WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3556 หนึ่งกระบี่กรีดฟ้า
“ให้ตายเถอะ! จ้าววังน้อยทำเช่นนั้นได้อย่างไร!?”
“วิธีการเช่นนี้…จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ? ไม่ได้หมายความว่าหากไม่ใช่เทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ ก็ไม่มีวันแตะต้องหรือทำอะไรจ้าววังน้อยที่ยืนอยู่เฉยๆได้เลยหรือไร!?”
…
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนที่ลอยตระหง่านกลางหาวท่ามกลางพายุอัสนีนั้น แลดูสงบไร้เรื่องราวกระทั่งชุดสีม่วงยังไม่มีแม้แต่รอยเปื้อน!
ฉากอันน่าทึ่งดังกล่าว จะทำให้คนของพันธมิตรสวรรค์ตะลึงงันราววิญญาณหลุดออกจากร่างไปก็ไม่แปลก!
ด้านชายชราที่ติดตามหวู่หลงมา บัดนี้ก็ชักสีหน้าเคร่งขรึมนัก ต้องทราบด้วยว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาอีกฝ่ายแลดูนิ่งสงบเสมอ จนเมื่อเห็นฉากนี้มันถึงไม่อาจคงความสงบเอาไว้ได้สืบไป
“เจ้าเชี่ยวชาญวิถีควบคุม 1 ใน 4 วิถีแห่งสวรรค์และโลกจริงๆ”
กระทั่งหวู่หลงเองสีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังไม่น้อย สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนทวีความแหลมคมขึ้นหลายส่วน เอ่ยออกด้วยเสียงดังปานฟ้าคำรนว่า “น่าสนใจจริงๆ…หลังจากนี้ข้าจะไม่ออมมืออีกต่อไป!”
จะไม่ออมมือ?
วาจาดังกล่าวของหวู่หลง ย่อมทำให้คนพันธมิตรสวรรค์ตกใจอีกครั้ง
หวู่หลงผู้นั้น ยังออมมืออยู่อีกงั้นหรือ?
“หากเจ้ายังมีลูกไม้อะไรก็รีบๆแสดงออกมาเถอะ…”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหวู่หลงด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
“หึ!”
ท่าทีไม่แยแสขอต้วนหลิงเทียน ย่อมกระตุ้นโทสะอารมณ์ของหวู่หลงไม่น้อย มันพ่นลมสบถขึ้นจมูกเสียงเย็นคำหนึ่ง จากนั้นสองตาก็ฉายประกายเยียบเย็น สองแขนยกชูขึ้นฟ้า และทันใดนั้นเอง ทั่วร่างมันก็ปรากฏเส้นสายอัสนีปะทุออกมาอย่างน่ากลัว! แสงพลังสีม่วงสาดส่องออกมาเจิดจ้า จนสายตาของทุกคนพร่าเลือนไปชั่วขณะ!!
ขณะเดียวกัน เมฆฝนมืดทะมึนมืดบนฟ้าก็เริ่มวิปริตแปรปรวนอีกครั้ง จากนั้นก็อุบัติอัสนีสีม่วงเส้นเขื่องนับร้อยพันเส้นสายฟาดผ่าลงมาอย่างเกรี้ยวกราด เพียงแค่มันไม่ได้ฟาดถล่มเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนสืบไป แต่ฟาดลงมายังร่างหวู่หลงแทน!
ต้วนหลิงเทียนก็อดแปลกใจกับฉากดังกล่าวไม่ได้
หวู่หลงคิดจะทำอะไรของมัน?
“เจ้าหวู่หลงมันคิดจะทำอะไรของมันกันแน่ ไฉนถึงโจมตีตัวเองเสียเล่า?”
“มันทำอันใดอยู่กัน? หรือมันชมชอบความเจ็บปวด ต้องกระตุ้นตัวเองก่อนถึงจะเอาจริง?”
…
การกระทำของหวู่หลงไม่เพียงต้วนหลิงเทียนจะไม่เข้าใจ กระทั่งคนของพันธมิตรสวรรค์ไม่เว้นซ่างกวนอวิ๋นเฟิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน บ้างยังอดคิดสัปดนไม่ได้
อย่างไรก็ตามเมื่อมวลหมู่อัสนีฟาดผ่าลงมาเจียนถึงร่างหวู่หลง ทุกคนก็ตระหนักได้…
ปรากฏว่าหวู่หลงไม่ได้นิยมความเจ็บปวด…
ทุกคนเห็นชัดถนัดตา ว่าสายฟ้านับร้อยพันสายที่ฟาดผ่าลงมานั้น พออยู่ห่างจากศีรษะของหวู่หลงไม่เท่าไหร่ อยู่ๆก็อุบัติวังวนสายฟ้าหนึ่งผุดขึ้นเหนือศีรษะหวู่หลงอย่างลึกลับ และวังวนสายฟ้าดังกล่าวก็ราวกับปากของอสูรกายร้ายกระหายสายฟ้า กลืนกินห่าอัสนีทั้งหมดอย่างตะกละตะกลาม!
เปรี๊ยงงง!!
ครืนนน!! ซู่มมม!!
…
แต่ละเส้นสายอัสนีที่ถูกวังวนสายฟ้าประหลาดเหนือศีรษะหวู่หลงดูดกลืนไป ยังผลให้พลังสายฟ้าที่ปะทุออกจากร่างของหวู่หลงยิ่งมายิ่งทรงพลังอำนาจมากขึ้น!
ต้องทราบด้วยว่าสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาจากแพเมฆทะมึนนั่น มันไม่ใช่พลังของหวู่หลงทั้งหมด แต่เป็นพลังแห่งธรรมชาติที่ถูกพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังธาตุอัสนีและความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏสายฟ้าเป็นตัวกระตุ้น กล่าวได้ว่าห่าอัสนีที่ฟาดผ่าลงมาไม่ใช่พลังของมันเสียทีเดียว!
อย่างไรก็ตาม หลังถูกวังวนสายฟ้าประหลาดนั่นกลืนกิน พวกมันกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังหวู่หลงอย่างอัศจรรย์!
‘นี่มัน…พื้นฐานของวิถีกลืนกินงั้นเหรอ?’
พอเห็นความเคลื่อนไหวของหวู่หลงเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็มองเห็นอะไรบางอย่าง และนั่นทำให้เขาอดแปลกใจไม่ได้ ด้วยไม่คิดเลยว่าศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนจะเห็นประตูของวิถีกลืนกินแล้ว เพียงแค่ยังไม่ได้เปิดเข้าไปเท่านั้น…
แน่นอนว่าในสวรรค์และโลก ก็มีผู้คนมากมายที่เห็นธรณีประตูของจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก บางคนก็สัมผัสได้ถึง 2 ธรณีประตูของจตุรวิถีในสวรรค์และโลกด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายกลับไม่อาจเปิดประตูดังกล่าวและก้าวเข้าไป เรียกได้ว่าไม่อาจเข้าใจจตุรวิถีของสวรรค์และโลกถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น เช่นนั้นนับประสาอะไรกับมีความก้าวหน้าและเข้าใจพลังอำนาจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น….
“ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาที่เฉยเมยของเขาเปลี่ยนเป็นสนใจขึ้นมาอยู่บ้าง
“ต้วนหลิงเทียน รับกระบวนท่าของข้า!!”
ท่ามกลางทุกสายตา ร่างของหวู่หลงที่ยิ่งมาพลังอัสนียิ่งแกร่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ และอยู่ๆพลังดังกล่าวก็หยุดชะงักราวลูกโป่งที่หยุดเติมลม สองตาของมันเบิกโพลงขึ้นราวฆ้อง เปล่งคำตะโกนดังลั่นปานฟ้าคำรนออกมาคำหนึ่ง หมัดขวากำแน่น เริ่มรวมรั้งพลังอัสนีทั้งหมดในร่างไปไว้ยังหมัดดังกล่าว!!
ปงงงง!!
ร่างหวู่หลงเคลื่อนไหวฉับไวราวเงาเลือน มันชกหมัดอันอัดแน่นไปด้วยพลังออกมาอย่างเกรี้ยวกราด พลังอัสนีคุ้มคลั่งรวมศูนย์ ประหนึ่งมังกรทะยานโผล่พ้นลำน้ำ เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว! มังกรอัสนีที่เต็มไปด้วยพลังสายฟ้ามหาศาล เมื่อปะทะเข้ากับชายขอบรัศมีวิถีควบคุมของต้วนหลิงเทียน ตัวมังกรอัสนีก็ไม่ได้ถูกพลังอำนาจของวิถีกลืนกินต้วนหลิงเทียนหยุดไว้แต่อย่างไร มันบุกตะลุยฝ่าเข้ามาด้วยสภาวะพลังอันน่ากลัวนัก! กระทั่งต้วนหลิงเทียนยยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอยู่บ้าง!!
‘ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่พื้นฐานของวิถีกลืนกิน แต่พลังอำนาจจากการรวมรั้งพลังทั้งหมดบวกกับพลังที่เพิ่มพูนขึ้น ก็ทำให้หมัดนี้ของมันมีอานุภาพไม่ใช่ชั่วจริงๆ’..
‘มันก็กล้าหาญไม่ใช่เล่น ยังไม่เข้าใจวิถีกลืนกินถึงขั้นตอนเบื้องต้นแท้ๆ แต่ก็หาวิธีเสริมพลังให้ตัวเองได้แล้ว…อย่างไรเสียถึงมันจะอยู่ในร่างสายฟ้า แต่สายฟ้าที่ผ่าลงมาจากเมฆนั่นก็ไม่ใช่พลังของมัน หากควบคุมอะไรผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ก็อาจถูกสายฟ้าที่ชักนำมาฟาดผ่าจนตกตายเสียเอง…’
‘จะอย่างไรก็ตามแต่…ด้วยหมัดนี้ของมัน เกรงว่าคงยากจะหาใครใต้ขอบเขตเทพสงคราม 9 ดาราสู้มันได้จริงๆ’
ต้วนหลิงเทียนย่อมมองออกได้ทันที ว่าอานุภาพพลังของหนึ่งหมัดที่หวู่หลงชกออก มันเกินระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราไปแล้ว แต่แน่นอนว่ายังไม่อาจกล่าวได้ว่าใกล้เคียงกับเทพสงคราม 9 ดาราที่สุด เนื่องเพราะความต่างระหว่างเทพสงคราม 8 ดารากับเทพสงคราม 9 ดาราที่ถูกเรียกว่า ‘ครึ่งก้าวเทพ’ นั้นใหญ่หลวงมาก เพราะนั่นคือความแตกต่างระหว่างคุณภาพของพลังในร่าง…ตัวตนระดับครึ่งก้าวเทพ ก็คือตัวตนที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่าง เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว!
ก่อนที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดจะเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะที่ร้ายกาจแค่ไหน ก็ถือได้ว่าเป็นแค่เทพสงคราม 8 ดาราเท่านั้น
หากในร่างก่อเกิดพลังเทพขึ้นมาแล้วล่ะก็ ต่อให้ความเข้าใจในกฏของมันจะเทียบต้วนหลิงเทียนไม่ได้เลย แต่พลังของมันก็สามารถบดขยี้ต้วนหลิงเทียนได้โดยสมบูรณ์!
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่าอาวุธในมือเป็นระดับเดียวกันด้วย
หากต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน รวมถึงใช้จิตวิญญาณกระบี่อย่างหวงเอ้อผสานพลังลงมือ เพื่อปลดปล่อยพลังของอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุดล่ะก็ หากพบเจอกับครึ่งก้าวเทพที่มีความเข้าใจในกฏน้อยกว่า ต้วนหลิงเทียนก็ยังฆ่าได้อย่างไร้เรื่องราว!
“มาได้ดี…”
เผชิญหน้ากับหมัดพลังสายฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันเกรี้ยวกราดของหวู่หลง ลูกตาต้วนหลิงเทียนพลันควบแน่น จากนั้นมือขวาเขาก็ค่อยๆยกขึ้นอย่างไม่รีบไม่ร้อน
วู้มมม!!
ทันใดนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานพลังธาตุมิก็เริ่มรวมรั้งในมือเร็วไว ก่อเกิดเป็นกระบี่พลังมีสภาพสีเทาเล่มหนึ่ง ปราณกระบี่สีเทาเริ่มแผ่กระจายออกมา ให้ความรู้สึกลี้ลับยากหยั่งถึงนัก แม้สภาวะพลังจะไม่รุนแรงเกรี้ยวกราดเท่าหมัดพลังสายฟ้าของหวู่หลง แต่กลับให้ความรู้สึกน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก!
เมื่อในมือต้วนหลิงเทียนปรากฏกระบี่พลังสีเทาขึ้น สองตาซ่างกวนอวิ๋นเฟิง ผู้นำพันธมิตรสวรรค์ก็เป็นประกายขึ้นทันที ‘ข้าได้ยินมาว่าจ้าววังน้อยไม่เพียงแต่เข้าใจวิถีควบคุมในจตุรวิถีของสวรรค์และโลกถึงขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น ยังมีวิถีศาสตราอีกด้วย…แถมยังเป็นมรรคากระบี่มิติของตัวเองที่มีศักยภาพอันไร้จำกัด!’
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ซ่างกวนอวิ๋นเฟิงคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มลงมือตอบโต้แล้ว
ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างใจจดจ่อของทุกคน ต้วนหลิงเทียนเพียงตวัดกระบี่สีเทาในมือออกไปตามอำเภอใจ ไร้ซึ่งท่วงท่าลึกล้ำ ไร้ซึ่งพลังอันน่าตื่นตาตื่นใจ แค่ตวัดฟันกระบี่ออกไปอย่างไร้เรื่องราวเท่านั้น
และจากวิถีกระบี่ที่ตวัดฟันออกไป เห็นชัดว่าตั้งใจปะทะเข้ากับหมัดพลังของหวู่หลงตรงๆ! ยังเป็นหมัดพลังดั่งมังกรพิโรธที่พุ่งเข้ามาพร้อมด้วยพลังอัสนีอันน่าพรั่นพรึง! ยามพุ่งวาบตัดฟ้ามาด้วยความเร็วอัศจรรย์ ก็บังเกิดกระแสอัสนีลากยาวไปดั่งสายธาร มองไปเสมือนดาวตกลัดฟ้ายามคืนค่ำกำลังถล่มไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างไรอย่างนั้น!!
ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของผู้คน ในที่สุดกระบี่ที่ฟันออกไปตามอำเภอใจของต้วนหลิงเทียนก็ปะทะเข้ากับหมัดพลังสายฟ้าของหวู่ลง!
ครู่ต่อมาทุกคนก็เห็นชัดว่า…
กระบี่ที่ฟันฟาดออกไปอย่างเรียบง่ายของต้วนหลิงเทียนนั่น กำลังจะถูกหมัดพลังอันสุดไฟศาลกลืนกิน เสมือนเรือใบลำน้อยที่ลอยคออยู่ท่ามกลางห้วงสมุทรคุ้มคลั่ง พร้อมอับปางลงได้ทุกเมื่อ…
และในขณะที่คนของพันธมิตรสวรรค์ทั้งหลายกำลังรู้สึกผิดหวังอยู่บ้างนั้นเอง…
เปรียะ!
เสียงปริฉีกหนึ่งพลันดังขึ้นเข้าหูพวกมันถนัดถนี่
พริบตาต่อมาทุกคนก็พบว่า หมัดพลังสายฟ้าอันเกรี้ยวกราดดุดันของหวู่หลง ที่เข่นฆ่าเข้ามาด้วยสภาวะพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้น…อยู่ดีๆก็หยุดนิ่งค้างกลางอากาศ! ยากจะขยับเขื้อนไปข้างหน้าได้แม้องคุลี!!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังสัมผัสได้ชัดเจน ว่ากลิ่นอายพลังของหมัดสายฟ้านั่นกำลังอ่อนโทรมลงทุกขณะ! ราวกับพลังของมันถูกใช้ไปอย่างต่อเนื่อง!!
“โอทวยเทพ! นั่นมันอะไรกัน!?”
ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่สังเกตเห็นว่า สิ่งที่หยุดหมัดสายฟ้าของหวู่หลงเอาไว้ที่แท้เป็นรอยแยกมิติหนึ่ง! รอยแยกมิติดังกล่าวประหนึ่งปากของอสูรฟ้าดินกระหายเลือด กำลังอ้าออกเพื่อสวาปามพลังหมัดสายฟ้าของหวู่หลงอย่างตะกละตะกลาม!!
“มารดามันเถอะ! นั่นเป็นรอยแยกมิติ!!”
“สวรรค์ช่วย! จ้าววังน้อยมีพลังอำนาจร้ายกาจถึงขั้นใช้กระบี่กรีดฟ้าผ่ามิติได้เชียวหรือ!? ไม่ใช่ว่ามีแต่ตัวตนขอบเขตพลังเทพหรือไร ถึงจะสามารถลงมือฉีกเปิดมิติทลายว่างเปล่าในระนาบเทวโลกได้? นอกจากนั้นพื้นที่และห้วงมิติของสมรภูมิ 9 ยมโลกยังมั่นคงแข็งแกร่งยิ่งกว่าระนาบเทวโลกใดๆเสียอีก ต่อให้เป็นเทพทั่วไปก็ไม่อาจฉีกมิติทลายว่างเปล่าได้ไม่ใช่รึ?!”
“ระ…รองผู้นำของพวกเรา คงไม่ใช่ว่าด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วกระมัง?”
“เจ้าเลอะเลือนไปแล้วรึไร! หากรองผู้นำบรรลุถึงขอบเขตเทพ ผู้อื่นยังจะเข้ามาสมรมภูมิ 9 ยมโลกได้หรือ!?”
…
ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นเบื้องหน้า ทำให้เหล่าคนของพันธมิตรสวรรค์ใจสะท้านไปด้วยความตกใจครั้งใหญ่!
แน่นอนว่ายังมีเหล่ายอดฝีมือระดับสูงของกองกำลังพันธมิตรสวรรค์บางคนที่เห็นเส้นสนกลใน “จ้าววังน้อยมิได้ใช้พลังของตัวเองทลายว่างเปล่าฉีกเปิดมิติอันใด แต่ใช้มรรคากระบี่มิติที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจยากหยั่งถึงของกฏมิติเพื่อฉีกเปิดพื้นที่…กล่าวไปนี่เป็นการลงมืออันแยบคายนัก ไม่ใช่ใครที่เข้าใจกฏมิติก็จะสามารถลงมือได้ล้ำลึกเช่นนี้!”
“น่าทึ่ง! ช่างน่าทึ่งยิ่ง!!”
“ข้าล่ะไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าในชีวิตข้าจะได้เป็นประจักษ์พยานในกรต่อสู้ระดับนี้! ไม่เสียเปล่าแล้ว! ข้าเกิดมาไม่เสียเปล่าแล้ว!!”
…
ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกทั้งพรั่นพรึงของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็ใช้กระบี่กรีดฟ้าสร้างรอยแยกมิติกลืนกินพลังหมัดอัสนีของหวู่หลงได้อย่างง่าดาย…
เวลานี้หวู่หลงได้แต่มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจ อีกทั้งลึกลงไปในแววตายังเผยประกายเยียบเย็นนัก ไม่ทราบว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่!
อย่างไรก็ตาม ครู่ต่อมาประกายเยียบเย็นนั่นก็หายไป ถูกความเฉยเมยเข้ามาแทนที่
“สมแล้วที่เป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง…เจ้าร้ายกาจมาก”
หวู่หลงค่อยๆรั้งหมัดกลับมา จากนั้นก็ย่ำฟ้าไปหาต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รีบไม่ร้อน และในขณะก้าวเดินเหยียบอากาศไป สายฟ้าอันบ้าคลั่งที่ฟาดผ่าแลบลั่นอยู่ทั่วกายก็ถูกรั้งกลับ จนสุดท้ายก็ไม่มีเหลือ
“หวู่หลงมันทำอะไรของมันอยู่? รั้งพลังคืนกลับทำไม…หรือว่ามันคิดจะยอมแพ้แล้ว?”
สมาชิกพันธมิตรสวรรค์หลายต่อหลายคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ถึงแม้การประมือรอบนี้หวู่หลงจะเสียเปรียบ แต่ก็ยังไม่ได้บ่งบอกถึงผลแพ้ชนะชัดเจน เนื่องจากทั้งคู่ยังไม่แม้แต่จะชักอาวุธคู่กายของตัวเองออกมาใช้ด้วยซ้ำ และไม่มีใครทราบว่าหวู่หลงใช่ยังมีท่าไม้ตายอะไรเก็บซ่อนไว้อีกหรือไม่…
“อะไร? เจ้ายอมแพ้แล้ว?”
เมื่อเห็นหวู่หลงถอนรั้งพลังคืนกลับจนหมด และเดินย่ำฟ้าเข้ามาปานจะพูดคุยไม่สู้ต่อ ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งพลางถามออกไปเสียงเฉย
และตอนนี้ร่างหวู่หลงก็มาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนแล้ว