WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3551 เปิดเผยตัวตน
ผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ไม่เพียงเป็น 1 ใน 2 เทพสงคราม 8 ดารา แต่พลังฝีมือยังกล้าแข็งที่สุดในกองกำลังพันธมิตรสวรรค์อีกด้วย
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกพันธมิตรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็ไปสอบถามเรื่องราวของอีกฝ่ายจนทราบมามากกว่าหนึ่งครั้ง จึงรู้พลังฝีมือของอีกฝ่ายคร่าวๆ เรียกว่าในบรรดาเทพสงคราม 8 ดาราทั่วไป มันนับว่าร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว
แต่ก็สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าพลังฝีมือไม่สูงพอตัว คงยากจะนำพากองกำลังพันธมิตรสวรรค์ให้กลายเป็นกองกำลังใหญ่จนปกครองพื้นที่แถบนี้ และดึงดูดผู้คนให้มาเข้าร่วมได้
เกรณฑ์ขั้นต่ำสุดในการเข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรสวรรค์คือเทพสงคราม 4 ดารา
“เจ้าคือคุณชายชุดม่วงหรือ…ยังเยาว์ยิ่ง!”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะได้ยินคำร่ำลือถึงผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์มามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่นี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่ได้พบเจออีกฝ่ายตัวเป็นๆ อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มแลดูอ่อนวัย มาในชุดสีเหลืองขลิบทอง หน้าตาสะอาดสะอ้าน ถือพัดสีทองเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ หากแต่ตัวพัดถูกเก็บไว้ไม่ได้คลี่กางออกมา
ก่อนจะมาถึงค่ายกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบมาแล้วว่าอีกฝ่ายชื่อ ‘ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง’ ถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในภาคตะวันออกเขต 9 ของสมรภูมิ 9 ยมโลก
สมรภูมิ 9 ยมโลกแบ่งออกเป็นหลายภาค ตั้งแต่เหนือใต้ออกตก ตะวันออกเฉียงเหนือเฉียงใต้ จวบจนตะวันตกเฉียงเหนือเฉียงใต้ และแต่ละภาคก็ถูกแบ่งออกเป็นเขตย่อยอีก เรียกว่าหากนับจำนวนเขตอย่างเดียว ก็มีมากกว่า 100 เขตเข้าไปแล้ว
และในบรรดาพื้นที่ทั้งหมด พื้นที่ภาคกลางนั้นจะมียอดฝีมือไปรวมตัวอยู่มากที่สุด และมีกองกำลังที่แข็งแกร่งทรงพลังมากมาย กระทั่งเทพสงคราม 9 ดาราเองก็ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ และตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราก็มีไม่น้อยที่เลือกจะเข้าร่วมกองกำลังไม่ลงมือคนเดียว
ทว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกแห่งนี้ ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราถึงแม้จะมี แต่ก็ปรากฏตัวให้เห็นน้อยมากๆ
ดั่งกาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์
สุดท้ายแล้วในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตกเฉียงใต้นั้น กระทั่งเทพสงคราม 9 ดาราที่ฉายเดี่ยว ก็ไม่คิดจะแวะเวียนผ่านมา เพราะผู้คนในภูมิภาคเหล่านี้อ่อนแอเกินไปสำหรับมัน หากเข้ามาเข่นฆ่าผู้คนที่นี่ ก็รังแต่จะลดค่าตัวเองและทำให้ผู้อื่นดูถูกเท่านั้น
“ข้าคือผู้นำพันธมิตรสวรรค์ ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง”
ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงคลี่ยิ้มพลางกล่าวแนะนำตัวเอง
“ต้วนหลิงเทียน”
แรกพบซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็มีความประทับใจอันดีไม่น้อย เพราะสีหน้าท่าทีอีกฝ่ายนั้นแลดูมากอัธยาศัยกระตือรือร้นในการต้อนรับขับสู้เขาไม่น้อย เขาจึงยิ้มกล่าวชื่อตัวเองตอบกลับ
“ต้วนหลิงเทียน?!”
อย่างไรก็ตาม พอซ่างกวนอวิ๋นเฟิงได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียน รอยยิ้มมากอัธยาศัยของมันก็ชะงักไปทันที ถูกความตกตะลึงเหลือเชื่อเข้ามาแทนที่ จากนั้นมันก็มองขึ้นๆลงๆต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่แน่ใจ “คุณชายชุดม่วง…มิทราบว่าท่านมาจากขุมกำลังใดและระนาบเทวโลกไหนหรือ?”
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้ตอบ ก็เป็นผู้พิทักษ์ 7 เหมิงซาน ของพันธมิตรสวรรค์กล่าวตอบออกมาเสียก่อน “คุณชายชุดม่วงกล่าวบอกข้าไว้แล้วว่ามาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน”
พอเหมิงชางกล่าวถึงจุดนี้ มันก็หยุดลงก่อนจะเปลี่ยนไปส่งเสียงผ่านพลังกล่าวกับซ่างกวนอวิ๋นเฟิงลับๆทันที “ผู้นำ…อย่างที่พวกเราทราบกันดีว่าในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ผู้ที่แข็งแกร่งรองลงมาจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ก็คือจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว…และครั้งสุดท้ายที่เมิ่งหลัวผู้นั้นปรากฏตัวในสมรภูมิ 9 ยมโลก มันก็เป็นเพียงเทพสงคราม 6 ดาราชนชั้นยอดฝีมือเท่านั้น”
“ในความคิดข้า คุณชายชุดม่วงผู้นี้สมควรเป็นสายลับที่กองกำลังคู่อริของพวกเราส่งมาแฝงตัวในพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรามากกว่า…ถึงแม้พวกเราจะรับตัวมันเข้ามาอยู่ในพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา แต่ก็ไม่อาจไม่ระวัง”
ขณะกล่าวผ่านพลังแจ้งความกังวลต่อซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ยิ่งมาน้ำเสียงของเหมิงซานก็ยิ่งเคร่งเครียด สีหน้ายังเปลี่ยนเป็นขึงขังไม่น้อย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่ได้ยินวาจาประโยคแรกของเหมิงซาน ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็อึ้งไปแล้ว ถึงกับไม่ได้สนใจฟังถ้อยคำผ่านพลังหลังจากนั้นสักเท่าไหร่
หลังจากนั้นภายใต้สีหน้าท่าทีจริงจังของเหมิงซาน ซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ก็ยกมือขึ้นป้องประสานก่อนจะโค้งคำนับต้วนหลิงเทียน เสียงกล่าวยังแฝงความเคารพนับถือมากขึ้นหลายส่วน “ที่แท้เป็นจ้าววังน้อยต้วนแห่งจี้เมี่ยเทียน…เป็นข้าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงเสียมารยาทต่อท่านแล้ว ก่อนหน้าผู้แซ่ซ่างกวนไม่ทราบตัวตนของจ้าววังน้อย…ขอจ้าววังน้อยโปรดอภัยให้ข้าด้วย”
จ้าววังน้อย!?
เหมิงซานที่ฟังอยู่ด้านข้างถึงกับอึ้ง หันไปกล่าวทักซ่างกวนอวิ๋นเฟิงทันที “ผู้นำ ใช่ท่านจดจำอะไรผิดพลาดหรือไม่?”
เรื่องที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนปรากฏตัวจ้าววังน้อย อันเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของฟงชิงหยางนั้น มันก็เคยได้ยินมาบ้างแล้ว…ตอนที่ออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกไปเมื่อหลายสิบปีก่อน อย่างไรก็ตามเท่าที่มันจดจำได้ จ้าววังน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ไม่เพียงแต่จะยังอายุไม่ถึงพันปี อีกฝ่ายยังเป็นผู้ที่ขึ้นสวรรค์มาด้วย
ทว่าคุณชายชุดม่วงเบื้องหน้า พลังฝีมือต่ำๆก็เป็นถึงเทพสงคราม 7 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ!
ยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดารา อายุไม่ถึงพันปี?
เท่าที่มันรู้มา ต่อให้เป็นศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่วิหารเฟิงฮ่าวจัดขึ้นทุกๆรอบ 1,000 ปี แต่อัจฉริยะที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่เคยปรากฏตัวขึ้นมา ก็เป็นเพียงเทพสงคราม 6 ดาราเท่านั้น…และเทพสงคราม 6 ดาราอายุไม่ถึงพันปี กระทั่งในศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่เป็นดั่งจุดศูนย์รวมสุดยอดอัจฉริยะจากทั่วทั้งระนาบเทวโลกแล้ว หากไม่ผ่านไปสักหลายๆหมื่นปีเกรงว่าคงยากจะปรากฏขึ้นสักคน
“จ้าววังน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนที่ว่า ดูเหมือนจะยังมีอายุไม่ถึ…”
เหมิงซานคิดจะกล่าวข้อมูลที่มันล่วงรู้มา หากทว่าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงพลันเอ่ยถามขัดเสียก่อน “เหมิงซาน ให้ข้าเดา…ไม่กี่ปีหลังมานี้ท่านยังไม่ได้ออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกเลยกระมัง?
“ใช่ ข้าไม่ได้ออกไปไหนมาสักพักแล้ว”
ถึงแม้จะงุนงงกับคำถามของผู้นำ หากแต่เหมิงซานก็พยักหน้าตอบกลับ
ตอนนี้วันเวลาก็ได้ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ที่มันออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งสุดท้าย และการออกไปครั้งนั้นก็ทำให้มันรับทราบเรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางที่ไม่เคยรับศิษย์ที่แท้จริงมาก่อน ในที่สุดก็ได้รับศิษย์ที่แท้จริงเรียบร้อย และยังประกาศว่าจะเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวอีกด้วย
“เช่นนั้นท่านจะไม่รู้ก็ไม่แปลก…”
ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าว “จ้าววังน้อยท่านนี้…เป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง และในศึกอัจฉริยะครั้งล่าสุด จ้าววังน้อยก็ได้เผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดารา สามารถเอาชนะเทพสงคราม 6 ดาราอีก 2 คนที่กลุ้มรุมลงได้อย่างง่ายดาย…กลายเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวลที่โด่งดังไปทั่ว…”
กล่าวถึงจุดนี้ สายตาที่ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงใช้มองต้วนหลิงเทียน ก็เผยความนับถือเลื่อมไสไม่น้อย “ข้าเกรงว่าอีกไม่นานทั่วทั้งสมรภูมิ 9 ยมโลก ก็คงได้รับทราบถึงการปรากฏตัวของ จ้าววังน้อย สุดยอดอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แสดงฝีมือเลิศล้ำในสะท้านศึกอัจฉริยะสวรรค์กันถ้วนหน้า!”..
สองตาต้วนหลิงเทียนฉายแววประหลาดใจอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดเลยว่าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงจะรู้เรื่องราวด้านนอกดีขนาดนี้
‘ไม่รู้ว่า แซ่ซ่างกวนผู้นี้มันมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับวิหารเฟิงฮ่าวหรือไม่?’
‘อย่างไรก็ตาม ข้าเชื่อว่าในวิหารเฟิงฮ่าวตอนนี้ ไม่น่าจะมีคนรู้เรื่องที่ข้าถือครองเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ธาตุมากนัก…เพราะข่าวสำคัญแบบนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่หวู่หงชิงนั่นมันจะกล้าแพร่งพรายออกไปเพื่อลดโอกาสของตัวเองให้โง่’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็พอได้โล่งใจขึ้นมาอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามวันหน้าการฝึกฝนในพันธมิตรสวรรค์ เขาก็จำต้องวางมาตรการป้องกันให้หนาแน่นเหมือนเดิม และหากเขาพบพิรุธหรือเรื่องราวอะไรผิดท่าแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะเปลี่ยนไปเข้าร่วมกับกองกำลังอื่นแทน
“อะไร?!”
พอเหมิงซานได้ยินคำพูดของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง มันก็ตกตะลึงเป็นธรรมชาติ “เผยพลังระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดาราในศึกอัจฉริยะสวรรค์ และสามารถเอาชนะเทพสงคราม 6 ดาราอีก 2 คนพร้อมกันได้ง่ายดาย?”
“ท่านผู้นำ ศึกอัจฉริยะสวรรค์ในปัจจุบัน หรือจักมิมีข้อจำกัดเรื่องผู้เข้าร่วมต้องเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์อายุไม่ถึงพันปีแล้ว? ผู้ที่มีอายุมากกว่าพันปีสามารถเขาร่วมได้แล้วหรือ?”
เหมิงซานถึงกับโพล่งถามเรื่องนี้ออกไปโดยไม่รู้ตัว เพราะมันยากจะเชื่อได้ลงคอจริงๆ!
หากศึกอัจฉริยะสวรรค์ยังคงจำกัดอายุผู้ที่เข้าร่วมไว้ที่ 1,000 ปีเหมือนเดิม เช่นนั้นก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะปรากฏตัวอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เป็นถึงยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดารา รวมถึงเทพสงคราม 6 ดาราถึง 2 คนกระมัง?
ต้องทราบด้วยว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ที่ผ่านๆมาในอดีต อย่างดีก็มีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวขึ้นแค่ครั้งละคนเท่านั้น
“ไม่ กฏใดๆของศึกอัจฉริยะสวรรค์ยังคงเป็นเช่นกาลก่อน มีเพียงผู้ที่อายุไม่ถึงพันปีเท่านั้นจึงจะเข้าร่วมได้…คราวนี้การปรากฏตัวขึ้นของยอดฝีมือเทพสงคราม 7 ดารา รวมถึงเทพสงคราม 6 ดารา 2 คนถึงได้กลายเป็นเรื่องอันน่าเหลือเชื่ออย่างไรเล่า…”
“และเทพสงคราม 6 ดารา 2 คนที่ว่า หนึ่งในนั้นก็คือผู้สืบทอดคนต่อไปของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ส่วนอีกคนนั้นเห็นว่าเป็นถึงคุณชายจากตระกูลใหญ่ในระนาบเทพ”
เห็นได้ชัดว่าซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็เข้าใจได้ ว่าไฉนเหมิงซานถึงได้ตื่นตระหนกตกใจนัก
พอได้ยินคำชี้แจงของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง เหมิงซานก็อึ้งไปอยู่นานกว่าจะหาย
ขณะเดียวกัน ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนอย่างระมัดระวัง “จ้าววังน้อย…ตอนนี้ด่านพลังของท่านสมควรทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศแล้วกระมัง?”
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนในฐานะผู้ชนะเลิศศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ได้รับผลอมตะหยวนปะทุไป เป็นอะไรที่ทุกคนทราบกันดี…เช่นนั้นในสายตาของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ไม่พ้นจ้าววังน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเบื้องหน้า ก็สมควรใช้ผลอมตะหยวนปะทุ จนด่านพลังบรรลุถึงจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ
ถึงแมว่าจะเดาได้บ้างแล้ว แต่พอเห็นต้วนหลิงเทียนตอบรับกับปาก ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงงก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นพอฟื้นสติ ก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าท่าทีกล้าๆกลัวๆ“เช่นนั้น…ในปัจจุบันจ้าววังน้อยท่าน ก็มีความแข็งแกร่งระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราแล้ว?”
ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดารา!?
คำถามดังกล่าวของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ทำให้เหมิงซานที่พึ่งได้สติถึงกับตะลึงตาค้างไปอีกรอบ กล่าวได้ว่าวันนี้วันเดียวมันเสียอาการเพราะความตกใจ มากกว่าหลายสิบปีที่ผ่านรวมกันเสียอีก
ยังตกใจแทบตายแล้ว!
ได้ยินคำถามดังกล่าวของซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ต้วนหลิงเทียนเพียงคลี่ยิ้มบางๆไม่ได้ตอบอะไร และซ่างกวนอวิ๋นเฟิงก็ไม่กล้าถามเซ้าซี้สืบต่อ เพราะแค่เห็นรอยยิ้มลึกลับใบหน้าต้วนหลิงเทียนนั่น มันก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว
“จ้าววังน้อย…ท่านคิดจะเข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ของพวกเราจริงๆหรือ?”
ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาเป็นประกาย กล่าวถามออกมาอย่างกระตือรือร้นอีกครั้ง
ในความเห็นของมัน ด้วยพรสวรรค์ทั้งศักยภาพของต้วนหลิงเทียน เรื่องที่จะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราคงอีกไม่นาน หากอีกฝ่ายเต็มใจเข้าร่วมกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ของมันจริง เรื่องที่กองกำลังพันธมิตรสวรรค์จะบุกเบิกเข้าสู่พื้นที่ภาคกลางเพื่อช่วงชิงทรัพยากร ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป!
สำหรับกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ในปัจจุบันนั้น ถึงแม้จะมีเทพสงคราม 8 ดาราอยู่ 2 คน แต่หากยกไปตั้งไว้ในภาคกลาง ก็ถือเป็นกองกำลังที่ไม่อาจไปโลดแล่นบนเวทีเดียวกับกองกำลังทั้งหลายในภาคกลางได้
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ข้าตั้งใจเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์เพราะต้องการสถานที่ฝึกปรือเงียบๆ การฝึกปรือข้างนอกเพียงลำพัง มักมีพวกตาไม่ถึงมาคอยกวนใจข้าอยู่ร่ำไป…ถึงแม้ข้าจะฆ่าผู้ที่มากวนใจได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเดี่ยวหรือกลุ่ม แต่พอเจอหลายครั้งเข้าก็น่ารำคาญไม่น้อย เช่นนั้นข้าคิดว่าหากข้าเข้าร่วมกองกำลังใดเสีย ก็น่าจะตัดปัญหาเรื่องคนมากวนใจไปได้”
ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มเมื่อได้ยินเหตุผลของต้วนหลิงเทียน “จ้าววังน้อย หากข้าเดาไม่คิด นี่สมควรเป็นครั้งแรกที่ท่านเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกกระมัง”
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“พันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา ยินดีต้อนรับจ้าววังน้อยอย่างยิ่ง!”
ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มร่า “และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จ้าววังน้อยจะเป็นผู้นำคนใหม่ของกองกำลังพันธมิตรสวรรค์เรา ส่วนข้าซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ยินดีเป็นรองผู้นำ”
ฟังจากคำพูดของงซ่างกวนอวิ๋นเฟิง เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจจะยกตำแหน่งผู้นำกองกำลังให้ต้วนหลิงเทียน
เหมิงซานที่อยู่ด้านข้างงเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องนี้ กระทั่งยังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคาดหวังอยู่บ้าง เพราะหากผู้นำกองกำลังเปลี่ยนไปเป็นชายเบื้องหน้าคนนี้ล่ะก็ พวกมันก็จะก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น!
“ไม่ดีกว่า”
ทว่าต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวคำปฏิเสธออกมาทันที “อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว เหตุผลเดียวที่ข้ามาเข้าร่วมพันธมิตรสวรรค์ เพราะข้าต้องการสถานที่เงียบๆในการบ่มเพาะเท่านั้น…แต่แน่นอนว่าหากกองกำลังพันธมิตรสวรรค์มีเรื่องอะไรให้ข้าช่วย ข้าก็ไม่คิดปฏิเสธ”
“แต่ทว่าเรื่องที่ให้ข้าช่วย ต้องไม่เกินบรรทัดฐานและมโนธรรมของข้า”
“ส่วนตำแหน่งผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ ข้าไม่สนใจ”
กล่าวถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหน้าไปมา
แน่นอนว่าตำแหน่งผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์อาจฟังดูดีไม่ใช่เล่น แต่ไม่แคล้วสิ่งที่ตามมาก็คือภาระหน้าที่และความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจแม้แต่นิดเดียว
เมื่อถูกปฏิเสธตรงๆ ถึงซ่างกวนอวิ๋นเฟิงจะไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย แต่ก็อดคลี่ยิ้มเจื่อนๆไม่ได้ “ในเมื่อจ้าววังน้อยต้องการเช่นนั้น…นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจ้าววังน้อยก็จะเป็นรองผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์ของพวกเรา”
ด้วยเหตุนี้ ต้วนหลิงเทียนจึงกลายเป็นรองผู้นำกองกำลังพันธมิตรสวรรค์คนแรก ในประวัติศาสตร์กองกำลังพันธมิตรสวรรค์…