WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3423
ตอนที่ 3,423 : เสแสร้ง
ล้อเล่น? หยอกๆ?
คำพูดของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วไม่เพียงทำให้ผู้เฒ่าหั่วกับต้วนหลิงเทียนตะลึง กระทั่งจักรพรรดิอมตะหนามม่วงรวมถึงคนอื่นๆของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนที่มาชมดูก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งกันไปเป็นแถบ
พวกมันไม่ใช่ว่าพึ่งจะรู้จักกัจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วไม่กี่วัน แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีด้านไร้ยางอายแบบนี้ด้วย!
แต่พอคิดดูอีกทีพวกมันก็เข้าใจได้
เรื่องราวบานปลายมาถึงขนาดนี้แล้ว จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วยังจะเหลือหนทางใดอีก
หากยังยืนกรานว่าคิดจะเข่นฆ่าผู้คนจริง ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนก็ฌไม่เก็บมันไว้แน่!
แต่คิดจริงๆหรือว่ายกอ้างมาแบบนี้แล้วจะรอดตัว?
“ต้วน…นายน้อยต้วน เป็นลูกไม่รักดีข้าเลอะเลือนไปชั่วขณะ ต่อไปข้าจักอบรมสั่งสอนมันให้มาก วันหลังยามพบเจอนายน้อยข้าจะให้มันเดินอ้อมไปเลย เป็นไร?”
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีนอบน้อม ตอนนี้มันยังจะกล้าทำตัวหยิ่งผยองลำพองอีกหรือ?
“เจ้าอย่ามาแกล้งทำเป็นโง่งมหน่อยเลย…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ววด้วยสายตาเฉยเมย เห็นได้ชัดว่าไม่บ้าจี้เชื่อคำพูดมัน “ในเมื่อเจ้ากับลูกวางแผนฆ่าข้าโต้งๆ หากข้าปล่อยพววกเจ้าไป ต่อไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจะเอาหน้าไปไวว้ที่ไหน?”
“แล้ววันหน้า ไม่ใช่ว่าหากข้าออกไปด้านนอก มีผู้อื่นคิดฆ่าข้า…พอเห็นว่าฆ่าข้าไม่ได้ก็แค่แกล้งโง่เหมือนเจ้าบอกวว่าล้อเล่น ข้าก็ต้องปล่อยพวกมันไปรึไง?”
กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ววด้วยสายตาระอา เอ่ยคำสบถเสียงเย็น “เหลวไหลสิ้นดี!”
“หากเจ้าเป็นข้า เจ้าจะปล่อยไปงั้นหรือ?”
วาจากล่าววถามปิดท้าย เสียงต้วนหลิงเทียนยังเย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน
และคำพูดของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้สีหน้าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก แต่ไม่นานมันก็ฝืนยิ้มออกมา กล่าวรอมชอมเสียงอ่อนว่า “นายน้อยต้วน เช่นนั้นเห็นแก่ภรรยาของท่านเถอะ…นาจะอย่างไรก็เป็นศิษย์รักของงศิษย์น้องหญิง 3 ข้า เป็นศิษย์หลานของข้าคนหนึ่ง…จะว่าไปภรรยาท่านก็เรียกหาข้าว่าอาจารย์ลุงเสมอ”
“พวกเราเองก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดไม่น้อย…เช่นนั้นขอท่านเห็นแก่หน้าศิษย์น้องหญิง 3 ข้าสักครั้ง ปล่อยพวกเราไปไม่ได้หรือ?”
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วกล่าว
พอจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วยกอ้างเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบอะไรมัน เพียงหันไปมองจักรพรรดิอมตะหนามม่วงแทน
ด้านจักรพรรดิอมตะหนามม่วงพอได้ยินคำของศิษย์พี่รองตัวดี สีหน้านางก็บิดเบี้ยวนัก
ยิ่งเห็นต้วนหลิงเทียนมองมา ใบหน้านางก็รู้สึกร้อนผ่าวราวไฟลน หันไปมองจักรพรรดิอมตะวายุสุดจั้วด้วยสาตาเย็นชาทันที “จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว เจ้าอย่าได้ทำเป็นยกอ้างข้าหน่อยเลย…ไฉนตอนเจ้าคิดฆ่าคน ถึงไม่เห็นอีกฝ่ายเป็นสามีศิษย์ข้าแต่แรก?”
จังหวะนี้จักรพรรดิอมตะหนามม่วงไม่เรียกหาอีกฝ่ายว่าศิษย์พี่รองอีกต่อไป ใช้คำว่าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วออกมาอย่างไร้ไมตรี
และคำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ก็ทำให้จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ววหน้าเสียทันที ด้วยรู้วว่าศิษย์น้องหยิง 3 ของมัน ไม่คิดจะช่วยเหลือมันเลย
ส่วนอีกด้าน ต้วนหลิงเทียนนั่นก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกรา
กล่าวอีกอย่างได้ว่า…
ไม่มีที่ว่างให้ประนีประนอมสืบไป!
“หนีเร็ว!”
สุดท้ายจักรพรรดิอมตะวาวยุสุดขั้ววก็ได้แต่คิดหลบหนี แต่มันก็ไม่คิดจะหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว ร่างพุ่งจี้เข้าหาข่งโย่ววอี้บุตรชายก่อนใดอื่น หมายพาลูกชายคนเดียวหลบหนีไปด้วยกัน!
ข่งโย่วอี้นั้น ตั้งแต่วินาทีที่จักรพรรดิอมตะหนามม่วงกล่าวยืนยันตัวตนต้วนหลิงเทียนออกมา มันก็ได้แต่ยืนอึ้งขาตายไปราวตัวโง่งม
ถึงแม้มันจะมีเตรียมใจไว้บ้าง แต่พอได้รับฟังคำยืนยันเข้าจริงงๆ มันก็หวาดกลัวจับใจจนทำอะไรไม่ถูก
ต้วนหลิงงเทียนที่มันคิดฆ่า เป็นนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจริงๆหรือ?
“อี้เอ๋อ พ่อจะพาเจ้าหนี!!”
จนเมื่อเสียงผ่านพลังของบิดาดังขึ้นในหู ข่งโย่วอี้ก็ดึงสติกลับมา สองตายังทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่ง
ในสายตามัน ด้วยความเร็วของบิดา ย่อมไม่ยากที่จะพามันหลบหนี!
ถึงแม้ตอนนี้อาจารย์อาเล็กอาจจะมีพลังฝีมือเหนือกว่าบิดามันไปแล้ว แต่ในแง่ความเร็วจะอย่างไรก็ต้องด้อยกว่าบิดาของมันอยู่เป็นแน่ เพราะบิดาของมันเชี่ยวชาญกฏแห่งลม!
“คิดหนี?”
พอเห็นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วปรี่ร่างเข้าไปหาช่งโย่วอี้ แต่ไม่คิดลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียน ไหนเลยผู้เฒ่าหั่วจะมองความคิดมันไม่ออก? ย่อมรู้ดีว่าอีกฝ่ายยไม่คิดอาศัยพลังของกฏแห่งลมที่ช่ำชองพาลูกชายหนีความผิดเป็นแน่!
ในห้วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ ร่างผู้เฒ่าหั่วก็เปล่งแสงสว่างสีทองออกมา ราวกับตะวันดวงที่สอง ขับไล่ความมืดมิดทั้งมวล!
จากนั้น ร่างผู้เฒ่าหั่วก็กลับกลายเป็นวิหกสีทองตัวเขื่องประหนึ่งเนินเขาย่อมๆ!
แถมวิหกสีทองตัววเขื่องนี้ยังเต็มไปด้วยเพลิงสีทองลุกโชนเร่าๆ และคล้ายอาทิตย์เจิดจ้ากลางฟ้า ยากที่ใครจะมองชมร่างที่แท้จริงได้ชัดถนัดตา
ปงงง!!
ฟู่มมม!!
…
ถึงแม้กฏที่ผู้เฒ่าหั่วเชี่ยวชาญจะไม่ใช่กฏแห่งลม อย่างไรก็ตามร่างที่แท้จริงก็คือสัตว์อมตะประเภทวิหก! และพรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดก็เป็นทักษะหนุนเสริมความเร็ว ควบคู่กับกฏแห่งไฟที่ขึ้นชื่อเรื่องปะทุพลังในฉับพลัน ความเร็วในการพุ่งทะยานบอกได้คำเดียวว่าฉับไวว ไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ววแม้แต่นิดเดียว!
และผู้เฒ่าหั่วก็ไม่ได้พุ่งจี้เข้าใส่จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว แต่พุ่งเข้าใส่ข่งโย่วอี้!
เพราะรู้ดีววว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือพาข่งโย่วอี้หลบหนี!
“บัดซบ!!”
จักรพรรดิอมตะวายยุสุดขั้วไม่คิดไม่ฝันเลยว่าร่างที่แท้จริงอีกฝ่ายจะเป็นวิหกอมตะ สีหน้าขอมันเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง ได้แต่สบถคำออกมาอย่างหัววเสีย ก่อนจะกระทืบเท้าหักเลี้ยวหนีไปอีกทางทันที!
อย่างไรก็ตามด้วยเรื่อราววมันอุบัติขึ้นในฉับพลัน ในสายตาผู้ที่มุงชมก็เห็นแค่จักรพรรดิอมตะวายุเลือกจะทิ้งลูกชายอย่างข่งโย่วอี้ไว้ แล้วหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว
ด้านผู้เฒ่าหั่ว ทุกคนเห็นวว่าปฏิกิริยาตอบสนองไม่เร็วเท่าอีกฝ่าย และพอคิดจะออกตัวไล่ล่า จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็หนีไปได้แล้ว ยากจะไล่ตามได้ทันสืบไป
หากจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเป็นคนนอก ก็คงยากจะหลบหนีออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนได้พ้น ทุกก้าวย่างล้วนติดขัดลำบาก
แต่ปัญหาคือมันเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน แถมยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน เช่นนั้นที่ทางในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนแห่งนี้ ก็คุ้นชินไม่ต่างอะไรจากสวนหลังบ้าน!
กลับกัน ผู้เฒ่าหั่ววเป็นแค่คนนอก ถึงความเร็วจะไม่ด้อยกว่า แต่หากอีกฝ่ายใช้ความมีเปรียบเรื่องที่ทางและค่ายกลให้เป็นประโยชน์ ก็คากจะไล่ตามได้ทัน
เช่นนั้นผู้เฒ่าหั่วจึงไม่ไล่ตาม เพียงหันไปมองจ้องจักรพรรดิอมตะหนามม่วงที่ชักสีหน้าอัปลักษณ์อยู่ กล่าวผสานพลังออกไปเสียงดังว่า “จักรพรรดิอมตะหนามม่วง ท่านแจ้งไปยังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนเถอะ…เรื่องนี้พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนท่านต้องให้คำอธิบายกับเรา!”
กล่าวถึงท้ายยประโยค น้ำเสียงของผู้เฒ่าหั่วยังทุ้มต่ำ หนักแน่นนัก
“ขอผู้เฒ่าหั่วโปรดวางใจ พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนเราต้องมอบคำอธิบายให้ท่านพึงพอใจแน่”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงเอ่ยรับคำเป็นมั่นเหมาะ ขณะเดียวกันก็เร่งส่งข้อควาวมไปหาอาจารย์ หยางอวิ๋นเซียวจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนที่สมควรปิดด่านบ่มเพาะอยู่
ขณะเดียวกัน ด้านต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองข่งโย่วอี้ที่ทำหน้าบิดเบี้ยวไม่ไกล คลี่ยยิ้มบางๆกล่าวว่า “ข่งโย่วอี้ พ่อเจ้าเปิดตูดหนีไปนู่นแล้ว…ดูเหมือนจะไม่ใยดีลูกชายอย่างเจ้าเท่าไหร่เลยนี่…”
“ต้วนหลิงเทียน!”
ข่งโย่วอี้หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก กล่าวคำเสียงเข้มว่า “ท่านพ่อพึ่งส่งข้อความมาหาข้า…ท่านพ่อฝากมาบอกเจ้าว่า…หากเจ้ากล้าฆ่าข้า ต่อให้เจ้าจะเป็นนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ท่านพ่อก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”
“เจ้าคงไม่อาจหดหัวอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้ตลอดชีวิตกระมัง?”
กล่าวถึงท้าประโยคน้ำเสียงแววตาของขงโย่วอี้ก็เต็มไปด้วยการข่มขู่
“อ้อ แล้วไง?”
เจอกับคำขู่ของข่งโย่ววอี้ ต้วนหลิงเทียนก็มองลึกไปที่มัน มุมปากยกยิ้มแสยะเผยความเย้ยหยันชดเจน
เพียะ!!
ทันใดนั้นเอง เสียงตบถนัดถนี่พลันดังขึ้น เป็นจักรพรรดิอมตะหนามม่วงที่วูบร่างมาปานภูตผี ฟาดตบข่งโย่วอี้จนหน้าสั่น กล่าวคำออกมาเสียงเย็นว่า “ข่งโย่วอี้ วันนี้ไม่ต้องให้ต้วนหลิงเทียนฆ่าเจ้า ข้าในฐานะคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไป!”
“อาจารย์อาเล็ก….”
ใบหน้าข่งโย่วอี้ตอนนี้บวมแดงไปครึ่งหนึ่ง ฟันยังหักร่วงเป็นแผง หันไปกล่าวคำกับจักรพรรดิอมตะหนามม่วงอย่างดุร้าย “ท่านพ่อเองก็ฝากคำมาบอกท่านเช่นกัน…วันนี้หากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฆ่าข้า วันหน้าหากศิษย์ของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนออกไปด้านนอกคนหนึ่ง ท่านพ่อก็จะฆ่าคนหนึ่ง!”
“หากข้าตาย ท่านพ่อก็ไม่มีอะไรจะเสีย และจะอยู่เพื่อล้างแค้นเท่านั้น!!”
กล่าวถึงประโยคท้าย ใบหน้าที่บวมแดงของงข่งโย่วอี้ก็คลี่ยิ้มออกมา ยังกวาดตามองไปยังเหล่าคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนที่มาชมดูเรื่องราวด้วยสายยตาเย็นชา และตอนนี้ต่อให้มันจะคลี่ยิ้มฟันหลอจนน่าหั่วร่อแค่ไหน แต่ก็ไม่มีใครในบรรดาผู้ที่มามุงชมขำออก…
จักรพรรดิอมตะววายุสุดขั้วเสียสติไปแล้วหรือไร!?
เพื่อลูกชายคนเดียว กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับทั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน?
มันรนหาที่ตายหรือ?
“เจ้าคิดว่าพ่อเจ้าจะหนีไปได้รึ?”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงเหลือบมองไปที่ข่งโย่วอี้ด้ววยสาตาเฉยเมย พลางถาม
“หือ?”
ได้ยินคำถามของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ข่งงโย่วอี้ก็ตกใจไม่น้อย และพอเห็นรอยยิ้มรังเกียจที่ยกแสยะขึ้นของอีกฝ่าย ในใจก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาทันที
“ท่านพ่อ!?”
ข่งโย่วอี้เร่งส่งข้อความหาบิดาทันที แต่หลังจากนั้นสักพัก บิดาของมันก็ยังไม่ตอบกลับ
และทันใดนั้นเอง
ฟุ่บ!!
สายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดหวาดไปทั่วหุบเขา จากนั้นก็ปรากฏร่างชราผุดขึ้นเหนือฟ้าต่อหน้าต่อตาทุกคนปานภูตผี การปรากฏตัวในลักษณะดังกล่าว ยังทำให้ทุกคนใจสั่นไปไม่น้อย
และผู้มาก็เป็นชายชราใบหน้าอ่อนเยาว์ และข้างๆยังมีอีกร่างที่หน้าซีดถูกพลังล้อมกักหอบหิ้วเอาไว้
และร่างที่หน้าซีดปานขี้เถ้านั่น ไม่ใช่ว่าเป็นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วที่หลบหนีไปก่อนหน้าหรือไร?
สำหรับตัวตนของชายชรานั้น…
“คารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”
“คารวะใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์!”
…
ทันทีที่ร่างทั้ง 2 ปรากฏกายย เหล่าผู้อาวุโสของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนที่อยู่รอบๆ ก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทักทายด้วยเคารพเร็วไว ไม่มีใครกล้าละเลยแม้แต่น้อย
เพราะชายยยชราที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมหอบหิ้วจักรพรรดิอมตะววายุสุดขั้วนั้น ก็คือจักรพรรดิสวรรค์ของฝูโหย่วเทียน หยยางอวิ๋นเซียว!
เรียกว่าไม่มาคนเดียว แต่จับตัวจักรพรรดิอมตะวายยุสุดขั้วด้วย!
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วไม่อาจหนีเอาตัวรอดได้!
“ข้าเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นคร่าวๆแล้ว…”
หยางอวิ๋นเซียวเหลือบมองข่งโย่วอี้ไกลตา และสิ่งงนี้ทำให้สีหน้าข่งโย่วอี้ซีดลงไร้สีเลือดทันที เพราะมันรู้ว่าจบสิ้นกันแล้ว!
บิดาของมันถูกอาจารย์ปู่จับได้..
ฉิบหายแน่แท้!
ไม่เหลือความหวังอันใด!
“พวกเจ้าพ่อ มิคาดถึงกับกล้าคิดสังหารนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้…พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาแต่ที่ใด!?”
หลังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนมองข่งโย่วอี้ปรดาหนึ่ง มันก็หันกลับมามองจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วข้างๆ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
ได้ยินเสียงเยียบเย็นดังกล่าว ข่งโย่วอี้ก็หวาดกลัวจนตัวสั่น เร่งคุกเข่าลงกลางหาว โค้งหัววขอขมาหยางอวิ๋นเซียวทันที “อาจารย์ปู่ ศิษย์หลานผิดไปแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ศิษย์หลานด้วย ขอท่านเมตตาศิษย์หลานสักครั้งเถอะ”
“ท่านอาจารย์ปู่ โย่วอี้รู้ผิดแล้ว…โย่วอี้สำนึกแล้ว”
ข่งโย่วอี้เร่งวิงวอนร้องขอความเมตตาออกมาน้ำหูน้ำตาไหลพราก ในอดีตอาจารย์ปู่เอ็นดูมันไม่น้อย มันเชื่อว่าขอเพียงมันแสร้งร้องขอความเมตตาจากใจ ทำตัวให้น่าเวทนาสงสารเข้าไว้ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเก็บกู้ชีวิตกลับมาได้
อนิจจามันประเมินความจริงจังของสถานการณ์ผิดไป
เผชิญกับการเสแสร้งวิงวอนร้องขอความเมตตามัน สีหน้าเย็นชาของหยางอวิ๋นเซียวไม่เพียงไม่มีความเวทนาสงสารอันใด แต่ยังเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก!
“สารเลว ยังกล้าเสแสร้งทำเป็นสำนึก!!”
หยางอวิ๋นเซียวพ่นลมสบถเยียบเย็นคำหนึ่ง จากนั้นไม่เห็นว่ามันลงมืออย่างไร หากแต่ร่างข่งโย่วอี้ที่คุกเข่าขอความเมตตากลางอากาศไกลๆ พลันระเบิดบึ้ม! กลับกลายเป็นหมอกโลหิตเกลื่อนฟ้าทันที…..