WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3490 ราชาเทพ
“ฟงชิงหยาง!?”
เมื่อเห็นฟงชิงหยางมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ สีหน้าพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก!
เพราะมันคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมฟงชิงหยางมาถึงเร็วขนาดนี้?
ต้องทราบด้วยว่า…มันยังไม่ทันจะได้ลงมือจนกระตุ้นรอยประทับจิตเทพที่อีกฝ่ายทิ้งไว้บนร่างต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!
หรือฟงชิงหยางจะซ่อนตัวลอบให้ความคุ้มครองต้วนหลิงเทียนอย่างลับๆตลอดเวลา?
ทว่าต้วนหลิงเทียนก็แค่ศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งไม่ใช่หรือไง? ต่อให้ดีแค่ไหน…ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่คนอย่างฟงชิงหยางจะว่างมาคุ้มกันตลอดเวลาใช่ไหม?
“เจ้า…ไฉนมาที่นี่ได้?”
สีหน้าพระอาจาร์หมี่เยี่ยนอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันเอ่ยถามออกไปโดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงยังฉายชัดถึงความหวั่นเกรง
“หากข้าไม่มา เกรงว่าเจ้าคงลงมือสำเร็จไปแล้วกระมัง…”
ฟงชิงหยางมองลึกไปยังพระอาจารย์หมี่เยี่ยน ตัวมันมาถึงที่นี่นานแล้ว และคำพูดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนมันก็ได้ยินทั้งหมด…แน่นอนว่าฟงชิงหยางไม่รู้ว่ามันคือพระอาจารย์หมี่เยี่ยน เพียงเข้าใจว่ามันคือยูไลเท่านั้น!
“หึ!”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวพ่นลมสบถคำหนึ่ง จ่างนั้นร่างมันก็ไหววูบ คิดหลบหนีทันที!
ทว่าต่อหน้าฟงชิงหยางที่เตรียมพร้อมมานาน มันคิดจะหลบหนีก็สามารถหลบหนีได้ตามใจรึไง?
“ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ต่อเถอะ”
ฟงชิงหยางเอ่ยออกเสียงเฉยคำหนึ่ง และทันใดนั้นเอง พลันปรากฏแสงกระบี่สีกากีเข้มอุบัติขึ้นจากความว่างเปล่า จากนั้นก็พุ่งไปก่อเกิดเป็นข่ายแสงกระบี่ล้อมกักร่างพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเอาไว้!
ต้องเผชิญหน้ากับฟงชิงหยางแบบนี้ สีหน้าของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนแลดูจริงจังนัก ต่อให้จะเป็นการเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจที่สุดในอดีตก็ยังแลดูไม่จริงจังถึงขนาดนี้! มันเร่งตบฟาดฝ่ามือต่างดาบจี้ไปเบื้องหน้า จากนั้นทั่วร่างพลันปรากฏแสงพลังสีทองคลุมกายสว่างจ้า! คนคล้ายกลับกลายเป็นดาบแหลมคมพุ่งทะยานออกไปปานดาวตก หมายทะลวงฝ่าข่ายแสงกระบี่เพื่อหลบหนี!
ตอนนี้พระอาจารย์หมี่เยี่ยนไม่มีความคิดจะปะทะแตกหักกับฟงชิงหยางเลย
หากเป็นตอนที่มันสมบูรณ์พร้อม มันอาจไม่เกรงกลัวฟงชิงหยาง
แต่ปัญหาก็คือ…
เมื่อไม่นานมานี้สำนึกเทวะของมันพึ่งถูกฟงชิงหยางทำลาย! ส่งผลให้จิตวิญญาณของมันบาดเจ็บหนัก สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของมันไม่น้อย ถึงขั้นที่ว่าสภาพมันในปัจจุบัน…ขอแค่เป็นคนที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตเทพก็อาจฆ่ามันได้!!
ในกรณีดังกล่าว เว้นเสียแต่มันจะกลายเป็นตัวโง่งมสมองกลับ หาไม่แล้วไม่มีทางเลือกปะทะแตกหักกับฟงชิงหยางแน่นอน!
“ช่างเป็นพลังที่ร้ายกาจนัก!”
เมื่อเห็นพระอาจารย์หมี่เยี่ยนลงมือ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของแสงดาบสีทองที่ปกคลุมทั่วร่างอีกฝ่ายชัดเจน! หากอีกฝ่ายใช้พลังดังกล่าวมาเล่นงานเขาล่ะก็…เกรงว่าต่อให้เขาลงมือทุ่มสุดตัวเพื่อต้านทาน ก็หนีความตายไม่พ้น!!
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันไรเขาก็เห็นว่าแสงดาบอันน่าเกรงขามดังกล่าว ก็ได้ถูกแสงกระบี่ของ ฟงชิงหยาง อาจารย์เขาหยุดลงได้ไม่ยากเย็น!
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนไม่อาจฝ่าข่ายแสงกระบี่หลบหนีไปได้!
ปงงง!!
ตูมมมมม!!!
…
เสียงระเบิดจากการปะทะดังขึ้นสะท้านสะเทือนแดนดิน ดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ในผาบรรพกาลทันที…ส่วนคนที่อยู่ด้านนอกนั้นไม่รู้เลย เพราะมีค่ายกลที่คอยกั้นแบ่งภายในและภายนอกชัดเจน จึงยากที่คนด้านนอกจะพบสิ่งผิดปกติใดๆ
หลังจากนั้นไม่นานนัก เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายก็มารวมตัวกันบริเวณหน้าผาจุดที่ ฟงชิงหยางกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนปะทะกัน
กล่าวได้ว่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์เกือบร้อยคนในผาบรรพกาล ได้แห่กันมาหมด!
ไม่ว่าจะซูหลี่ หลิงเจวี๋ยอวิ๋น หรือถังซานเป่า ก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
อวี๋ตงฟางเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“นั่นมัน…จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน ยูไล ไม่ใช่หรือ?”
“จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล ผู้นั้น…ดูเหมือนจะถูกจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจับตัวไว้งั้นเหรอ?”
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว?”
“ไม่ใช่ยูไลลั่นวาจาไว้ว่าจะไปเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเพื่อประมือกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางหรือไร? แต่ดูจากที่ถูกข่ายกระบี่ของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางกักตัวไว้ บ่งบอกว่าพลังฝีมือมันด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด! แล้วยังจะกล้าหาเรื่องผู้อื่นเขาอีก?”
…
เหล่าอัจฉริยะในผาบรรพกาลไม่เพียงจดจำต้วนหลิงเทียนได้เท่านั้น แต่ยังจดจำฟงชิงหยางกับยูไลได้เช่นกัน และยังมองออกว่าตอนนี้ยูไลกำลังตกเป็นเบี้ยล่างฟงชิงหยางอยู่!
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”
ในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ เหล่าอัจฉริยะที่ถูกวิหารเฟิงฮ่าวปลูกฝังมา เมื่อเห็นว่าสถานการณไม่สู้ดี ก็ตัดสินใจเผยตัว ก้าวออกมาประสานมือโค้งคารวะฟงชิงหยาง เร่งกล่าวว่า “ถึงแม้พวกเรามิทราบจ้าววิหารยูไลของวิหารเฟิงฮ่าวเราไปล่วงเกินท่านตรงที่ใด…”
“แต่ขอใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางโปรดเมตตาไว้ไมตรีด้วย”
เหล่าอัจฉริยะนับโหลพากันกล่าววิงวอนฟงชิงหยางออกมา ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ด้วยไม่คิดเลยว่าอัจฉริยะที่ผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ จะมีคนของวิหารเฟิงฮ่าวเป็นโหลแบบนี้!
ขุมกำลังที่เหลือ อย่าว่าแต่ขุมกำลังระดับสวรรค์เลย กระทั่งให้เป็นขุมกำลังระดับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของระนาบเทวโลกต่างๆ แต่เกรงว่าอัจฉริยะที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบที่ 5 ได้ก็คงมีไม่เกินสองคน!
อย่างไรก็ตาม ฟงชิงหยางไม่แยแสคำวิงวอนจากอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวเลย สองตามองจ้องไปยังยูไลเขม็ง เอ่ยคำออกมาเสียงเย็นว่า “ยูไล เจ้าจะเป็นเทพคนที่ 2 ที่ตายด้วยน้ำมือข้า ฟงชิงหยาง!”
เทพคนที่ 2!?
ทันทีที่ฟงชิงหยางพูดประโยคนี้ออกมา ไม่เพียงแต่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายจะหวาดกลัวจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเท่านั้น กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองยังตกใจ!
ฟังจากคำพูดของอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเคยฆ่าตัวตนขอบเขตเทพมาก่อนหรือไง?
“ฟงชิงหยาง หากวันนี้เจ้ากล้าฆ่าข้า วิหารเฟิงฮ่าวไม่มีวันปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่!”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนที่ครอบงำยูไล เอ่ยคำเสียงเข้ม
บัดนี้ไม่เพียงแต่มันจะตระหนักได้ว่ามันไม่ใช่คู่มือของฟงชิงหยางเลยเท่านั้น แต่มันยังรู้อีกด้วยว่าไม่มีหนทางรอดพ้นเงื้อมมือของฟงชิงหยางไปได้! การลงมือเมื่อครู่มันรวมรั้งพลังทั้งหมดแล้ว แต่กลับฝ่าข่ายแสงกระบี่ของฟงชิงหยางไม่ได้!!
สุดท้ายในห้วงเวลาแห่งความเป็นความตาย มันก็ได้แต่ยกอ้างวิหารเฟิงฮ่าวขึ้นมาขู่เพื่อเอาตัวรอด
“ยูไล เจ้าถึงกับกล้าคิดชิงร่างต้วนหลิงเทียนศิษย์ข้า! เช่นนั้นข้าเองก็อยากจะรู้นักว่าวิหารเฟิงฮ่าวยังจะหน้าด้านสอดมือมายุ่งเรื่องราวความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าอยู่หรือไม่! หากวิหารเฟิงฮ่าวยังยืนกรานที่จะสอดมือจริงๆ ข้าฟงชิงหยางก็ไม่รังเกียจที่จะไปเยือนวิหารเฟิงฮ่าวมันทุกสาขา!!”
ฟงชิงหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ในอดีตก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีเรื่องที่วิหารเฟิงฮ่าวสาขาถูกถล่ม…ยิ่งไม่ขาดเรื่องที่ตัวตนขอบเขตเทพของวิหารเฟิงฮ่าวถูกฆ่า!!”
“ฟงชิงหยาง นี่เจ้ากล้าคิดอุกอาจถึงขั้นจะงัดข้อกับวิหารเฟิงฮ่าวงั้นรึ?”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนกล่าวเย้ย “ข้าเกรงว่าอาศัยเจ้าในปัจจุบัน ยังมีคุณสมบัติไม่ถึง!”
“ข้าจะมีคุณสมบัติพอจะงัดข้อกับวิหารเฟิงฮ่าวหรือไม่ เรื่องนี้หากไม่ลองก็ไม่รู้…”
ฟงชิงหยางกล่าวเสียงเรียบ “แต่ที่รู้…คือเจ้าไม่ได้อยู่เห็นวันนั้นอีกแล้ว”
พอกล่าวจบคำทั่วร่างฟงชิงหยางก็เปล่งแสงพลังสีกากีออกมาเจิดจ้า กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงกำจายไปในบรรยากาศ เห็นเป็นแสงกระบี่เล่มเขื่องหนึ่งกำลังพุ่งทะยานตัดฟ้าออกไปฉับไว ด้วยพลังอำนาจปานจะสะบัหั่นได้กระทั่งฟ้าดิน!!
ฟั่ฟ!
…
แสงกระบี่ทรงอานุภาพพุ่งเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนด้วยสภาวะพลังร้ายกาจถึงที่สุด! ตามรายทางที่แสงกระบี่พุ่งผ่าน ยังปรากฏรอยแยกมิติลากตามไปดั่งเงาตามตัว!!
รอยแยกมิติดังกล่าว แตกต่างจากการลงมือของต้วนหลิงเทียนคนละเรื่อง!
เพราะถึงการลงมือของต้วนหลิงเทียน จะปรากฏรอยแยกมิติเช่นกัน แต่นั่นมันเกิดจากพลังอำนาจของกฏมิติ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฟงชิงหยางอาศัยพลังของตัวเองฉีกเปิดมิติ! เรื่องพรรค์นี้…ในระนาบเทวโลกเกรงว่ามีแต่ตัวตนขอบเขตเทพขึ้นไปถึงจะกระทำได้!!
ใต้ขอบเขตเทพ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะที่แข็งแกร่งขนาดไหน กระทั่งเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 9 ดาราก็ทำไม่ได้!
วู้ม! วู้ม!
เผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารของฟงชิงหยาง พระอาจารย์หมี่เยี่ยนย่อมไม่คิดนิ่งเฉยรอความตาย สีหน้ามันฉายชัดถึงความตึงเครียดจริงจัง จีวรทั่วร่างโป่งพองทั้งกระพือวุ่นวาย จากนั้นมันก็รวมรั้งพลังชั่วชีวิตสร้างดาบแสงมหึมา 2 เล่ม พุ่งไขว้ไปดั่งกากบาท!
ขณะที่แสงดาบไขว้พุ่งไป ตามรายทางก็บังเกิดเสีง เปรียะ เปรียะ ดังขึ้นไม่หยุด! อุบัติรอยแยกมิติชวนสยองลากไปเป็นทางไม่ต่างกัน!!
แน่นอนว่ารอยแยกมิติดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าขอบเขตของมันไม่เท่ารอยแยกมิติที่เกิดจากแสงกระบี่ของฟงชิงหยาง!
พริบตา พลังทั้ง 2 ก็บรรจบกัน!
ทันใดนั้นฉากเรื่องราวก็กลับกลายเป็นเงียบงัน!
แน่นอนว่าเป็นความสงบก่อนพายุจะเข้าอย่างเห็นได้ชัด!
หลังจากพลังสองขุมปะทะกันวูบหนึ่ง พลังมหาศาลก็ระเบิดออกมาอย่างแรง! แสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมาปานตะวันดวงที่สอง แรงกดดันพลังอันน่าหวั่นหวาดชวนให้เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายหน้าเปลี่ยนสี! แต่ละคนเร่งรุดล่าถอยออกไปเร็วไว! ด้วยกลัวว่าจะกลายเป็นปลาในบ่อที่ตกตายอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่!!
ตูมมมมม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าวิปโยกโลกแตก!
จากนั้นทุกอย่างก็หวนคืนสู่ความสงบ
แต่เป็นธรรมดาว่าไม่ได้สงบจริงๆ บรรยากาศยังส่งเสียงดังครืนๆ ห้วงมิติ ณ จุดปะทะก็แตกระเบิดเผยรอยแตกมืดดำชวนสยอง สายลมวิปริตกวาดสะท้านออกไปทั่วทิศ!
และท่ามกลางสายตาของทุกคน กระบวนท่าแสงกระบี่ของฟงชิงหยาง ก็ได้ทำลายแสงดาบไขว้ของยูไล ก่อนจะพุ่งทะยานฉีกความว่างเปล่าเข่นฆ่าสังหารไปทางยูไลสืบต่อ ทว่ายูไลก็ไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม สามารถเอี้ยวร่างหลบได้ทันท่วงที แม้บนร่างจะปรากฏรอยเฉือนชวนขนลุกก็ตาม!
ต้องกล่าวว่ายูไลก็มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่ว ถึงกระบวนท่าของฟงชิงหางจะทรงพลังเหนือกว่า แต่อย่างน้อยๆมันก็หลบหนีความตายได้พ้น ทั้งไม่ได้บาดเจ็บสาหัสอะไรมากมาย…
“ฟงชิงหยาง!”
“หากเจ้ากล้าฆ่าข้า ไม่ใช่แค่ตัวเจ้า ศิษย์ของเจ้า แต่กระทั่งคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนก็ยากจะรอดพ้นหายนะไปได้!”
“เพราะพี่ชายข้าเป็นถึง ‘ราชาเทพ’ อันทรงพลัง!”
แม้ยูไลจะรอดพ้นความตายและไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงถึงขั้นสิ้นท่า แต่มันก็บาดเจ็บไม่น้อย ความเร็วเองก็ช้าลงมาก กลิ่นอายพลังทั่วร่างอ่อนโทรมลง สุดท้ายก็ได้แต่ปริปากกล่าวยกอ้างที่พึ่งสุดท้าย อันเป็นพี่ชายที่ทรงพลังออกมาขู่ข่ม!
อย่างไรก็ตามฟงชิงหยาง ยังคงเฉยเมยคล้ายไม่ได้ยินคำพูดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนเลย…
คำขู่?
หากมันฟงชิงหยางหวาดกลัวกับอีแค่คำขู่ เกรงว่าหลังจากนี้คงยากจะก้าวหน้าแล้ว!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่คำขู่ของหมี่เยี่ยนไม่ทราบเป็นจริงหรือเท็จ ต่อให้เป็นจริงแล้วจะยังไง?
ก็แค่ราชาเทพไม่ใช่หรือ?
ร่างจริงของตัวมัน ตอนนี้ก็อยู่ห่างจากขอบเขตราชาเทพเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น!
“ฆ่า!”
สองตาฟงชิงหยางฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะไว้ชีวิตอีกฝ่าย!
“ท่านอาจารย์ช้าก่อน!”
ทว่าในขณะที่ฟงชิงหยางกำลังจะปลดปล่อยกระบวนท่าสังหารนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลั่นเอ่ยคำรั้งออกมาเสียก่อน!
เรียกว่าในบรรดาคนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ มีแค่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถหยุดฟงชิงหยางได้
“ท่านอาจารย์ อวี๋ตงฟางพึ่งส่งเสียงผ่านพลังมาหาข้า และบอกว่าให้ข้าร้องขอชีวิตยูไลต่อท่าน…มันบอกว่า เป็นจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน คิดใช้คำมั่นที่ข้าเคยรับปากมันไว้…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ถึงแม้เรื่องที่เขาได้รับโอกาสที่ 2 หลังตกตาย จะไม่ใช่กงซุนซวนหยวนและคนอื่นๆตั้งใจช่วยชีวิตเขา แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าที่ตัวเขาได้รับโอกาสที่ 2 นั้น…เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของพวกกงซุนซวนหยวน!
หาไม่แล้ว เขาก็คงตกตายไปตั้งแต่บนโลก…
ด้วยเหตุนี้เมื่อกงซุนซวนหยวนขอความช่วยเหลือจากเขา เขาก็ได้แต่ตอบรับ เพราะอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เหมือนช่วยชีวิตเขาไว้โดยอ้อม
สุดท้ายสักวันบุญคุณนี้เขาก็ต้องทดแทน
หากไม่ทดแทนบุญคุณ ชดใช้หนี้ที่ติดค้าง ใจเขาก็เสมือนมีบ่วงพันธนาการหนึ่งรัดตรึงเอาไว้ และสิ่งนี้จะส่งผลเสียต่อการบ่มเพาะฝึกฝนเป็นอย่างมาก
“แต่เป็นธรรมดาว่า…หากท่านอาจารย์คิดฆ่ามัน ข้าก็คงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่างมากข้าก็แค่หาวิธีอื่นเพื่อชดใช้หนี้บุญคุณกงซุนซวนหยวนเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสริม