WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3466 ต้วนหลิงเทียนถูกท้าทาย
ในรอบแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์นั้น มีบางคนที่สามารถก้าวหน้าภายใต้แรงกดดันพลัง ถึงอัจฉริยะรุ่นเยาว์ส่วนใหญ่จะไม่ทันได้เห็น แต่ก็มีไม่น้อยที่สังเกตเห็นเหล่าผู้ที่บังเกิดความก้าวหน้า
“ไฉนข้าถึงคิดไม่ถึงนะ ไอ้เรื่องท้าคนที่พึ่งก้าวหน้าเนี่ย…”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์บางคนที่พึ่งท้าทายเอาชนะคู่แข่งมาได้หยกๆ กล่าวคำด้วยรอยยิ้มแหยๆ “หากข้าเลือกท้าคนที่พึ่งก้าวหน้าเช่นนาง ข้าคงไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยแบบนี้…อย่างไรก็แค่คนที่พึ่งมีพลังฝีมือเทียบได้กับจักรพรรดิอมตะสมญานามหยกๆ สมควรจัดการได้ไม่ยาก”
“เจ้าบ้านั่นฉลาดจริง ยังเลือกสตรีเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาคนที่ก้าวหน้าตอนนั้นอีก”
“เหอะๆ…แม่นางว่างถิงนั่น ไม่พ้นเป็นแค่ลูกพลับนุ่มในสายตามัน”
…
วาจาทำนองเดียวกันเริ่มดังระงมบนอัฒจันทร์ทั้ง 4 ทิศ และเหล่าอัจฉริยะที่บังเกิดความก้าวหน้าในรอบแรกก็เริ่มถูกหลายๆคนให้ความสนใจ เร่งรุดถามสหายกันใหญ่ ว่าใครบ้างที่บังเกิดความก้าวหน้าวันนั้น
แน่นอนว่ามีอัจฉริยะบางคนที่ไปหาข้อมูลเรื่องนี้มาแล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้ลงมือเท่านั้น
ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเอง เมื่อมีคู่ประลองที่รู้แพ้รู้ชนะแล้วอีกคู่ อัจฉริยะหลายคนที่หาข้อมูลมาก่อนก็ไม่รอช้าสืบไป เร่งรุดออกมากลางหาวเหนือสนาม และมีคนหนึ่งที่ไวกว่าใคร พอมาถึงก็เร่งกล่าวท้าทายผู้ที่บังเกิดความก้าวหน้าในรอบแรกทันที
คนที่ถูกท้าทาย ก็หน้าเปลี่ยนสีไปอยู่บ้าง แต่มันก็ยังก้าวออกมาสู้
“บัดซบ! เจ้านั่นไฉนไวแท้เล่า! ตอนนี้คนที่ก้าวหน้ารอบแรกโดนท้าไปแล้วอีกคน!”
อัจฉริยะหลายคนที่เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวคลี่ยิ้มขบขันอยู่บ้าง
เรียกว่าว่างถิงยังเหินร่างไปไม่ถึงสนามประลองด้วยซ้ำ พอดีกับมีคู่ประลองหนึ่งพึ่งจบ ก็มีอัจฉริยะหลายคนเร่งรุดกันออกมาหมายท้าทายคนที่ก้าวหน้ารอบแรก แต่น่าเสียดายที่ในบรรดาอัจฉริยะนับ 10 มีร่างหนึ่งที่ไปถึงกลางสนามและเอ่ยคำท้าว่องไวกว่าใคร
เรื่องนี้แลดูน่าขำนัก!
อย่างไรก็ตามสำหรับอัจฉริยะที่หมาแย่งกันออกมาท้าทายไม่ได้ขำกันสักคน เพราะตอนนี้คนที่ก้าวหน้าในรอบแรกก็หายไปอีกคนแล้ว หากครั้งหน้าพวกมันลงมือไม่เร็วพอ เกรงว่าจะไม่มีโอกาสรับประทานหมูอีกต่อไป!
จากนั้นไม่ทันไรก็มีอีกคู่ที่ประลองจบ! เหล่าอัจฉริยะที่รอท่าก็กรูกันออกไปเร็วไว!
จะอย่างไรก็ตาม ในบรรดาอัจฉริยะนับ 10 นั้น นอกจากคนที่เร็วที่สุดแล้ว คนที่ช้ากว่าแม้จะก้าวเข้ามาในสนามทั้งเอ่ยคำท้าทายไล่เลี่ยกัน แต่มันก็ถูกฉีคงไห่ใช้พลังไร้สภาพอ่อนหยุ่นหนึ่งผลักไสให้กลับไปยังอัฒจันทร์
“บัดซบ! ข้าอดอีกแล้ว!!”
“เจ้าบ้านั่น ไหงไว้แท้เล่า!!”
…
สีหน้าอัจฉริยะที่ช้ากว่าแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
ทว่าอัจฉริยะคนล่าสุด อันเป็นชายหนุ่มชุดฟ้าที่ช่วงชิงโอกาสสุดท้ายในการท้าประลองผู้บังเกิดความก้าวหน้าในรอบแรกไม่ทันจะได้ลงมืออะไร…
ทันใดนั้นเอง
เปรี๊ยงงง!!
เสียงระเบิดหนึ่งพลันดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ดึงความสนใจทุกคนไปทันที
มองไปปราดเดียว ทุกคนก็พบว่าชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลที่เอ่ยท้าว่างถิง หลังจากประมือกับว่างถิงอยู่หลายสิบกระบวน ตอนนี้ก็ได้ถูกว่างถิงซัดทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสจนล้มลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว…
“บัดซบ! เป็นเจ้าไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดแต่แรก!!”
ชายหนุ่มชุดน้ำตาลที่เสียท่าว่างถิงจนอาการสาหัส ตอนนี้สีหน้าของมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก ตอนแรกมันก็รุกไล่ว่างถิงอยู่ดีๆ จนสุดท้ายพอเห็นว่าว่างถิงเหมือนจะพยายามเต็มที่แล้ว มันก็คิดจะปิดฉาก…แต่คิดไม่ถึงเลยว่าในห้วงเวลาสุดท้าย อยู่ดีๆว่างถิงกลับระเบิดพลังเหนือความคาดหมาย และเป็นฝ่ายทำลายกระบวนท่าของมันกระทั่งซัดมันจนเจ็บหนักแบบนี้!
หลังโดนซัดจนลุกไม่ขึ้น แม้ชายหนุ่มชุดสีน้ำตาลจะสบถคำอย่างไม่ยินยอมแค่ไหน แต่มันก็รู้ดีว่ามันแพ้แล้ว
หากตอนนี้มันไม่ได้รับบาดเจ็บ และลงมือเต็มกำลัง แม้มันจะเอาชนะว่างถิงไม่ได้ แต่ว่างถิงก็ไม่อาจเอาชนะมันได้เช่นกัน อย่างดีก็แค่เสมอเท่านั้น
“แม่นางเจ้าช่างเจ้าเล่ห์นัก…”
ชายหนุ่มชุดน้ำตาลมองว่างถิงด้วยความขื่นขม ก่อนจะเหินร่างจากไปแต่โดยดี…มันที่คิดว่าจะได้รับประทานหมู มิคาดสุดท้ายกลับโดนหมูกัดจนเปลี้ย!
ได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ว่างถิงก็ไม่ได้สนใจอะไร เพียงเหินร่างออกจากเขตสนามประลองช้าๆ กลับไปนั่งด้านหลังต้วนหลิงเทียน
ขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่ ตระหนักเรื่องราว และหันมามองว่างถิงพลางถอนหายใจ “ว่างถิงคนนั้นแม้จะพึ่งบังเกิดความก้าวหน้าเมื่อเดือนก่อน แต่พลังฝีมือของนางกลับไม่ธรรมดาเลย…”
“อืม ไม่ธรรมดาจริงๆ จากกระบวนท่าสุดท้ายเมื่อครู่ บ่งชี้ว่าพลังของนางนั้นต่อให้เทียบกันในบรรดาเทพสงคราม 1 ดารา ก็อยู่กลางๆค่อนไปทางสูงไม่เหมือนผู้ที่พึ่งเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง…”
“ข้าหลงคิดว่านางเป็นพลับสุกนุ่มนิ่มเสียอีก ดูเหมือนพวกเราจะดูเบานางเกินไป”
“นั่นสิ…เพราะดูเบานางเกินไป เจ้าซือคงอวี๋ฟางนั่นก็เลยบาดเจ็บไม่น้อย…อันที่จริงด้วยพลังของมัน หากไม่ประมาทนางแต่แรก อย่างน้อยๆก็น่าจะประมือกับว่างถิงได้ไม่เพลี่ยงพล้ำ”
…
ความแข็งแกร่งของว่างถิง นับว่าเหนือความคาดหมายของผู้คนอยู่บ้าง
แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไม่ถึง ว่าว่างถิงที่พึ่งก้าวหน้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ นับว่านางเหนือกว่าเทพสงคราม 1 ดาราทั่วๆไปมาก
“ฮ่าๆๆ! ว่างถิง ยอดมาก!!”.
เหอเจี้ยนอวี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ รู้สึกยินดีกับว่างถิง “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะร้ายกาจขนาดนี้ทั้งๆที่พึ่งจะบังเกิดความก้าวหน้า! ดูเหมือนเรื่องผ่านเข้ารอบ 4 เจ้าคงไม่ต้องกังวลแล้วกระมัง?”
“ไม่กังวลอะไรล่ะ ข้าเกรงว่าคงยากจะผ่านได้ด้วยซ้ำ…”
ถึงแม้นางจะเอาชนะคู่ต่อสู้มาได้ แต่ว่างถิงก็ไม่ได้มีความมั่นใจในตัวเองมากนัก เพราะนางรู้ดีว่ามีอัจฉริยะมากมายที่เป็นดั่งพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของนางตอนนี้จะอยู่ในระดับบเทพสงคราม 1 ดารา แต่เรื่องผ่านเข้ารอบที่ 4 ก็ยังตึงมือนางเกินไป
“ว่างถิง ข้านึกไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าที่พึ่งประสบความก้าวหน้า จะแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าข้า”
ตอนนี้เองจางเทียนโย่วที่นั่งข้างๆว่างถิงก็อดกล่าวอย่างทอดถอนใจไม่ได้
จากการต่อสู้ของว่างถิงเมื่อครู่ มันย่อมมองออกว่าพลังต่อสู้ที่แท้จริงของว่างถิงไม่ได้ด้อยไปกว่ามันเลย กระทั่งหากมันต้องสู้กับนางจริงๆ เผลอๆนางจะเป็นฝ่ายชนะด้วยซ้ำ!
“พี่น้องดูทางนู้นสิ…พอเห็นว่าว่างถิงสามารถระเบิดพลังพลิกกลับมาเอาชนะได้ในช่วงคับขัน พวกที่ท้าประลองคนที่ก้าวหน้ารอบก่อนก็ไม่กล้าออมรั้งยั้งมือ ชักหน้าเข้มเอาจริงกันใหญ่!”
ได้ยินเสียงขบขันของถังซานเป่า ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็หันไปดู 2 คนที่แย่งชิงสิทธิ์ท้าทายอัจฉริยะที่ก้าวหน้ารอบแรกมาได้ทันที จึงเห็นว่าทั้งคู่ล้วนชักสีหน้าเคร่งขรึม เร่งเร้าพลังทั้งหมดลงมือราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ สุดท้ายคนหนึ่งก็เอาชนะได้หลังสู้ไป 10 กระบวนท่า ส่วนอีกคนก็เอาชนะได้หลังผ่านไป 30 กระบวนท่า
เรียกว่าทั้งคู่ประสบความสำเร็จในการท้าประลอง
ในบรรดาคนทั้ง 3 ที่บังเกิดความก้าวหน้าในรอบแรก มีแค่ว่างถิงเท่านั้นที่เอาชนะการท้าทายได้
แน่นอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ว่างถิงโดนท้าเท่านั้น หลายคนรู้ดีว่าหลังจากนี้ว่างถิงต้องโดนท้าอีกหลายครั้งแน่
“ข้า ซือหม่าจ้งจิ๋ง จากล่างจี้เทียน ขอท้าต้วนหลิงเทียนแห่งจี้เมี่ยเทียน!”
หลังจากการประลองดำเนินไปคู่แล้วคู่เล่า ก็มีชายหนุ่มแต่งตัวคล้ายบัณฑิตคนหนึ่งเหินร่างออกมาลอยเหนือสนามประลอง ก่อนจะหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวคำท้าออกมา
ทันใดนั้นเอง ทุกสายตาบนอัฒจันทร์ที่แต่เดิมชมมองอีก 18 คนที่ทำการประลองกันอยู่ ก็เลือกจะละความสนใจและหันมามองต้วนหลิงเทียนทันที เพราะสำหรับพวกมันแล้วการที่ต้วนหลิงเทียนถูกท้าทายเป็นอะไรที่น่าสนใจกว่ากันมาก…ที่สำคัญในบรรดา 18 คนที่ประมือกันอยู่ ล้วนเป็นแค่เทพสงคราม 1 ดาราเท่านั้น ไม่มีเทพสงคราม 2 ดาราอยู่เลย…
“อัยยะ! มีคนท้าต้วนหลิงเทียนแล้ว!”
“ลองเจ้านั่นมันกล้าท้าต้วนหลิงเทียนสู้ บ่งบอกให้รู้ว่าต่ำๆมันก็ต้องเป็นเทพสงคราม 2 ดารา! มาดูกันเถอะว่าพลังฝีมือศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางที่แท้สูงต่ำเพียงไร”
“ในที่สุดก็มีตัวตนระดับเทพสงคราม 2 ดาราหรืออาจจะเหนือกว่านั้นลงมือแล้วรึ!”
…
จากบททดสอบในรอบแรกของศึกอัจฉริยะสวรรค์ ก็มากพอจะบอกให้รู้ว่าอัจฉริยะแต่ละคนเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งเพียงไหนคร่าวๆ
เรียกว่าหากใครที่เผชิญแรงกดดันพลังของฉีคงไห่แล้วแลดูเฉยๆไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 2 ดาราขึ้นไป!
ด้วยเหตุนี้ทำให้วิหารเฟิงฮ่าวสรุปข้อมูลต้วนหลิงเทียนไว้ว่า น่าจะเป็นเทพสงคราม 2 ดาราขึ้นไป!
“ฮ่าๆๆ…พี่น้องต้วน! ไม่คิดเลยว่าในบรรดาพวกเรา ท่านจักเป็นคนที่ถูกท้าทายคนแรก! สงสัยพวกมันจะเห็นว่าพี่น้องต้วนท่านอ่อนด้อยที่สุดแน่ๆ!”
ถังซานเป่าที่กลัวโลกวุ่นวายไม่พอ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน
จนถึงตอนนี้อัจฉริยะที่เก่งกาจ รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์และคนของวิหารเฟิงฮ่าวทั้งหลายก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับการประลองมากนัก ล้วนง่วนอยู่กับการสนทนากับสหายหรือคนรอบตัว เพียงเหลือบมองการประลองเป็นครั้งคราวเท่านั้น
เหตุผลที่เป็นแบบนี้ เพราะการประลองไม่มีค่าพอให้พวกมันสนใจ
อย่างน้อยๆก็ไม่มีค่าจนถึงตอนนี้
พอมีคนเอ่ยท้าต้วนหลิงเทียนออกมา ไม่ว่าจะอัจฉริยะก็ดี จักรพรรดิสวรรค์หรือระดับสูงๆของวิการเฟิงฮ่าวก็ดี ต่างพากันหยุดคุย และค่อยๆหันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที
เรียกว่าพริบตาเดียว ต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของทุกคน!
“น้องฟงท่าน…ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีคนท้าศิษย์หลานต้วนเร็วขนาดนี้”
ติงฟู่ จักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียนหันไปมองฟงชิงหยางที่นั่งฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ พลางยิ้มกล่าว “ดูท่า…เจ้าหนุ่มนั่นสมควรถูกส่งมาทดสอบพลังฝีมือศิษย์หลานต้วนเป็นแน่”
“น่าจะใช่”
ฟงชิงหยางพยักหน้ารับเบาๆ ขณะเดียวกันก็เหม่อมองกาน้ำชาครู่หนึ่ง ค่อยเอื้อมมือไปคว้ามารินชาใส่ถ้วย ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นมาละเลียดจิบอย่างไม่รีบไม่ร้อน แลคล้ายกำลังจมจ่อมในภวังค์อะไรสักอย่าง
ติงฟู่เห็นดังนั้นก็ไม่ได้พูดกวนอะไรอีก สองตาหันกลับไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนไม่วางตา และต้วนหลิงเทียนในสายตาของมัน ก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนจากที่นั่งบนอัฒจันทร์ จากนั้นก็เหินร่างเข้าสู่สนามประลองอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“เชิญป้อนกระบวนท่า”
ท่ามกลางทุกสายตา ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างมาหยุดลอยเผชิญหน้ากับ ซือหม่าจ๋งจิ้ง ที่แลคล้ายบัณฑิตด้วยท่าทีสงบ ก็เอ่ยคำกับอีกฝ่ายออกมาเสียงเบา
“ต้วนหลิงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าก็เป็นเทพสงคราม 2 ดาราเช่นกัน…วันนี้สาเหตุที่ข้าท้าเจ้า ส่วนใหญ่เป็นเพราะข้าอยากรับทราบพลังฝีมือของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน”
พอซือหม่าจ๋งจิ้งกล่าวจบคำ ทั่วร่างมันก็สั่นไหว จากนั้นก็ปรากฏเพลิงพลังลุกโชนขึ้นมาอย่างร้อนแรง เปลวไฟอันแผ่กลิ่นอายพลังสุดไพศาลโหมกระหน่ำแผดเผาบรรยากาศดังครืนๆ! เห็นได้ชัดว่าแซ่ซือหม่าเก่งกฏแห่งไฟ!!
ซู่มมม! ปงงง!!!
ทันใดนั้นร่างซือหม่าจ๋งจิ้งที่คล้ายกลับกลายเป็นบอลไฟลูกเขื่อง ก็ประหนึ่งจุดระเบิด คนพุ่งทะยานออกมาฉับไวปานอุกกาบาตร่วงฟ้า จี้ตรงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียยนอย่างดุดัน! ทว่าร่างมันห้อเหยียดมาไม่ทันไร กลิ่นอายพลังจากการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟก็กำจายสะท้านไปทั่วบรรยากาศ มวลเพลิงที่ปกคลุมห้อมล้อมคลุมกาย พลันก่อลักษณ์เป็นมังกรไฟตัวเขื่อง พอตบฟาดฝ่ามือออกมา มังกรไฟดังกล่าวก็โจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!!
วูบ!
อย่างไรก็ตามก่อนที่มังกรไฟอันเกรี้ยวกราดจะทันได้เฉียดกรายทำร้ายต้วนหลิงเทียน ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน!
เคลื่อนย้ายข้ามมิติ!
พริบตาเดียวกันนั้นเอง ร่างต้วนหลิงเทียนก็ไปผุดโผล่อยู่ด้านหลังซวือหม่าจ๋งจิ้งปานภูตผี!
ฟั่ฟฟฟฟ!
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างต้วนหลิงเทียนไปปรากฏตัวด้านหลังซือหม่าจ๋งจิ้ง เสียงกระบี่หอนก็ดังขึ้นเสียดหู จากนั้นทุกคนก็สังเกตเห็นว่า…หลังคอของซือหม่าจ๋งจิ้ง ปรากฏเส้นแดงหนึ่งลากยาวขวางลำคอชัดเจน!
ซือหม่าจ๋งจิ้งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง บัดนี้ทั่วร่างแข็งค้างปานคนกลับกลายเป็นหิน! เหงื่อกาฬหลั่งไหลชุ่มโชก รูม่านตาเบิกกว้างไปด้วยความหวาดกลัว พลังสภาวะทั่วร่างสิ้นสูญ มังกรพลังพุ่งตามแรงเฉื่อยไปไม่ทันไรก็สาบสูญไปในอากาศ!
และครู่ต่อมาพอมันยืนยันได้ว่า มันแค่ได้รับบาดเจ็บบริเวณผิวหนังเท่านั้น ก็เร่งโคจรพลังห้ามเลือดสมานแผล จากนั้นก็หันหลังกลับมาทันที มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความยินดีระคนซาบซึ้งตื้นตันสุดชีวิตที่บัดนี้ตัวเองยังเหลือลมหายใจอยู่ ยังเร่งประสานมือโค้งหัวกล่าวคำขอบคุณต้วนหลิงเทียนยกใหญ่ “ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน!!”
เรียกว่าน้ำเสียงของซือหม่าจ๋งจิ้งสั่นไปไม่น้อย
ต้องทราบด้วยว่าในการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์นั้น…ไม่มีกฏห้ามฆ่า! และดาบกระบี่เองก็ไร้นัยน์ตา แม้เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนจะสะบั้นศีรษะมันให้ร่วงลงจากบ่า ก็ไม่มีใครคิดตำหนิต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย…
“อา”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆเหินร่างกลับอัฒจันทร์ที่นั่งอย่างไม่รีบไม่ร้อน ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของผู้คน