WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3480 เทพสงคราม 5 ดาราอีกคน!
“ถังซานเป่าคนนี้…”
ต้วนหลิงเทียนที่มองจ้องถังซานเป่าอยู่ย่อมแลเห็นได้ไม่ยาก ว่าหลังจากถังซานเป่าไปยืนเผชิญหน้ากับอวี้หลันเชิงบนสังเวียนแล้ว ความขี้เล่นเฮฮาอันใดล้วนสลายหายไปหมด คนกลับกลายเป็นนิ่งสงบไม่แยแส ให้ความรู้สึกลี้ลับยากหยั่งถึงนัก
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนคุ้นเคยกับอีกฝ่ายมาหลายวัน คงคิดไปว่าปกติแล้วมันเป็นแบบนี้จริงๆ
“ศิษย์พี่ถังผู้นี้ช่างเสแสร้งแสดงเก่งยิ่ง…ตอนนี้ยังวางมาดยอดฝีมืออยู่ได้”
จางเทียนโย่วคลี่ยิ้มขบขันออกมา
เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจว่าถังซานเป่ากำลังเสแสร้งวางมาดยอดฝีมืออยู่
การต่อสู้ครั้งนี้ อัจฉริยะทั้งหลายไม่มีใครคิดว่าเรื่องราวจะพลิกผันไปได้ อวี้หลันเชิงที่น่าจะเป็นเทพสงคราม 4 ดาราขึ้นไป ย่อมเอาชนะคนไร้ชื่ออย่างถังซานเป่าได้อย่างไม่ยากเย็นแน่นอน
และหลังจากอวี้หลันเชิงลงมือออกกระบวนท่า จากกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมา ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันไม่ใช่เทพสงคราม 4 ดาราธรรมดาๆ!
อย่างไรก็ตาม ฉากเรื่องราวชวนให้ทุกคนตกใจพลันอุบัติขึ้น!
เพราะกระบวนท่าที่อวี้หลันเชิงใช้จู่โจมใส่ถังซานเป่านั้น ไม่เพียงถูกถังซานเป่ารับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แต่ถังซานเป่ายังซัดพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งโถมถันเข้าใส่อวี้หลันเชิง และไม่ว่าอวี้หลันเชิงจะพยายามต้านรับแค่ไหนกระทั่งใช้ศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณก็แล้ว แต่กลับไม่อาจต้านทานรับกระบวนท่าของถังซานเป่าได้เลย!!
สุดท้ายพลังของถังซานเป่าก็สะกดร่างอวี้หลันเชิงได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้อวี้หลันเชิงรู้สึกเสมือนชีวิตไม่ได้อยู่ในกำมือของตัวเองสืบไป และในห้วงเวลาคับขันอวี้หลันเชิงก็เลือกที่จะทำลายป้ายหยก เพื่อหลบออกไปนอกสังเวียนทันที
อวี้หลันเชิงสู้ถังซานเป่าไม่ได้ เลือกยอมแพ้โดยการบดทำลายป้ายหยก!
2 กระบวนท่า!
ถังซานเป่าอาศัยหนึ่งต้านรับหนึ่งจู่โจม ก็ทำให้อวี้หลันเชิงสิ้นท่าโดยสมบูรณ์!
“น่าเบื่อจริง”
หลังจากเอาชนะอวี้หลันเชิง จนทำให้ผู้ชมทั้งหลายพร้อมใจกันเงียบกริบ เสียงเบื่อหน่ายของถังซานเป่าพลันดังขึ้น “ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์อวี้หวงเทียนก็แค่นี้เอง”
“ดูเหมือนคนที่ทำให้ข้าถังซานเป่าลงมือได้อย่างเต็มที่ คงมีแต่อวี๋ตงฟางศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน หรือไม่ก็ต้วนหลิงเทียนศิษย์ของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนกระมัง”
พอกล่าวจบ ถังซานเป่าก็เตรียมจะกลับไปยังอัฒจันทร์ที่นั่ง
“เจ้าที่แท้เป็นใครกันแน่!?”
สีหน้าอวี้หลันเชิงบัดนี้บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก แต่มันก็รู้ตัวดีว่ามันทำเต็มที่แล้ว แค่อีกฝ่ายร้ายกาจเกินไปจนมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลย สุดท้ายก็ประเดิมศึกแรกในรอบที่ 4 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ด้วยความแพ้พ่าย
“ข้าเรียกว่าถังซานเป่า ก็แค่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ไม่เด่นไม่ดังเท่าเจ้าหรอก”
ถังซานเป่าหันกลับมามองตอบอวี้หลันเชิงเสียงเรียบ สีหน้าแววตายังแลดูสงบให้ความรู้สึกยากหยั่งถึง อย่างไรก็ตามพอมันเหินร่างกลับมายังอัฒจันทร์ที่นั่ง มันก็คลี่ยิ้มร่ามองกล่าวกับพวกต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “ไงล่ะ? พวกท่านได้ทำตามที่ข้าบอกหรือไม่ คงไม่มีผู้ใดเผลอกระพริบตาหรอกนะ?”
จังหวะนี้ไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียน ซูหลี่ จางเทียนโย่ว ว่างถิงและเหอเจี้ยนอี่เท่านั้น แม้แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเองก็อดไม่ได้ที่จะมองถังซานเป่าด้วยสายตาทำราวกับพึ่งเคยเห็นถังซานเป่าครั้งแรก!
“เจ้าเป็นใคร แล้วมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงได้เข้าหาข้า?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเอ่ยถามเสียงหนัก
ไม่อาจปฏิเสธได้เลย ว่าพลังฝีมือของถังซานเป่าทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ
ถังซานเป่าคนนี้แลแล้วไม่คล้ายมีพิษมีภัยต่อสรรพชีวิตอย่างที่จางเทียนโย่วพูด เพราะดูอย่างไรมันก็ไม่มีมาดยอดฝีมือเลย…อย่างไรก็ตามอาศัยพลังที่เปิดเผยออกมาเมื่อครู่ อย่างน้อยๆมันก็ต้องเป็นเทพสงคราม 5 ดารา!
อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เป็นถึงเทพสงคราม 5 ดารา เรื่องนี้จะให้คิดอย่างไร?
ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ยังพึ่งมีตัวตนระดับเทพสงคราม 5 ดาราโผล่ออกมาแค่คนเดียวเท่านั้น!
และจากสถิติของศึกอัจฉริยะสวรรค์หลายสิบครั้งที่ผ่านมา เฉลี่ยแล้วก็มีเทพสงคราม 5 ปรากฏตัวออกมาไม่เกิน 5 คน
อายุไม่ถึงพันปี คิดจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 5 ดาราไหนเลยจะเป็นเรื่องราวอันง่ายดาย?
และบัดนี้กลับมีอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันคนหนึ่งที่มีพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดารา ทว่าเข้ามาตีสนิทเขาราวเห็บสุนัข ต้วนหลิงเทียนไม่คิดว่าเขาจะมีเสน่ห์อะไรมากมายขนาดนั้น ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวก็คือถังซานเป่าต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่นอน!
และพอเสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ซูหลี่ก็ขมวดคิ้วทันที
กระทั่งจางเทียนโย่วและคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะมองถังวานเป่าด้วยสายตาหวั่นเกรง หรือถังซานเป่าผู้นี้มีแผนร้ายอะไรต่อต้วนหลิงเทียน?
“พี่น้องต้วน ท่านก็จริงจังไปได้ ข้าจะไปมีจุดประสงค์อะไรได้เล่า…”
ได้ยินคำถามด้วยสีหน้าท่าทางจริงจังของต้วนหลิงเทียน ถังซานเป่าก็คลี่ยิ้มพลางโบกมือไปมา “ตอนแรกที่ข้ามาทักพี่น้องต้วน เพราะรู้สึกว่าพี่น้องต้วนท่านไม่ธรรมดาจริงๆ ต่อมาพอได้รู้ตัวตนของพี่น้องต้วนแล้ว ข้าก็เริ่มบังเกิดความคิดอยากเอาชนะพี่น้องต้วนในศึกอัจฉริยะสวรรค์ เพื่อที่ข้าจะได้กลับไปเกทับตาแก่!”
“ตาแก่?”
ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้วพลางถาม
“อ่อ ตาแก่ที่ว่าเป็นอาจารย์ของข้าเอง”
ถังซานเป่าลูบหัวพลางหัวเราะกล่าวว่า “ตาแก่นั่น เมื่อก่อนก็เคยเอาชนะอาจารย์ของพี่น้องต้วนได้ครั้งหนึ่ง…อย่างไรก็ตามหลังตาแก่ได้ยินเรื่องที่อาจารย์ของพี่น้องต้วนรอดกลับออกมาจากนรกอสุรา ก็เร่งรุดไปท้าประลองโดยไม่เจียมตัวเอง สุดท้ายไม่พ้นต้องโดนอาจารย์ของพี่น้องต้วนทุบตีเอาชนะมาได้อย่างราบคาบแน่ ถึงได้นั่งซึมไม่พูดไม่จาไปเป็นเดือน และเท่าที่ข้าแอบฟังมา เห็นว่ายังแพ้พ่ายอาจารย์ของพี่น้องต้วนทั้งๆที่อาจารย์ของพี่น้องต้วนใช้ร่างอวตารกฏแห่งดินอีกด้วย”
“ข้าเองก็ติดตามตาแก่มาหลายปีดีดักแล้ว แต่ตอนนั้นเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เห็นตาแก่มันซึมขนาดนั้น”
“เช่นนั้นในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ตอนแรกก็ไม่เป็นไร แต่พอได้รู้จักพี่น้องต้วนแล้วข้าก็เหลือความสนใจแค่อย่างเดียวเท่านั้น…นั่นคือเอาชนะพี่น้องต้วน เพื่อที่จะได้ไปเกทับตาแก่นั่น ว่ามันเอาชนะอาจารย์ผู้อื่นไม่ได้ แต่ข้ากลับเอาชนะศิษย์สายตรงของผู้อื่นได้!”
ถังซานเป่ากล่าว สีหน้ายังฉายอาการฝันหวานไม่น้อย
และพอถังซานเป่าพูดจบ ต้วนหลิงเทียนก็ลองงส่งเสียงผ่านพลังไปถามอาจารย์เขาทันที ว่ามีคนเช่นนั้นด้วยหรือไม่?
“ที่แท้เป็นลูกศิษย์ของเจ้านั่นหรอกหรือ?”
ฟงชิงหยางประหลาดใจอยยู่บ้างหลังได้ฟังเรื่องราวจากต้วนหลิงเทียน “เสี่ยวเทียนเจ้าไม่ต้องกังวลไป เมื่อครู่ข้าก็รู้สึกคุ้นๆอยู่แล้วหลังเห็นถังซานเป่าลงมือ เพราะลักษณะการลงมือของมันคล้ายคนผู้นั้นอยู่หลายส่วน เช่นนั้นสมควรเกี่ยวข้องกันจริงๆ”
“กระทั่งยังเป็นศิษย์ของเจ้านั่นอีกด้วย”
ฟงชิงหยางถอนหายใจ
“ท่านอาจารย์ เห็นว่าอาจารย์ของถังซานเป่าเคยเอาชนะท่านได้ครั้งหนึ่งก่อนที่ท่านจะเข้าสู่รกอสุรา? หากข้าจำไม่ผิด…ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกว่าก่อนหน้านี้ท่านเองก็เป็นเทพสงคราม 8 ดาราแล้วไม่ใช่หรือ?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“อาจารย์ของถังซานเป่านับเป็นยอดฝีมือเร้นกายที่ร้ายกาจมากคนหนึ่ง พลังฝีมือของมันอยู่ในระดับเทพสงคราม 9 ดารา ยังเป็นครึ่งก้าวเทพอีกด้วย”
ฟงชิงหยางกล่าว
ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที เพราะหากอีกฝ่ายเป็นถึงเทพสงคราม 9 ดารา เช่นนั้นก็สมควรเอาชนะอาจารย์เขาในอดีตได้จริงๆ
เพียงแค่หลังรอดกลับออกมาจากนรกอสุรา อาจารย์เขากลับบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วนั่นเอง
ภายใต้ขอบเขตเทพย่อมไม่มีใครสู้เทพได้
เช่นนั้นหากอาจารย์ของถังซานเป่ายังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็สู้อาจารย์เขาไม่ได้เป็นธรรมดา
“คิดเอาชนะข้ามันก็ไม่ง่ายหรอกนะ”
ต้วนหลิงเทียนหันมามองถังซานเป่าอีกครั้ง ค่อยยิ้มบางๆกล่าวตอบ หลังได้ยืนยันเรื่องราวกับฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอก ถังซานเป่าไม่ได้เข้าหาเขาเพราะมีแผนร้ายใดๆ เต็มที่ก็แค่อยากเอาชนะเขาเพื่อไปอวดเท่านั้น
“อัยยะ! พี่น้องต้วนท่านพูดมาแบบนี้…หมายความว่าพี่น้องต้วนเองอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 5 ดาราน่ะสิ!”
พอได้ยิน สองตาถังซานเป่าลุกวาวขึ้นมาทันที “ข้าก็เดาได้แต่แรกแล้ว…พอได้ยินพี่น้องต้วนยืนยัน ก็ทำให้ข้าตั้งหน้าตั้งตารอสู้กับพี่น้องต้วนท่านนัก!”
และพอกล่าวจบคำ ถังซานเป่าที่แลดูคึกคักออกนอกหน้านอกตา ก็หันไปมองฉีคงไห่พลางตะโกนกล่าวเสียงดัง “รองจ้าวตำหนักฉี ไหนๆท่านก็ควบคุมการประลองแล้ว ช่วยจัดให้ข้าถังซานเป่า เจอกับพี่น้องต้วนตอนนี้เลยได้หรือไม่? ข้าแทบทนรอสู้ไม่ไหวแล้ว!!”
หลังถังซานเป่ากล่าวจบ ฉีคงไห่ก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร เพียงเหลือบมองด้วยหางตาผ่านๆ ก่อนจะเลิกสนใจอะไรมัน
“พวกเจ้าเริ่มประลองต่อเถอะ!”
ฉีคงไห่หันไปมองอีก 8 คนที่ยังยืนนิ่งอยู่บน 4 สังเวียนที่เหลือ พลางกล่าวเตือนให้เริ่มสู้กันได้แล้ว
ทั้ง 8 พอได้ยินก็กลับมารู้สึกตัวและเริ่มต้นลงมือประลองกันทันที
ที่พวกมันนิ่งเฉยไม่สู้กันก็ไม่ใช่เพราะไม่อยากสู้ แต่พวกมันอยากชมดูการลงมือของอวี้หลันเชิง ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิหยก! แค่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายอวี้หลันเชิงจะเจอแบบเดียวกับเมิ่งฝานกุ้ย แพ้พ่ายให้กับคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามที่ไม่มีใครรู้จัก!
อีกทั้ง จากการประลองเมื่อครู่ ก็บอกให้รู้ว่าอัจฉริยะระดับเทพสงคราม 5 ดารา คนที่ 2 ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว!
นอกจากนั้นอัจฉริยะระดับเทพสงคราม 5 ดาราทั้ง 2 คนยังมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน…ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ไม่มีใครรู้จัก!
“บ้าจริง ทำเป็นเมินข้างั้นหรือ? ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสินะ…หึ! รอให้ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพเมื่อไหร่ ข้าจะบุกไปทุบตีคนของวิหารเฟิงฮ่าวสักครา!!”
ถังซานเป่ามองจ้องแผ่นหลังฉีคงไห่ตาขวาง แลดูไม่พอใจอย่างมาก
ในขณะนี้ถึงแม้บนสังเวียนแสงจะยังการประลองอยู่ 4 คู่ แต่ไม่มีอัจฉริยะให้ความสนใจมากนัก…สายตาทุกคนยังเอาแต่จับจ้องถังซานเป่า เพราะถังซานเป่าเป็นดั่งม้ามืดที่ไม่มีใครรู้จัก
“เหอะๆ จะส่งเสียงผ่านพลังมาอะไรกันนักหนา คิดขุดกำแพงตาแก่กันใหญ่…หลังจากกลับไปหากข้าเล่าเรื่องนี้ให้ตาแก่ฟังแล้ววใส่ไฟเข้าหน่อย ไม่ทราบตาแก่จะไปไล่ทุบตีพวกมันเรียงตัวหรือไม่?”
ถังซานเป่าลูบคาง สองตากวาดตามองเหล่าจักรพรรดิสวรรค์และคนของวิหารเฟิงฮ่าวทั้งหลาย พลางกล่าวพึมพำเบาๆ
ได้ยินเสียงกล่าวพึมพำของถังซานเป่า มุมปากต้วนหลิงเทียนอดกระตุกไปไม่ได้
ถังซานเป่าคนนี้ เป็นอันธพาลหรือไร?
ยังกล้าคิดมาได้ ว่าจะให้อาจารย์ของตัวเองไปไล่ทุบตีจักรพรรดิสวรรค์กับคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่กล่าวชวนมันเป็นศิษย์!
ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยาก ว่าตอนนี้สมควรมีคนยื่นกิ่งมะกอกให้ถังซานเป่าไม่น้อย ด้วยหวังรับถังซานเป่าเป็นศิษย์…เพราะอย่างไรเสียในสายตาพวกมัน ถังซานเป่าก็เป็นแค่ผู้ฝึกตนพเนจรคนหนึ่ง
ผู้ฝึกตนประเภทนี้อาจมีตระกูลหรืออาวุโสคอยชี้แนะ แต่อาจจะยังไม่มีอาจารย์ที่เหมาะสม
นอกจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยาก ว่าคนที่กล่าวยื่นข้อเสนอให้ถังซานเป่า ไม่น่าจะมีตัวตนขอบเขตเทพ เพราะในสายตาของผู้ที่บรรลุเทพแล้ว…คนที่ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเทพก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา
แม้ว่าตอนนี้ถังซานเป่าจะเป็นถึงเทพสงคราม 5 ดารา แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดได้เต็มปากว่าวันหน้าถังซานเป่าจะบรรลุถึงขอบเขตเทพได้แน่นอน
ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก คนอย่างถังซานเป่าไม่ใช่ว่าจะไม่เคยปรากฏ แม้อายุไม่ถึงพันแต่มีพลังระดับเทพสงคราม 5 ดารา…แต่นั่นก็ไม่ได้บอกว่าจะกลายเป็นเทพหรือเหนือกว่านี้ได้! กลับกันบางคนที่วันนี้อาจดีไม่เท่าถังซานเป่า แต่วันหน้าอาจทัดเทียมถังซานเป่า หรือกระทั่งเหนือกว่า…
เป็นธรรมดาว่าจะอย่างไร ถังซานเป่าก็ถือว่ามีเปรียบอย่างมาก สุดท้ายการที่บรรลุถึงระดับเทพสงคราม 5 ดาราได้ตั้งแต่ยังเยาว์ ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะกระทำได้
…
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ้าก็เริ่มมืดลง
และรอบที่ 4 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็ดำเนินไปได้เกือบครึ่ง
ไม่นานนักหลังการประลองอีก 5 คู่จบลง ฉีคงไห่ ผู้เป็นคนกำกับดูแลการประลอง ก็หันไปกวาดตามองเหล่าอัจฉริยะพลางกล่าวคำออกมาเสียงดัง “อีก 10 คนต่อไปจักเป็นการประลอง 5 คู่สุดท้ายของวันนี้…ผู้ที่ยังไม่ได้ลงสนามในวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยถึงตาพวกเจ้า”
“แน่นอนว่าหากพรุ่งนี้เกิดมีเรื่องล่าช้าขึ้น บางคนก็อาจต้องรอจนถึงมะรืนนี้”
พอเสียงฉีคงไห่ดังจบคำ เหนือสังเวียนทั้ง 5 ก็ปรากฏชื่อผู้ที่จะจับคู่ประลองทั้ง 10 อันเป็น 5 คู่สุดท้ายขึ้นมา
และทันทีที่ชื่อทั้ง 10 ปรากฏขึ้น ก็มีชื่อหนึ่งดึงความสนใจของผู้คนทันที
“ต้วนหลิงเทียน!”