WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3514 ฉีคงไห่ลงมือ
ซัววว!
หลังจากลำแสงพลังพุ่งหายลับหมู่เมฆไปแล้ว ก็ปรากฏเงาเลือนรางสายหนึ่งพุ่งมาแต่ไกล สุดท้ายค่อยหายเข้าไปในมือขวาที่สวมถุงมือของถังซานเป่า
“เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณอีกแล้ว!”
หลายคนตกใจ
ส่วนอีกด้านนั้น ร่างของโจวหย่งฉีได้อันตรธานหายไปโดยสมบูรณ์ คงเหลือก็แต่อุปกรณ์อมตะกับแหวนพื้นที่เท่านั้น
แถมอุปกรณ์อมตะดังกล่าวยังมีสภาพเสียหาย กระทั่งแหวนพื้นที่ตอนนี้ก็เสียรูปไปแล้ว!
ตุบ!
ฉีคงไห่สะบัดมือเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏพลังไร้สภาพหอบหิ้วอุปกรณ์อมตะพังๆกับแหวนพื้นที่เบี้ยวๆดังกล่าว ให้ลอยไปตกลงบนโต๊ะเบื้องหน้าจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ ซึ่งบัดนี้คนก็ได้ลุกขึ้นยืนพรวด! ใบหน้าฉาบไว้ด้วยโทสะอันล้นปรี่ ลูกตาเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันแทบปริแตก!!
“จักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน ระงับความเสียใจด้วย”
ฉีคงไห่เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไร้อารมณ์
ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ นายเหนือของระนาบเทวโลกแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นอันดับที่ 4 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ของวิหารเฟิงฮ่าว พลังฝึกปรือบรรลุถึงครึ่งก้าวขอเขตเทพ…
แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแค่ครึ่งก้าวขอบเขตเทพ
หากอีกฝ่ายคิดจะฆ่าคนล้างแค้น ก็คงยากจะรอดชีวิตไปจากที่นี่
“ถังซานเป่า!!”
โจวปิงหวู่ไม่สนใจของดูต่างหน้าศิษย์รักที่ฉีคงไห่มอบให้ บัดนี้มันโกรธจนเชือกรัดผมขาดผึง ผมสีดำขลับที่ทอดยาวปานน้ำตกก่อนหน้าบัดนี้ปลิวไสวขึ้นมาราวงูเกงกองมีชีวิต ชุดคลุมเสื้อผ้ายังกระพือสะบัดอย่างแรง!
ความว่างเปล่ารอบกายยังสั่นสะเทือนไปอย่างเห็นได้ชัด!
ปงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นถนัดถนี่! เป็นโจวปิงหวู่กระทืบเท้าส่งตัวให้ทะยานขึ้นฟ้าไปในชั่วพริบตา ไอพลังมหาศาลไร้คู่เปรียบปะทุออกมาในฉับพลัน กลิ่นอายพลังรุนแรงปานจะถล่มทำลายโลกหล้าให้แหลกเป็นจุณ!!
“สารเลวน้อยเจ้า! กล้าดีอย่างไรมาฆ่าศิษย์ข้า!!”
โจวปิงหวู่คำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นปรากฏเงาเลือนร่างรูปลักษณ์มนุษย์สายหนึ่งพุ่งออกจากร่างมัน เข่นฆ่าสังหารไปทางถังซานเป่าราวกระสุนปืนใหญ่!
“พอได้แล้ว!”
ฉีคงไห่ไม่คิดไม่ฝันว่าต่อหน้ามันโจวปิงหวู่ยังจะกล้าลงมือ สิ่งนี้ทำให้ใบหน้ามันจมลงโดยพลัน ขณะเดียวกันก็ตะคอกคำออกมาเสียงดัง จากนั้นก็สะบัดตบฝ่ามือออกมาอย่างไร้เรื่องราวคราหนึ่ง อุบัติเป็นฝ่ามือพลังมหึมาปานจะปกคลุมแผ่นฟ้า พุ่งไปขย้ำการโจมตีของโจวปิงหวู่จนสลายได้อย่างง่ายดาย!
ไร้ซึ่งการระเบิดเสียงดังใดๆ ต่อหน้าฝ่ามือดังกล่าว…กระบวนท่าของโจวปิงหวู่เสมือนยุงตัวเล็กๆ!
“รองจ้าววิหารฉี! สารเลวน้อยนั่นมันฆ่าศิษย์ข้า!!”
หน้าโจวปิงหวู่เปลี่ยนสีไปโดยพลัน แต่เดิมที่เคยขาดสติและเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดก็เริ่มหวนกลับมาครองสติได้อีกครั้ง มันพึ่งตระหนักได้ว่านี่คือศึกอัจฉริยะสวรรค์ และอัจฉริยะทุกคนที่เข้าร่วมศึกนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของวิหารเฟิงฮ่าว!
“ศึกอัจฉริยะสวรรค์ เป็นการต่อสู้กันของเหล่าอัจฉริยะ ชะตากรรม หรือความเป็นตายใดๆล้วนเป็นสิ่งที่อัจฉริยะเลือกเอง”
ฉีคงไห่กวาดตามองโจวปิงหวู่ด้วยสาตาเย็นชา จากนั้นพอสะบัดมืออีกครั้ง ฝ่ามือยักษ์ที่สลายพลังดังกล่าวเมื่อครู่ อยู่ๆก็อัตรธานหายไปจากที่เดิม พอปรากฏขึ้นอีกครั้งก็อยู่เบื้องหน้าโจวปิงหวู่แล้ว!
ปงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นฝ่ามือพลังมหึมาดังกล่าว ได้ตบร่างโจวปิงหวู่จนร่วงตกฟ้ามาปานดาวตก! กระแทกเข้ากับเกาะลอยเล็กๆแต่เดิมจนแหลกสลายเป็นผุยผง!!
กระทั่งชายชราที่ติดตามรับใช้โจวปิงหวู่ รวมถึงคนอื่นๆที่อยู่บนเกาะลอยเล็กๆดังกล่าวยังถูกคลื่นพลังกระแทกป่นร่างจนสลายหายไปไม่เหลือซาก!
คงเหลือก็แต่ร่างโจวปิงหวู่เท่านั้น แม้จะยังไม่ตายแต่ก็บาดเจ็บสาหัส!
และฉากเรื่อราวที่อุบัติขึ้นในเสี้ยวพริบตาดังกล่าว ก็ทำให้หนังศีรษะของเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายชาหนึบ!
นี่น่ะเหรือพลังของตัวตนที่อยู่เหนือขอบเขตเทพทั่วไป?
ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก มีผู้คนกล่าวขานกันนานแล้วว่าพลังของมันเหนือล้ำกว่าขอบเขตเทพทั่วไป
ในอดีตทุกคนก็เพียงแต่ได้ฟังมาเท่านั้น
วันนี้พอได้เห็นฉีคงไห่ลงมือเข้าจริงๆ จึงรับทราบว่าข่าวลือยังน้อยไป!
แค่สะบัดมือส่งๆอย่างไร้เรื่องราว ก็สยบชนชั้นจักรพรรดิสวรรค์ได้ง่ายดาย!
ยิ่งไปกว่านั้นเห็นได้ชัดว่า การลงมือเมื่อครู่ เป็นการออมรั้งยั้งมือไว้แล้ว!
มิฉะนั้นเกรงว่าหนึ่งฝ่ามือที่ฟาดตบเมื่อครู่ ก็มากพอจะตบร่างโจวปิงหวู่ให้แหลกเป็นปุ๋ย!
“ขอบคุณรองจ้าววิหารฉีที่เมตตา…”
โจวปิงหววู่ที่ถูกซัดจนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้แลดูอ่อนระโหยโรยแรงนัก แต่เมื่อมันมองไปยังฉีคงไห่อีกครั้ง มันก็ไม่กล้าแม้แต่จะโกรธหรือคับแค้นอะไร ได้แต่ชักสีหน้าขื่นขมกล้ำกลืนกล่าวออกด้วยความสำนึกผิด…มันลืมเลือนการคงอยยู่ของวิหารเฟิงฮ่าวไปได้อย่างไร?
ศึกอัจฉริยะสวรรค์ดำรงอยู่มานานเท่าไหร่ ยังกล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ของมันถูกเขียนขึ้นด้วยวิหารเฟิงฮ่าวด้วยซ้ำ!
ยากนักที่จะได้ยินว่ามีใครกล้าสร้างปัญหาในศึกอัจฉริยะสวรรค์ และผู้ที่สร้างปัญหาเหล่านั้นก็ล้วนตกตายไปหมดสิ้นแล้ว!
ด้วยเหตุนี้โจวปิงหวู่จึงตระหนักได้ว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน ที่ตอนนี้ยังไม่ตาย!
“หึ!”
ฉีคงไห่พ่นลมสบถออกมาอย่างไร้แยแส และไม่ได้ลงมืออะไรอีก เห็นได้ชัดว่าคร้านจะสืบสาวหาความโจวปิงหวู่
ด้านโจวปิงหวู่ตอนนี้ ก็ได้แต่มองจ้องไปยังร่างถังซานเป่าตาเขม็ง ลึกลงไปในแววตามันเสมือนมีเพลิงโทสะกำลังลุกโชนขึ้นมาอย่างร้อนแรง ใบหน้ายังฉาบไว้ด้วยจิตสังหารอันเยียบเย็น
วันนี้มันไม่อาจลงมือได้
อย่างไรก็ตาม รอให้ศึกอัจฉริยะสวรรค์จบลงเมื่อไหร่ มันจะหาความเป็นธรรมให้ โจวหย่งฉี ศิษย์รักของมัน!
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน! เลือดมันต้องแลกด้วยเลือด!!
“ทำไม?”
สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาเปี่ยมจิตสังหารที่มองมาของโจวปิงหวู่ ถังซ่านเป่าก็เหลือบมองมันอย่างไม่ใส่ใจ “จักรพรรดิสวรรรค์ฉีหงเทียน คิดจะฆ่าข้าหลังศึกอัจฉริยะสวรรค์จบลงรึไง?”
“เฮอะ!”
โจวปิงหวู่แค่นคำสบถออกมาเสียงเย็น. เห็นได้ชัดว่าเป็นการยอมรับทางอ้อม
ถังซานเป่าเห็นดังนั้นก็คลี่ยิ้มบางๆ กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “ข้าจะขอแนะนำอะไรเจ้าสักอย่าง…หากเจ้ายังไม่อยากตาย เป็นการดีเสียกว่าที่จะล้มเลิกความคิดฆ่าข้าให้เร็วที่สุด”
“ทำไมเล่า? เจ้ากล้าฆ่าลูกศิษย์ข้า แต่ไม่กล้าทานรับโทษะข้างั้นหรือ?”
โจวปิงหวู่กล่าวเย้ยเยาะ และนี่ไม่ต่างอะไรจากการยอมรับว่ามันคิดฆ่าถังซานเป่าจริงๆ และขอเพียงมันไม่ลงมือกับถังซานเป่าที่นี่ วิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่อาจขวางมันได้
“เจ้าโจวปิงหวู่นั่น มันเบื่อชีวิตมากนักรึไง?”
ซูหลี่ที่นั่งข้างๆต้วนหลิงเทียน อดกระซิบคุยกับต้วนหลิงเทียนเบาๆไม่ได้ หลังเห็นท่าทีดังกล่าวของโจวปิงหวู่
“บางครั้งความไม่รู้ก็เป็นบาปมหันต์…”
ต้วนหลิงเทียนเองก็ส่ายหัวไปมาเบาๆ เขาย่อมมองออกได้ไม่ยาก ว่าโจวปิงหวู่นั่นมันไม่ได้ระแคะระคายอะไรเรื่องที่ถังซานเป่าอาจเป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวเลย อีกฝ่ายคิดว่าที่ฉีคงไห่หยุดมันเมื่อครู่ ก็แค่รักษาความเรียบร้อยในศึกอัจฉริยะสวรรค์ตามกฏเท่านั้น…
“โจวปิงหวู่!”
และแทบจะทันทีที่เสียงของโจวปิงหวู่ดังจบคำ ฉีคงไห่ที่หันไปมองมันอีกครั้ง แววตาก็เต็มไปด้วยความเย็นชาถึงขีดสุด “ข้าไว้ชีวิตเจ้าแล้ว…แต่เจ้ายังไม่รู้ผิดชอบชั่วดี?”
“หรือเจ้า…คิดไปจริงๆว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า?”
ขณะกล่าวเสียงของฉีคงไห่ก็แฝงไว้ด้วยเจตนาฆ่าฟันอย่างไม่คิดจะกักเก็บ!
และสิ่งนี้ทำให้โจวปิงหวู่ที่แต่เดิมกำลังต่อปากต่อคำกับถังซานเป่าอย่างเอาเรื่องถึงกับอึ้งไปทันที เพราะอะไร? ไม่ใช่ว่ามันก็ทำตามกฏแล้วหรือไร? เมื่อไม่ได้คิดลงมือกับถังซานเป่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์…แล้วมันยังไปล่วงเกินฉีคงไห่ตรงที่ใด?
ไฉนฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักผู้นี้ ถึงได้แลดูมีโมโหกับมันนัก?
หรือถังซานเป่าลอบทำข้อตกลงเข้าร่วมกับวิหารเฟิงฮ่าวแล้ว?
ใช้ทั้งคู่บรรรลุข้อตกลงร่วมกันแล้วหรือไม่?
“รองจ้าววิหารฉี…มัน…มันตกลงเข้าร่วมกับวิหารเฟิงฮ่าวท่านแล้วหรือ?”
โจวปิงหวู่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงยำเกรง “หากมัน…ตอบตกลงแล้ว ข้าย่อมไม่กล้าคิดแตะต้องมันอีกต่อไปเป็นธรรมดา…”
โจวปิงหวู่หมายยืนยันเรื่องนี้
“หึ!”
ฉีคงไห่พ่นลมบถออกมาอีกครั้ง เหลือบมองโจวปิงหวู่ด้วยสายตาเฉยชา กล่าวว่า “ถังซานเป่าเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวเราแต่แรก ยังต้องมาเข้าร่วมอันใดอีก?”
และพอฉีคงไห่กล่าววาประโยคนี้จบคำ ก็ดังหนึ่งหินร่วงสระสงบก่อเกิดพันระลอกคลื่น!
“อะไรนะ!? ถังซานเป่าเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวหรอกเรอะ!?”
“เอ๊า มันไม่ใช่ผู้ฝึกตนพเนจรหรือไร?”
“ให้ตายเถอะ จากพลังที่ถังซานเป่าเผยออกมาเมื่อครู่ มันแตะระดับเทพสงคราม 6 ดาราแล้วไม่ใช่รึไง?”
“ที่แท้มันเรื่องอะไรกันแน่ ไฉนถังซานเป่าถึงไปเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวได้ เช่นนั้นทำไมไม่มีข้อมูลเล่า?”
…
คนส่วนใหญ่พากันงุนงงสงสัย
การลงมือเมื่อครู่ของถังซานเป่า ได้เผยให้เห็นถึงพลังระดับเทพสงคราม 6 ดาราออกมาแล้วชัดๆ…แค่นี้ก็ทำให้ทุกคนตกใจมากแล้ว
อย่างไรก็ตามทุกคนยังตกใจไม่หาย ก็ต้องพบเจอกับการลงมือล้างแค้นในฉับพลันของโจวปิงหวู่ที่คิดเข่นฆ่าถังซานเป่า จนทำให้ทุกคนชมดูเรื่องราวกันอย่างอื้ออึง
ทว่าหลังจากโจวปวิงหวู่เปิดฉากลงมือไม่ทันไร ฉีคงไห่ก็เผยพลังอันน่าทึ่งสยบปราบโจวปิงหวู่ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นไม่ทันที่ทุกคนจะตามเรื่องราวได้ทัน โจวปิงหวู่ที่เผยเจตนาฆ่าถังซานเป่าออกมา ก็โดนฉีคงไห่บอกว่า…ถังซานเป่าเป็นคนของวิหารเฟิงฮ่าวอยู่แล้ว!
เรียกว่าตั้งแต่ที่ถังซานเป่าเปิดเผยพลังลงมือจนถึงบัดนี้ ทุกคนยังไม่อาจตั้งสติได้ด้วยซ้ำ
ทุกเรื่องที่ประดังเข้ามานี่คืออะไร?
นี่คือเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นอย่างไรเล่า!!
“ถังซานเป่าเป็นศิษย์หลานของข้า มันเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของศิษย์พี่ข้าที่เร้นกายจากโลกหล้า!”
ฉีคงไห่กล่าวสืบต่อว่า “ถึงแม้ศิษย์พี่ข้าจะเร้นกายตัดขาดทางโลก แต่ตำแหน่งในวิหารเฟิงฮ่าวก็ยังคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน…เช่นนั้นกล่าวได้ว่าถังซานเป่าก็คือศิษย์สืบทอดของวิหารเฟิงฮ่าวเรา!”
“เจ้า…คิดฆ่าศิษย์หลานข้ารึ?”
ขณะถามประโยคดังกล่าว สายตาที่ฉีคงไห่ใช้มองโจวปิงหวู่ ก็เผยให้เห็นการคุกคามอย่างโจ่งแจ้ง
ด้านโจวปิงหวู่ บัดนี้สีหน้าท่าทีมันแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
ถังซานเป่าไม่ใช่แค่จักรพรรดิอมตะสมญานามไร้สังกัด…แต่เป็นศิษย์คนหนึ่งของวิหารเฟิงฮ่าว! ทั้งฟังจากคำศิษย์สืบทอดแล้ว ท่าทางฐานะของถังซานเป่ายังสูงไม่ใช่ชั่ว!!
ให้ตายเถอะ!
สารเลวน้อยที่เข่นฆ่าศิษย์รักของมันเป็นใครในโลกหล้า? ไฉนอีกฝ่ายถึงได้มีความเป็นมาน่ากลัวแบบนี้ได้?
แล้วในเมื่อมีความเป็นมาใหญ่โตแบบนี้ จะอุบเงียบหาพระแสงด้ามง้าวทำอะไร ไยไม่เปิดเผยออกมาแต่แรก!?
หากเปิดเผยฐานะออกมาแต่แรก ตัวมันยังจะกล้าหาเรื่องตอแยอีกฝ่ายอีกไหม?
“เข้าใจผิด! ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด!!”
สุดท้ายโจวปิงหวู่ก็พยายามระงับอารมณ์ที่แตกตื่นเสียขวัญอย่างเต็มที่ พอหวนกลับมาสงบแล้ว ก็เร่งหันไปโบกไม้โบกมือกล่าวปฏิเสธไม่หยุด “รองจ้าววิหารฉี ทั้งหมดเรื่องเป็นเรื่องเข้าใจกันผิดทั้งสิ้น! เป็นข้าไม่ทราบจึงไม่รู้! เป็นข้าเข้าใจผิดครั้งใหญ่!!”
“ถังซานเป่า…ไม่! นายน้อยถัง เป็นข้าเข้าใจผิด! ทั้งหมดเพราะข้าไม่ทราบฐานะท่าน!!”
หลังจากกล่าวอธิบายกับฉีคงไห่แล้ว โจวปิงหวู่ยังเร่งหันไปกล่าวคำแก้ตัวกับถังซานเป่าทันที สีหน้าท่าทีของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับใจ
จังหวะนี้ผู้คนส่วนใหญ่ที่เห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว โดยเฉพาะเหล่าชนชั้นจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย ก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกหดหู่ประการหนึ่ง…
โจวปิงหวู่ จักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน ผู้ที่รั้งอยู่ในอันดับ 4 ของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ พลังฝีมือสูงถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา…
อย่างไรก็ตาม ตัวตนระดับนั้น…วินาทีนี้ กลับแลดูลนลานเยี่ยงสุนัขจรจัดกำลังร้องขอความเมตตา
ฉากเรื่องราวตรงหน้า ทำให้ทุกคตระหนักได้ถึงพลังอำนาจสะกดข่มของวิหารเฟิงฮ่าวชัดเจน กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งระดับเทพสงคราม 9 ดารา ต่อหน้าวิหารเฟิงฮ่าวยังเสมือนมดที่ถูกบี้เหยียบได้ง่ายๆตัวหนึ่ง…
บางที คงมีแต่ต้องบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วเท่านั้น เหล่าจักรพรรดิสวรรค์ถึงจะฟื้นฟูความมั่นใจ และเลิกหวาดกลัวพลังอำนาจของวิหารเฟิงฮ่าว…
“ในที่สุดก็เผยตัวแล้วรึ?”
ข้างๆจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ ฟงชิงหยางที่นั่งละเลียดชาชมดูเรื่องราวอย่างไม่รู้สึกรู้สึกอะไร อยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมองม่านเมฆสูงเหนือฟ้า ลูกตาหรี่ลงเล็กน้อย กล่าวพึมพำออกมาเบาๆ
“น้องฟงท่าน…”
ในขณะที่ติงฟู่กำลังจะถามฟงชิงหยางว่าพูดเรื่องอะไรและดูอะไรอยู่ มันที่เงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้าตามฟงชิงหยางโดยไม่รู้ตัว ก็พบว่าม่านเมฆบนฟ้าสูงอยู่ๆก็แหวกเปิด เป็นเงาร่างสีดำหนึ่ง กำลังดิ่งลงจากม่านเมฆดังกล่าวด้วยความเร็วสูง!