WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3548 คุณชายเสื้อม่วง
วันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปอีก 2 เดือน นับจากวันแรกที่ต้วนหลิงเทียนเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก
ตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนแทบจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดภายในสมรภูมิ 9 ยมโลกแล้ว
ถึงแม้ว่าสมรภูมิ 9 ยมโลกจะมีความคล้ายคลึงกับสมรภูมิอเวจีในหลายๆอย่าง แต่ก็ยังมีจุดที่แตกต่างกันอยู่
ในสมรภูมิ 9 ยมโลก จักรพรรดิอมตะหลายคนได้รวมตัวกันก่อตั้งกองกำลังขึ้น เพื่อไล่ล่าจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆอย่างมีแบบแผน ทำให้สะดวกในการฆ่าปล้นทรัพย์ของจักรพรรดิอมตะสมญานามได้อย่างราบรื่น
เช่นนั้นแล้วในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ เว้นเสียแต่ท่านจะมีพลังฝีมือกล้าแข็งมากพอ มิฉะนั้นหากไร้ซึ่งกองกำลัง ก็ทำได้แค่ดิ้นรนเพียงลำพัง และวันดีคืนดีท่านอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไร
“เอา พันธมิตรสวรรค์ แล้วกัน…”
ตั้งแต่วันแรกตลอดจนช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนที่เข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก ได้พบเจอกลุ่มจักรพรรดิอมตะสมญานามเข้ามาปล้นชิงเขาไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้ง ถึงแม้เขาจะสามารถฆ่าล้างบางทุกชีวิตที่มุ่งร้ายไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นหมู่คณะได้ง่ายดาย และได้รับทรัพยากรมาเต็มกระเป๋า…
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มาเพื่อฆ่าคนและขัดเกลาพลังฝีมือผ่านการต่อสู้อย่างเดียว เขายังต้องการบ่มเพาะพลังด้วย! อิจจาไม่ว่าเขาจะสรรหาสถานที่เปลี่ยวร้างแค่ไหน ไม่ว่าจะไปซ่อนอยู่ในซอกหลืบหรือมุมอับสายตาใด ก็ไม่พ้นต้องมีผู้คนพบเจอ และพยายามจะฉวยโอกาสบุกมาเข่นฆ่าเขาอยู่ร่ำไป…
กล่าวได้ว่าในสมมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาสถานที่เพื่อปิดด่านบ่มเพาะพลังอย่างสงบๆ
แต่เป็นธรรมดาว่าผู้ที่เข้ามาโจมตีก่อกวนเขาขณะกำลังบ่มเพาะพลัง ก็ไม่ตายดีสักคน…
แน่นอนว่าการโดนก่อกวนขณะบ่มเพาะพลังบ่อยครั้งเข้า ให้ต้วนหลิงเทียนจะชินชาแค่ไหนก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้ เรียกว่าเขารู้ซึ้งดี ว่าสถานที่เงียบสงบสำหรับบบ่มเพาะพลังในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่มีอยู่จริง! เขาจึงตระหนักได้ว่ามีเพียงต้องไปหากองกำลังเพื่อเข้าร่วมเท่านั้น ถึงจะมีสถานที่เงียบๆให้เขาบ่มเพาะพลังได้อย่างสบายใจ…
เว้นเสียแต่กองกำลังดังกล่าวจะโดนบุกจู่โจม!
ดังนั้นตลอดครึ่งเดือนหลังมานี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ออกตระเวนรวบรวมข้อมูลข่าวสาร จนล่วงรู้ว่าในพื้นที่รอบๆที่เขาอยู่มีกองกำลังใดอยู่บ้าง และก็ได้ตัดสินใจเลือกกองกำลัง ‘พันธมิตรสวรรค์’ ที่มีความแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่วเพื่อเข้าร่วม เขาจะได้มีสถานที่เงียบๆในการบ่มเพาะพลังเสียที
‘ในพันธมิตรสวรรค์ มีตัวตนระดับเทพสงคราม 8 ดาราอยู่ 2 คน เช่นนั้นหากเป็นคนธรรมดาๆ คงไม่กล้าหาเรื่องหรือบุกโจมตีกองกำลังนี้แน่นอน’
หลังได้รับทราบว่าในพื้นที่ๆเขาอยู่ มีกองกำลังอะไรบ้างแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจเลือก พันธมิตรสวรรค์!
‘พันธมิตรสวรรค์จะเปิดสมัครรับคนทุกๆรอบปี…ครั้งต่อไปที่เปิดรับก็อีก 3 เดือนหลังจากนี้ เช่นนั้นก็ต้องรอสินะ’
หลังครุ่นคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดไปหาสถานที่บ่มเพาะสืบไป เพียงเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ พบเจอใครที่คิดเข้ามาเข่นฆ่าปล้นชิง เขาก็จะลงมือตอบโต้อย่างไร้ปราณี เรียกว่าต่อให้ภายหลังอีกฝ่ายจะคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตทั้งน้ำตาก็ฆ่าไม่ละเว้น
ในโลกที่ผู้เข้มแข็งเป็นใหญ่ อย่าได้คิดบีบน้ำตาเพื่อหวังความเมตตา…
นั่นคือทั้งหมด
ด้วยความที่รู้ว่าตอนนี้ต่อให้หาสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะไปก็จะถูกรบกวนอยู่ดี เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่สนใจเรื่องหาสถานที่บ่มเพาะเพื่อรอเวลา แต่เลือกที่จะตระเวนไปทั่วๆ อาศัยการต่อสู้จริงขัดเกลาพลังฝีมือ รวมถึงทำความเข้าใจกฏ มรรคากระบี่ ไม่เว้นวิถีควบคุม
ถึงแม้จะไม่ได้มีความก้าวหน้ามากนัก แต่ก็มีความก้าวหน้าอยู่
ยิ่งไปกว่านั้นยามเบื่อๆเขาก็จะหาสถานที่เพื่อนอนหลับ และใช้ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อทำความเข้าใจกฏมิติเพิ่มเติม
และตลอดระยะเวลา 3 เดือน ต้วนหลิงเทียนก็เข่นฆ่าผู้คนไปนับไม่ถ้วน จนสร้างชื่อให้ตัวเองไม่น้อย
คุณชายชุดม่วง!
“เหอะๆ ช่วงนี้มีคนใส่ชุดม่วงมากขึ้นเรื่อยๆ…ข้าไม่ทราบที่อื่นเป็นเช่นไร แต่ด่านหงเทียนเรา วันนี้ก็มีคนใส่ชุดม่วงมาสมัครเข้าร่วมเป็นสิบแล้ว ข้าล่ะระอากับพวกมันจริงๆ คิดแต่จะเลียนแบบคุณชายชุดม่วงผู้นั้นไม่เลิก…”
ในสมรภูมิ 9 ยมโลก กองกำลังใหญ่ๆ ก็ถึงกับสร้างฐานที่มั่นใหญ่โตจนแทบไม่ต่างอะไรจากเมือง และในเมืองก็มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายทรัพยากร รวมถึงทำธุรกรรมต่างๆ แน่นอนว่าภายในเมืองก็ยังเข่นฆ่ากันได้ ไม่ต่างอะไรจากนอกเมือง
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเข้ามายังเมืองอันเป็นที่ตั้งกองกำลังนาม ‘ด่านหงเทียน’ เขาก็ได้ยินบทสนทนาคล้ายๆกัน
ผู้คนในเมืองหงเทียนนอกจากพูดถึงเรื่องการเข้าร่วมกองกำลังแล้ว ยังพูดถึงเรื่อง ‘คุณชายชุดม่วง’ กันหนาหู
“คุณชายชุดม่วงที่ว่า…ร้ายกาจมากจริงหรือ?”
บางคนที่ไม่รู้ก็เอ่ยถามออกมา
“ของจริง! ยังร้ายกาจยิ่ง!”
พอคนที่ถูกถามเอ่ยตอบกลับมา สีหน้ายังจริงจังไม่น้อย “วันนั้นข้าโชคดีได้เห็นการลงมือของมันจากไกลๆ…ทูตซ้ายของกองกำลัง ธาราคลั่ง เย่เซียง ลงมือพร้อมหน่วยธารสีเลือดของมันนับสิบ! แต่พวกมันกลับถูกคุณชายชุดม่วงนั่นฆ่าล้างบางในเวลาไม่กี่อึดใจ! ต้องทราบด้วยว่า เย่เซียง ผู้นั้นอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราแล้ว!!”
“สวรรค์!? ฆ่าล้างบางหน่วยธารสีเลือดที่นำโดยเย่เซียงผู้นั้นได้เพียงลำพัง!? อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 6 ดารากระมัง เผลอๆอาจจะต้องเป็นถึงเทพสงคราม 7 ดาราด้วยซ้ำ!”
“เป็นเช่นนั้น! ตอนนี้พวกเราพอประมาณได้คร่าวๆ ว่าคุณชายชุดม่วงผู้นั้น อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับเทพสงคราม 6 ดารา บางทีก็อาจเป็นถึงเทพสงคราม 7 ดารา!”
“เทพสงคราม 7 ดารา? กระทั่งด่านหงเทียนของเจ้า ดูเหมือนก็มีแต่เจ้าด่านคนเดียวไม่ใช่หรือที่เป็นเทพสงคราม 7 ดารา?”
“ก็ใช่…เช่นนั้นหัวหน้าด่านหงเทียนของพวกเราจึงได้ออกคำสั่งว่าห้ามให้คนของด่านหงเทียนเราลงมือต่อคุณชายชุดม่วงผู้นั้นเด็ดขาด และมิให้ไปยั่วยุคุณชายชุดม่วงผู้นั้นไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง…เพราะหากคุณชายชุดม่วงนั่นฆ่าแต่ผู้ที่ไปหาเรื่องก็ไม่เป็นไร แต่หากรู้ว่าคนที่หาเรื่องเป็นคนของด่านหงเทียน เกรงว่าอีกฝ่ายอาจตามมาเข่นฆ่าถึงด่านหงเทียนเอาได้”
“จะว่าไป…อย่างไรหัวหน้าด่านหงเทียนของพวกเจ้าก็เป็นเทพสงคราม 7 มิใช่รึ? ไฉนต้องกลัวคุณชายชุดม่วงที่มีตัวคนเดียวด้วยเล่า?”
“อาศัยหัวหน้าด่านพร้อมผู้พิทักษ์ย่อมไม่กลัว แต่ถ้าคุณชายชุดม่วงนั่นเลือกจะทำสงครามกองโจรเล่า? เกิดพวกล่อดักฆ่าคนของด่านหงเทียนที่ไร้ยอดฝีมือคุ้มกันจะให้ทำอย่างไร พอถูกฆ่ามากเข้าผู้คนก็หวาดกลัวกันจนไม่กล้าเข้าร่วมด่านหงเทียนเราแล้ว กระทั่งคนในยังอาจจะเลือกตีจากเพราะไม่อยากกลายเป็นปลาในบ่อด้วยซ้ำ”
“ให้ตายเถอะ แค่คนๆเดียวกลับมีพลังขู่ขวัญถึงเพียงนี้เชียว…ข้าล่ะอยากเห็นคุณชายยชุดม่วงที่ว่าสักครั้งจริง”
“ถึงข้าจะเห็นฉากคุณชายชุดม่วงฆ่าเย่เซียวพร้อมหน่วยธารสีเอดของมันไกลๆ แต่ข้าไม่อาจแลเห็นหน้าค่าตาคุณชายชุดม่วงนั่นได้ชัด…เอ๊ะ? แต่แผ่นหลังของคนผู้นั้นคล้ายคุณชายชุดม่วงวันนั้นยิ่ง!”
…
ขณะที่คนของด่านหงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ ก็พอดีกับเหลือบไปเห็นต้วนหลิงเทียนกำลังเดินผ่านเข้าเมืองมาพอดี
แน่นอนว่าถึงมันจะรู้สึกว่าแผ่นหลังของชายชุดม่วงที่พึ่งผ่านไปคล้ายๆกับคุณชายชุดม่วงวันนั้น แต่มันก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นคุณชายชุดม่วงตัวจริงไปได้ เพียงแค่คิดว่าเป็นอีกคนที่พยายามแต่งตัวเลียนแบบคุณชายชุดม่วงที่พึ่งมีชื่อเสียง
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นแค่ตัวปลอม แต่มันก็ไม่กล้าลงมือจู่โจมอีกฝ่ายอย่างผลีผลาม จนกว่าจะยืนยันเรื่องราวได้แน่ชัดเสียก่อน
เพราะถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่ใช่ตัวปลอมขึ้นมาจะให้ทำอย่างไร?
ทุกคนลือกันหนาหูว่าผู้ที่หาญกล้าลงมือกับคุณชายชุดม่วงก่อน ไม่มีใครรอดชีวิตมาได้สักคน!
‘คุณชายชุดม่วง?’..
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆ มุมปากยังอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขบขัน
‘ไม่ทราบหากข้าขอเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ภายใต้ชื่อดังกล่าว…จะสามารถได้รับสิทธิ์เข้าสู่กองกำลังโดยไม่ต้องทดสอบหรือไม่’
จากที่อีก 3 เดือน กองกำลังพันธมิตรสวรรค์จะรับคนนั้น ตอนนี้วันเวลามันได้ล่วงเลยมาจนใกล้ถึงกำหนดแล้ว
เหลืออีกแค่ 3 วันเท่านั้น
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เพียงเดินผ่านเมืองหงเทียนแห่งนี้ เพราะเป็นทางผ่านไปยังกองกำลัง พันธมิตรสวรรค์เท่านั้น
ในสมรภูมิ 9 ยมโลก แม้การฆ่าฟันจะเกิดขึ้นทุกแห่งหน แต่ก็มีคนที่เลือกจะสานไมตรีกับผู้อื่นอยู่ด้วย และส่วนใหญ่ผู้ที่เลือกจะสานไมตรีกัน ก็เพราะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าตัวเองหรือเปล่า เรียกว่าส่วนใหญ่ก็มีแต่ผู้ที่ไม่มั่นใจในตัวเองเท่านั้น
หากเป็นผู้ที่มั่นใจในตัวเอง ก็ไม่พูดเยอะ เลือกจะเปิดฉากเข่นฆ่าเข้าใส่ทันที!
ไม่ท่านตายก็ข้าม้วย!
‘ช่วงครึ่งเดือนหลังมานี้ มีคนที่จู่โจมเข้าใส่ข้าทันทีน้อยลงเรื่อยๆ…ดูเหมือนชื่อคุณชายชุดม่วงจะมีอำนาจสะกดข่มไม่น้อยทีเดียว’
‘อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนจะมีคนเลียนแบบมากมาย’
ต้วนหลิงเทียนที่เดินผ่านเมืองหงเทียนมา เขาพบว่าอย่างน้อยๆ 1 ใน 10 คนที่อยู่ในเมืองล้วนใส่ชุดสีม่วงทั้งสิ้น ราวกับชุดสีม่วงได้กลายเป็นแฟชั่นนำเทรนด์ของพื้นที่แถบนี้ก็ไม่ปาน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอื้ออึงอยู่บ้าง ‘นี่ข้า…กลายเป็นผู้นำแฟชั่นในพื้นที่แถบนี้ของสมรภูมิ 9 ยมโลกไปแล้วเหรอ?’
2 วันต่อมา ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เดินทางมาถึงประตูหน้าสถานที่ตั้งกองกำลัง พันธมิตรสวรรค์
และตอนนี้ก็มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันด้านนอกประตูที่ตั้งกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ และมีหลายคนนักที่สวมใส่ชุดเสื้อผ้าสีม่วง ไม่ว่าจะเสื้อคลุม ชุดจอมยุทธ์ก็ดี เรียกว่าม่วงมาเต็มไปหมด…
สิ่งนี้ทำให้ผู้ที่ไม่ได้สวมใส่ชุดสีม่วงอดไม่ได้ที่จะมองเหล่าผู้สวมใส่ชุดสีม่วงด้วยสีหน้าเย้ยหยันอยู่บ้าง แววตายังฉายชัดถึงความรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าพวกนั้นมันคิดว่าการสวมใส่ชุดสีม่วงเพื่อแสรงทำเป็น คุณชายชุดม่วง แล้วมันจะได้รับอภิสิทธิ์ใดๆจากกองกำลังพันธมิตรสวรรค์หรือไร? เหลวไหลสิ้นดี!”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งหัวเราะออกมา พลางกล่าวเสียดสี
“ช่างน่าขันยิ่ง!”
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างก็อดหัวเราะไม่ได้
“เจ้านี่ก็ม่วงมาอีกคนแล้ว!”
พอต้วนหลิงเทียนเดินมาถึง ก็มีสายตามากมายหันมามองให้ความสนใจเขา
เมื่อเหล่าคนที่สวมใส่ชุดสีม่วงมองมาที่เขา แววตาแต่ละคนก็ฉายชัดถึงความไม่ชอบใจ ส่วนเหล่าคนที่ไม่ได้สวมใส่ชุดสีม่วงก็มองมาด้วยสายตาดูถูกหมิ่นหยาม
“เจ้าหนู ข้าแนะนำให้เจ้ารีบกลับไปเสีย หรือไม่ก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ!”
พอต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงด้านหน้าประตูทางเข้าที่ตั้งกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ก็มีชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้หนึ่งเดินอ้อยอิ่งมาแต่ไกล กล่าวออกด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ข้าพึ่งได้ยินข่าวมาจากด้านใน ว่าพวกเจ้าที่ใส่ชุดม่วงเพื่อแสร้งเป็นคุณชายชุดม่วงนั่น ล้วนไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการทดสอบวัดคุณสมบัติของกองกำลังพันธมิตรสวรรค์…เพราะพันธมิตรสวรรค์ไม่ต้องการผู้สมัครที่เสแสร้ง!”
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินที่กำลังกล่าวเย้ยเขาด้วยสีหน้าเฉยเมย เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ “แล้วทำไมเจ้าถึงหาว่าข้าเสแสร้งเล่า?”
“เหอะๆ หากเจ้าไม่เสแสร้ง เจ้าจักใส่ชุดม่วงมาเพื่อเข้าร่วมการรคัดเลือกของพันธมิตรสวรรค์ทำอะไร?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินพอได้ยินก็หัวเราะยกใหญ่ ค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดูแคลนยิ่งกว่าเดิม “เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางพันธมิตรสวรรค์ได้ออกประกาศเชื้อเชิญคุณชายชุดม่วงให้มาเข้าร่ววมพันธมิตรสวรรค์แต่แรก…หากคุณชายชุดม่วงตัวจริงอยากเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ ไหนเลยจะต้องมาเสียเวลาเข้าร่วมการทดสอบเอาตอนนี้ด้วย?”
“หืม?”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปพักหนึ่งหลังได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงิน
พันธมิตรสวรรค์ออกประกาศเชิญเขาด้วยเหรอ?
เขาไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย!
หาไม่แล้วไฉนเขาถึงต้องไปเตร็ดเตร่รอเวลาจนครบ 3 เดือนด้วยเล่า? ถ้ารู้ก็คงมาตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว!
เพราะสุดท้ายเขาเองก็ตั้งใจเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์จริงๆ เพราะเขาต้องการสถานที่เงียบสงบในการบ่มเพาะพลัง ไม่อยากต้องมาเสียอารมณ์เพราะบ่มเพาะได้ไม่ทันไรก็มีคนมากวนใจอีก…
“จริงหรือหลอก?”
“ที่เจ้านั่นมันพูดเป็นเรื่องจริงหรือ? ไฉนข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ?”
…
ขณะเดียวกันเหล่าผู้ที่สวมใส่ชุดม่วงมาวันนี้ พอได้ยินคำพูดของชายหนุ่มชุดคลุมสีน้ำเงินก็ขมวดคิ้วกันใหญ่ เริ่มซุบซิบคุยกัน ด้วยสงสัยว่าที่อีกฝ่ายพูดมาที่แท้เรื่องจริงหรือหลอกกันแน่ เพราะหากเป็นความจริง พวกมันก็จะรีบไปเปลี่ยนชุดทันที
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พวกมันกำลังเลด้วยไม่รู้จะเอาอย่างไรดี ก็ปรากฏร่าง 3 ร่างย่ำฟ้าออกมาจากภายในค่ายของกองกำลังพันธมิตรสวรรค์
ที่ย่ำฟ้านำมาอย่างไม่รีบไม่ร้อนเป็นชายชราผู้หนึ่ง โดยมีชายวัยกลางคน 2 คนประกบติดอยู่ด้านหลัง
ชายชรามาในชุดคลุมสีเงินลักษณะท่วงท่าไม่ธรรมดา คิ้วคมเข้มปานดาบคู่นั้นเป็นสีดอกเลา หว่างคิ้วให้ความรู้สึกดุดันน่าเกรงขามแม้คนไร้โทสะอารมณ์ใดๆ
“นั่นมิใช่ผู้พิทักษ์ 7 ของพันธมิตรสวรรค์ ‘เหมิงซาน’ หรือไร!?”
ทันทีที่ชายชราปรากฏตัว ก็มีผู้ที่จดจำมันได้ทันที