WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3566 การจู่โจมด้วยพลังวิญญาณอันแยบคาย!
“บังอาจ!”
ได้ยินวาจาท้าทายของจี้หยิ่ง สองตาหมี่ซวนก็หดเล็กลงโดยพลัน จากนั้นก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น
พริบตาต่อมาทั่วร่างของหมี่ซวนก็ปรากฏไอพลังสีเทากำจายออกมาเรื่อๆ “ในเมื่อจี้หยิ่งเจ้าแส่หาเรื่องเจ็บตัวนัก เช่นนั้นข้าจักสงเคราะห์ให้!”
“หึ! ผู้ใดแส่หาเรื่องเจ็บตัว ก็ยังไม่แน่นักหรอก!”
ในฐานะที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงของ จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้หยิ่งย่อมมีความมั่นใจในตัวเองสูงลิบ! ถึงแม้ชายหนุ่มเบื้องหน้าอาจจะเป็นเทพสงคราม 9 ดาราดุจเดียวกับมัน ตัวมันก็ไร้ซึ่งความกริ่งเกรงแม้แต่น้อย!!
ยิ่งไปกว่านั้น ชายเบื้องหน้ายังกล่าวตอบเรื่องเป็นเทพสงคราม 9 ดาราออกมาว่า ‘ทำนองนั้น’
คำว่า ‘ทำนองนั้น’ มีความหมายมากมาย อาจจะใช่ หรือแค่อวดอ้างเพราะต้องใช้บางอย่างถึงจะมีพลังเทียบเท่า แม้กระทั่งพลังฝีมืออาจอยู่เหนือเทพสงคราม 9 ดารา!
อย่างไรก็ตาม ในสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ มันจำกัดให้ผู้ที่เข้ามามีพลังได้เต็มที่ก็แค่เทพสงคราม 9 ดารา…
หากพลังเหนือกว่าเทพสงคราม 9 ดารา มิใช่ว่าต้องเป็นขอบเขตเทพแล้วหรือไร?
ทว่าตัวตนขอบเขตเทพไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกได้ และไม่อาจอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้
“หึ!”
เผชิญหน้ากับจี้หยิ่งที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองเต็มประดา สองตาหมี่ซวนพลันฉายประกายเยียบเย็นวาบหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏร่างพุ่งออกมาจากตัวมัน เป็นหมี่ซวนอีกคนหนึ่ง หากทว่าสองตากลับแดงฉานปานก้อนเลือด!
เป็นร่างแยกของหมี่ซวน!
กล่าวให้ถูกคือร่างแยกแห่งความตาย หนึ่งในความลึกซึ้งของกฏแห่งความตาย!
เผชิญหน้ากับการลงมือในฉับพลันของหมี่ซวน จี้หยิ่งที่เตรียมพร้อมแต่แรก ก็ลงมือสวนกลับไปทันที
ซัวววว!
ร่างจี้หยิ่งระเบิดแสงพลังสีเขียวออกมาอย่างหนาแน่น จากนั้นคนก็ไหววูบดั่งเงาเลือน ก่อนจะพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำปานสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง หลีกหลบการจู่โจมของร่างแยกแห่งความตายหมี่ซวนได้อย่างง่ายดาย กระบวนการทั้งหมดยังผ่อนคลายปานเดินชมสวน
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
หลังจากหลีกหลบร่างแยกแห่งความตายของหมี่ซวนไปสักพัก จี้หยิ่งก็เริ่มจู่โจมตอบโต้ คมมีดสายลมพลันควบรวมก่อเกิดกลางหาวราวกับผุดขึ้นจากความว่างเปล่ามากมายมหาศาล! จากนั้นคมมีดสายลมนับไม่ถ้วนก็เริ่มม้วนวนเร็วรี่ พุ่งไปห้อมล้อมหมี่ซวนเอาไว้ปานพายุใต้ฝุ่น!!!
ชั่วพริบตา ร่างหมี่ซวนก็จมหายไปในพายุใต้ฝุ่นอันเกิดจากคมมีดสายลมดังกล่าว!
“ท่านทั้งหลาย ท่านผู้นำของพวกเราเพียงแค่ประลองชี้แนะกับใต้เท้าหมี่ซวนเท่านั้น ไม่ได้คิดทำร้ายใต้เท้าหมี่ซวนถึงชีวิตแน่นอน”
ขณะเดียวกันอาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียน ที่หยุดร่างผู้ติดตามหมี่ซวนทั้ง 12 คนเอาไว้ เมื่อเห็นจี้หยิ่งเริ่มประมือกับหมี่ซวนแล้ว มันก็ชิงกล่าวกับคนทั้ง 12 ที่ล้วนเป็นชนชั้นเทพสงคราม 8 ดาราออกมาก่อน เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายวู่วาม
อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าคำพูดของมันนั้นเกินจำเป็นไปมาก!
เพราะตั้งแต่ต้นจนจบอย่าว่าแต่เทพสงคราม 8 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าวทั้ง 12 คนจะคิดลงมือช่วยเหลือ หลังจากเห็นร่างหมี่ซวนถูกพายุคมมีดสายลมกลืนกินหายไปเลย กระทั่งสีหน้าของพวกมันยังไม่แปรเปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว ล้วนชมมองเรื่องราวเหนือฟ้าเบื้องหน้าอย่างเฉยเมยราวกับธุระไม่ใช่!
หมี่ซวน?
คนผู้นี้ พวกมันไม่คุ้นเคยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้เป็นคำสั่งตรงจากจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ว่าให้พวกมันปฏิบัติตามคำสั่งหมี่ซวนอย่างเคร่งครัด ไม่อาจไม่เชื่อฟัง
อย่างไรก็ตาม มีพวกมันคนไหนเป็นชนชั้นต่ำทรามบ้างเล่า? อยู่ดีๆจะให้มาฟังคำพูดของผู้ใดก็ไม่รู้ พวกมันจะเต็มใจเชื่อฟังอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ในที่สุดตอนนี้พวกมันก็มีโอกาสได้เห็นพลังฝีมือของหมี่ซวนเสียที จะได้รู้กันไปว่าที่แท้หมี่ซวนมีพลังมากพอจะเป็นผู้นำของพวกมันได้หรือเปล่า และพวกมันยังมองโลกในแง่ดีนัก เชื่อมั่นว่าต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหมี่ซวนจริง ด้วยพลังฝีมือของพวกมัน คิดจะสอดมือหยุดยั้งก็ไม่ใช่ปัญหา
“จี้หยิ่ง ผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียน ศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนคนนี้ ข้าได้ยินมาว่าบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว…วันนี้นับว่ามาไม่เสียเที่ยวจริงๆ ที่ได้เห็นมันลงมือกับตา”
เทพสงคราม 8 ดาราจากวิหารเฟิงงฮ่าวสาขาย่อยคหนึ่ง กล่าวอย่างทอดถอนใจ
“เป็นเช่นนั้น…”
อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย
ไม่นานเหล่าเทพสงคราม 8 ดาราทั้ง 12 คนจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักและย่อย ก็เริ่มสนทนากันอย่างไร้กังวล ไม่ได้เป็นห่วงหมี่ซวนแม้แต่น้อย ถกกันเรื่องพลังฝีมือผู้นำพันธมิตรฟ่านเทียนเบื้องหน้าอย่างออกรส
ทั้ง 12 คนเองก็ไม่ได้ไปดูชมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งที่ผ่านมา หาไม่แล้วต้องจดจำหมี่ซวนได้แน่นอน เพียงแต่จะจดจำได้ว่านั่นคือ ถังซานเป่า นายน้อยวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของพวกมัน
ในบรรดาคนทั้ง 12 ของวิหารเฟิงฮ่าวที่ถูกส่งมาติดตามรับคำสั่งหมี่ซวน ไม่มีใครเป็นผู้นำหรือรองผู้นำวิหารเฟิงฮ่าวสักคน เช่นนั้นพวกมันก็เลยไม่ได้ไปเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งล่าสุด
ด้านอาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียน พอเห็นทีท่าปลอดโปร่งแถมยังคุยกันอย่างสบายอารมณ์ของคนทั้ง 12 เบื้องหน้า ก็รู้สึกหมดคำจะพูดอยู่บ้าง
ท่านทั้งหลาย ที่กำลังประมือกับผู้นำของข้าตอนนี้ ไม่ใช่ผู้นำของพวกท่านหรือไร? พวกท่านไม่คิดจะแสดงความเป็นห่วงอะไรออกมาสักหน่อยหรือ?
ในขณะเดียวกัน ทางด้านหมี่ซวนที่ถูกล้อมกรอบไปด้วยคมมีดสายลมที่หมุนวนเชือดเฉือนเข้ามาปานพายุคมมีด ไม่นานก็ปรากฏตัวออกมาสู่สายตาผู้คนอีกครั้ง และมหาพายุคมมีดของจี้หยิ่ง ก็ถูกพลังที่เหนือกว่าบางอย่างทำลายล้างจนกระจัดกระจายสลายหายไปหมดสิ้น!
“เจ้ามีแรงเพียงเท่านี้?”
ร่างหมี่ซวนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งชายเสื้อยังไม่มีแม้แต่รอยเปื้อน สองตายังคงเฉยเมยไร้แยแสไม่แปรเปลี่ยน “หากเจ้ามีพลังเพียงเท่านี้ ก็นับว่าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ”
ได้ฟังวาจาปรามาสดังกล่าว สีหน้าจี้หยิ่งก็เปลี่ยนไปทันที
ถึงแม้การลงมือเมื่อครู่มันจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่มันก็ใช้ออกด้วยพลังพอสมควร แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำอะไรหมี่ซวนได้เลย
บัดนี้ มันยืนยันได้อย่างแน่ชัดแล้วว่า…
หมี่ซวนเบื้องหน้า เป็นเทพสงคราม 9 ดาราจริงๆ! ยังเป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน!!
จังหวะนี้มันได้แต่ลอบก่นด่าหมี่ซวนในใจอย่างอดไม่ได้ ว่าหากเป็นเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว จะตอบมาว่า ‘ทำนองนั้น’ หาพระแสงด้ามง้าวอันใด? แต่ในเมื่อลงมือไปแล้ว จี้หยิ่งก็ไม่คิดจะเลิกราง่ายๆ สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึงขัง ไม่คิดออมรั้งยั้งมือสืบไป
ถึงแม้มันอาจจะสู้หมี่ซวนไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆมันก็ต้องสู้กับอีกฝ่ายให้รู้กันไปว่าใครจะแน่กว่ากัน!
หาไม่แล้ววันนี้มันจะเป็นฝ่ายที่ต้องอับอายขายหน้า!
เนื่องเพราะแต่ต้นจนจบกล่าวได้ว่ามันเป็นฝ่าย ‘ยั่วยุ’ ผู้อื่นเขาก่อน!
ไปยั่วยุผู้อื่นเขาก่อน แต่สุดท้ายกลับถูกผู้อื่นสลายพลังง่ายๆแถมยังกล่าวปรามาสกลับมา! หากเรื่องราวดังกล่าวแพร่งพรายออกไป ก็ขายขี้หน้าผู้อื่นครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!!
“เอาชนะเจ้า กระบวนท่าเดียวก็พอ”
ใขณะที่จี้หยิ่งถูกอารมณ์ถือดีครอบงำเตรียมจะลงมือสู้กับหมี่ซวนด้วยทุกสิ่งที่มี วาจาที่อยู่ๆก็กล่าวขึ้นของหมี่ซวนก็ทำให้มันตะลึงไปทันที และไม่เพียงแต่มัน คนอื่นๆที่ชมดูเรื่องราวอยู่ด้านนอกหุบเขา จะคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี อาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียนก็ดี ล้วนอึ้งไปกันหมด!
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวของพวกมันก็คือ…หมี่ซวนผู้นี้หยิ่งผยองเกินไป!
ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าการลงมือทำลายกระบวนท่าจี้หยิ่งได้ง่ายๆของหมี่ซวนทำให้พวกมันทึ่งอยู่บ้าง เพราะแค่การลงมือเมื่อครู่ ก็บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราแน่นอนแล้ว!
แต่ในฐานะที่เป็นเทพสงคราม 9 ดุจเดียวกับจี้หยิ่ง คิดจะเอาชนะจี้หยิ่งได้ในกระบวนท่าเดียว? ย่อมไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องเหลวไหลในสายตาของพวกมัน!
“อวดดี!”..
จี้หยิ่งพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น จากนั้นมันก็เร่งเร้าพลังสุดตัว จนไอพลังสีเขียวกำจายออกมาเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้วิปริตแปรปรวน ประหนึ่งงทพวายุอันมีพลังอำนาจควบคุมสายลมท่ามกลางสวรรค์และโลกทั้งมวล เพียงยกมือก็บัญชาสายลมให้พัดทำลายฟ้าดิน!
ทว่าก่อนที่จี้หยิ่งจะทันได้ลงมือ หมี่ซวนก็หยีตาลงเล็กน้อย เอ่ยออกเสียงเรียบ “อวดดี? หนึ่งลมหายใจหลังจากนี้เจ้าจะได้รู้”
พอกล่าวจบคำ ก็ปรากฏลำแสงพุ่งออกจากลูกตาหมี่ซวน!
ลำแสงดังกล่าวยังพุ่งแหวกฟ้าไปราวดาวตก พริบตาก็ลุถึงเบื้องหน้าจี้หยิ่ง แม้แต่พลังเซียนอมตะที่ผสานพลังธาตุลมอันมหาศาลที่โหมกระหน่ำปานวายุทำลายโลกอันปกคลุมอาณาบริเวณรอบๆจี้หยิ่ง ยังไม่อาจหยุดยั้งกระทั่งชะลอลำแสงพลังประหลาดดังกล่าวได้แม้เศษเสี้ยว!
“นั่นมัน…การโจมตีด้วยพลังวิญญาณรึ?”
ฉากเรื่องราวที่อุบัติขึ้นในฉับพลันเบื้องหน้า ทำให้ลูกตาของผู้ที่มองชมหดหยีลงทันที
การจู่โจมด้วยพลังวิญญาณ สำหรับคนที่มีพลังระดับพวกมันไม่ถือว่าแปลกอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดแล้ว การจู่โจมด้วยพลังวิญญาณนั้นรับมือง่ายกว่ากันมาก แม้แต่ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องทักษะวิญญาณ ก็ไม่คิดจะใช้การจู่โจมด้วยพลังวิญญาณกับคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังพอๆกัน
ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงอดอึ้งไปไม่ได้ เมื่อเห็นหมี่ซวนใช้การจู่โจมด้วยพลังวิญญาณ
‘คิดใช้การจู่โจมทางวิญญาณเพื่อเอาชนะเทพสงคราม 9 ดารา…คงมิใช่เรื่องง่ายกระมัง?’
หลายคนได้แต่ลอบกล่าวในใจ
การโจมตีด้วยพลังวิญญาณนั้นฉับไวและเน้นจู่โจมอัศจรรย์ แต่ถ้าไม่ได้ใช้อาวุธที่หนุนเสริมพลังวิญญาณโดยเฉพาะ คิดจะจัดการผู้ที่มีระดับพลังพอๆกัน ก็ไม่ต่างอะไรจากฝันละเมอของตัวโง่งม!
“การโจมตีทางวิญญาณ?”
ขณะเดียวกัน ด้านจี้หยิ่งพอเห็นหมี่ซวนใช้การโจมตีด้วยพลังวิญญาณ มันก็แสยะยิ้มดูแคลนออกมาทันที
การโจมตีด้วยพลังวิญญาณ ไม่ใช่แค่หมี่ซวนที่ทำได้ กล่าวไปตัวมันเองก็ถือว่าเชี่ยวชาญเรื่องทักษะวิญญาณเช่นกัน!
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่อุปกรณ์เทพที่หนุนเสริมพลังวิญญาณ มันเองก็มี!
ซัว! ซัว!
แทบจะพร้อมๆกันกับที่จี้หยิ่งหรี่ตาลง สองตาของมันก็ทอแสงพลังขึ้นมาราวคบเพลิง จากนั้นก็อุบัติพลังวิญญาณ 2 สายพุ่งออกไปดั่งลำแสงความร้อน ก่อนจะผสานรวมเป็นหนึ่ง! คิดทำลายพลังวิญญาณของหมี่ซวนที่จู่โจมเข้ามาตรงๆ!!
ถึงแม้จี้หยิ่งจะเก่งเรื่องใช้พลังวิญญาณจู่โจมเช่นกัน แต่สำหรับมันแล้วการโจมตีทางวิญญาณเหมาะสำหรับการลอบทำร้ายผู้คนเท่านั้น…
ในเวลาปกติ การใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากันมาก
ทว่าไม่นานนัก รอยยิ้มแสยะย่ามใจของจี้หยิ่งก็จำต้องชะงักค้าง
เนื่องเพราะมันพบว่า พลังวิญญาณของหมี่ซวนนั้น แรกปะทะเข้ากับพลังวิญญาณของมัน อยู่ๆก็แตกตัวราวกับบังเกิดการระเบิดขึ้น! จากนั้นพลังวิญญาณที่ระเบิดดังกล่าว ก็แปรเปลี่ยนไปคล้ายเส้นไหม ห้อมล้อมจู่โจมเข้าใส่มันจากทุกทิศทาง!
และพลังวิญญาณของมันก็บั่นทอนพลังวิญญาณของหมี่ซวนได้เพียงเสี้ยวเศษเท่านั้น
พริบตาต่อมา เส้นไหมนับร้อยพันสายที่เกิดจากการแตกตัวของพลังวิญญาณหมี่ซวน ก็ชำแรกเข้าร่างมันเรียบร้อย!
ในขณะที่จี้หยิ่งคิดจะเร่งเร้าพลังวิญญาณเพื่อต้านทาน มันกลับพบว่าเส้นไหมพลังวิญญาณของหมี่ซวนที่ชำแรกเข้าร่างของมันมานั้น อยู่ๆก็เริ่มสั่นไหวขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ก่อเกิดระลอกคลื่นพลังวิญญาณถาโถมเข้าใส่มันไม่หยุด
ระลอกคลื่นวิญญาณดังกล่าวแม้พลังอานุภาพจะไม่ถึงขั้นทำลายพลังวิญญาณของมัน แต่ก็มากพอจะทำให้พลังวิญญาณของมันบังเกิดการกระเพื่อมสั่นไหว จนทำให้สติของมันเริ่มเลื่อนลอย ไม่รู้เหนือใต้
และทันใดนั้นเอง
ปงงง!!
เสียยงระเบิดดังขึ้นถนัดถนี่ ท่ามกลางสายตกตะลึงของเหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวและอาวุโสของพันธมิตรฟ่านเทียน ร่างแยกแห่งความตายของหมี่ซวน พลันลงมือจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง เพียงหนึ่งหมัดก็ซัดเข้ากลางพุงกะทิของจี้หยิ่ง จนจี้หยิ่งตัวงอเป็นกุ้ง ร่างปลิวละลิ่วไปไม่เป็นท่า พลังสายลมอันรุนแรงรอบกายล้วนสลายหายไปหมดสิ้น…
“อั๊คค—!”
จี้หยิ่งที่ถูกชกเข้าเต็มพุงจนร่างปลิวละลิ่วไป กระอักโลหิตออกมาเป็นสาย สุดท้ายมันก็เลือกกัดปลายลิ้นเพื่อดึงสติกลับมาจากอาการวิงเวียน ก่อนจะขืนร่างหยุดลงกลางหาวได้สำเร็จ สภาพแลดูยักแย่ยักยันไม่น้อย พอมองไปทางหมี่ซวนอีกครั้ง ในแววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?!”
จี้หยิ่งไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีใครควบคุมพลังวิญญาณได้อย่างละเอียดอ่อนแบบนี้ การแบ่งพลังวิญญาณออกเป็นเส้นไหมเล็กๆนับร้อยพันเส้นนั่น รวมไปถึงการควบคุมให้พลังสั่นพ้องขึ้นมาจนไม่อาจต้านทานดังกล่าว ต่อให้มันต้องพบเจออีกครั้ง ก็เกรงว่าจะไม่มีหนทางรับมือ!
เว้นเสียแต่มันจะมีอุปกรณ์เทพประเภทคุ้มกันวิญญาณโดยเฉพาะ!
อนิจจามันไม่ได้รู้เลย ว่าคู่ต่อสู้ที่มันกำลังเผชิญหน้าตอนนี้ แม้จะผนึกพลังวิญญาณเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชาเทพขั้นกลาง!
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นคนเผ่าภูตในโลกแห่งความตาย ที่ถือกำเนิดขึ้นมาก็เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณ!
บัดนี้ ทุกสายตาพากันจับจ้องมองไปยังร่างหมี่ซวนด้วยความตกตะลึง
ผลลัพธ์ดังกล่าว เป็นเรื่องราวสุดที่พวกมันจะจินตนาการออกได้จริง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเทพสงคราม 8 ดาราทั้ง 12 คนของวิหารเฟิงฮ่าว พวกมันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา โชคดีนัก…ที่แม้พวกมันจะกังขาเรื่องพลังฝีมือของหมี่ซวน แต่พวกมันก็ไม่ได้ท้าทายอำนาจอีกฝ่าย!
หาไม่แล้วพวกมันคงได้พบชะตาอนาถแน่!
ล้อกันเล่นหรือไร!?
ท่านไม่เห็นหรือว่ากระทั่งศิษย์ที่แท้จริงอันดับ 1 ของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้หยิ่ง ที่มีพลังระดับเทพสงคราม 9 ดารายังพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า!?
เมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะออมรั้งยั้งมือไว้ เพียงหนึ่งหมัดนั่นก็ป่นร่างจี้หยิ่งให้แหลกเป็นผุยผงได้ง่ายๆแล้ว!