WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3519 เทพสงคราม 6 ดาราคนที่ 3!
ฉีคงไห่นั้น ร้อยพันหมื่นคาดมันก็ไม่เคยคิด…ว่าในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ นอกจากถังซานเป่าศิษย์หลานของมันแล้ว ยังจะมีเทพสงคราม 6 ดาราคนอื่นปรากฏตัวขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน อายุยังไม่ถึง 700 ปีด้วยซ้ำ ที่สำคัญคือเชี่ยวชาญ 2 ใน 4 วิถีของสวรรค์และโลกอย่างมรรคากระบี่กับวิถีควบคุมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว…
ถึงแม้จะพึ่งเป็นขั้นตอนเบื้องต้น แต่ก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ…
ต้องทราบด้วยว่า ตัวมันถึงแม้จะเป็นรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก มันก็พึ่งจะเปิดประตูสู่หนึ่งในจตุรวิถีของสวรรค์และโลกเท่านั้น ยังมีหนทางอีกยาวไกลนัก กว่าจะบรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้น
‘หากสบโอกาสเหมาะ ข้าต้องหาทางจับต้วนหลิงเทียนขังไว้ในวิหารเฟิงฮ่าวให้จงได้…ต้องบีบให้มันคายมรรคากระบี่มิติกับวิถีควบคุมออกมาให้หมด!’
ในขณะที่ฉีคงไห่ลอบกล่าวในใจอย่างอุกอาจ ในดวงตายังเผยประกายแห่งความโลภขึ้นมา
แต่เป็นธรรมดาว่าเมื่อเทียบกับพระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลแล้ว ประกายแห่งความโลภในแววตาของฉีคงไห่ได้ถูกเก็บงำจากสายตาต้วนหลิงเทียนได้อย่างแยบคายนัก ถึงขั้นที่แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเอง ก็ไม่อาจสังเกตเห็นความโลภในแววตาของมันได้
ต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมอยู่ในอันดับ 4 เป็นการชั่วคราว บัดนี้เมื่อท้าทายหวงเฉวียนอันและเอาชนะมาได้สำเร็จ จึงก้าวขึ้นสู่อันดับที่ 3 แทนที่หวงเฉวียนอันไปตามระเบียบ
และตอนนี้ ปกติแล้วก็ถึงตาของหวงเฉวียนอันที่จะทำการท้าทายไต่อันดับ มันสามารถเลือกจะพักฟื้นตามสิทธิ์เพื่อท้าทายรอบหน้าไปเลย หรือขอเวลาพักฟื้นพลังสักครู่ เพื่อท้าทายก็แล้วแต่…
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของมันพิเศษนัก
เนื่องจาก 3 คนที่มีอันดับสูงกว่ามันตอนนี้ ได้ต่อสู้กับมันและเอาชนะมันมาได้หมดแล้ว สิทธิ์ท้าทายของมันจึงกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ไปโดยสมบูรณ์ เพราะตามกฏของศึกอัจริยะสวรรค์ มันไม่อาจท้าต้วนหลิงเทียน ถังซานเป่า รวมถึงหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้อีกต่อไป…
“เนื่องจากหวงเฉวียนอันไม่อาจท้าทายอันดับที่สูงกว่าในตอนนี้ได้อีก เช่นนั้นก็ถึงตาของถังซานเป่าท้าทายไต่อันดับ…และในเมื่อตอนนี้ถังซานเป่าอยู่ในอันดับที่ 2 เช่นนั้นก็ถูกกำหนดให้ท้าทายได้แค่คนเดียว”
เมื่อต้วนหลิงเทียนกับหวงเฉวียนอันออกจากกลางฟ้าเหนือสนามประลองแล้ว สองตาอันร้อนแรงของอัจฉริยะทั้งหลายก็กวาดมองสลับไปมาระหว่างถังซานเป่ากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
ถังซานเป่านั้นอยู่ในอันดับที่ 2 ส่วนหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอยู่ในอันดับที่ 1!
ถังซานเป่าจึงทำได้แค่ท้าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นคนเดียว!
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋น ขึ้นมาสู้กัน”
ท่ามกลางสายตาวาดหวังของทุกคน ถังซานเป่าก็วูบร่างไปหยุดลอยอยู่กลางฟ้าเหนือสนามประลองในชั่วพริบตา จากนั้นมันก็หันมามองจ้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่นั่งข้างต้วนหลิงเทียน เปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกมาตรงๆ
ถึงแม้เสียงของมันจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ทุกคนก็ได้ยินกันชัดถนัดหู
จากนั้น ไม่ปล่อยให้ผู้ชมต้องรอคอยนานนัก หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็โดดขึ้นฟ้าไปท่ามกลางสายตาของทุกคนทันที
ทั้งสองลอยร่างเผชิญหน้ากันกลางหาวอย่างเงียบงันพักหนึ่ง ค่อยเป็นถังซานเป่าที่ปริปากกล่าวคำออกมาก่อน “พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋น สายเลือดของท่านสามารถสะกดข่มหวงเฉวียนอันได้ก็จริง แต่กับข้ามันไม่มีผลอะไรหรอกนะ…หากท่านมิได้ปกปิดพลังฝีมือเอาไว้ เช่นนั้นเกรงว่าพี่น้องท่านคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก”
“จะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้หรือไม่ เจ้าลองดูเดี๋ยวก็รู้”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเอ่ยตอบเสียงเฉย..
“เช่นนั้นก็หยุดพูดไร้สาระแล้วลงมือเถอะ”
ถังซานเป่ากล่าวออกมาอีกคำ จากนั้นเพลิงพลังของมันก็ปะทุขึ้นอย่างร้อนแรง ยิ่งไปกว่านั้นเพลิงพลังสีแดงของมัน ปะทุขึ้นไม่ทันไรก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีขาว ถึงขั้นทำให้ความว่างเปล่ารอบกายเริ่มบิดเบือนปานมีม่านน้ำบดบัง เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิของเพลิงพลังมันสูงขึ้นถึงระดับอันน่ากลัว!
พริบตาต่อมา ร่างถังซานเป่าก็ไหววูบ คนพุ่งวาบตัดฟ้าไปดั่งกระสุนปืนใหญ่ ห้อเหยียดเข้าหาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอย่างดุดัน!
เผชิญกับถังซานเป่าที่บุกตะลุยมาด้วยพลังสภาวะกล้าแข็ง สองตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นแสงสีแดงฉานปานโลหิตก็ทะลักออกมาท่วมร่าง จากนั้นคนคล้ายสลายเป็นเงาเลือน พุ่งไปดั่งพรายโลหิตสวนเข้าใส่ถังซานเป่าอย่างไร้ครั่นคร้าม!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ราวกับปฐมบทแห่งวันโลกาวินาศเปิดม่าน พาลให้อัจฉริยะทั้งหลายที่ชมดูใจสะท้านไปตามๆกัน
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าที่ประหมัดกันกลางหาวอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ต่างคนก็ออกกระบวนท่าออกมาฉับไว หมัดเท้าทั้งแสงพลังถูกซัดสวนใส่มาไม่หยุด หากแต่ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ และหลังจากยื้อกันอยู่ไม่กี่สิบกระบวนท่า ทั้งคู่ก็ซัดพลังปะทะกันกลางหาวอย่างแรง ค่อยผละถอยออกไปเร็วรี่ ก่อนจะหยุดร่างค้างกลางหาวมองสบตากันอย่างเงียบงันอีกครั้ง…
“เป็นข้าดูเบาพี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้วจริงๆ…”
ถังซานเป่ามองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยความประหลาดใจ อาศัยทักษะต่อสู้ที่หล่อหลอมจากความเข้าใจมานานปีบวกกับสัญชาตญาณของมัน กลับไม่มีเปรียบอะไรหลิงเจวี๋ยอวิ๋น! เห็นชัดว่าเชิงยุทธ์ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ได้ด้อยกว่ามันเลย!!
อย่างไรก็ตาม ถังซานเป่าไม่คิดมองจ้องตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเช่นนี้เนิ่นนาน มันเริ่มลงมืออีกครั้ง ฝ่ามือโบกสะบัดเบาๆ เพลิงพลังสีขาวก็เริ่มควบรวมกลับกลายเป็นดาบไฟสีขาว แผ่กลิ่นอายคมกล้าประหนึ่งจะตัดผ่าได้ทุกสิ่ง!
จากนั้นพอสะบัดมืออีกครั้ง ดาบไฟขาวที่พลังสภาวะร้อนแรงแฝงคมกล้าหาใดเปรียบก็พุ่งทะลวงฟ้า ฟันฟาดเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นอย่างเกรี้ยวกราด!
ขณะเดียวกัน ด้านหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ปรากฏร่างหนึ่งแยกตัวออกมา จากนั้นก็พุ่งไปอาศัยหมัดเปล่าเปลือยชกสวนเข้าใส่ดาบเพลิงขาวอย่างไร้ความหวั่นหวาด!
ที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นใช้ แน่นอนว่าเป็นร่างแยกแห่งความตาย
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นฟ้ามาอีกครั้ง แม้ร่างแยกแห่งความตายจะชกทำลายดาบเพลิงขาวของถังซานเป่าได้สำเร็จ ทว่าร่างแยกแห่งความตายก็เริ่มสลายไปเพราะสิ้นสูญพลังเช่นกัน!
“พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าที่แท้ท่านมีพลังถึงเทพสงคราม 6 ดาราหรือไม่?”
ถังซานเป่าที่เห็นว่าการโจมตีเมื่อครู่ไม่ได้ผล แววตาพลันเปลี่ยนไปทันใด จากนั้นก็ไม่คิดออมรั้งยั้งมืออีก เพลิงพลังทั่วร่างพลันลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรง กลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาทวีความกล้าแข็งขึ้นไปอีกขั้นในฉับพลัน! พลังอำนาจของเทพสงคราม 6 ดาราถูกปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ยังน่าเกรงขามปานจะสยบปราบศัตรูได้ทั้งมวล!!
และครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ลูกตาต้วนหลิงเทียนและอัจฉริยะคนอื่นๆจะหรี่ลง แม้แต่เหล่าจักรพรรดิสวรรค์และคนของวิหารเฟิงฮ่าวเองก็ชักสีหน้าจริงจังคร่ำเคร่งไม่น้อย
ถังซานเป่าคิดลงมือเต็มพลังแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าถังซานเป่าตระหนักดี ว่าหากมันยังไม่ลงมือด้วยพลังทั้งหมดตอนนี้ เกรงว่าคงไม่อาจเอาชนะหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้แน่ เช่นนั้นจึงเลือกที่จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุผิดพลาดจนเกิดการบาดเจ็บอะไร
เพราะการเผชิญหน้ากันด้วยพลังที่ทัดเทียม หากพลั้งพลาดบาดเจ็บขึ้นมา แม้พลังที่แท้จริงจะสูงกว่าแต่หากคู่ต่อสู้ไม่เปิดโอกาส ก็ไม่พ้นต้องตกเป็นรองจนแพ้พ่ายแน่!
ครืนนน!!
ฟู่มมม!!
…
ถังซานเป่าที่ปลดปล่อยพลังระดับเทพสงคราม 6 ดาราออกมาทั้งหมด บัดนี้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟก็ถูกเผยให้ทุกคนเห็นชัด สภาวะของมันประหนึ่งมีเทพอัคคีประทับร่างก็ไม่ปาน
ยิ่งไปกว่านั้นเพลิงพลังที่ห้อมล้อมรอบตัว ยังเป็นเพลิงพลังสีขาวที่แผ่กลิ่นอายร้อนลวกถึงขีดสุด! แสงพลังเพลิงขาวเปร่งประกายระยิบระยับ แลดูงดงามนัก!!
ถึงแม้อัจฉริยะที่ชมดูจะนั่งบนอัฒจันทร์รอบๆ ซึ่งห่างจากจุดที่ทั้งคู่ประมือกันมากพอสมควร แต่พวกมันก็สัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่โลมเลียแผดเผาเข้ามาชัดเจน ทุกคนจึงตระหนักได้ชัดเจนว่าเพลิงพลังสีขาวนั้นแฝงเร้นไปด้วยพลังอำนาจราวกับจะเผาผลาญสรรพสิ่งให้มอดไหม้ได้จริงๆ
“พี่น้องหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ระวังด้วย”
ในขณะที่ถังซานเป่าปริปากกล่าวคำออกมาเสียงเฉย จากนั้นในมือพลันปรากกฏหอกหนึ่งผุดจากความว่างเปล่ามากระชับถือไว้ ตัวหอกยาวทั้งสิ้น 7 ฉื่อ เปล่งแสงพลังเรืองรองออกมาให้ความรู้สึกลี้ลับ นอกจากนั้นลวดลายบนหอกดูไปคล้ายกระแสโลหิตหนึ่งกำลังไหลเวียนด้วยความเร็วสูง
นอกจากนั้นเมื่อชมดูให้ดีจะพบว่าต้นกระแสโลหิตดังกล่าว ปรากฏดวงตาสีเขียวเข้มหนึ่งเบิกมองอยู่ ชวนให้ผู้คนที่เผลอสบตาเข้าอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น…
“เป็นครั้งแรกเลยยที่ข้าเห็นถังซานเป่าใช้หอก นี่สมควรเป็นศาสตราอมตะคู่กายที่แท้จริงของมันกระมัง?!”
“ให้ตายเถอะ หอกอมตะนั่นเห็นชัดว่าเป็นหอกอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์!!”
…
หลังจากถังซานเป่าเรียกหอกอมตะออกมากระชับถือไว้ อัฒจันทร์รอบสนามก็ระงมไปด้วยเสียงฮือฮา จากนั้นสายตาของทุกคนก็เบนไปตกยังร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นโดยไม่รู้ตัว
เช้ง!
ท่ามกลางสายตาทุกคน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็เอื้อมมือไปจับด้ามกระบี่ที่สะพายไว้ข้างเอว ก่อนจะชักกระบี่ออกจากฝักอย่างไม่รีบไม่ร้อน เป็นกระบี่อ่อนเล่มหนึ่ง และเพียงมองก็บอกได้ว่าใบกระบี่ค่อนข้างบางนัก แค่สายลมบางเบาก็ทำให้ใบกระบี่สั่นไหวได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเมื่อหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเริ่มถ่ายทอดพลังลงสู่ตัวกระบี่ ใบกระบี่ที่ไหวเอนตามแรงลมก็ตั้งตรงขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างอสรพิษสีดำลอยขึ้นมา ก่อนจะเลื้อยพันวนเวียนไปทั่วกระบี่อ่อนดังกล่าว
“เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์อีกชิ้นแล้ว!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับกลิ่นอายพลังไม่ธรรมดาที่กำจายออกมาจากกระบี่ในมือหลิงเจวี๋ยอวิ๋น สายตาทั้งหลายยิ่งมายิ่งทวีความร้อนแรง จับจ้องมองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าไม่วางตา!
ราวกับกลับกลัวจะพลาดฉากอัศจรรย์ใดๆ
ปง! ปง! ปง!
เสียงทะลวงฟ้าสะท้านความว่างเปล่าพลันดังขึ้นติดๆกัน 3 เสียง แม้เสียงดังปานฟ้าถล่มนี้จะดังขึ้น 3 ครั้งอย่างชัดเจน แต่ทว่าสำหรับผู้ที่อ่อนด้อยแล้ว เสมือนมันดังขึ้นครั้งเดียวเท่านั้น!
เป็นถังซานเป่าที่เปิดฉากจู่โจมออกมาก่อนอีกครั้ง!
ถังซานเป่าจ้วงแทงออกมาพริบตาเดียว 3 หอก เพลิงพลังสีขาวอันร้อนแรง ประหนึ่งขีปนาวุธนำวิถีพุ่งไปด้วยความเร็วสูงล้ำ แยกย้ายกันถล่มทำลายเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจาก 3 ทิศทางพร้อมๆกัน!
แม้ร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะวูบไปวูบมาดั่งเงาพราย หากแต่แสงพลังหอกทั้ง 3 สายก็คล้ายมีดวงตางอกเงย เปลี่ยนทิศทางจี้เข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่หยุด ราวกับมันจ้องจะทำลายหลิงเจวี๋ยอวิ๋นให้จงได้!
แสงพลังหอกทั้ง 3 สายพุ่งผ่านพ้นไปที่ใด ความว่างเปล่าตามรายทางปรากฏร้อยไหม้ลากยาวไปเป็นแถบ!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ทันใดนั้นเสียงกระบี่ตวัดฟันฉับไวดังขึ้น 3 ครั้งติดต่อ เป็นหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่พุ่งร่างฉากหลบมาพักหนึ่ง ได้ตวัดฟันกระบี่ออกไปฉับไว ปลดปล่อยพลังกระบี่ที่สั่งสมมาออกไปต้านทานรับมือ รังสีพลังกระบี่พุ่งไป 3 สายปานเส้นแสง แยกย้ายกันจี้ทำลายเข้าใส่แสงพลังหอก 3 ซานเป่าอย่างแม่นยำราวจับวาง!
พริบตา พลังของทั้งคู่ก็ปะทะกัน!
ไร้ซึ่งเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวอันใด หลังจากรังสีกระบี่ 3 สายบรรจบกับแสงพลังหอกทั้ง 3 แล้ว รังสีกระบี่ดังกล่าวก็แปรเปลี่ยนไปฉับไวอย่างอัศจรรย์! พวกมันกลับกลายเป็นอสรพิษทมิฬที่มีไอพลังโลหิตปกคลุม ม้วนพันรอบตัวหอกและเริ่มกลืนกินแสงพลังหอกอย่างน่ากลัว!!
สุดท้ายแสงพลังหอก 3 สายก็ถูกอสรพิษสีมืดอันมีไอพลังโลหิตดังกล่าวกลืนกินจนสลายหายไปสิ้น ด้านอสรพิษสีมืดพร้อมไอพลังสีเลือดที่กลับกลายมาจากรังสีกระบี่ดังกล่าว ก็สลายหายไปเช่นกัน
ปงงง!!
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันบังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นก้องฟ้าหนึ่งขึ้น เป็นถังซานเป่าที่กระทืบเท้าย่ำความว่างเปล่าจนสะท้านสะเทือน! คนเสือกหอกแทงจี้ทะลวงเข้าใส่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสภาวะร่างปานดาวตก! ความเร็วยังเหนือล้ำยิงกว่าแสงพลังหอก 3 สายก่อนหน้าเสียอีก!!
เผชิญหน้ากับถังซานเป่าที่โถมร่างเสือกหอกทะลวงแทงเข้ามาอย่างดุร้าย ลูกตาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นพลันควบแน่น จากนั้นร่างมันก็ไหววูบดั่งเงาเลือน คนคล้ายเงาพรายวูบลัดฟ้าสวนเข้าใส่อย่างไร้ครั่นคร้าม!
และร่างปานภูตพรายวูบไปได้ไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างหนึ่งแยกออกมาจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกครั้ง เป็นร่างแยกแห่งความตายที่นัยน์ตาสีแดงฉานปานก้อนโลหิต พุ่งสวนเข้าใส่ถังซานเป่าพร้อมร่างแยก หมายกลุ้มรุมทำลายกระบวนท่าของถังซานเป่าตรงๆ!
ปงง!!
ตูมมมม!!
…
ร่างทั้ง 3 ปะทะกันกลางหาวอย่างรุนแรง จากนั้นก็ผละออกจากกันแล้วพุ่งสวนเข้าใส่ตัดกันไปมาราวเส้นแสง 3 วูบวาบข้ามฟ้า แต่ละครั้งที่เส้นแสงตัดกัน ก็อุบัติเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวคราหนึ่ง คลื่นพลังสะท้อนกำจายกวาดสะท้านออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า!!
เพียงเวลาไม่กี่อึดใจ การปะทะกันก็ปาเข้าไปหลายสิบกระบวนท่า หากแต่ถังซานเป่ายังไม่ได้มีเปรียบแต่อย่างไร!
จังหวะนี้หลายคนที่ดึงสติคืนกลับจากการปะทะเดือด ไม่เว้นฉีคงไห่รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ก็พร้อมใจกันหยีตาลงโดยไม่รู้ตัว!
เพราะพวกมันพลันตระหนักได้ว่า…บัดนี้ไม่ใช่ถังซานเป่าได้ลงมือเต็มกำลังแล้วหรอกเหรอ?
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแบบนั้นแต่กลับยังไม่มีเปรียบ?
สิ่งนี้เผยให้เห็นอะไร?
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้น ก็เป็นเทพสงคราม 6 ดาราเช่นกัน!!”
ในใจของผู้ชมไม่เว้นฉีคงไห่พลันบังเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาทันที
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เทพสงคราม 6 คล้ายไร้ราคาถึงเพียงนี้?
ในอดีตนั้น ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งใดที่ปรากฏตัวตนระดับเทพสงคราม 6 ดาราขึ้นมาสักคน ก็มากพอจะทำให้ผู้คนในยุคสมัยนั้นบังเกิดความตื่นตาตื่นใจครั้งใหญ่แล้ว!
วันนี้การที่ต้วนหลิงเทียนศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 6 ดาราออกมาอีกคนหลังจากถังซานเป่า ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจมากแล้ว ขณะเดียวกันทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นทั้งคึกคักอักโขนัก เพราะได้อยู่เป็นสักขีพยานศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่กำลังจะกลายเป็นหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์!
เทพสงคราม 6 ดาราอายุไม่ถึงพันปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน 2 คน…
ทว่าบัดนี้ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกลับเปิดเผยพลังระดับเทพสงคราม 6 ดาราออกมาอีกคน! สิ่งนี้ก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนอีกครั้ง!
แน่นอนว่ามีบางคนที่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร “จะอย่างไรเจ้านั่นมันก็มาจากตระกูลใหญ่ในระนาบเทพไม่ใช่รึไงเล่า? หากแม้แต่ต้วนหลิงเทียนกับถังซานเป่ามันยังสู้ไม่ได้ เช่นนั้นไม่ขายหน้าตายหรือ?”
“เจ้าพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกกระมัง? เพราะไม่ว่าจะต้วนหลิงเทียนหรือถังซานเป่า ก็กล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับแนวหน้าของระนาบเทวโลกทั้งมวลแล้ว แต่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นเผลอๆอาจไม่ใช่อัจฉริยะระดับต้นๆในระนาบเทพด้วยซ้ำ จะเอามาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร?”
“ข้าเองก็คิดแบบนั้น…ต่อให้เป็นชนพื้นเมืองของระนาบเทพแล้วอย่างไร? ข้าเชื่อว่าอัจฉริยะของพวกมันก็มีสูงมีต่ำ และข้าเชื่อว่าหากเป็นแค่อัจฉริยะดาษๆในระนาบเทพ ก็สมควรด้อยกว่าข้าด้วยซ้ำ!”
“จะอย่างไรก็ตาม ด้วยอายุของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น อาศัยพลังสามารถที่มันเผยให้เห็นอยู่ตอนนี้ มันไม่น่าจะใช่อัจฉริยะทั่วไปแน่นอน ถึงมันจะไม่ถึงขั้นเทียบได้กับอัจฉริยะระดับแนวหน้าของระนาบเทพ แต่ข้าว่ามันก็ควรเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากคนหนึ่งของระนาบเทพ!”
…
เนื่องจากภูมิหลังความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น แม้ทุกคนในที่นี้จะตกใจกับพลังที่แท้จริงของมัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเสียอาการเหมือนตอนที่ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยพลังออกมา
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นจะอย่างไรก็ถือกำเนิดขึ้นในระนาบเทพ สถานที่อันสูงส่งที่สุดของสวรรค์และโลกแห่งนี้…
ทว่าต้วนหลิงเทียนนั้นกลับถือกำเนิดขึ้นในสถานที่อันต้อยต่ำที่สุดในสวรรค์และโลกอย่างระนาบโลกียะ…