WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3578 3 ต่อ 1!
ฉูเตาเค่อนั้นเป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่มีชื่อเสียงในสมรภูมิ 9 ยมโลกมานาน ด้านเยว่เชาฉวินจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียนเอง ก็เคยเป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในอดีต
และไม่ว่าจะเยว่เชาฉวินหรือฉูเตาเค่อ ตราบใดที่หายไปจากสมรภูมิ 9 ยมโลกล่ะก็ ผู้คนต้องไม่พ้นคิดกันไปว่า…
ใช่บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วหรือไม่?
เป็นธรรมดาว่าหากทะลวงถึงขอบเขตเทพแล้ว ก็คงไม่มีทางมาปรากฏตัวในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้อีก
อย่างไรก็ตามระยะเวลาหลายปีที่ผ่าน ฉูเตาเค่อไม่ได้หายไปจากสมรภูมิ 9 ยมโลก มันปรากฏตัวให้ผู้คนพบเห็นบ่อยครั้ง
กลับกัน ด้านเยว่เชาฉวินนั้นไม่ได้ปรากฏตัวในสมรภูมิ 9 ยมโลกนานมากแล้ว หลายคนจึงคิดไปว่ามันอาจบรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็เลยไม่อาจเข้ามาในสมรภูมิ 9 ยมโลกได้อีก แต่ผู้ใดจะไปคิดไปฝัน ว่าเยว่เชาฉวินกลับปรากฏตัวขึ้นในสมรภูมิ 9 ยมโลกอีกครั้งแบบนี้
“ข้าหลงคิดว่าเยว่เชาฉวินบรรลุถึงขอบเขตเทพ จึงออกจากสมรภูมิ 9 ยมโลกไปตลอดแล้วเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าที่แท้มันจะยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ!”
“มันอายุเท่าไหร่กัน? แต่ป่านนี้ยังไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตเทพได้อีก? ดูเหมือนสำหรับมันเรื่องบรรลุขอบเขตเทพจะไม่มีหวังแล้วล่ะ”
“ถึงมันจะไม่มีหวังบรรลุขอบเขตเทพ แต่อาศัยฐานะเทพสงคราม 9 ดารา ก็มากพอให้มันอยู่จุดสูงสุดของระนาบเทวโลกแล้ว”
…
การปรากฏตัวของเยว่เชาฉวิน ทำให้ผู้คนที่รู้จักมันปั่นป่วนกันไม่น้อย
และพอเห็นต้วนหลิงเทียนกำลังเผชิญหน้ากับจี้หยิ่งรวมถึงเยว่เชาฉวินพร้อมๆกัน บรรยากาศก็กลายเป็นจริงจังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในบรรดา 3 ร่างที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ 2 ในนั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือมานานแล้ว
เยว่เชาฉวิน จี้หยิ่ง!
ส่วนอีกคนที่เหลือ ก็เป็นผู้ที่พึ่งจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเลื่องลือขึ้นมาไม่กี่ปี อย่างไรก็ตามคนผู้นี้กลับทำให้ทุกคนไม่อาจมองข้ามได้
ต้วนหลิงเทียน!
“เจ้าว่า…เยว่เชาฉวินจะลงมือหรือไม่?”
หลายคนที่ชมดูเรื่องราวด้วยตาเป็นประกายและวาดหวัง อดเอ่ยถามออกมาไม่ได้
“ก็ต้องดูว่าวันนี้เยว่เชาฉวินมาที่นี่ทำอะไร…หากเพียงบังเอิญผ่านมาแถวนี้และแวะมาหาจี้หยิ่งเฉยๆก็คงไม่ลงมือ เพราะสุดท้ายแล้วหากมันเลือกจะลงมือช่วยจี้หยิ่งจัดการต้วนหลิงเทียน จักรพรรดิสรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่มีวันปล่อยมันไปแน่…แต่ถ้ามันเลือกจะมาช่วยจี้หยิ่งจัดการต้วนหลิงเทียนแต่แรก วันนี้มันต้องลงมือแน่!”
“แต่จะว่าไป…ดูจากท่าทีของต้วนหลิงเทียนแล้ว ไฉนข้ารู้สึกเหมือนมันไม่หวาดกลัว 2 คนนั่นเลยเล่า?”
“บางทีอาจเสแสร้งวางมาดทำเป็นลึกลับอยู่ หรือไม่ก็เพราะไม่ทราบถึงความน่ากลัวของเยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดารามือเก๋าในอดีต”
…
หลายต่อหลายคนเริ่มสงสัยกัน ว่าไฉนเยว่เชาฉวินถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้
ส่วนด้านเยว่เชาฉวิน จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียนนั้น บัดนี้หว่างคิ้วมันขดย่นเป็นปม ราวกับพบเจอปัญหาอะไรบางอย่าง
ตั้งแต่ที่จี้หยิ่งมาหามัน เยว่เชาฉวินก็ได้ส่งข้อความไปหาหมี่ซวน เพื่อแจ้งเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาเอง…แต่หมี่ซวนกลับไม่ตอบมันเลย
“ใต้เท้าหมี่ซวน…”..
เยว่เชาฉวินอดไม่ได้ที่จะส่งข้อความไปหาหมี่ซวนอีกรอบ “หากท่านได้รับข้อความข้าแล้ว โปรดตอบกลับข้าด้วย…ต้วนหลิงเทียนมันมาปรากฏตัวที่ประตูค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนด้วยตัวเองแล้ว ท่านสามารถกลับมาได้ทันที”
อย่างไรก็ตาม เยว่เชาฉวินก็ไม่ได้ถึงกับรอฟังคำตอบของหมี่ซวน
ถึงแม้เยว่เชาฉวินจะรู้สึกว่ามีอะไรพิกลอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะคิดว่าหมี่ซวนไม่พ้นต้องดูถูกมัน และคร้านจะส่งข้อความมาหามัน เพียงแค่กำลังเดินทางกลับเฉยๆ
อนิจจาต่อให้มันหลับก็ไม่เคยฝันถึง…
ไม่ใช่หมี่ซวนไม่ตอบมัน แต่อีกฝ่ายไม่อาจตอบมันได้
ในปัจจุบันร่างถังซานเป่าที่หมี่ซวนชิงมาได้ถูกทำร้ายจนหมี่ซวนจำต้องถอดวิญญาณ กระทั่งใช้วิชาลับเพื่อหลบหนีต้วนหลิงเทียนมาถึงสถานที่เปลี่ยวร้างแห่งหนึ่งในสมรภูมิ 9 ยมโลก และมันก็กำลังฟื้นฟูร่างวิญญาณของมันอยู่ ถึงแม้เยว่เชาฉวินจะติดต่อมาหามัน ตัวมันก็ไม่อาจตอบกลับ
เนื่องเพราะลูกแก้ววิญญาณของเยว่เชาฉวินอยู่ในแหวนพื้นที่ๆสวมไว้บนร่างถังซานเป่า…
“พวกมันจบเห่แน่…”
หมี่ซวนที่ได้ประมือกับต้วนหลิงเทียนมาแล้ว ย่อมเข้าใจถึงความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบันดี พอทราบว่าต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าประตูพันธมิตรฟ่านเทียน มันก็รู้ได้ทันทีว่าต่อให้เยว่เชาฉวินจะร่วมมือกับจี้หยิ่ง ก็ยังไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียน..
ด้วยพลังของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน พร้อมด้วยอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่มีจิตวิญญาณ คงยากจะหาใครใต้ขอบเขตเทพรับมือต้วนหลิงเทียนได้ไหว!
เป็นธรรมดาว่าทั้งหมด เยว่เชาฉวินไม่รู้เลย
ตอนนี้เยว่เชาฉวินกำลังมองสำรวจต้วนหลิงเทียนที่ลอยอยู่ไม่ไกลด้วยความสนใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเจอต้วนหลิงเทียน
ศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งล่าสุดที่พึ่งจบไป มันเองก็ไปด้วยจึงได้พบเจอต้วนหลิงเทียน เพียงแค่มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชายหนุ่มที่พึ่งชนะเลิศการประลองวันนั้น วันนี้จะเป็นตัวตนที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งพอจะต่อกรกับมันได้แล้ว
ด้านต้วนหลิงเทียนเอง เมื่อเห็นเยว่เชาฉวินครั้งแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร
ตอนนี้พอได้ยินคนพูดถึงเยว่เชาฉวิน เขาก็รู้สึกคลับคล้าคลับคล้า พอนึกไปนึกมาก็จดจำได้ว่าเหมือนจะเคยเห็นอีกฝ่ายผ่านๆในศึกอัจฉริยะสวรรค์ เพียงแต่อีกฝ่ายอยู่บนเกาะลอยเขาเลยไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก
อีกทั้งในศึกอัจฉริยะสวรรค์ ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราหรือจะสู้ตัวตนขอบเขตเทพได้? เมื่อมีขอบเขตเทพปรากฏตัวกันไม่น้อย เช่นนั้นเยว่เชาฉวินก็แลดูจืดจางลงไปเป็นธรรมดา…
“พวกเจ้า 2 คนเข้ามาพร้อมกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบคำถามของจี้หยิ่ง เพียงเหลือบมองจี้หยิ่งสลับกับเยว่เชาฉวินรอบหนึ่งก็เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
ต่างกับผู้ชมโดยรอบ
ทุกคนอาจไม่ทราบว่า เยว่เชาฉวิน จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียนนั้นใช่บังเอิญอยู่ที่นี่พอดี หรือมาช่วยจี้หยิ่งจัดการกับเขากันแน่…แต่เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมาเพื่อช่วยจี้หยิ่งจัดการเขา!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังได้ฟังบทสนทนาจากผู้คนโดยรอบ ว่าเยว่เชาฉวินไม่ได้เข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลกนานแล้ว อยู่ๆก็มาปรากฏตัวในสมรภูมิ 9 ยมโลกอีกครั้งอย่างแปลกประหลาด เขาก็ยืนยันได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ!!
ถึงแม้เสียงไม่แยแสของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็ดังมากพอเข้าหูทุกคนในที่นี้
ไม่เพียงแต่สีหน้าของจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง สีหน้าท่าทีของฉูเตาเค่อก็กลายเป็นขึงขังไม่น้อย
ด้านผู้ชมโดยรอบก็แตกตื่นกันยกใหญ่ “เอ่อ…ข้ามิได้หูฝาดกระมัง? ต้วนหลิงเทียนนั่นมันบอกให้จี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินลงมือพร้อมๆกันเหรอ?”
“มันเสียสติไปแล้วหรือไร? ถึงมันจะบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว แต่ 2 คนที่มันเผชิญหน้าอยู่จะอย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราดุจเดียวกัน แถมไม่ว่าใครยังเป็นเทพสงคราม 9 ดาราที่มีชื่อเสียงนานกว่ามันมาก!”
“ข้าว่ามันที่พึ่งบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา ก็หลงคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานในฟ้าดิน ยากจะมีผู้ใดต่อกรกับมันได้เป็นแน่…”
“เหอะๆ ให้จ้าววิหารเยว่กับผู้นำจี้ร่วมมือกัน ข้าว่าให้มองไปทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกแห่งนี้ แต่เทพสงคราม 9 ดาราที่สามารถรับมือทั้งคู่พร้อมๆกันได้นั้น มันน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย! แถมตัวตนเหล่านั้นก็เจียนจะบรรลุเทพเต็มทีแล้ว!!”
“นี่กระมังที่เรียกว่า ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ยังเยาว์เกินไป!”
…
ได้ยินคำปรามาสของผู้คนรอบๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดส่ายหัวไปมาพลางยิ้มไม่ได้
คงมีเพียงแต่เทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 คนเท่านั้นที่ไม่ได้ดูเบาเขา เพราะคำพูดเมื่อครู่
“ต้วนหลิงเทียน ข้าหวังว่าพลังฝีมือของเจ้าจะร้ายกาจทัดเทียมกับความหยิ่งผยองของเจ้า!”
จี้หยิ่งย่ำฟ้าออกมาก้าวหนึ่งด้วยสีหน้ามืดครึ้ม มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาแหลมคม “วันนี้ข้าจี้หยิ่ง จะฆ่าต้วนหลิงเทียนเจ้าหน้าค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน! เพื่อเซ่นสรวงดวงวิญญาณ หวู่หลง ศิษย์น้องของข้า!!”
และในขณะที่จี้หยิ่งย่ำฟ้าก้าวออกมา ด้านเยว่เชาฉวินก็ก้าวออกมาเช่นกัน
ฉากดังกล่าว ทำให้ผู้คนปั่นป่วนไม่น้อย
“อะไร!? เยว่เชาฉวิน คิดจะลงมือด้วยจริงๆหรือ?”
“ต้วนหลิงเทียนจะหยิ่งก็ไม่นับเป็นอะไร…แต่พวกมันทั้งคู่ ไร้ยางอายถึงเพียงนี้เชียว? หากเทียบกันในแง่อายุไม่ใช่พลังฝีมือ ไม่ใช่พวกมันกำลังกลุ้มรุมทารกน้อยหรือไร?”
“อีหร็อบนี้ดูท่าเยว่เชาฉวินจะเป็นกำลังเสริมที่จี้หยิ่งหามาจริงๆ…หรือพวกมันทั้งคู่คาดเดาได้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนจะบุกมาเอง?”
…
พอเห็นว่าจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินกำลังจะร่วมมือกันจัดการต้วนหลิงเทียนจริงๆ บรรยากาศเหนือฟ้าหน้าค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนก็ถูกผลักดันให้ถึงจุดสูงสุดทันที ใจผู้ชมโดยรอบยังเริ่มเต้นรัวขึ้นปานกลองศึก!
ผู้คนส่วนใหญ่จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนไม่วางตา
พวกมันอยากรู้อยากเห็นนัก…
ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดไหนกันแน่ ถึงทำให้จี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินเลือกจะลงมือพร้อมกันได้!
“ต้วนหลิงเทียน วันนี้ข้าจะช่วยอาจารย์เจ้า สั่งสอนบทเรียนอันดีให้เจ้าเอง”
เยว่เชาฉวินเอ่ยคำออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา สองตายังฉายแววแหลมคมเยียบเย็น
“สั่งสอนข้า?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเยว่เชาฉวินอีกรอบค่อยยกยิ้มแสยะดูแคลน “อาศัยเจ้า?”
“คู่ควรรึ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความดูถูกสุดขีด
“เจ้าอยากตายนักหรือ!?”
ถึงแม้เยว่เชาฉวินจะอยู่มานาน แต่เมื่อเผชิญกับการดูแคลนซึ่งๆหน้าของต้วนหลิงเทียนมันก็อดของขึ้นไม่ได้ เพียงแค่ยังไม่หัวร้อนถึงขั้นเปิดฉากลงมืออย่างวู่วาม หันไปมองชวนจี้หยิ่ง “ผู้นำจี้พวกเราลงมือพร้อมกัน”
ซู่มมม!!
วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
แทบจะพร้อมๆกันกับที่เยว่เชาฉวินกล่าวจบคำ แสงพลังสีเขียวปานมรกตก็เรืองรองขึ้นทั่วร่างจี้หยิ่ง จากนั้นก็ปรากฏสายลมสีเขียวม้วนวนรอบกายจี้หยิ่งปานใต้ฝุ่น!
กฏที่จี้หยิ่งเชี่ยวชาญคือกฏแห่งลม
ครืนน!
เวิง! เวิง!
…
ทั่วร่างเยว่เชาฉวินเองก็ปรากฏแสงพลังสีฟ้าเข้มเรืองรองขึ้นมาปานคลื่นสมุทร อุบัติเป็นสายธารพลังห้อมล้อมร่างเยว่เชาฉวินเอาไว้ราวเทพวารี!
เห็นได้ชัดว่ากฏที่เยว่เชาฉวินชำนาญก็คือกฏแห่งน้ำ
“ลงมือ!”
เยว่เชาฉวินแค่นคำเสียงเย็นออกมาอีกครั้ง จากนั้นมันกับจี้หยิ่งก็พุ่งร่างแยกย้ายซ้ายขวาเว้นระยะเล็กน้อย ค่อยปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเกรียวกราด มหาพายุทั้งคลื่นสมุทรอุบัติขึ้นกลางฟ้าพร้อมปลดปล่อยพลังสุดไพศาล!
และดูเหมือนสายธารพลังจะได้รับการหนุนเสริมจากสายลม ทำให้ยิ่งมาคลื่นพลังสีฟ้าเข้มก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นไหลเชี่ยว!
ส่วนสายลมสีเขียวนั้นนอกจากจะพัดวนด้วยความเร็วรอบสูงล้ำกว่าเดิม พลังอานุภาพยังคล้ายหนักหน่วงขึ้นจากพลังแห่งน้ำ!
“ถอยเร็ว!”
“พวกเจ้ายังจะยืนอึนอะไรอยู่!!”
…
แทบจะพร้อมๆกันกับที่จี้หยิ่งและเยว่เชาฉวินปะทุพลังลงมือ เหล่าผู้ผู้พิทักษ์และชนชั้นอาวุโสของพันธมิตรฟานเทียน ก็เร่งปะทุพลังล่าถอยออกไปไกลห่าง ยังไม่ลืมใช้พลังฉุดดึงร่างสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรฟ่านเทียนที่ยืนงงให้ล่าถอยไปด้วย
และหลังจากที่พวกมันล่าถอยไปแล้ว เสียงระเบิดดังสนั่นก็อุบัติขึ้น!
เป็นผลพวงของการปะทุพลังทั้งสอง ที่ก่อเกิดเป็นคลื่นพลังกระแทกอันน่าพรั่นพรึง กวาดทำลายออกมาทั่วสารทิศ ป่นปี้ประตูค่ายยพันธมิตรฟ่านเทียนจนแหลกเป็นผุยผง ผืนดินเบื้องล่างยังเกิดหลุมลึกประหนึ่งมีอุกกาบาตถล่ม พืชหญ้าบุบผาไม่เว้นไม้ใหญ่ล้วนราบพนาสูร!
“ให้ตายเถอะ เทพสงคราม 9 คนเร่งเร้าพลังลงมือพร้อมๆกัน…แค่คลื่นกระแทกยังร้ายกาจปานนี้เชียว? แล้วจุดศูนย์กลางของพายุพลังครั้งนี้จะรุนแรงถึงขนาดไหน!?”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้าทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความประหวั่น พอมองไปยังศูนย์กลางแรงระเบิด พวกมันก็เห็นสายลมและสายน้ำกวาดสะท้านออกมาปานสวรรค์พิโรธ ก่อเกิดเป็นวงรัศมีพลังอันตราย ยากที่ผู้ใดจะล่วงล้ำกล้ำกราย
และในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับฉากเรื่องราวอันรุนแรงเบื้องหน้า
พลันมีประกายแสงหนึ่งพุ่งวาบเข้าสู่สนามรบปานภูตผี!
ฟุ่บบ!!
ภายใต้สายตาตกใจของทุกคน ร่างของจอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ พลันไปหยุดลอยเคียงไหล่กับจี้หยิ่งและเยว่เชาฉวิน ทั่วร่างมันบัดนี้ปรากฏแสงพลังสีทองก่อลักษณ์เป็นดาบเล่มเขื่องคลุมกาย ขณะเดียวกันมันก็ค่อยๆชักดาบออกจากฝัก!
เช้ง!
พอดาบหลุดพ้นออกจากฝัก กลิ่นอายแหลมคมก็กำจายออกมาอย่างดุร้าย อุบัติเป็นปราณดาบอันน่าพรั่นพรึงนับพัน สะบั้นห้วงอากาศโดยรอบจนสะท้านสะเทือน!
เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!
…
ปราณดาบอันแหลมคมสีทองสว่าง เริ่มแผ่ออกไปคลุมฟ้า ตามพลังสายลมและพลังน้ำมาติดๆ!