความผิดปกติอะไรบางอย่างแล้ว!
จากนั้นบนใบหน้าของนาง ไม่เพียงแต่ความประหลาดใจระคนเหลือเชื่อ ยังเผยความตื่นตระหนกขึ้นมาอย่างหาได้ยาก “เจ้าหนูน้อยนี้กลับวิวัฒนาการได้ก่อนเสียวเฮยและเสียวไปอีกลั้นหรือ?”
“ท่านแม่…เสี่ยวจินดูเหมือนจะ…”
ตอนนี้เองจี้เซียงที่ลอยร่างข้างๆจี้หนิงอวก็ค้นพบความผิดปกติแล้วเช่นกัน นางจึงถอนสายตาเหลือเชื่อออกมาจากร่างเสี่ยวจิน และหันไปมองมารดาด้วยสีหน้าจริงจังทันที ด้านจี้หนิงอวั่นก็พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นจี้หนิงอนพยักหน้า จี้เชียงก็ตระหนักได้ว่านางรู้สึกไปไม่ผิด
“หืม?”
ขณะเดียวกันเสี่ยวเฮยที่ลอยร่างไม่ห่างต้วนหลิงเทียน ก็ค้นพบได้ทันทีว่าเรื่องราวมีอะไรผิดแปลกจากกาลก่อน ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาเริ่มเผยความประหลาดใจให้เห็น
ถึงแม้จะเป็นตัวมันเอง แต่ตอนนี้หากไม่คืนร่างที่แท้จริง ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวไปที่นร่างที่แท้จริง!
ทว่าตอนนี้ เสี่ยวจินทั้งๆที่ยังไม่คืนร่างที่แท้จริง แต่พลังรวมถึงเรี่ยวแรงกลับเหนือกว่าเสี่ยวไปที่คืนร่างที่แท้จริงแล้ว?
สิ่งนี้เผยให้รู้ว่า
ความแข็งแกร่งของเสี่ยวจิในปัจจุบัน ไม่เพียงแต่จะอยู่เหนือเสี่ยวไปเท่านั้น แต่ยังอยู่เหนือมันอีกด้วย!
“เสี่ยวเฮย เจ้าไปช่วยเสียวไปเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับเสี่ยวเฮย
ขณะเดียวกัน จี้หนิงก็หันมามองเสี่ยวเฮยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามนางไม่ทันพูดอะไร เสี่ยวเฮยก็โจนทะยานร่างออกไปฉับไวหลังจากได้ยยินคําพูดของต้วนหลิงเทียนแต่แรก เร่งลงมือช่วยเหลือเสี่ยวไป เพื่อต้านทานรับมือเสี่ยวจินทันที
อย่างไรก็ตาม แม้เสี่ยวจินจะยังไม่คืนร่างที่แท้จริง แต่นางก็รับมือเสี่ยวไปที่คืนร่างที่แท้จริงกับเสี่ยวเฮยที่ยังไม่คืนร่างที่แท้จริงได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ํา
“ฮ่าๆๆ สนุกจังเลย! มีความสุขจริงๆ!!”
เสี่ยวจินตอนนี้ยิ่งมายิ่งคึกคักอักโข ร่างเปรียวปราดไปซ้ายทีขวาที ต้านรับเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวจินด้วยอารมณ์เบิกบาน แลดูสนุกสนานชื่นมื่นเป็นที่สุด หัวเราะร่าหาความเป็นกุลสตรีไม่มีเลยจริงๆ
และในเสียงหัวเราะอย่างเบิกบานของเสี่ยวจิน ก็คล้ายเต็มไปด้วยการระบา ยอารมณ์ที่อัดอั้นตันใจมานาน
เพราะในอดีตนั้น นางไม่เคยสู้เสียวเฮยกับเสี่ยวไปได้เลย ทุกๆครั้งที่ด่านพลังของนางก้าวหน้าและมีความเข้าใจในกฏเพิ่ม นางก็รีบมาท้าสู้เสี่ยวไปกับเสี่ยวเฮยเพราะคิดว่าเอาชนะได้แน่แต่นางพัฒนาไหนเลยผู้อื่นไม่พัฒนา
สุดท้ายนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้ง 2 เลย
จนมาวันนี้
นางกลับรับมือทั้ง 2 พร้อมๆกันได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ํา
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังไม่ได้คืนร่างที่แท้จริงด้วยซ้ํา
“เสี่ยวจิน ไฉนอยู่ๆเจ้าถึงได้แข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ล่ะ?”
เสี่ยวไปที่อยู่ในร่างที่แท้จริงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา น้ําเสียงนางยังเต็มไปด้วยความตกใจทั้งคาดไม่ถึง สองตายังฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อเป็นที่สุด
พลังความแข็งแกร่งของเสี่ยวจิน ในกาลก่อนนั้นนางรู้จนไม่อาจจะรู้ดีไปมากกว่านี้อย่างไรแล้ว
ทว่าในเวลาไม่กี่สิบปีที่ผ่าน เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวจินขึ้นกันแน่ ไฉนถึงได้แข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตาขนาดนี้?
“สมรภูมิอเวจี!”
เสี่ยวจินกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“สมรภูมิอเวจี?”
เสี่ยวไปตกใจ
“เสี่ยวเฮย คืนร่างเดิมเสีย!”
ตอนนี้เองอาวุโส 4 ของเผ่ามังกร จี้หนิงอน พลันกล่าวแนะเสี่ยวเฮย
ด้านเสี่ยวเฮยเองก็ตระหนักดี ว่าหากยังไม่คืนร่างที่แท้จริง ถึงแม้จะร่วมมือกับเสี่ยวไปที่คืนร่างเดิมให้ตาย ก็คงไม่อาจทําอะไรเสี่ยวจินได้เลย
พอมาได้ยินคําแนะของหนิงอวิ่น เสี่ยวเฮยก็ไม่ลังเลอีกต่อไป คืนร่างที่แท้จริงทันที ทั่วร่างปรากฏแสงพลังสีดําสาดส่อง พริบตาต่อมาเหนือฟ้าก็อุบัติร่างมังกรมาร 9 กรงเล็บตัวเขื่องเกล็ดสี ดํามะเมื่อมที่ปกคลุมไปทั่วกายคล้ายมืดมนยิ่งกว่าอนทการ กระทั่งแสงสว่างใดๆยังไม่สะท้อนออกมาให้เห็น ทั่วร่างยังเต็มไปด้วยไอพลังทมิฬให้ความรู้สึกชั่วร้ายตรงกันข้ามกับแสงพลังสีขาวศักดิ์สิทธิ์ของเสี่ยวไปโดยสิ้นเชิงเป็นสองพลังที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว!
“คืนร่างเดิมแล้ว!?”
เห็นเสี่ยวเฮยแปลงกาย สองตาเสี่ยวจินก็ลุกวาวเผยประกายสดใส อย่างไรก็ตามนางยังไม่คิดคืนร่างที่แท้จริง เลือกจะใช้ร่างมนุษย์ลองสู้กับเสี่ยวเฮยและเสี่ยวไปในร่างมังกรดูก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้จะพยามเต็มที่แล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ายิ่งมาก็ยิ่งตกเป็นรอง
“ช่างเถอะ…ข้าไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว!”
เสี่ยวจินหัวเราะร่าออกมา กล่าวด้วยน้ําเสียงมั่นใจว่า “ได้เวลาจบเรื่องเสียที!”
หลังกล่าววจบคํา ภายใต้สายตาสงสัยของเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป ในที่สุดเสี่ยวจินก็กลายร่างทันทีและเป็นร่างกายที่เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไปไม่เคยเห็นมาก่อน!
หนูยักษ์สีทองอันมีแผงคอสีทองเข้ม กรงเล็บอันแหลมคมทอประกายเยียบเย็นบาดตากับดวงตาสีแดงฉานปานก้อนเลือด พร้อมร่างมหึมาปานขุนเขา พลันอุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน
“เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป รับมือ!!”
ทันใดนั้น หนูยักษ์พลันอ้าปากออกกว้างคํารามออกมาด้วยน้ําเสียงทรงพลัง จากนั้นทั่วร่างเขื่องพลันปรากฎกระแสพลังแล่นวาบแปลบปลาบคั่งอัสนีสีทอง จากนั้นร่างทองก็พุ่งวาบไปดั่งสายฟ้า ควั่นกรงเล็บเข้าใส่สองมังกรอย่างดุดัน!
ร่างเสี่ยวจินนั้นมหึมาปานขุนเขาก้อนเนื้อ แถมกลมๆแลดูเทอะทะห่างไกลคําปราดเปรียว ไม่คล้ายจะมีความเร็วอะไรได้ แต่มิคาดความเร็วกลับเหนือความคาดหมายของทุกคนที่ชมดูอยู่นัก!
ปงงงง!!
เรียกว่าไม่ทันที่มังกรมารจะตคอบสนองสิ่งใด ก็ถูกกรงเล็บตะปบเข้ากลางหน้าอย่างจัง จนหงายหลังม้วนไปในอากาศหลายตลบ สุดท้ายก็ร่วงกระแทกพื้นลานประลองอย่างจัง ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวกระทั่งผืนดินยังสะเทือนไปราวเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ สภาพแลดูมีนงงโซเซ
“ยังอ่อนน่า!”
ครูต่อมา หนูทองตัวเขื่องสัมผัสได้ถึง หางมังกรที่สะบัดแหวกฟ้ามาฉับไว ร่างเทอะทะมิคาดหันขวับปานอัสนีฟาดตวัดกรงเล็บข่วนไปอีกครา!
หางมังกรที่ตวัดฟาดมาไหนเลยสภาวะพลังจะอ่อนโทรม ต่อให้ไม่ควบรวมพลังอะไรก็ทรงอานุภาพไม่ใช่ชั่วอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับอัดแน่นพลังมาเต็มพิกัด!
อย่างไรก็ตาม แม้หางมังกรของเสี่ยวไปจะรวมรั้งพลังไว้ กลับไร้ประโยชน์ หนูทองตัวเขื่องที่ที่วร่างเต็มไปด้วยอัสนีพลังสีทองเข้ม ยามตบฟาดกรงเล็บออกมา ห้วงอากาศราวกับจะปริฉีกในฉับพลัน อุบัติเป็นพลังมหาศาลถล่มออกไปโดยรอบอย่างน่าพรั่นพรึง!!
เปรี้ยงงงง!!
กรงเล็บหนูยักษ์สีทองตัวเขื่องปะทะเข้ากับหางมังกรขาวอย่างจัง จากนั้นร่างกลมดั่งขุนเขาก็ลงมือต่อเนื่องสืบต่อ พุ่งขึ้นฟ้าก่อนจะร่วงย้อยลงมาปานดาวตก กระแทกเข้ากลางตัวมังกรขาวจนมังกรขาวตัวเขื่องหลนร่วงฟ้าตามมังกรลงมาติดๆ!
“อิอิ เสี่ยวเฮยเสี่ยวไป พวกเจ้าแพ้แล้ววว!!”
หนูยักษ์สีทองตัวเขื่อนลอยร่างตระหง่านกลางฟ้า ชูหัวหนูๆของมันกล่าวออกด้วยวามภาคภูมิใจ
“เหอะๆ ยาโถวน้อยเสี่ยวจินนี้ได้ทีขี่แพะไล่เชียว”
ตัวนหลิงเทียนส่ายยหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
ด้านหนิงอริ้น กับจี้เชียงสองแม่ลูก ตอนนี้แต่ละคนชมดูเรื่องราวจนละลานตา สีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนักและหนังศีรษะยังรู้สึกด้านชาไม่หายหลังเห็นร่างที่แท้จริงของเสี่ยวจิน
“ท่านแม่ เสี่ยวจินดูเหมือนจะเป็น…หนูเทพสังหาร 9 ยมโลก?” จี้เซียงเอ่ยถามอย่างเลื่อนลอยสีหน้าแลดูว่างเปล่านัก
“ไม่ผิด”
จี้หนิงอขึ้นกล่าวออกมาอย่างยากลําบาก หนูเทพสังหาร 9 ยมโลกนั้น เป็นสัตว์เทพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรเทพดา 10 กรงเล็บของเผ่ามังกรเลย กระทั่งยังมีพลังอํานาจสังหารเหล่าสัตว์เทพด้วยกันสูงเป็นพิเศษอีกด้วย!
กล่าวกันว่าหนูเทพสังหาร 9 ยมโลกนั้น ถึงแม้จะยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็มีพลังอํานาจมากพอสังหารเทพชั้นต่ําได้แล้ว!
เมื่อบรรลุถึงขอบเขตเทพได้สําเร็จ ก็นับเป็นหายนะของเหล่าเทพในด่านพลังเดียวกัน!!
หากกล่าวว่าในอดีตร่างกายของเสี่ยวจินไม่แข็งแกร่งเท่าเสียวเฮยเสี่ยวไปล่ะก็
เช่นนั้นร่างกายของนางในปัจจุบัน กล่าวไปในระดับหนึ่งก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามังกรเทพยดา10 กรงเล็บเลย! ยังเหนือกว่าด้วยซ้ํา!
แน่นอนว่าที่เหนือกว่ามันไม่ใช่แง่ของความแข็งแกร่ง แค่เหนือกว่าในแง่ของความสามารถบางอย่างเท่านั้น
หากต้องปะทะกันซึ่งๆหน้า มังกรเทพยดา 10 กรงเล็บก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าหนูเทพสังหาร 9 ยมโลกแต่อย่างไร
ขณะเดียวกัน เหล่าคนของเผ่ามังกรที่มาประลองกันในลานประลอง ก็พากันหยุดมือลงและมองจ้องไปยังร่างหนูสีทองตัวเขื่องกลางหาว ด้วยสายตาแตกตื่น
“นั่นมันสัตว์เทพ!?”
“สมควรเป็นสัตว์เทพไม่ผิดแน่! หากมิใช่สัตว์เทพ ไฉนถึงได้ทุบตีมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บได้ง่ายๆขนาดนั้น ต้องทราบว่านั่นเป็นมังกรมารกับมังกรขาว คู่แฝดอัจฉริยะของเผ่ามังกรเรา!!”
“ด่านพลังของคู่แฝดนั่นบรรลุถึงจอมราชันอมตะ 9 ตําหนักแล้ว เจ้าหนูทองตัวใหญ่นั่นถึงจะเป็นจอมราชันอมตะ 10 ทิศ แต่สามารถรับมือทั้งคู่กระทั่งเอาชนะได้ง่ายๆแบบนี้ มันต้องเป็นสัตว์เทพไม่ผิดแน่!!”
ผู้คนในเผ่ามังกรเริ่มคาดเดากันไปอย่างเลือนราง ว่าไม่พ้นหนูทองตัวเขื่องกลางหาวต้องเป็นสัตว์เทพแน่ๆ
“เสี่ยวจิน นี่เจ้ากลายเป็นสัตว์เทพไปแล้วเหรอ?”
หากจะถามว่าในที่นี้ผู้ใดที่รู้ซึ้งถึงพลังอันแข็งแกร่งของเสี่ยวจินดี ก็ไม่พ้นเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไปที่พึ่งถูกทุบตีร่วงฟ้ามา ทั้งคู่ตระหนักได้ชัดเจนว่าพลังของเสียวจนตอนนี้แข็งกล้าขนาดไหน
และทั้งคู่ก็รู้จักเสี่ยวจินเป็นอย่างดี
หากไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายวิวัฒนาการเป็นสัตว์เทพไปแล้ว ย่อมไม่มีทางเอาชนะพวกนางได้ง่ายๆแบบนี้แน่
“เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าอีกรอบ…พวกเจ้าใช้เคล็ดวิชาผสานพลังเถอะ!”
เสี่ยวจินคลี่ยิ้มอย่างมั่นใจ
เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไปนั้นเป็นคู่แฝด หากใช้ออกด้วยเคล็ดวิชาคู่ พลังต่อสู้จะสูงขึ้นไปอีกระดับ!
“กรรรร!”
เสี่ยวไปกับเสี่ยวไปหันมามองสบตากัน จากนั้นก็แลเห็นความคิดของกันและกัน ร่างมังกรตัววเขื่องสีดําขาว พลันโจนทะยานปราดขึ้นฟ้า พลางใช้ลมหายใจมังกรคู่ ยิงถล่มเข้าใส่เสี่ยวจินทันที!
“จี๊ดดดด!!”
อย่างไรก็ตาม ลมหายใจมังกรที่ทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาแม้จะทรงพลัง หากแต่เสี่ยวจินกลับทรงพลังยิ่งกว่า ปากหนูทองตัวเขื่องอ้ากว้างส่งเสียงหวีดแหลม ก่อนจะปลดปล่อยพลังดูดรั้งอันน่า พรั่นพรึง สูบกลืนลมหายใจมังกรที่ทั้งคู่ปลดปล่อยออกมาจนหายไปในหนึ่งคํา!
ชั่วพริบตา ท้องของเสี่ยวจินก็ป่องขึ้นหากทว่ามันก็ยุบลงอย่างรวดเร็ว
และพร้อมๆกันกับที่ท้องของเสี่ยวจินยุบลง ทั่วร่างเสี่ยวจิน รูขุมขนของขนสีทองแต่ละเส้นค ล้ายปลดปล่อยพลังอํานาจมหาศาลออกมาขุมหนึ่งให้สลายหายไปในอากาศและจากกลิ่นอายพลังที่กําลังจางหาย มันเป็นกลิ่นอายพลังของลมหายใจมังกรคู่ที่นางกลืนเข้าไปไม่ผิดแน่!!
ฉากเรื่องราวดังกล่าวทําให้คนของเผ่ามังกรชมดูจนสอตาอื้ออึงแล้วจริงๆ “นั่นมันสัตว์เทพอันใดกัน? พลังเช่นนี้จักไม่เหลือเชื่อเกินไปหน่อยหรือ!?”
“บ้าไปแล้ว! เคล็ดวิชานั่นมันท้าทายสวรรค์เกินไป!”
“ข้าจําได้ว่าในอดีต เจ้าหนูตัวนี้ได้มาที่นี่เพื่อประลองกับต้วนเสี่ยวไปบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งนางก็แพ้ตลอด..ทว่าวันนี้นางไม่เพียงแต่เอาชนะต้วนเสี่ยวไปได้ แต่ยังเอาชนะตัวนเสี่ยวไปที่ร่วมมือผสานพลังกับต้วนเสี่ยวเฮยในร่างที่แท้จริงได้เชียวรึ?”
“ข้ายังจําได้ว่าร่างที่แท้จริงของมันมิใช่แบบนี้นี่นา…นี่มันวิวัฒนาการเป็นสัตว์เทพไปแล้ว หรือ!?”
“ดูเหมือนนางจะเป็นศิษย์อัจฉริยะที่โดดเด่นของหุบจันทร์โลหิต!”