WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3417
ตอนที่ 3,417 : จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว!
ในสายตาของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะปรากฏตัวตนอย่างต้วนหลิงเทียนที่มีความสำเร็จสูงถึงขนาดนี้…ทั้งที่ยังมีอายุไม่ถึง 400 ปี!
หากต้วนหลิงเทียนคารวะฟงชิงหยางเป็นอาจารย์และได้รับการชี้แนะส่งเสริมมานาน หากมีพรสวรรค์และความเข้าใจสูง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีความสำเร็จอย่างที่เห็น
อย่างไรก็ตามหากอีกฝ่ายพึ่งคารวะฟงชิงหยางเป็นอาจารย์ได้ไม่นาน ก็แสดงว่าความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟงชิงหยางมากนัก!
แต่เรื่องพรรค์นั้นจะเป็นไปได้ด้วยหรือ?
หากความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่ได้เกิดจากการเพาะสร้างสอนสั่งของฟงชิงหยางแล้วมาจากไหน? ที่แท้อีกฝ่ายต้องพบพานโชควาสนาปาฏิหาริย์อันใดถึงมาจุดนี้ได้? เรื่องนี้สุดที่นางจะจินตนาการออกได้จริงๆ!!
เพราะลี่เฟยศิษย์รักที่มีค่ามากที่สุดของนาง ได้รับมรดกของนางตั้งแต่อยู่ในระนาบโลกียะ จากนั้นก็ถูกคนของนางพามายยังระนาบเทวโลกโดยตรง และมาฝึกฝนอยู่ข้างๆนาง และต้องทราบว่าก่อนหน้านี้ลี่เฟยได้มีวาสนาขึ้นไประนาบเทพจนพรสวรรค์และความเข้าใจ ถูกพลังวิญญาณฟ้าดินของระนาบเทพขัดเกลาชำระมาแล้ว…
ทว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลี่เฟย กลับยังตามหลังต้วนหลิงเทียนอีกไกล!
“ข้ามิเห็นเคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนรับผู้ใดเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ…”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงหันไปมองผู้เฒ่าหั่ว ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวถาม
นางไม่สงสัยเรื่องที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าวคำเท็จ เพราะเรื่องนี้จริงเท็จมองแค่ความเป็นจริงตรงหน้าก็รู้ได้ แต่ที่นางสงสัยก็คือ…จักรพรรดิสววรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไปรับศิษย์ตั้งแต่ตอนไหนกันแน่?!
“เมื่อก่อนไม่มี ก็ใช่ว่าตอนนี้จะไม่มี”
ผู้เฒ่าหั่วคลี่ยิ้มบางๆ “นายน้อยของข้า ก่อนที่จะขึ้นมายังระนาบเทวโลก ก็ได้รับสืบทอดมรดกที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ทิ้งไว้ในระนาบโลกียะแล้ว…ตั้งแต่วันนั้น นายน้อยก็อยู่ในสายตาของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มาโดยตลอด”
“ต่อมาภายหลัง ทันทีที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับออกมาจากนรกอสุรา ก็ได้ออกคำสั่งให้คนสนิทไม่กี่คนไปตามหาตัวนายน้อย เพื่อนำมาฝึกปรือที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์…”
“อนิจจา หลังตามหาอยู่เนิ่นนานก็ไม่พบเจอนายน้อย”
“เจ้าไม่ต้องสงสัยเลย…ความแข็งแกร่งในวันนี้ของนายน้อย มิได้เกิดจากการส่งเสริมของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ทั้งหมดเป็นนายน้อยแสวงหามาด้วยตัวเอง และพรสวรรค์กับความเข้าใจของนายน้อยรวมถึงโชควาสนาที่นายน้อยพบเจอ ข้าเกรงว่าเจ้าเองก็คงไม่อาจจินตนาการได้ออก”
ผู้เฒ่าหั่วกล่าว
“ตั้งแต่ตอนที่เจ้าอยู่ในระนาบโลกียะ ก็ได้รับมรดกตกทอดของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนแล้ว?”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงอึ้ง “จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน มีไปทิ้งมรดกไว้ในระนาบโลกียะด้วยรึ?”
จังหวะนี้กระทั่งลี่เฟยเอง ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความงุนงง
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ…”
พอเห็นลี่เฟยหันมามองด้วยความสงสัยว่าไฉนนางถึงไม่รู้เรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปยิ้มกล่าวว่า “จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน…เจ้าเองก็รู้จักนะ”
“ข้ารู้จักด้วยเหรอ?”
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดมาแบบนี้ ลี่เฟยก็ยิ่งงุนงงไปกันใหญ่
“นามของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนก็คือ…ฟงชิงหยาง”
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับลี่เฟยด้วยรอยยิ้ม “และ 7 ทวาราเที่ยงแท้ในระนาบเซียนของพวกเรา หมอกพิรุณรุ่นแรกๆ ก็คือผู้อาวุโส ฟงชิงหยาง เอง…”
“อะไร!?”
ลี่เฟยย่อมรู้เรื่อง 7 ทวาราเที่ยงแท้ดี แต่นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนที่โด่งดังไปทุกระนาบเทวโลก ที่แท้จะมาจากระนาบเซียนเหมือนกับนาง!
ในอดีตตอนที่คุยเล่นกับจักรพรรดิอมตะหนามม่วงผู้เป็นอาจารย์ ลี่เฟยก็ได้ยินเรื่องราวและความโดดเด่นของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนมาไม่น้อย และรู้ว่าอีกฝ่ายคือจักรพรรดิสวรรค์ที่มีพรสวรรค์เด่นล้ำที่สุด
ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ ว่าจักรพรรดิสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดผู้นั้นไม่เพียงจะมาจากระนาบโลกียะเดียวกับนาง แต่กลับมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสามีของนางในลักษณะนี้!
นางรู้เรื่องที่สามีได้รับสืบทอดนามหมอกพิรุณและเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ดี แม้กระทั่งคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้นางก็รู้จักทั้งหมด…ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีน้องสาวเทียนหวู่ที่เป็นสหายสนิทของนาง
หานเฉวี่ยไน่ที่คอยดูแลลูกชายของาง ทั้งอยู่กับนางที่นี่มาเป็นร้อยๆปี ก็เป็นคนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เช่นกัน!
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…ข้าเข้าใจแล้ว!”
ลี่เฟยตระหนักเรื่องราวได้ในบัดดล จากนั้นพอเห็นว่าจักรพรรดิอมตะหนามม่วงมองมาด้วยความสงสัย นางก็บอกอาจารย์เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเคยได้รับสืบทอดนาม หมอกพิรุณ อันเป็นทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ในระนาบเซียนออกไปทันที “ท่านอาจารย์เรื่องนี้ข้าก็เคยบอกท่านแล้ว แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้อาวุโสฟงชิงหยางที่เป็นเซียนกระบี่ผู้นั้น จะเป็นคนๆเดียวกับจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน”
หลังได้ยินคำของลี่เฟย สองตาจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็สว่างขึ้นมาทันที
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง เป็นคนที่ไต่เต้ามาถึงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้รวดเร็วที่สุดในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ทั้งมวล และไม่เคยมีข่าวว่าอีกฝ่ายเคยรับศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อน ดูเหมือนไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่อยากรับศิษย์…แต่ที่แท้อีกฝ่ายมีศิษย์ที่ได้รับสืบทอดมรดกในระนาบโลกียะ! และรอคอยให้ศิษย์คนนั้นขึ้นระนาบเทวโลกมาโดยตลอด!!
นางรู้ดีว่าถึงแม้จะเป็นมรดกในระนาบโลกียะ แต่ก็มีความหมายกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมาก!
เพราะนั่นหมายความว่าคนที่ได้รับมรดกไป ก็คือผู้ที่มีโชคชะตาต้องกัน!
เมื่อระดับพลังฝึกปรือสูงถึงจุดๆหนึ่ง การจะรับศิษย์นั้นไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงเท่านั้น ก็ใช่ว่าถึงแม้ปัจจัยยนี้จะสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่ากันก็คือมีโชคชะตาวาสนา!
สายใยแห่งโชคชะตา เป็นอะไรที่ลี้ลับแต่สำคัญมาก!
กระทั่งที่นางดีกกับลี่เฟยมาก ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสาเหตุนี้
มิฉะนั้นตอนที่ต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ติดสอยห้อยตามลี่เฟยมาถึงพระราชวังจักรพรรดิฝูโหย่วเทียนด้วย ไฉนนางจึงไม่รับทั้งคู่เป็นศิษย์ด้วย ทั้งๆที่มีศักยภาพและสติปัญญาไม่ได้ด้อยกว่าลี่เฟยเลย?
“เฟยเอ๋อ วันหน้าหากเจ้ามีเวลาว่าง ก็กลับมาเยี่ยมอาจารย์บ่อยๆ”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนนี้นางตระหนักแล้วว่าการที่ลี่เฟยติดตามต้วนหลิงเทียนไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ สิ่งที่นางจะได้รับเกรวว่าคงไม่ได้ด้อยไปกว่าที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝู่โหย่วเทียนเลย เช่นนั้นการที่นางคิดรั้งให้ลี่เฟยอยู่ ก็ไม่ต่างอะไรกับคิดพรากสามีภรรยาให้แยกจากกัน
นางไหนเลยจะทำเรื่องใจร้ายพรรค์นั้นได้ลงคอ!
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังรู้ดี ว่าหากนางคิดทำแบบนั้น ไม่พ้นต้องทำให้ลี่เฟยยเกลียดนางแน่!
“ท่านอาจารย์”
ได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ลี่เฟยก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย สองตายังเริ่มแดงรื้นขึ้นมา “ข้าต้องกลับมาหาท่านอาจารย์แน่นอน ในใจของข้าท่านมิใช่แค่อาจารย์แต่เป็นดั่งมารดาแท้ๆของข้า!”
พอกล่าวจบคำ ลี่เฟยก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง พลางเอ่ยว่า “ตัวเลวร้าย ข้าอยากอยู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนอีก 2 ปี…หลังผ่านไป 2 ปีเจ้าค่อยมารับข้าไปเถอะ”
“เจ้าพาเนี่ยนเอ๋อกับเฉวี่ยไน่ไปก่อนก็ได้”
“ข้าอยากใช้เวลาอยยู่กับท่าอาจารย์อีก 2 ปี เพื่อคอยดูแลและแสดงความกตัญญูต่อท่าน”
ลี่เฟยกล่าว “ตัวเลวร้าย…เจ้าเข้าใจข้าใช่ไหม?”
“เสี่ยวเฟยเอ๋อ ข้าจะไม่เข้าใจเจ้าได้อย่างไร…”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆพลางลูบศีรษะลี่เฟยอย่างอ่อนโยน “ก็แค่ 2 ปีไม่ใช่หรือไร ข้าเองก็จะอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิฝูโหย่วเทียนแห่งนี้ เพื่อรอเจ้าด้วย”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้ค้นพบญาติที่หลบหนีออกมาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพหมดแล้ว กล่าวได้ว่าเขาบรรลุเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้เรียบร้อย…สำหรับเขาการอยู่รอที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน 2 ปี ไม่ได้มีปัญหาอะไรแม้แต่นิดเดียว
วันเวลา 2 ปี ก็เหมือนพริบตาเดียวเท่านั้น
“ตัวเลวร้าย ขอบใจเจ้ายิ่ง..”
ลี่เฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนไหว
“ระหว่างเรายังต้องขอบคุณอะไรกันอีก…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับผู้เฒ่าหั่ว “ผู้เฒ่าหั่ว ข้าคิดจะอยู่รอเสี่ยวเฟยเอ๋อที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน 2 ปี ท่านจะกลับไปก่อนหรืออยู่รอกับข้าที่นี่ 2 ปี?”
“แค่ 2 ปี ให้ข้าอู่รอกับนายน้อยเถอะ”
ผู้เฒ่าหั่วยิ้ม
วันเวลา 2 ปีไม่เพียงแต่เสมือนเวลาชั่วพริบตาสำหรับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น
กับผู้เฒ่าหั่วก็เช่นเดียวกัน
กระทั่งสำหรับผู้เฒ่าหั่วที่เวลาไม่มีความหมายอะไรแล้ว วันเวลาแค่ 2 ปีนั้นไม่ได้นับเป็นอะไรเลย เพราะผู้เฒ่าหั่วอู่มานานกว่าต้วนหลิงเทียนมาก…เหมือนเงิน 100 หยวนสำหรับคนที่มีเงินเดือนล้านหยวนและคนที่มีเงินเดือนแสนหยวน
คนหลังนั้นก็ไม่มองว่ามันมีค่าอะไร
คนแรกนี่ยิ่งไม่สนใจไปกันใหญ่
“เด็กโง่ ไฉนเจ้าต้อง…”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงมองไปยังลี่เฟยอีกครั้ง สายตายังเริ่มสั่นไหวไม่น้อย “อันที่จริง เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้”
“ท่านอาจารย์ ข้าตัดสินใจแล้ว”
ลี่เฟยส่ายหัวพลางกล่าว “2 ปีหลังจากนี้ข้าไม่คิดจะบ่มเพาะอันใด เพียงอยากอยู่ข้างงกายท่านอาจารย์เพื่อแสดงงความกตัญญู ถึงแม้วันหน้าข้าอาจกลับมาได้ทุกเมื่อ แต่ข้าก็ไม่อาจไปเฉยๆเช่นนี้ได้ เพรุสดท้ายหลังงจากนี้ข้าก็คงไม่อาจได้พบเจอท่านอาจารย์ทุกวันแล้ว…”
ในขณะที่บรรยากาศเริ่มเต็มไปด้วยความอบอุ่น ก็มีเสียงแฝงโทสะอู่บ้างดังขึ้นในอากาศ
“ศิษย์น้องเล็ก ศิษย์พี่มาเยี่ยมเจ้า!”
ได้ยินเสียงดังกล่าว จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็ขมวดคิ้ว ด้วยไม่คิดว่าในเวลาแบบนี้จะมีใครโผล่มาทำลายบรรยากาศเสียได้
“ศิษย์พี่รอง หากท่านไม่มีเรื่องด่วนอันใดขอท่านกลับไปก่อนเถอะ ไวว้ข้าค่อยไปหาท่านวันหน้า…วันนี้ข้ามีเรื่องงยุ่งๆอยู่บ้าง”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงตอบกลับ
เจ้าของเสียงที่มาทำลายบรรยากาศอันดีไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นศิษย์พี่รองของนาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว!
เหตุไฉนที่จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วถ่อมาที่นี่ตอนนี้ นางไหนเลยจะเดาไม่ออก ไม่พ้นเป็นข่งโย่วอี้ลูกชายคนเดียวของงอีกฝ่ายไปร่ำร้องให้ศิษย์พี่รอง จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว มาออกหน้าหาความเป็นธรรมให้ลูกชายคนเดียวที่โดนรังแกแน่นอน…
หากเป็นเมื่อก่อน นางก็คงคิดจะออกหน้าปกป้องต้วนหลิงเทียน
แต่ตอนนี้ นางรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ต้องการๆออกหน้าปกป้องของนางเลย…เผลอๆหากให้เรื่องนี้ถึงหูจักรพรรดิสวรรค์ฝูโห่วเทียนอาจารย์ของนาง น่ากลัวว่าศิษย์พี่รองของนางได้โดนอาจารย์เฉ่งจนหูฉีกแน่!
ล้อกันเล่นหรือไร?
ลูกท่านหาญกล้าไปตอแยกล่าวคำดูแคลนท้าทายศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน!
“ศิษย์น้องหญิง 3…หรือเจ้าคิดออกหน้าเพื่อต้วนหลิงเทียนนั่น?”
เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็ปรากฏร่าง 2 ร่างเหินเข้ามาลานบ้านของนางโดยไม่ได้รับเชิญ!
หนึ่งในนั้นก็คือข่งโย่วอี้ ที่โดนต้วนหลิงเทียนฉีกปากสั่งสอนไปจนต้องอับอายหายซ่า
และตอนนี้เบื้องหน้ามันกลับมีร่างหนึ่งเหินนำมา เป็นชายวัวยกลางคนในชุดคลุมสีฟ้าหลวมโครก ใบหน้าเกลี้ยงงเกลาปานหยกเสลา หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศี แลดูน่าเกรงขาม และหน้าตาก็ค่อนข้างละม้ายคล้ายข่งโย่วอี้
“ศิษย์น้องหญิง 3…”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือศิษย์คนรองของจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน ศิษย์พี่รองของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว!
“ศิษย์พี่รอง นี่ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ?”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่รองของนางจะบุกเข้ามาในบ้านนางโดยไม่ได้รับอนุญาต พาลให้สีหน้าของนางมืดลงทันใด! ตอนแรกนางก็คิดจะส่งเสียงผ่านพลังงเตือนศิษย์พี่รองของนางว่าต้วนหลิงเทียนก็คือศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ผู้นั้น!!
เพราะนางไม่คิดให้ศิษย์พี่รองของนางต้องทุกข์ทรมานเพราะหาเรื่องผิดคน…
แต่ตอนนี้ศิษย์พี่รองกลับไม่ฟังคำพูดนาง และบุกเข้ามาหน้าตาเฉย ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะโมโหอยู่บ้าง
“ศิษย์น้องหญิง 3…”
จักรพรรดิอมตะววายุสุดขั้วส่ายหัวไปมาพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าประคบประหงมศิษย์รักของเจ้าขนาดไหน…แต่ข้าล่ะ คิดว่าข้าไม่ห่วงใยเอาใจใส่ลูกชายคนเดียวของข้าเลยรึไง? มีคนรังแกลูกชายของข้าทั้งคนหรือเจ้าไม่คิดจะให้ข้าออกหน้าเพื่อลูก?”
“ท่านพ่อ! เจ้านั่นแหล่ะ! ต้วนหลิงเทียน!!”
ตอนนี้เอง ข่งโย่วอี้ ที่เหินร่างติดตามจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วมา ก็ชี้นิ้วไปทางต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวฟ้องด้วยสีหน้าถมึงทึง ในลูกตายังเริ่มฉายชัดถึงความโกรธแค้นแสนเกลียด!