WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3502 เทพสงคราม 5 ดาราเผยตัว
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับอวี๋ตงฟางในชั่วพริบตา ทำให้ผู้คนอดตะลึงไปไม่ได้!
ราวกับคนธรรมดาได้ผันผ่านวันเวลานับร้อยปีในห้วงคิดเดียว เปลี่ยนจากชายหนุ่มอ่อนวัยมากล้นไปด้วยพลัง กลับกลายเป็นชายชราแก่หง่อมที่ขาก้าวลงโลงไปแล้วข้างหนึ่ง!
“กฏเวลา…”
ต้วนหลิงเทียนมองชายหนุ่มเหนียมอายดังกล่าว ทั้งยังมองด้วยสายตาจริงจัง เพราะเขาสนใจชายหนุ่มคนนี้แต่แรก และรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นหมูกินเสือมาโดยตลอด
เพราะทุกครั้งที่อีกฝ่ายลงประลอง ไม่เพียงแต่คู่ต่อสู้ของมันแต่ผู้ชมทุกคนที่รู้สึกว่ามันกำลังจะแพ้ ทว่ามันก็พลิกกลับมาเอาชนะได้ตลอด
ด้วยเหตุผลดังกล่าวต้วนหลิงเทียนจึงให้ความสนใจมัน
‘เดิมทีคิดว่าเจ้านั่นคงเสแสร้งต่อไม่ไหว ทว่าถึงจะเผยพลังที่แท้จริงออกมาก็น่าจะสู้อวี๋ตงฟางไม่ได้ เพราะสุดท้ายอวี๋ตงฟางก็สมควรเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดารา…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราออกมาเช่นกัน’
‘และนั่นยังเป็น แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด ของกฏแห่งเวลา…ผู้ที่จะเชี่ยวชาญวิธีแบบนี้ได้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเทพสงคราม 5 ดาราที่แข็งแกร่งที่สุด เรียกว่าเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานใต้ขอบเขตเทพสงคราม 6 ดารา’
แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดของกฏเวลา ต้วนหลิงเทียนเคยได้ยิน ฟงชิงหยาง อาจารย์เขาพูดถึงมาก่อน ได้ยินว่ามีพลังอำนาจในการทำให้ร่างกายของคนๆหนึ่งบังเกิดความเปลี่ยนแปลงในห้วงคิดเดียว ทำให้คนหนุ่มสาวกลับกลายเป็นคนแก่ได้ง่ายดาย
หากคนธรรมดาพบพานกับพลังของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิด เกรงว่าคงต้องสิ้นอายุขัยไปจริงๆ
แต่เพราะเซียนอมตะนั้นมีชีวิตไร้สิ้นสุด ถึงแม้ว่าร่างจะกลับกลายเป็นคนแก่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอายุจะสิ้นสูญไปจริงๆ เพียงแค่จะทำให้ร่างกายตกอยู่ในสภาพถดถอยระยะหนึ่ง หากคิดจะฟื้นฟูกลับคืนสภาพเดิม ก็แค่ต้องใช้ความพยายามมากหน่อย
ปงงง!!
หลังจากที่ทุกคนเห็นอวี๋คงฟางกลับกลายเป็นชายชราเพราะถูกแสงสีเทาอันสว่างวาบของจากสองตาของชายหนุ่มเหนียมอาย ทุกคนก็หวาดกลัวไม่น้อย
แต่ไม่ทันที่ทุกคนจะดึงสติกลับคืน ก็พบว่าชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาไม่โดดเด่นนั่น ได้ตบฟาดฝ่ามือหนึ่งเข้าใส่อวี๋ตงฟางฉับไว สุดที่อวี๋ตงฟางในร่างชราจะเร่งเร้าพลังต้านทานได้ทัน! ถูกฝ่ามือดังกล่าวซัดปะทะเข้ากลางอก จนคนปลิดปลิวละลิ่วกระอักโลหิตออกเป็นสาย กลิ่นอายพลังทั่วร่างอ่อนโทรมลง สุดท้ายก็ร่วงตกลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง!!
ต่อมาอวี๋ตงฟางในร่างชรายังคอพับแน่นิ่งไปกับพื้น
“ศิษย์พี่!!”
ทันใดนั้นเองปรากฏร่างหนึ่งพุ่งพรวดออกมาจากอัฒจันทร์ที่นั่ง เป็นศิษย์น้องของอวี๋ตงฟาง ถงถู ศิษยที่แท้จริงลำดับ 4 ของจักรพรรดิสวรค์ซวนหยวนเทียน
ถงถูเร่งอุ้มร่างอวี๋ตงฟางออกจากสังเวียนและพาไปรักษาทันที
ผู้ชมที่ชมดูเรื่องราวอยู่ พลันดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวได้อีกครั้ง เสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความเหลือเชื่อดังขึ้นระงม
ไม่น่าเชื่อ!
สิ่งนี้นับว่าสะท้านใจผู้ชมทั้งหลายแน่นอน!
ก่อนเริ่มประลองไม่มีใครคิดฝันมาก่อน ว่าศึกระหว่างอวี๋ตงฟางกับชายหนุ่มเหนียมอายจะจบลงแบบนี้!
ที่สำคัญอวี๋ตงฟางไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ลงมือทำอะไรด้วยซ้ำ ถูกชายหนุ่มที่ใช้กฏเวลาสยบลงได้อย่างราบคาบ!
เป็นธรรมดาว่าจังหวะนี้ไม่มีใครคิดว่าอวี๋ตงฟางอ่อนแอ ทั้งหมดตระหนักว่าชายหนุ่มผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนทำให้ทุกคนอดสะท้านใจไม่ได้!
“หวงเฉวียนอันผู้นั้น…ก่อนหน้าที่ประมือกับคู่ต่อสู้มันใช้กฏแห่งไฟไม่ใช่รึไร? นี่มันยังเชี่ยวชาญกฏเวลาด้วยเหรอ?!”
“เจ้ายังมองไม่ออกรึไง! เห็นชัดๆว่ามันเชี่ยวชาญกฏเวลามากกว่า!”
“ให้ตายเถอะ! หวงเฉวียนอันผู้นี้โผล่มาจากไหนกัน? แค่ใช้กฏแห่งไฟก็มีพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราแล้ว แต่พอมันใช้กฏเวลา พลังของมันก็พุ่งไปเทียบได้กับเทพสงคราม 5 ดาราระดับแนวหน้าเลย!”
“เทพสงคราม 5 ดาราระดับแนวหน้า?”
“เจ้าไม่ทราบหรือว่าผู้ใช้กฏแห่งเวลา หากสามารถใช้แปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดได้ ล้วนแล้วแต่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราที่ร้ายกาจที่สุด? ตัวตนเช่นมันให้กล่าวว่าไร้เทียมทานใต้เทพสงคราม 6 ดาราก็ไม่เกินเลย!”
“เจ้าหวงเฉวียนอันผู้นี้…มันไร้เทียมทานใต้เทพสงคราม 6 ดารา!?”
“แน่นอนว่าต้องเพิ่มอีกประโยค…หากมันไม่พบเจอเทพสงคราม 6 ดาราที่ใช้อุปกรณ์เทพ หรืออุปกรณ์อมตะที่ต้านทานพลังของกฏเวลาได้ มันก็ไม่แน่ว่าจะแพ้!”
…
ชายหนุ่มเหนียมอายอันมีรูปร่างหน้าตาไม่โดดเด่น บัดนี้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนไม่น้อย เรียกว่าตอนนี้ไม่มีใครที่ไม่สนใจมัน กระทั่งฉีคงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเอง ก็อดมองไปยังหวงเฉวียนอันด้วยความประหลาดใจไม่ได้
ขณะเดียวกันไม่เว้นฉีคงไห่ เหล่าจักรพรรดิสวรรค์รวมถึงชนชั้นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาระนาบเทวโลกต่างๆ ก็เร่งยื่นกิ่งมะกอกให้หวงเฉวียนอันด้วยการส่งเสียงผ่านพลังทันที
แต่เป็นธรรมดาว่ามีไม่กี่คนที่ต้องการรับหวงเฉวียนอันเป็นศิษย์ เพราะคนส่วนใหญ่ลองไถ่ถามตัวเองดู ก็ตอบได้ทันทีว่า…พวกมันไม่มีอะไรจะสอนหวงเฉวียนอัน!..
อย่างไรก็ตาม หวงเฉวียนอันได้เพิกเฉยเสียงผ่านพลังทั้งหมด
ไม่ว่าจะจักรพรรดิสวรรค์ก็ดี หรือแม้แต่ฉีคงไห่ก็ดี…มันไม่แยแสแม้แต่น้อย!
ยังดีที่เรื่องนี้มีแต่ตัวหวงเฉวียนอันกับผู้ที่ส่งเสียงผ่านพลังไปหามันเท่านั้นที่รับทราบ หาไม่แล้วเกรงว่าผู้คนคงได้แตกตื่นกันใหญ่ และคงอดสงสัยไม่ได้ว่าหวงเฉวียนอันที่แท้เป็นใครกันแน่? ไฉนกระทั่งชนชั้นรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักก็ไม่ไว้หน้า?
ขณะเดียวกัน จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสริยันยูไล ก็หยีตามองหวงเฉวียนอันด้วยสองตาเป็นประกาย
‘น่าเสียดายที่ข้ามีร่างกายที่ต้องตาพึงใจอยู่แล้ว…หากไม่มีต้วนหลิงเทียนนั่น ข้าจะยึดร่างเจ้าแน่นอน!’
ยูไลที่มองจ้องหวงเฉวียนอันลอบกล่าวในใจ กล่าวให้ถูกก็คือพระอาจารย์หมี่เยี่ยน!
‘ความเข้าใจในกฏเวลาของมันไม่เลวเลยทีเดียว…แต่อาศัยความสำเร็จระดับนี้ คิดจะบรรลุถึงขอบเขตเทพก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อย แต่สำหรับต้วนหลิงเทียนนั่น…ด้วยรากฐานของมันหากข้าช่วงชิงมาได้ล่ะก็ อย่าว่าแต่บรรลุถึงขอบเขตเทพเลย กระทั่งโอกาสบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดยังมีหวังหลายส่วน!’
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สายตาของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไล ก็ได้ละออกจากหวงเฉวียนอันมาตกยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตายังลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความโลภ ราวกับมันแทบรอลักพาตัวต้วนหลิงเทียนต่อหน้าผู้คนไม่ไหวแล้ว!
ขณะเดียวกัน เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวอยู่ ก็ตระหนักเรื่องหนึ่งขึ้นได้ “หากรวมหงหยวนกับหวงเฉซียนอันผู้นี้อีกคน…เท่ากับว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ก็มีเทพสงคราม 5 ดาราปรากฏตัวขึ้นมา 10 คนแล้วสิ?”
เทพสงคราม 5 ดาราอายุไม่ถึงพันปีปรากฏตัวขึ้นทั้งสิ้น 10 คน…ต่อให้มองย้อนไปในประวัติศาสตร์ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยนัก
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีคนเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา บรรยากาศในสถานที่จัดการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดทันที!
“เทพสงคราม 5 ดารา 10 คน…พวกเจ้าว่าจะมีคนที่ 11 โผล่ออกมารึเปล่า?”
และเมื่อการประลองดำเนินต่อไปสักพัก เทพสงคราม 5 ดาราคนที่ 11 ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ และเช่นเดียวกับเย่ตงลี่ เป็นสตรีมาในชุดคลุมสีเทาหลวมๆไม่พอดีตัว และสวมหมวกงอบไม้ไผ่กับผ้าปิดปากปกปิดหน้าตา
(ดูเหมือนจะมีแต่ เย่ตงลี่ ไม่มีคนชื่อ เย่ตงอวี่…ตอนก่อนผมก็งงไม่น้อย แต่ต้นฉบับมันมาเป็น 2 ชื่อที่แตกต่างกันจริงๆ พอมาตอนนี้ชื่อเย่ตงอวี่ก็หายไปเลย)
กล่าวได้ว่าสตรีนางนี้เปิดเผยใบหน้าเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามแค่มองไปยังดวงตากับคิ้วที่เผยเหนือผ้าผืนบาง ผู้คนก็บอกได้ทันทีว่านางเป็นโฉมงามนางหนึ่ง
แน่นอนว่ามีหลายคนที่ไม่คิดว่านางมีรูปโฉมงดงาม แต่อาจปกปิดใบหน้าเพราะมีแผลอัปลักษณ์อะไร ไม่ก็มีปานหรือตำหนิบนใบหน้า ทำให้ไม่อยากเปิดเผยรูปโฉมก็เป็นได้
จะอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจเรื่องหน้าตาของนางมากนัก
สิ่งที่ทุกคนสนใจก็คือพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราของนางต่างหาก! นางสามารถเอาชนะยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 4 ดารามาได้อย่างง่ายดาย!!
ก่อนสำแดงพลังออกมา ในการประลองก่อนหน้าสตรีลึกลับนางนี้เพียงเผยพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราทั่วๆไปออกมาเท่านั้น ทำให้ทุกคนพากันคิดไปว่า อย่างดีนางก็เป็นได้แค่เทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ!
ไม่เปิดเผยก็แล้วไป พอเปิดเผยออกมาทุกคนก็อดทึ่งไม่ได้!
“นั่นไง เทพสงคราม 5 ดาราโผล่มาอีกคนแล้ว! ยังเป็นเทพสงคราม 5 ดาราที่เป็นผู้หญิงอีก!!”
“นางเรียกว่า หลิวสื่อเยียนใช่หรือไม่…ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของนางมาก่อนเลย ดุจเดียวกับเย่ตงลี่ผู้นั้น”
“ว่ากันว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ สมควรดึงดูดอัจฉริยะรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศ…ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“หลิวสื่อเยียนคนนี้มิคาดจะเป็นเทพสงคราม 5 ดาราอายุไม่ถึงพันปีไร้สังกัดอีกคน ครั้งนี้ยอดฝีมือไร้ชื่อเสียงปรากฏตัวขึ้นเยอะยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น จงกุ้ยอวี่ ถังซานเป่า หลิงเจวี๋ยอวิ๋น รวมถึงเย่ตงลี่ ก่อนหน้านี้ไม่ทราบแต่ละคนไปซ่อนกันอยู่ที่ไหน…”
“ให้ตายเถอะ เทพสงคราม 5 ดารา 11 คน…ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ถูกกำหนดให้กลายเป็นบันทึกหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์แน่แล้ว!”
…
จังหวะนี้เหล่าอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่มาเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ทั้งหลายคึกคักอักโขนัก! แม้พวกมันหลายคนจะตกรอบไปแล้ว แต่การได้เป็นสักขีพยานในวินาทีสำคัญของประวัติศาสตร์ ก็ทำให้พวกมันพึงพอใจมากแล้ว
“ว่าแต่ จะมีเทพสงคราม 5 ดาราคนที่ 12 รึเปล่า?”
หลายคนเริ่มเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความคาดหวัง
ต้วนหลิงเทียนเองก็คิดแบบนั้นไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามหลังการประลอง 15 คู่จบลง ก็ไม่ปรากฏเทพสงคราม 5 ดาราคนอื่นออกมาอีกเลย และตอนนี้หลายคนก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าสมควรมีเทพสงคราม 5 ดาราทั้งสิ้น 11 คน…เพราะถึงจะมีเทพสงคราม 5 ดาราคนอื่นอยู่จริง ก็ยากจะซ่อนตัวอยู่ได้ถึงตอนนี้
ท้ายที่สุดแล้ว 15 คนที่ชนะก็คือ 15 คนที่คาดกันว่าน่าจะมีพลังฝีมือสูงสุด
ในบรรดาคนทั้ง 15 ก็มีเทพสงคราม 10 คนเข้าไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะปรากฏเทพสงครามออกมาทั้งสิ้น 11 คน แต่ที่ไฉนในบรรดาผู้ชนะทั้ง 15 มีแค่ 10 คนนั้น ก็เพราะอวี๋ตงฟางที่เป็นเทพสงคราม 5 ดาราอีกคน ดันแพ้พ่าย หวงเฉวียนอัน และถูกกำจัดออกไปชั่วคราว และน่าจะใช้เวลาอีกสักพักเพื่อรักษาตัว
“ต่อไป 15 คนที่พ่ายแพ้จักเริ่มจับคู่ประลองกันเอง”
“และพอดีมี 1 ใน 15 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าด้วความที่มันเป็นเทพสงคราม 5 ดาราเพียงหนึ่งเดียวในหมู่ผู้แพ้…ด้วยพลังฝีมือของมันข้าจึงตัดสินให้มันผ่านเข้ารอบไปโดยไม่ต้องสู้ ไม่ทราบมีผู้ใดคัดค้านหรือไม่?”
“หากผู้ใดคัดค้าน สามารถรอให้มันหายดีแล้วค่อยท้าประลองกับมันได้!”
“อย่างไรก็ตาม การประลองดังกล่าวจักเป็นการต่อสู้ไม่ตายไม่เลิกรา!”
กล่าวถึงจุดนี้สองตาฉีคงไห่ก็ทอประกายเยียบเย็น “ข้าถามจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนแล้ว จึงทราบว่าอวี๋ตงฟางยินดียอมรับการต่อสู้เป็นตาย!”
พอฉีคงไห่กล่าวออกมาแบบนี้ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ทั้ง 14 คนที่พึ่งแพ้พ่ายมาก็ไร้คำใดจะกล่าว
จะคัดค้านทำอะไร?
อวี๋ตงฟางนั่นจะอย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 5 ดารา ถึงแม้จะแพ้พ่ายมา แต่ก็แพ้ให้กับเทพสงคราม 5 ดาราสุดยอดฝีมือ อีกฝ่ายต้องกลัวสู้เป็นตายกับพวกมันด้วยหรือ?
พอเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน ฉีคงไห่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ในเมื่อไม่มีผู้ใดเห็นต่าง เช่นนั้นรอบต่อไป พวกเจ้าทั้ง 14 คนก็จะถูกจับคู่ประลอง…และผู้ชนะทั้ง 7 ก็จะอยู่ในอันดับที่ 17 ถึง 23 เป็นการชั่วคราว”
ในขณะที่ผู้แพ้ทั้ง 14 คนกำลังจะประลองกันเพื่อหาผู้ชนะ 7 คน เสียงผ่านพลังของถังซานเป่าก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “พี่น้องต้วน ท่านว่าพี่น้องซูหลี่จะชนะได้ไหม?”
ซูหลี่ก็เป็น 1 ใน 14 อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่กำลังจะสู้
“ยาก”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างซูหลี่ที่ลอยค้างกลางหาวไกลตา ส่ายหัวไปมา ถึงแม้พลังของซูหลี่จะค่อนข้างดี แต่เต็มที่ก็แค่ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกเท่านั้น หากคิดจะไต่เต้าขึ้นไปอันดับสูงๆ เห็นทีคงยาก
โอกาสชนะนับว่าน้อยนิดเหลือเกิน…