WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3561 เขต 2 ภาคเหนือ พันธมิตรอุดรลี้ลับ
สำหรับต้วนหลิงเทียนนั้น
ยันต์อมตะระดับนี้ เขาเตรียมไว้ใช้ฉุกเฉินยามวิหารเฟิงฮ่าวส่งเทพสงคราม 9 ดารามาฆ่าเขาโดยเพาะ นอกจากนั้นก็ไม่คุ้มที่จะใช้
สุดท้ายเหตุผลที่เขาเปิดเผยตัวตนก็คือการรอให้คนของวิหารเฟิงฮ่าวมาตามล่าเขา และเขายังพนันว่าวิหารเฟิงฮ่าวไม่น่าจะส่งตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามาฆ่าเขาได้ง่ายๆ เต็มที่ก็น่าจะระดมเหล่ายอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราจำนวนมากมาฆ่าเขามากกว่า และเขาก็ตั้งใจว่าจะให้พวกมันมาแล้วไม่ได้กลับ! เป็นการล้างแค้นให้อาจารย์เขาส่วนหนึ่ง!!
หากต้องนำมาใช้กับจี้หยิ่ง ย่อมไม่คุ้มค่าอย่างแรง
เช่นนั้นเขาจึงเลือกที่จะปิดบังตัวตน
ต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันแม้จะยังสวมใส่ชุดสีม่วงชุดเดิม หากแต่สวมชุดคลุมลมสีดำตัวใหญ่แลดูหลวมโครกหนึ่งปกคลุมทั้งร่างทับเอาไว้ กระทั่งยังสวมหมวกฟางเพื่อปกปิดใบหน้าอีกทาง
หากไม่สังเกตให้ดี เกรงว่าคงยากจะแลเห็นหน้าค่าตาต้วนหลิงเทียนได้
‘เขต 2 ของภาคเหนือ…มีกองกำลังที่แข็งแกร่งคานอำนาจกันอยู่ 3 กองกำลัง…ตอนนี้กองกำลังที่อยู่ใกล้มากที่สุดก็คือพันธมิตรอุดรลี้ลับ’
ในปัจจุบัน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้อยู่ในภาคตะวันออกของสมรภูมิ 9 ยมโลกอีกต่อไป เขาเดินทางมาถึงเขต 2 ของภาคเหนือในสมรภูมิ 9 ยมโลกเรียบร้อยแล้ว และเนื่องจากกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุด 3 กองกำลังในเขตนี้ เป็นพันมิตรอุดรลี้ลับอยู่ใกล้จุดที่เขาอยู่มากที่สุด เขาจึงคิดไปเข้าร่วมกับกองกำลังดังกล่าว
สถานที่ตั้งค่ายที่พักของพันธมิตรอุดรลี้ลับนั้น แตกต่างจากสถานที่ตั้งค่ายที่พักของพันธมิตรสวรรค์ที่ต้วนหลิงเทียนเคยเข้าร่วมในภาคตะวันออกอย่างสิ้นเชิง เพราะมันตั้งอยู่บริเวณธารน้ำแข็ง กระทั่งตัวค่ายยังอยู่ลึกลงไปใต้ธารน้ำแข็ง มีค่ายกลปกปิดมิดชิด อาศัยไข่มุกราตรีและค่ายกลบางอย่างในการให้แสงสว่าง ทำให้ใต้ธารน้ำแข็งไม่มืดมิดอึมครึมแต่อย่างใด
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนเพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น ยังไม่ได้เห็นกับตา
ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่บริเวณเบื้องหน้าภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งที่เป็นประตูทางเข้าค่ายพันมิตรอุดรลี้ลับ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ประตูอะไรแต่เป็นปากถ้ำที่ล่วงลึกลงไปใต้ธารน้ำแข็ง มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร กะด้วยตาก็ราวๆร้อยหมี่
และบัดนี้ เบื้องหน้าปากถ้ำดังกล่าว ก็มีร่าง 11 ร่างยืนอยู่ พวกมัดูคล้ายเป็นผู้เฝ้าทางเข้าของพันธมิตรอุดรลี้ลับ
ในบรรดาคนทั้ง 11 คน มี 10 คนแบ่งไปยืนซ้ายขวาเท่าๆกัน ส่วนคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่กลางอากาศ ไม่ทราบว่ามันกำลังบ่มเพาะพลังงอยู่หรือหลับตาพักผ่อนกันแน่
วูบ!
ต้วนหลิงเทียนที่ใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ อยู่ๆก็มาผุดโผล่เบื้องหน้าคนทั้ง 11 คนทันที
“ไม่ทราบผู้มาเป็นใคร!?”
10 คนที่ยืนเฝ้าปากถ้ำอยู่ทยอยกันรู้สึกตัวทีละคน จากนั้นพวกมันก็พากันม้องจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง หนึ่งในนั้นยังเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก
เนื่องเพราะในสายตาของพวกมัน ผู้มาใหม่แต่งตัวลึกลับนัก ชุดคลุมสีดำนั่นปกปิดร่างกายมิดชิด ยังมีหมวกฟางปกปิดครึ่งใบหน้าให้เห็นแต่ริมฝีปาก ยากจะบอกได้ว่าผู้มาเป็นใคร ทั้งยังให้ความรู้สึกลึกลับน่ากลัวประการหนึ่ง
“ข้าพึ่งเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก และต้องการที่พัก ก็เลยเลือกพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนที่ก้มหน้าเล็กน้อยเพื่อให้หมวกฟางปกปิดใบหน้าเขาโดยสมบูรณ์ เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แจ้งวัตถุประสงค์การมาออกไปตรงๆ
“หากท่านคิดจะเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรา ต้องรออีก 6 เดือน!”
สมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับคนหนึ่งที่เฝ้าประตูโพล่งขึ้น “หากไม่มีใดแล้ว เชิญท่านกลับไปก่อนเถอะ”
“แล้วถ้าหากข้าอยากเข้าร่วมตอนนี้เลยเล่า?”
น้ำเสียงถามไถ่ของต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมย ไร้ซึ่งความยินดียินร้ายใดๆ
“มีเพียงแต่เทพสงคราม 7 ดาราขึ้นไปเท่านั้น ที่พันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรายินดีเปิดประตูต้อนรับทุกเมื่อ”
สมาชิกของพันธมิตรอุรลี้ลับคนหนึ่งเอ่ยถาม “แล้วท่านใช่เทพสงคราม 7 ดาราหรือไม่เล่า?”
“ไม่ใช่”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
“หากไม่ใช่ เช่นนั้นท่านต้องรออีก 6 เดือน”
สมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับ กล่าวออกเสียงเรียบ
“สหายท่านนี้ ที่นี่เป็นทางเข้าหลักของพันธมิตรอุดรลี้ลับเรา หากท่านไม่มีใดแล้ว เช่นนั้นเชิญท่านกลับไปก่อนเถิด”
สมาชิกของพันธมิตรอุดรลี้ลับอีกคน เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ข้าพึ่งบอกว่าข้าไม่ใช่เทพสงคราม 7 ดาราเฉยๆ แต่ไม่ได้บอกว่าข้าไม่ใช่คนที่อยู่เหนือกว่าเทพสงคราม 7 ดารา”
ร่างต้วนหลิงเทียนยังยืนนิ่งไม่มีวี่แววว่าจะไปไหน น้ำเสียงขณะพูดก็ยังคงเรียบเฉยเหมือนเดิม
และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนพูดประโยคนี้จบคำ ลูกตาของสมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับที่เฝ้าประตูทั้ง 10 ก็หดเล็กลงเร็วไว…ไม่ใช่เทพสงคราม 7 ดารา แต่เป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าเทพสงคราม 7 ดารา เช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นเทพสงคราม 8 ดาราหรือเทพสงคราม 9 ดารารึไร?
เทพสงคราม 9 ดารานั้น ตัดออกไปได้เลย เพราะเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
เทพสงคราม 8 ดารา?!
จังหวะนี้พอคนของพันธมิตรอุดรลี้ลับทั้ง 10 มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตายังตื่นตัวขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็ฉายแววลังเลเพราะไม่เชื่ออยู่บ้าง
“ท่าน…เป็นเทพสงคราม 8 ดาราเช่นนั้นหรือ?”
ทันใดนั้นเองร่างที่นั่งหลับตาขัดสมาธิกลางอากาศบริเวณใจกลางทางเข้าค่ายที่พักพันธมิตรอุดรลี้ลับจนไม่ทราบว่าพักผ่อนหรือบ่มเพาะพลังก่อนหน้า ชายวัยกลางคนร่างผอม บัดนี้ก็ได้ลืมตาขึ้นมาแล้ว สองตายังเผยประกายแหลมคมวูบวาบออกมา
“พาข้าไปพบผู้นำของพวกเจ้าเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเบา
“ฟืด-!”
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ คนของพันธมิตรอุดรลี้ลับ 10 คนที่เฝ้าหน้าปากถ้ำ ต่างพากันสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างอดไม่ได้
มาถึงจุดนี้แล้ว ด้วยถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวมา เห็นชัดว่าอีกฝ่ายอาจเป็นเทพสงคราม 8 ดาราจริงๆ! หาไม่แล้วการไปพบผู้นำทั้งๆที่เสแสร้ง ไม่ใช่เป็นการแส่หาที่ตายหรือไร?!!
“อาวุโสท่านนี้ ข้าคือสมาชิกอาวุโสของพันธมิตรอุดรทมิฬ ท่านต้องการพบผู้นำของพวกเราจริงๆหรือ?”
ชายวัยกลางคนร่างบาง ที่บัดนี้ได้กลับมายืนบนพื้นแล้ว สายตาที่มันใช้มองต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ฉายความยำเกรงเพิ่มขึ้น 3 ส่วน เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านต้องคิดให้ดี…หากท่านไปพบผู้นำของพวกเราแล้ว แต่ท่านมิใช่เทพสงคราม 8 ดาราจริงๆ สิ่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกลวงพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรา”
“ถึงตอนนั้น ต่อให้ท่านจะเป็นเทพสงคราม 7 ดารา ข้าก็เกรงว่าท่านจะหนีความตายไม่พ้น”
กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาสมาชิกอาวุโสของพันะมิตรอุดรลี้ลับ ก็ฉายแววแหลมคมปานมีดดาบ
“นำทาง”
ต้วนหลิงเทียนยังคงตอบกลับไปเบาๆเสียงเรียบ
“เช่นนั้น ขออาวุโสท่านรอสักครู่ ข้าได้แจ้งไปยังรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรา ใต้เท้าหลัวเฟิงแล้ว ”
พอชายวัยกลางคนร่างบางกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นอ่อนน้อมทันตาเห็น เนื่องเพราะหากคนเบื้องหน้ามันเป็นเทพสงคราม 8 ดาราขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่ต่างอะไรจากไก่สุนัขต่อหน้าผู้อื่น และหากคนเบื้องหน้าเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับได้อย่างราบรื่น ฐานะก็จะสูงกว่ามันทันที
ในพันธมิตรอุดรลี้ลับ ผู้นำมีอำนาจสูงสุด รองลงมาก็คือชนชั้นรองผู้นำ
และใต้รองผู้นำก็มีเหล่าผู้คุมกฏ
ถัดจากผู้คุมกฏ ก็คือชนชั้นผู้อาวุโส
ในพันธมิตรอุดรลี้ลับมีเทพสงคราม 8 ดาราแค่ 2 คนเท่านั้น ซึ่งก็คือตัวผู้นำและรองผู้นำ
สำหรับผู้คุมกฏนั้น ล้วนเป็นเทพสงคราม 7 ดาราหมดสิ้น
ส่วนชนชั้นอาวุโส ระดับพลังก็ต้องไม่น้อยไปกว่าเทพสงคราม 6 ดารา
ดุจเดียวกับชายวัยกลางคนร่างผอมนาม ฉีจิน ผู้นี้ มันเป็นแค่เทพสงคราม 6 ดาราเท่านั้น อย่างไรก็ตามมันร้ายกาจกว่าใครในบรรดาเทพสงคราม 6 ดาราของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ถือว่าเป็นชนชั้นยอดฝีมือคนหนึ่ง
“รองผู้นำ?”
ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้ว “แล้วรองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับท่าน มีสิทธิ์อนุมัติให้ผู้อื่นเข้าร่วมกองกำลังหรือไม่?”
“ย่อมมีแน่นอน”
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามถึงสิทธิ์รองผู้นำพันธมิตรอุดรทมิฬลี้ลับของพวกมันออกมาแบบนี้ ฉีจินก็เพิ่มความยำเกรงขึ้นหลายส่วน “ใต้เท้าหลัวเฟิงเป็นเทพสงคราม 8 ดาราอีกคน นอกจากท่านผู้นำ”
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ฉีจินกล่าววาจาประโยคนี้จบคำ ก็คล้ายมีสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดออกมาจากถ้ำด้านหลัง
ต่อมาก็ปรากฏร่างสูงหนึ่งขึ้นให้เห็น
เป็นชายหนุ่มมาในเสื้อสีดำหากแต่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีขาวทับเอาไว้…
ชายหนุ่มผู้นี้รูปร่างสูงสมส่วน แม้หน้าตาจะไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย แต่ก็สะอาดสะอ้าน แววตาแลดูแหลมคมให้ความรู้สึกเอาเรื่อง และพอมันปรากฏตัว ฉีจิน ชนชั้นอาวุโสของพันธมิตรอุดรลี้ลับ ก็เร่งนำคนเฝ้าปากถ้ำอีก 10 คนประสานมือทำความคารวะทักทายด้วยท่าทีเคารพทันที “ใต้เท้าหลัวเฟิง!”
หลังเฟิงพยักหน้ารับเบาๆ จากนั้นก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนที่สวมชุดคลุมลมดำหลวมโครกพร้อมหมวกฟางแลดูร้ายๆเบื้องหน้าครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยปากว่า “ข้าได้รับข้อความจากอาวุโสฉีจินแล้ว…ท่านเป็นเทพสงคราม 8 ดาราที่คิดจะเข้าร่วมพันธมิตรอุดรลี้ลับของพวกเรากระมัง?”
“นำทางเถอะ”
หลัวเฟิงถามเพื่อยืนยัน แต่ต้วนหลิงเทียนดันตอบกลับไปเช่นนั้น…
จังหวะนี้จึงทำให้ฉีจินรวมถึงสมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับอีก 10 คนพากันหยีตาลงแทบปิด
ชายชุดดำผู้นี้ พี่ท่านจะไม่กล่าวตรงไปหน่อยหรือ?
รองผู้นำหลัวเฟิงพึ่งมาได้ไม่ทันไร ยังไม่ทันคุยให้รู้ความ ท่านก็กล่าวตัดบททำนองให้ผู้อื่นนำทางแล้ว?
“พลังของท่าน…”
ในขณะที่หลัวเฟิงคิดจะกล่าวใดสืบต่อ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ลงมือออกมาเรียบร้อย สองตาหลัวเฟิงหดเล็กลงทันใด ด้วยถูกอีกฝ่ายลงมือขัดคำพูดแบบนี้ ทำให้สีหน้ามันเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย
ทว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใหญ่โต คนยังยืนอยู่ที่เดิม หากทว่าร่างสั่นไหวไปเบาๆ
พริบตาต่อมา ชุดคลุมลมดำหลวมโครกก็คล้ายมีชีวิต ชายเสื้อคลุมด้านหลังอยู่ๆก็สะบัดออกมาด้านหน้า ทั้งยืดยาวออกไปอย่างพิสดาร ส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศ จี้ตรงเข้าใส่หลัวเฟิง!
พรึ่บบ! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
ชั่วพริบตานั้นเอง ไม่ทันที่หลัวเฟิงงจะได้ตอบสนองใดๆ ชายชุดคลุมด้านหลังที่พุ่งเข้ามาอยู่ๆก็คล้ายแปรเปลี่ยนไปเป็นเส้นสายอัสนี ปะทุความเร็วสูงล้ำดั่งแสงกระบี่สีดำ พุ่งแหวกอากาศไปด้วยความเร็วอัศจรรย์ จี้เข้าใส่หลัวเฟิงอย่างดุร้าย ไม่ว่าพ้นผ่านที่ใด ความว่างเปล่าพลันบังเกิดความสั่นสะเทือนอย่างแรง!
ด้วยกลิ่นอายของพลังอันน่าสะพรึงกลัวจากฏมิติที่ปะทุขึ้นมาในฉับพลัน ทำให้สีหน้าฉีจินและสมาชิกพันธมิตรอุดรลี้ลับอีก 10 คนที่เหลือเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
“ถอยเร็ว!!”
จากนั้นขณะที่ฉีจินปะทุพลังชั่วชีวิตเพื่อพุ่งร่างล่าถอยออกจากจุดเดิม มันก็ไม่ลืมโพล่งตะโกนเตือนอีก 10 คนที่เหลืออย่างรีบร้อน!
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะพยายามถอยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ก็ยังคงช้าไป…
ตั้งแต่ตอนชุดคลุมดำสะบัดพุ่งแหวกอากาศไปนั่น ก็อุบัติคลื่นอัดกระแทกอันร้ายกาจกวาดสะท้านออกมาแล้ว คนของสมาชิกอุดรลี้ลับไม่เว้นฉีจิน ก็ไม่อาจหลีกหนีได้ทัน โดนคลื่นกระแทกดังกล่าวซัดจนร่างปลิวกระเด็นล่าถอยกันไปไม่เป็นท่า ฉีจินกับอีกไม่กี่คนเพียงกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
แต่หลายคนที่เหลือ ถึงกับกระอักเลือดออกมาไม่หยุด สีหน้าซีดเซียวคล้ายบาดเจ็บหนัก
ปงงง!!
…
ทันใดนั้นเอง ก่อนที่แสงกระบี่สีดำที่อันเป็นชายผ้าคลุมของต้วนหลิงเทียนจะพุ่งเข้ามาถึงตัว รองผู้นำพันธมิตรอุดรลี้ลับก็ได้เร่งเร้าพลังสุดตัว ใช้ออกด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏดินที่เข้าใจ ก่อสร้างปรากฏศิลาสีกากีเข้มขึ้นจากความว่างเปล่า!
ไม่นานนักปราการศิลาก็อุบัติขึ้นโดยสมบูรณ์!
หากมองไปยังกำแพงศิลาที่ว่าให้ดี จะแลเห็นลวดลายอักขระเลือนลางปานภูตผีทับซ้อนกันวุ่นวายปกคลุมไปทั่วกำแพงศิลาดังกล่าว แต่ละอักขระเปล่งพลังลี้ลับเข้มแข็ง ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งยากบุกผ่าน
และถ้าใครสังเกตดูชุดคลุมยาวสีขาวของหลัวเฟิงอยู่ล่ะก็ จะพบว่าชุดคลุมของมันก็เหมือนจะถูกพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างอัดแน่นเอาไว้
เห็นได้ชัดวว่ากฏที่หลัวเฟิงเชี่ยวชาญคือกฏแห่งดิน
“ใต้เท้าหลัวเฟิงได้ใช้ออกด้วยกระบวนท่าป้องกันทั้งหมดเรียบร้อย…ด้วยกฏแห่งดินที่เชี่ยวชาญนั่น ต่อให้ท่านผู้นำมาเองก็ยากจะฝ่าการป้องกันของใต้เท้าหลัวเฟิงได้!”
ฉีจินและอีก 10 คนที่ถูกคลื่นกระแทกซัดจนปลิวละลิ่วถอยไปไกล ตอนนี้พากันมองจ้องไปยังฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างใจจดจ่อ ราวกับกลัวจะพลาดฉากเด็ดอันใดไป
ซู่มม!!
บัดนี้ ชายเสื้อคลุมสีดำของต้วนหลิงเทียนที่สะบัดพุ่งจู่โจมไปปานแสงกระบี่สีดำ ก็เจียนจะปะทะเข้ากับกำแพงศิลาที่หลัวเฟิงสร้างขึ้นเต็มที!
เวิง! เวิง! เวิง!
…
อักขระลี้ลับที่ฉาบไปทั่วกำแพงดังกล่าวก็เปล่งแสงสว่างจ้า ปลดปล่อยพลังอานุภาพถึงขีดสุด!