WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3404
ตอนที่ 3,404 : จนแต้ม!
ได้ฟังคำพูดของถ่าถู ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆออกมา “อาจารย์ลุงถ่าถู ในสายตาท่านเรื่องนี้อาจมองว่ามันเล็กน้อยไม่คู่ควรให้กล่าวถึง…แต่สำหรับข้ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย”
“ความกังวลของมารดา นับเป็นเรื่องใหญ่สำหรับข้า”
วาจาต่อมาของต้วนหลิงเทียน ก็เน้นเสียงหนักฟังดูจริงจังไม่ล้อเล่น
“เอาล่ะๆ”
ถ่าถูถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “มารดาเจ้า นับว่ามีลูกชายประเสริฐจริงๆ”
“อย่างไรก็ตามศิษย์หลานต้วน เรื่องนี้มันลำบากแค่ข้าออกปากสักคำเท่านั้น…ข้าจะช่วยจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าเอง แต่ข้าไม่นับว่ามันเป็นเรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้ก่อนหน้า”
ถ่าถูส่ายหัวไปมา เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดให้ต้วนหลิงเทียนใช้คำสัญญาที่มันมอบให้ไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้
และสำหรับมัน การสานไมตรีกับชายหนุ่มเบื้องหน้าก็มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย
สุดท้ายแล้ว…
อีกฝ่ายก็เป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของฟงชิงหยาง!
“ขอบคุณอาจารย์ลุงถ่าถู”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวคำขอบคุณซ้ำๆด้วยใบหน้าแช่มชื่น
ด้านถ่าถูก็หันไปมองสั่งซือปั๋วนู่ทันที “อานู่…เจ้าไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเถอะ ถ่ายทอดคำสั่งข้าไปยังขุมกำลังใหญ่รอบๆนิกายฉวินซิ่ว กระทั่งไปบอกผู้ที่ปกครองดินแดนแห่งนั้นให้ชัดเจน”
“ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นิกายฉวินซิ่วอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เรา ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเติบโตของนิกายฉวินซิ่วได้ และห้ามปล้นชิงอันใดเด็ดขาด…หาไม่แล้วพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เราจะฆ่าทุกคนที่กล้าขัดคำสั่งทันที!”
พอกล่าวถึงท้ายประโยค แววตาของถ่าถูก็ฉายประกายเยียบเย็นขึ้นมา
“ทราบแล้วใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
ซือปั๋วนู่รับคำเป็นมั่นเหมาะ ก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที
หลังจากที่ซือปั๋วนู่จากไปแล้ว ถ่าถูก็คิดเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วให้พักเป็นแขกในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สัก 2-3 วัน หมายคิดใช้เวลาดังกล่าวสานไมตรีกับต้วนหลิงเทียนให้แน่นแฟ้น…อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนได้กล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ
เพราะเขายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบไปจัดการ
ตอนนี้การได้พบเจอครอบครัวอย่างเฟิ่งหวู่เต้า เฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนซือหลิงและบิดามารดาของเขา นับว่าสร้างความประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่ให้เขานัก
สิ่งนี้ยังบอกเขาอีกด้วย ว่าคนอื่นๆนั้นหากยังมีชีวิตอยู่ ก็สมควรขึ้นมายังระนาบเทวโลกกันหมดแล้ว ‘ลูกแก้ววิญญาณของเสี่ยวเฟยเอ๋อ เนี่ยนเอ๋อ เฉวี่ยไน่ แล้วก็มู่อีอี ตอนนี้ยังอยู่ดีก็จริง…แต่ข้าต้องรีบหาทุกคนให้พบโดยเร็วที่สุด’
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลี่หลัว ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงอันตรายครั้งยิ่งใหญ่
คราวนี้หากไม่ใช่เขากับบิดามาถึงสือฉี่เทียนได้ทันเวลา มารดาเขาคงพบเจอกับสถานการณ์ไร้หวนกลับไปแล้ว เพราะด้วยนิสัยของมารดาเขา เกรงว่าคงยอมตายดีกว่าโดนใช้ประโยชน์จากนิกายวิถีอีกาแน่นอน
“เช่นนั้น ข้าจะให้คนไปส่งพวกเจ้ายังตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เรา”
ถ่าถูยิ้ม
กล่าวจบ มันก็หันไปมองผู้เฒ่าหั่ว พูดด้วยน้ำเสียงเชิญชวนว่า “ผู้เฒ่าหั่ว วันหน้าหากท่านว่าง ก็มาเป็นแขกพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนเราได้ทุกเมื่อ ข้ายินดีต้อนรับท่านอย่างยิ่ง”
“ขอบคุณสำหรับคำชวนใต้เท้าถ่าถู”
ผู้เฒ่าหั่วก็เร่งกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
ครู่ต่อมา คนที่ถาถูเรียกหาก็มาถึง มันเป็นชายชราในชุดคลุมสีเทาคนหนึ่ง ลักษณะแลดูโดดเด่นเหนือสามัญ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“นายน้อย ผู้เฒ่าหั่ว เชิญ”
ชายชราในชุดคลุมสีเทา หันไปมองกล่าวเชิญต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่ว ด้วยรอยยิ้มที่แลดูอัปลักษณ์ปานร้องไห้
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำอำลาถ่าถู ก่อนจะติดตามชายชราคลุมเทาไปยังตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนพร้อมผู้เฒ่าหั่ว
ทว่าไม่ทันเดินทางไปถึงตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก ก็ปรากฏเงาร่างอ้วนใหญ่หนึ่ง เหินตัดฟ้ามาแต่ไกล “นายน้อย ผู้เฒ่าหั่ว พวกท่านกำลังจะไปกันแล้วหรือ?”
ผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นซือปั๋วนู่
“อ่าวอาวุโสซือปั๋วนู่ นี่ท่านยังไม่ได้เดินทางไปจัดการเรื่องของนิกายฉซินซิ่วหรอกรึ?”
พอเห็นว่าซือปั๋วนู่ที่รับคำสั่งถ่าถูเป็นมั่นเหมาะเมื่อครู่ ยังอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย
มิคาดอีกฝ่ายที่เร่งรุดจากไปแต่แรก กลับยังไม่ได้ไปไหน
“เมื่อครู่ก่อนที่ข้าจะไป ข้าก็เกิดสงสัยขึ้นมา ว่านายน้อยกับผู้เฒ่าหั่ว ใช่จะออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เลยหรือไม่…และดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ข้าคิด พวกท่านกำลังจะจากไปจริงๆ”
“ข้าก็เลยมารอพบพวกท่านก่อน เพื่อส่งพวกท่านเป็นการส่วนตัว”
ซือปั๋วนู่คลี่ยิ้ม และด้วยความที่ใบหน้ามันเต็มไปด้วยหนั่นเนื้อ ก็ทำให้ลูกตาเล็กๆของมันหยีจนแทบปิด
“อาวุโสซือปั๋วนู่เกรงใจไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยยิ้มแห้งพลางกล่าว “ที่จริงท่านไม่ต้องเสียเวลารอไปส่งพวกเราก็ได้”
“ไม่เสียเวลาอันใด จะอย่างไรตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เราก็ตั้งอยู่ข้างหน้านี้เอง”
ซือปั๋วนู่ส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองชายชราในชุดคลุมสีเทาที่นำทางต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่ว กล่าวด้วยรอยยิ้มมากอัธยาศัยว่า “หลี่อวี๋ เดี๋ยวข้าจะไปส่งนายน้อยกับผู้เฒ่าหั่วเอง…เจ้ามีอะไรก็ไปทำของเจ้าเถอะ”
“ทราบแล้วใต้เท้านู่”
ชายชราในชุดคลุมเทา หลี่อวี๋ แม้จะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่วในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน แต่มันก็จัดว่ามีพลังฝีมืออยู่ในระดับกลางๆค่อนไปทางสูงเท่านั้น ต่อหน้า ซือปั๋วนู่ จักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บังคับบัญชาจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนที่มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 1 แล้ว มันย่อมไม่กล้าละเลยคำพูดอีกฝ่าย
เรียกว่าในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนแห่งนี้ ซือปั๋วนู่ เป็นตัวตนที่อยู่ใต้หนึ่งแต่อยู่เหนือนับหมื่น! นอกจากจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนมา มันก็คือผู้ที่มีฐานะสูงสุด!!
หลังจากที่หลี่อวี๋เหินร่างจากไป ซือปั๋วนู่ก็เป็นคนนำทางต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วไปยังตำหนักเคลื่อนย้ายต่อ ท่าทางแลดูกระตือรือร้นไม่น้อย
และไม่นานนัก ซือปั๋วนู่ ก็นำต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วมาถึงตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้าย ซึ่งเป็นตำหนักเปิดโล่งมีค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเวทีศิลากลางตำหนัก
และบนเวทีศิลาดังกล่าว ก็มีชายชรา 2 คนทำหน้าที่คอยปกป้องดูแลค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน และทั้งคู่เป็นเพียงจักรพรรดิอมตะธรรมดาๆเท่านั้น
สุดท้ายแล้วตำหนักค่ายกลเคลื่อนย้ายของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน ก็ไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาอะไรมากมาย งานที่ได้รับมอบหมายก็แค่คอยเฝ้าไว้เฉยๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งจักรพรรดิอมตะสมญานามมาทำงานเล็กน้อยประเภทนี้
“ใต้เท้านู่”
เมื่อชายชราทั้งสองเห็นการมือของซือปั๋วนู่ ก็เร่งคารวะทักทายด้วยความเคารพทันที
“อืม”
ซือปั๋วนู่ก็พยักหน้าให้ทั้งคู่เบาๆ จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนและผู้เฒ่าหั่วอย่างทอดถอนใจ “นายน้อย ผู้เฒ่าหั่ว จากกันครั้งนี้ไม่ทราบอีกนานเท่าไหร่กว่าพวกเราจะได้พบกันอีก”
“ผู้อาวุโสซือปั๋วนู่ หากวันหน้าท่านว่างๆก็ไปหาพวกเราที่พระราชวังจักรพรรดิสววรรค์จี้เมี่ยเทียนได้ทุกเมื่อ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตามหลังจากนี้สักพัก พวกเราอาจไม่ได้อยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ เพราะข้ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องไปสะสาง…แต่วันไหนที่ข้าจัดการเรื่องราวต่างๆเสร็จแล้ว ข้าย่อมพักอยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ไปไหน”
“พวกเราจักรอต้อนรับท่านอย่างดี”
ผู้เฒ่าหั่วก็พยักหน้าให้ซือปั๋วนู่ด้วยรอยยิ้ม
“หากมีโอกาสข้าต้องขอไปรบกวนพวกท่านแล้ว”
ซือปั๋วนู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็มองส่งต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วที่โรยตัวลงไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายเบื้องล่าง
และเมื่อต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่ว ลอยตัวลงไปถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายบนเวทีศิลา และกำลังจะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเดินทางจากไปนั้นเอง ซือปั๋วนู่คล้ายตระหนักใดได้บางอย่าง เร่งเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “ท่านทั้ง 2 ช้าก่อน”
อยู่ๆซือปั๋วนู่ก็เอ่ยรั้งออกมาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็ชะงักไปทันที ยังหันกลับมามองซือปั๋วนู่ด้วยความสงสัย ว่ารั้งพวกเขาไว้ทำไม
“ท่านทั้ง 2 พอดีใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พึ่งส่งข้อความมาหาข้า”
ซือปั๋วนู่ที่ขมวดคิ้วเบาๆ มองกล่าวกับทั้งสองคน
“หืม?”
พอต้วนหลิงเทียนได้ยิน สาตาเขาก็ฉายชัดถึงความสงสัย
“ผู้เฒ่าหั่ว”
จากนั้นซือปั๋วนู่ก็โรยตัวลงมายังค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก ค่อยหันไปมองกล่าวกับผู้เฒ่าหั่วด้วยรอยยิ้มแหยๆว่า “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ส่งข้อความมาหาข้า…ว่าลืมมอบของขวัญที่หมายฝากให้ท่านนำไปให้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
“และพอข้าส่งข้อความไปบอกใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ว่าจะรีบไปนำมามอบให้ท่านเอง แต่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับบอกไม่สะดวกที่จะให้ข้ารับของขวัญดังกล่าว”
“เช่นนั้น รบกวนผู้เฒ่าหั่วย้อนกลับไปรับของขวัญจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ก่อนได้หรือไม่”
กล่าวจบคำ สีหน้าของซือปั๋วนู่ก็แลดูช่วยไม่ได้อยู่บ้าง
“หืม?”
ได้ยินคำพูดของซือปั๋วนู่ ผู้เฒ่าหั่วก็เลิกคิ้วขึ้น เพราะไม่คิดว่าปุบปับจะได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้
ที่สำคัญ จักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน คิดมอบอะไรให้ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันกันแน่…ถึงขั้นไม่ไว้ใจคนตัวเองจนต้องให้มันไปรับกับมือ?
“ดูท่าจะเป็นของสำคัญ เช่นนั้นผู้เฒ่าหั่วท่านก็ไปรับมาเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ไม่ได้ไกลอะไร ไปกลับก็แค่ 10 กว่าลมหายใจเท่านั้น…ในเมื่อจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูมีน้ำใจ ก็อย่าให้ผู้อื่นรอนานเลย”
“เอาล่ะ”
ผู้เฒ่าหั่วเหลือบมองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้ารับเบาๆ ทั่วร่างปะทุเพลิงไฟจนคนคล้ายกลายเป็นบอลเพลิง พุ่งลัดฟ้าหายไปในพริบตา
ทว่าผู้เฒ่าหั่วพึ่งจะหายลับสายตาไปได้ไม่ทันไร ลูกตาของซือปั๋วนู่ก็หดเล็กลงทันที
พริบตาต่อมา
ปง!
ปง!
จักรพรรดิอมตะชราที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลค่ายกกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกที่ยืนเรียบๆร้อยๆอยู่ไม่ไกลจากต้วนหลิงเทียนมากนัก อยู่ๆร่างพวกมันก็แตกระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิต กลิ่นอายพลังชีวิตมหาศาลฟุ้งไปทั่ว
เพียงแค่กลิ่นอายพลังชีวิตดังกล่าวไม่ได้มาจากร่างทั้งคู่ ทว่ามาจากพลังที่ฆ่าพวกมันทั้งคู่!
กฏแห่งชีวิต!
พร้อมกันนั้นเอง
ปงงงง!!
ครืนนน!!!
…
เสียงปะทะของพลังหนักหน่วงดังสนั่น! เป็นเงาร่างต้นสนหลิวสูงตระหง่านที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาปกคลุมไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียนและควบแน่นกลับกลายเป็นต้นสนหลิวที่แท้จริงในพริบตา ทวว่าตอนี้ต้นสนหลิวดังกล่าวกำลังแตกสลายเป็นละอองพลัง ราวกับถูกพลังมหาศาลป่นทำลาย!!
“อั๊ค!”
ต้วนหลิงเทียนกระอักโลหิตออกปากคำหนึ่ง เร่งเอ่ยขึ้นเสียงหนักว่า “อาวุโสซือปั๋วนู่ นี่ท่านคิดจะทำอะไรของท่านกัน? หรือคิดว่าฆ่าข้าแล้วท่านจะรอดพ้นความตายได้รึ?”
“ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางอาจารย์ของข้าจะไม่ปล่อยท่านไป…กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน ถ่าถู ก็ไม่มีวันละเว้นท่าน!”
หลังกล่าวจบคำ วาจาประโยคต่อมาของต้วนหลิงเทียน น้ำเสียงก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นอายพลังทั่วร่างก็อ่อนโทรมลงทันตาเห็น “ข้าสงสัยนัก…ว่าไฉนท่านถึงคิดฆ่าข้าด้วย? ข้าไถ่ถามตัวเองดูก็พบว่าไม่เคยยมีเรื่องบาดหมางกับท่านมาก่อน…”
“ฮ่าๆๆๆ”
ได้ยินน้ำเสียงอ่อนแอของต้วนหลิงเทียน ทั้งท่าทางจนแต้มของต้วนหลิงเทียน ซือปั๋วนู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “ต้วนหลิงเทียน ข้าไม่คิดเลยว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าจักรวดเร็วถึงเพียงนี้ ถึงขั้นต้านทานการลอบโจมตีในฉับพลันของข้าได้”
“ว่าแต่ ซือปั๋วนู่รึ?”
“แหกตาของเจ้าแล้วมองดูให้ชัดๆ ว่าข้าเป็นผู้ใด!”
พอเสียงซือปั๋วนู่ดังจบคำ ร่างสูงใหญ่ที่อ้วนท้วมพุงโตของมันก็หดเล็กลงเร็วไวปานลูกโป่งรั่วลม พริบตาต่อมาคนทั้งคนก็แปรเปลี่ยนไปราวหน้ามือเป็นหลังมือ!
ไม่ว่าจะรูปร่างหรือหน้าตา!
และรูปลักษณ์ที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับต้วนหลิงเทียนเลย
มันก็คือซือปั๋วผิง!
คนที่ไม่น่าจะมาปรากฏตัวอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนในตอนนี้ได้!
เพราะซือปั๋วผิงคนนี้ ก่อนที่พวกต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่ว และซือปั๋วนู่ จะเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน อีกฝ่ายก็ได้เร่งรุดจากไปแต่แรก ไม่ได้เข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์มาพร้อมพวกเขา
ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่!
“ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะเป็นเจ้า…”
เมื่อซือปั๋วผิงเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดว่าซือปั๋วผิงจะมีความสามารถปลอมแปลงรูปร่างหน้าตาให้เหมือนกับซือปั๋วนู่ไม่ผิดเพียนแบบนี้
เพราะเมื่อครู่ ตอนอีกฝ่ายใช้รูปลักษณ์ของซือปั๋วนู่ ไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตาเท่านั้น กระทั่งกลิ่นอายอะไรก็เหมือนกันเปี๊ยบ ไร้พิรุธใดให้เห็น
“ฮ่าๆๆๆ…หาไม่แล้ว เจ้าคิดว่าอยู่ดีๆพี่ใหญ่ข้าจะลงมือกับเจ้าทำไมเล่า? ในเมื่อพี่ใหญ่ข้าไร้ความบาดหมางกับเจ้า!”
ซือปั๋วผิงหัวเราะกล่าว
“แล้วไฉนเจ้าถึงคิดฆ่าข้า?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงหนัก
“ย่อมเป็นเพราะอุปกรณ์เทพที่เจ้าอาจจะมีติดตัว!”
ซือปั๋วผิงคลี่ยิ้มเยียบเย็น จากนั้นกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานพลังธาตุชีวิตก็กำจายออกมาตีปะทะใบหน้าต้วนหลิงเทียน แรงกดดันพลังของมันยังทำให้บรรยากาศโดยรอบสะท้านสะเทือนไม่น้อย
“ไอ้หนู หากไม่ใช่เพราะข้าไม่มีเวลา ข้าจะค่อยๆทรมานเจ้าให้ตายอย่างช้าๆ!!”
“แต่ตอนนี้ เจ้าไสหัวไปลงนรกเสีย!!”