WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3443
ตอนที่ 3,443 : ถังซานเป่า
เทพสงคราม 6 ดารา!
ต้องบอกเลยว่าแม้จะเป็นคำพูดคาดการณ์ของเว่ยฉี แต่ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตกใจอยู่บ้าง
ในนอดีตอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เขาเคยพานพานมา ผู้ที่มีพลังฝีมือร้ายกาจที่สุดก็เห็นทีจะเป็น ฉือหย่าชี ศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขา นางอายุไม่ถึง 2,000 ปี แต่กลับเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 6 ดาราระดับต้นๆ พลังฝีมือไม่ได้แพ้โหยวเฟิงอี้ จ้าววังเทียนฉีแห่งอู๋หยาเทียนเลย
เป็นธรรมดาว่าถึงฉือหย่าชีจะร้ายกาจ แต่ต้วนหลิงเทียนในตอนนั้นก็รู้สึกว่า…ในระนาบเทวโลกทั้งหลายต้องมีตัวตนเยี่ยงฉือหย่าชีอยู่อีกแน่ เพียงแค่มีน้อยมาก
นี่คือความรู้ความเข้าใจในอดีตของเขา
และศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่กำลังจะเปิดม่านครั้งนี้ เขาก็ตระหนักได้แต่แรกว่าผู้ที่จะมาเข้าร่วมก็คือสุดยอดอัจฉริยะอุไม่ถึงพันจากทั่วทุกมุมของระนาบเทวโลก และไม่ขาดตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามแน่
ถึงแม้จะมีการจำกัดอายุไว้ที่ 1,000 ปี ทำให้ไม่น่าจะมีความสำเร็จอะไรมากมาย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาหยั่งวัดอัจฉริยะได้
ยิ่งไปกว่านั้นดูจากการที่วิหารเฟิงฮ่าวถึงกับหยิบควักผลอมตะหยวนปะทุออกมาเป็นรางวัลให้ผู้ชนะเลิศ ไหนจะยังมีโอกาสให้ผู้ชนะอันดับต้นๆเข้าใช้ห้องลับแห่งกฏอีก สิ่งนี้ไม่เพียงดึงดูดอัจฉริยะไร้คูเปรีบลือชื่อจากระนาบเทวโลกทั้งมวล แต่ยังล่อเสือหมอบมังกรซ่อนทั้งหลาย ที่เร้นกายไม่เผยตัวในสังงคมให้ออกมาอีกด้วย!
ต้องทราบด้วยว่าอัจฉริยะดั่งเสือหมอบมังกรซ่อนที่ไม่เผยตัวสู่โลกหล้านั่น ร้ายกาจไม่ยิ่งย่อนกว่าอัจฉริยะในที่แจ้งเลย!
กระทั่งในขุมกำลังใหญ่ๆ พวกมันยังเลือกจะซุกซ่อนสุดยอดอัจฉริยะของตัวเองเอาไว้ ด้วยกลัวว่าจะถูกขุดกำแพง ไม่ก็เก็บไว้เป็นไพ่ตายไม่เปิดเผออกมาโดยง่าย
แต่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่กำลังจะเริ่มต้นครั้งนี้ เกรงว่าทั้งหมดจะแห่กันมา!
ระนาบเทวโลกนั้น มีด้วยกันทั้งสิ้นเก้าเก้า 81 ระนาบ
จะหลิงหลัวเทียนก็ดี หยวนสื่อเทียนก็ดี ทั้งหมดก็แค่ 1 ใน 81 ระนาบเทวโลกเท่านั้น และไม่ว่าจะระนาบเทวโลกใดก็จะส่งอัจฉริยะราวๆ 20 กว่าคนมาเข้าร่วม ทำให้รวมๆแล้วอาจจะเกิน 2,000 คน
ในหนึ่งระนาบเทวโลกมีอัจฉริยะดำรงอยู่เท่าไหร่?
มีอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันดำรงอยู่เท่าไหร่?
และท่ามกลางผู้คนมากมายนั่น แต่ลระนาบจะคัดมาแล้วแค่ 20 กว่าคน พวกมันจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
ดูอย่างจี้เมี่เทียนครั้งนี้นอกจากต้วนหลิงเทียนแล้ว ยังมีจางเทียนโย่ว ว่างถิง และเหอเจี้ยนอี่อีก! และต้องทราบด้วยว่าลำพังแค่จางเทียนโย่ว ที่ถือว่ามีพลังทัดเทียมจักรรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไป ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับ เทพสงคราม 1-2 ดาราเข้าไปแล้ว
สำหรับว่างถิงกับเหอเจี้ยนอี่ ยังไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานาม ทั้งคู่ก็แค่เกือบเป็นเท่านั้น
ทว่าคนอื่นเล่า อัจฉระที่มาเข้าร่วมครั้งนี้ ต้องมีที่โดดเด่นกว่าทั้ง 3 แน่!
ยังมีอัจฉริยะที่วิหารเฟิงฮ่าวพามาอีก
อัจฉริยะหายากเหล่านี้ล้วนมีความสำเร็จอันน่าเหลือเชื่อก่อนอายุไม่ถึงพัน หลายคนนอกจากทรัพยากรบ่มเพาะมากเกินพอ ส่วนตัวยังมีศักยภาพพรสวรรค์และความเข้าใจสูงล้ำอีก…
สำหรับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ก็มีลูกหลานเหล่าศิษย์ของจักรพรรดิอมตะสมญานามมากมายที่มีสภาพแวดล้อมและทรัพยากรบ่มเพาะไม่ขาดเช่นกัน แต่เนื่องจากพรสวรรค์กับความเข้าใจไม่สูงนัก ก็เลยไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม
เป็นธรรมดาว่าช่วงอายุก็สำคัญ อาจจะมีอัจฉริยะที่มากล้นไปด้วยพรสวรรค์และความเข้าใจอยู่จริง อนิจจาแต่ด้วยความที่ยังมีอายุน้อยเกินไป พลังฝีมือจึงยังก้าววหน้าไม่ถึงที่สุด ก็เลยไม่อาจเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ได้
คนเหล่านี้นับว่าโชคร้ายอย่างแท้จริง
พวกมันพึ่งอายุได้ 200 บ้างก็ 500 ปี แต่ศึกอัจฉริยะสวรรค์ดันเริ่มต้นขึ้นซะก่อน!
สำหรับคนเหล่านี้ หากให้เวลาอีก 200-300 ปี ย่อมไม่ขาดผู้ที่จะกลายเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม หรือแม้แต่จักรพรรดิอมตะสมญานามระดับยอดฝีมือ!
“ศิษย์น้องต้วน ว่าแต่ปีนี้ท่านอายุเท่าไหร่หรือ?”
เว่ยฉีเอ่ยถามด้วยความสงสัย
พอเว่ยฉียิงคำถามนี้ออกมา ไม่ว่าจะจางเทียนโย่ว ว่างถิง หรือแม้แต่เหอเจี้ยนอี่ก็หูผึ่งไปอีกรอบ ม้องจ้องต้วนหลิงเทียนเพื่อรอฟังคำตอบอีกครั้ง
ตอนที่พวกมันติดตามเมิ่งหลัวเดินทางมาที่นี่ พวกมันก็มีกล่าวถามเรื่องนายน้อยพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนบ้างแล้ว แต่เมิ่งหลัวก็ตอบง่ายๆว่าอีกฝ่ายอายุน้อยกว่าพวกมันทั้ง 3 คน แต่ไม่ได้เจาะจงว่าอายุเท่าไหร่…
“ข้ามีอายุได้ 600 ปีเศษ”
ด้วยความที่เป็นอายุของตัวเอง ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะฝึกฝนจนลืมเลือนเวลาบ่อยครั้ง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังรู้ดี
“600 ปี?”
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียนไม่เพียงงแต่พวกจางเทียนโย่วทั้ง 3 จะอึ้ง กระทั่งตัวเว่ยฉีผู้ถามเองก็ตะลึงไปไม่ต่าง “เอ่อ ศิษย์น้องต้วน อายุของท่าน…ข้าเกรงว่าท่านจะอยู่ในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยที่สุดในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้แล้วล่ะ”
“เท่าที่ข้ารู้ ปกติแล้ว มีคนอายุน้อกว่า 800 ปีเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์น้อยยิ่ง เรียกว่าถึงจะมีแต่มันก็น้อยมากๆ”
“เพราะไม่ว่าจะเก่งกาจมากพรสวรรค์และฉลาดเฉลียวเพียงใด แต่พลังฝีมือไหนเลยไม่ต้องใช้เวลาเพาะสร้าง”
“ในเมื่อท่านยังเยาว์ ไม่ว่าจะเก่งกาจแค่ไหน การสะสมก็ยังมีจำกัด”
กล่าวถึงจุดนี้เว่ยฉีก็มองต้วนหลิงเทียนอีกรอบ พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ศิษย์น้องต้วน ท่านโชคไม่ดีเลย…หากตอนนี้ท่านมีอายุ 900 กว่าปี ไม่ต้องสงสัเลยว่าท่านต้องเป็นหนึ่งในอัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดในศึกอัจฉริยะสวรรค์แน่ อิจจาตอนนี้ท่านกลับมีอายุแค่ 600 ปีเศษเท่านั้น”
วินาทีนี้เว่ยฉียึดถือคำพูดว่าจะคว้าอันดับ 1 ก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงวาจาผายลมน่าขันโดยสมบูรณ์ เพราะมันรู้สึกว่าคนอายุแค่ 600 ปี ให้ร้ายกาจให้ตายก็ไม่มีวันคว้าอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ได้
“เท่าที่ข้ารู้มา…”
ตอนนี้เองว่างถิงก็มองจ้องไปยังแผ่นหลังต้วนหลิงเทียน ดวงตาคู่งามฉายความเสียดสีเล็กน้อย “อันดับ 1 ของศึกอัจฉริยะในอดีต ผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดก็มีอายุ 900 กว่าปีเข้าไปแล้ว…”
“เรื่องนี้ข้าเองก็ได้ยินมาแบบนั้น”
ตอนนี้เอง เหอเจี้ยนอี่ที่นิ่งมานานก็เอ่ยออกอย่างเห็นด้วย “กล่าวให้ชัด…อันดับ 1 ผู้นั้นมีอายุเพียง 906 ปีเท่านั้น”
ผู้ที่ได้อันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ มีอายุ 906 ปี
และต้วนหลิงเทียนบอกว่าตัวเองมีอายุ 600 ปีเศษ
อาศัยอายุแค่ 600 ปีเศษแต่คิดคว้าอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์?
“ต่อให้เป็นสุดยอดอัจฉริยะไร้เทียมทาน ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคว้าอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ต่อให้เลิศล้ำอย่างไร ก็ไม่มีทางเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของระนาบเทวโลกได้หรอก”
ไม่ว่าจะจางเทียนโย่ว ว่างถิง หรือเหอเจี้ยนอี่ ก็คิดเห็นไปทำนองเดียวกัน
กล่าวได้ว่าในบรรดาผู้คนที่อยู่รอบกายต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน ไม่มีใครเชื่อสักคนว่าต้วนหลิงเทียนจะมีความสามารถคว้าอันดับ 1 ในศึกอัจฉริยะสวรรค์มาได้
“โชคไม่ดี?”
ได้ยินคำพูดของเว่ยฉี และตระหนักถึงความเย้ยเยาะดูถูกของพวกจางเทียนโย่วทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าทุกคนไม่เชื่อเขา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ลอบหัวเราะอยู่ในใจ
ตลอดระยะเววลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตลอดเส้นทางการฝึกปรือ ยังมีความดูถูกหยันหยามใดที่เขาไม่เคยพบเจอ? กับบเรื่องพรรค์นี้เขาคุ้นชินกับมันมานานแล้ว
ฉากดังกล่าวนับเป็นอะไร?
ต้วนหลิงเทียนก็เลยขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับพวกมัน
“เอาล่ะ พวกเรามาถึงแล้ว”
เมื่อพื้นที่ราบทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ปรากฏสู่สายตา รวมถึงแนวบ้านพักที่ตั้งเรียงรายเป็นทิวแถวสวยงามท่ามกลางความเขียวขจี ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นก็ได้ยินเสียงเว่ยฉีดังขึ้นอย่างประจวบเหหมาะ
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นได้
ทันทีที่พวกเขามาถึงเขตทุ่งราบอันมีบ้านพักเรียงราย ผู้คนมากมายก็กวาดตามาจับจ้องสำรวจพวกเขา
“ศิษย์น้องต้วน ท่านสามารถเลือกบ้านพักหลังใดก็ได้เป็นที่พัก…หลังจากเลือกแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผู้ใดมารบกวนท่านก็เพียงสลักบางคำไว้หน้าประตู เพื่อบอกว่ามีคนอยู่”
เว่ยฉีหันไปยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
ขณะเดียวกันมันก็สะบัดมือขึ้นเบาๆ ปรากฏลูกแก้ววิญญาณผุดขึ้นจากความว่างลูกหนึ่ง และยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน “ศิษย์น้องต้วน นี่คือลูกแก้ววิญญาณของข้า หากมีเรื่องงอื่นใดท่านสามารถส่งข้อความมาหาข้าได้ทุกเวลา”
หลังกล่าวจบคำ และได้รับคำขอบคุณจากต้วนหลิงเทียนแล้ว เว่ยฉีก็เหินร่างจากไป
“ต้วนหลิงเทียน”
หลังจากเว่ยฉีเหินร่างจากไป ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะได้จับจองบ้านพัก ว่างถิงที่มองจ้องมาที่เขาก็หยีตาเอ่ยคำขึ้นเสียงเบา “ต้วนหลิงเทียน จางเทียนโย่วบอกว่ารอจะสูกับเจ้าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ทีเดียว…เช่นนั้นเจ้าประลองกับข้าก่อนเป็นไร?”
หลังว่างถิงล่วงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนมีอายุแค่ 600 ปีเศษ นางก็คิดลงมือทันที
ในความเห็นของนาง
เกรงว่าคงมีแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น ที่นางจะมีโอกาสเอาชนะนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้
วันหน้าหากรอให้อีกฝ่ายเติบโตภายใต้การสอนสั่งของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เกรงว่าอีกฝ่ายยคงต้องแซงหน้านางไปไกล และทิ้งนางไว้เบื้องหลังอย่างไม่เห็นฝุ่น
“เจ้าไม่ใช่คู่มือข้า”
ได้ยยินคำท้าทายของว่างถิง ต้วนหลิงเทียนก็ปรายตาเหลือบมองนางผ่านๆกล่าวคำเสียงเบา จากนั้นก็ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติวูบร่างหายไปทันที ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่หน้าบ้านพักหลังหนึ่งด้านล่างแล้ว
“หลังนั้นไม่มีคนอยู่…”
ต้วนหลิงเทียนที่มาปรากฏตัวหน้าบ้านพักหลังหนึ่งพอสำรวจดูก็พบว่ามีคนอยู่ จากนั้นหลังมองรอบๆสักพักก็พบเจอบ้านหลังที่ว่าง
ที่ไฉนรู้ว่าบ้านพักหลังไหนมีคนอยู่ เพราะที่ประตูสลักคำว่ามีคนเอาไว้
“เฮ่ พี่น้องท่านมาจากที่ไหนหรือ?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าไปยังบ้านพักที่ว่างดังกล่าว ก็ปรากฏร่างชายหนุ่มแลดูบึกบึนคนหนึ่งเหินตัดอากาศมาฉับไว ก่อนจะมาหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน พลางถามด้วยรอยยิ้ม
“จี้เมี่ยเทียนน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนผงะไปเล็กน้อย ค่อยพยักหน้ากล่าวคำตอบไป
“จี้เมี่ยเทียนหรือ?”
ชายหนุ่มร่างให่ฉีกยยิ้มตาหยี “บังเอิญจริง…ข้าเองก็คิดถึงจี้เมี่ยเทียนบ่อยๆ ตั้งใจว่าจะไปเที่ยวให้ได้มานานแล้ว”
“ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ถูกสงสัยว่าจะเป็นเทพ…และมีอันดับที่ 3 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์แล้ว! ถึงกับรอดชีวิตออกมาจากนรกอสุราได้ นับว่าสร้างความตกใจให้ผู้คนในระนาบเทวโลกทั้งหลายนัก”
“นอกจากนั้นหากข้าจำไม่ผิด เหมือนในจี้เมี่ยเทียนของพี่น้องจะเรียกหาจักรพรรดิสวรรค์กันว่า เซียนกระบี่ไร้เทียมทาน ใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ยิ่งมายิ่งคึกคัก กล่าวออกด้วยความกระตือรือร้นว่า “ข้าได้ยินวว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจะมาด้วย…ท่านเป็นแบบอย่างของข้า!!”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม
ด้วยไม่คิดเลยว่ามาถึงที่นี่ไม่ทันไร ก็จะได้พบกับ ‘แฟนคลับ’ ของอาจารย์แล้ว
“พี่น้อง ข้าเรียกว่า ถังซานเป่า ไม่ทราพี่น้องชื่ออะไรเหรอ?”
หลังรู้ว่าต้วนหลิงเทียมาจากจี้เมี่ยเทียน ชายหนุ่มร่างใหญ่ก็แลดูคึกคักมากขึ้น
“ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ และในขณะที่เขากังงจะบอกอีกฝ่ายว่าขอตัวก่อน อีกฝ่ายก็มองถามเขาด้วยสายตาวับวาวอีกครั้ง “พี่น้องต้วนในเมื่อท่านเป็นคนของจี้เมี่ยเทียน เช่นนั้นท่านก็ต้องเคเห็นจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแล้วสิ?”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน ถังซานเป่าก็เบ้ปากทำหน้าอิจฉา กล่าวว่า “น่าอิจฉาจริง แต่ถึงข้าจะไม่เคยเห็นจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียน…”
“อย่างไรเสีย แม้จะไม่เคยเจอแล้วจะอย่างไร? สักวันข้าจะก้าวข้ามจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางให้ได้!”
เสียงกล่าวประโยคท้ายของถังซานเป่า ฟังดูจริงจังเอาเรื่องนัก!