WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3579 หวงเอ้อบังเกิดความเปลี่ยนแปลง
ไม่มีผู้ใดคิดฝันว่าอยู่ๆฉูเตาเค่อจะมาร่วมวงลงมือด้วยอีกคนแบบนี้
ในตอนแรกที่ฉูเตาเค่อมาถึง ทุกคนเพียงเข้าใจว่ามันมาเพื่อชมดูความบันเทิง แต่ไม่คิดเลยว่าในห้วงเวลาแตกหักแบบนี้ อยู่ๆฉูเตาเค่อจะออกไปช่วยเหลือจี้หยิ่งกับเยว่เชาฉวินเพื่อจัดการกับต้วนหลิงเทียนหน้าตาเฉย!
ฉูเตาเค่อ กับเย่วเชาฉวิน ไม่ว่าใครก็เป็นเทพสงคราม 9 ดารามากประสบการณ์ในสมรภูมิ 9 ยมโลก
ถึงแม้จี้หยิ่งจะประสบผลสำเร็จและเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดาราช้ากว่าทั้งคู่มาก แต่พอเอาไปเทียบกับต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะกลายเป็นเทพดาราหยกๆ จี้หยิ่งก็ไม่ต่างอะไรจากเทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์…
3 เทพสงคราม 9 ดาราผู้มากประสบการณ์ กำลังกลุ้มรุมเทพสงคราม 9 ดาราหน้าใหม่คนเดียว?
หากไม่ใช่เพราะทุกคนเห็นได้มาเรื่องราวกับตา เกรงว่าให้ใครมาเล่าให้ฟังให้ตายพวกมันก็ไม่เชื่อแน่นอน
เทพสงคราม 9 ดาราที่เคยโด่งดังในอดีตไร้ยางอายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
แต่ความจริงตรงหน้าบอกชัดเจน…ว่าพวกมันไร้ยางอายกว่าที่คิด!
แน่นอนว่าต่อให้คนของพันธมิตรฟ่านเทียนจะคิดว่าผู้นำตัวเองไร้ยางอายแค่ไหน ทั้งหมดก็ได้แค่พูดในใจไม่กล่าวออกมา
แต่ยังมีบางคนที่คิดเข้าข้างผู้นำตัวเอง โดยให้เหตุผลว่ากระทั่งสิงโตจับกระตายยังทุ่มกำลังทั้งหมด…
“ต้วนหลิงเทียน ตั้งแต่ที่ข้าออกจากสมรภูมิ 9 โลกไปปีนั้น…เจ้านับเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าต้องใช้สิ่งนี้อีกครั้ง”
เสียงกล่าวเข้มขรึมของเยว่เชาฉวินดังขึ้น จากนั้นในมือมันไม่ทราบปรากฏไม้เท้าขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มองสังเกตให้ดีไม้เท้าในมือมันคล้ายทำจากแก้วผลึกแลดูโปร่งใส ยังปรากฏไอพลังราวมังกรสีครามโลดแล่นม้วนวนปานเริงระบำ
พอมันตวัดไม้เท้าไปมา พลังสายน้ำที่เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังอานุภาพขึ้นทันตาเห็น สภาวะพลังดุร้ายปานสายน้ำหลากกำลังจะถล่มตลิ่งเปราะบาง!
วู้มมม!!
แม้จี้หยิ่งจะไม่พูดคำใด แต่ในมือก็ปรากฏลูกแก้วลี้ลับหนึ่งขึ้นมาถือไว้ ตัวลูกแก้วเอ่อล้นไปด้วยไอพลังสีเขียว ไอพลังดังกล่าวคล้ายก่อตัวควบแน่นรอบๆลูกแก้ว กลายเป็นดาบพลังไร้สภาพ แผ่กลิ่นอายแหลมคมออกมาหนาแน่น
เป็นจี้หยิ่งถ่ายทอดพลังลงไปยังตัวลูกแก้ว จากนั้นลูกแก้วดังกล่าวก็สำแดงอานุภาพหนุนเสริมพลังให้กับสายลมคมมีดรอบกาย ทั้งยังสร้างดาบสาลมขึ้นมานับพัน!
ด้านฉูเตาเค่อ มันได้ชักดาบอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิออกมาตั้งแต่แรกแล้ว
ดาบระดับจักรพรรดิที่ฉูเตาเค่อชักออกมา ตั้งแต่ใบดาบหลุดพ้นออกจากฝัก มันก็แผ่กลิ่นอายแหลมคมกำจายไปสะท้านสะเทือนบรรยากาศโดยรอบ ยังปรากฏแสงสีเลือดเรืองรองรองขึ้นมาก่อเกิดเงาร่างหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นจิตวิญญญาณสถิตย์อุปกรณ์อมตะชิ้นนี้
ถึงแม้จะไม่ใช่อุปกรณ์เทพ แต่เมื่อเป็นถึงอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ พลังอานุภาพของมันก็ไล่ตาม ‘อุปกรณ์กึ่งเทพ’ มาติดๆ…
ในระนาบเทวโลกนั้น สำหรับอาวุธเทพขั้นต่ำที่ไร้จิตวิญญาณกำเนิดแล้ว หลายๆคนไม่ถือว่ามันเป็นอาวุธเทพที่แท้จริง เพียงแค่เรียกมันว่า ‘อุปกรณ์กึ่งเทพ’ เท่านั้น เพราะพลังของมันจะไม่ได้แตกต่างไปจากอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์มากนัก
เนื่องจากมีเพียงตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดาราขึ้นไป ที่ในร่างเริ่มก่อเกิดพลังเทพแล้วเท่านั้น ถึงจะใช้พลังอานุภาพของอุปกรณ์กึ่งเทพให้มันมีพลังงอานุภาพเหนือกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ได้ชัดเจน…
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ข้าเกรงว่าวันนี้คงรอดยากแล้วล่ะ”
“เฮ่อ…โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนร่วมมือกันกลุ้มรุม ให้เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนไหน ข้าก็ว่ายากจะรับมือได้กระมัง?”
“จริง โดน 3 เทพสงคราม 9 ดารากลุ้มรุมแบบนี้ ข้าเกรงว่าคงมีแต่ตัวตนขอบเขตเท่านั้นล่ะ ที่รับมือไหว…”
……
พอเห็นเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ลงมือกลุ้มรุมต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ทุกคนจะคาดเดาได้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนสมควรกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราไปแล้วแน่นอน แต่พวกมันก็รู้สึกว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ
ไม่มีใครมองโลกในแง่ดีเลย
“โดนเทพสงคราม 9 ดารา 3 คนลงมือพร้อมกันเช่นนั้น…ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเชี่ยวชาญกฏมิติแค่ไหน ก็ยากจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหลบหนีได้”
หลายคนอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“มิผิด…พลังอันมหาศาลของเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ต้องรบกวนพื้นที่อย่างแรง…ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนคิดจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ยังยากไม่ต่างคนธรรมดาคิดขึ้นสวรรค์”..
“อย่าว่าแต่ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเลย ตอนนี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะผสานรวมความลึกซึ้งเคลื่อนมิติกับความลึกซึ้งส่งผ่าน ก็ยังยากจะหลบหนีออกจากวงล้อมได้”
……
ผู้ชมโดยรอบมองจ้องไปยังฉากพายุพลังโหมกระหน่ำเบื้องหน้าด้วยความหวั่นกลัว พลังสีฟ้าอันเกรียดกราดนั่นประหนึ่งมังกรวารีพิโรธไม่มีผิด สายลมที่พัดวนรุนแรงกับดาบสายลมนั่น พอเกาะกลุ่มจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรวายุอันดุร้าย ไหนจะยังมีปราณกระบี่สีทองเล่มเขื่อง จากพลังกฏแห่งทองอันแหลมคมของฉูเตาเค่ออีก!
จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ นั้นเชี่ยวชาญกฏแห่งทอง
วินาทีนี้ ไม่มีใครคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถรอดชีวิตได้สักคน!
ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ ณ ตาของมรสุมพลัง ได้ใช้พลังอำนาจของวิถีควบคุมออกมา วงรัศมีรอบตัว 10 หมี่เต็มไปด้วยพลังของห้ววงมิติอันบิดเบือนผันผวน ต้านทานสลายพลังจากสายลมสายน้ำอย่างแข็งขัน
อย่างไรก็ตามด้วยความสุดไพศาลของพลังทั้ง 2 ขุม แม้แต่พลังอำนาจของวิถีควบคุมต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ
เขาทำได้แค่ฝืนทนรับไว้เท่านั้น
พอมามีฉูเตาเค่อ อันเป็นเทพสงคราม 9 ดาราใช้พลังของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์หนุนเสริมอีกคน ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังเซียนอมตะและพลังเทพที่ใช้ออกได้อย่างต่อเนื่องเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่อาจประคองสภาวะป้องกันไว้ได้นาน
“ยังมีคนที่ 3 อีกงั้นรึ?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประหลาดใจอยู่บ้างที่ศัตรูเขามีเพิ่มอีกคน แต่ก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร สองตาเพียงทอประกายเยียบเย็นเรืองขึ้นวาบหนึ่ง “ไม่ว่าจะคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ดี คนของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียนก็ดี…แต่วันนี้มันต้องตาย!”
‘ต้นไม้เทพสนหลิว!’
‘กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน!’
เพียงใจคิด เงาร่างต้นไม้เทพสนหลิวก็ปรากฏขึ้นปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็เริ่มควบแน่นจนมีสภาพ และหลังจากต้วนหลิงเทียนเปิดโลกใบเล็กภายในกาย มันที่ได้รับพลังจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ก็ยิ่งทวีความสมจริงไปกันใหญ่!
เรียกว่าหลังได้รับพลังจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียน ก็เสมือนเป็นต้นไม้เทพสนหลิวที่มีชีวิตจริงๆ ทั้งลำต้นและกิ่งสนหลิวยังปรากฏแสงพลังสีขาวเรืองรองขึ้นมา
พลังน้ำกับพลังลมรวมถึงปราณกระบี่สีทอง ที่บุกฝ่าพลังอำนาจของวิถีควบคุมมาได้ ก็ถูกกิ่งของต้นไม้เทพสนหลิวฟาดทุบทำลายจนแหลกเป็นเสี่ยงๆหมดสิ้น แม้ตัวกิ่งสนหลิวเองจะพังพินาศไปพร้อมๆกัน แต่มันก็งอกเงยขึ้นมาฉับไว ฟื้นสภาพเดิมแทบจะทันที!
เป็นพลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่ฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว!
นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบหลังจากบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา
เขาสามารถใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน ทำให้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวสามารถเชื่อมต่อกับพฤกษาเทพกำเนิดชีพภายในร่าง ในขั้นตอนดังกล่าวทำให้เกิดการสั่นพ้องของพลังบางอย่าง จนสามารถแบ่งปันพลังชีวิตเพื่อฟื้นฟูรักษาได้
“นายท่าน ชีวิตพวกมันทั้ง 3 มอบให้หวงเอ้อจัดการเถอะ”
กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนพอปรากฏขึ้นมา เงาร่างหวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งและดูงดงามตระการตาก็ลอยออกมา ยืนบนกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน โค้งหัวขออนุญาตต้วนหลิงเทียนอย่างนอบน้อม
ทันใดนั้นเอง หว่างคิ้วของหวงเอ้อก็ปรากฏปานรูปกระบี่ หนึ่งผุดขึ้นมาอย่างอัศจรรย์
พอปานกระบี่ปรากฏมันก็เปล่งแสงพลังหลากสีสันออกไปรวมผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนใต้เท้าหวงเอ้อ จากนั้นตัวกระบี่พลันเปล่งรังสีกระบี่ทำลายล้างออกมานับหมื่นสาย พุ่งวาบไปดั่งเงาเลือนสับสะบั้นพลัง 3 ทั้ง 3 ขุมจนแหลกพินาศได้อย่างง่ายดาย!
ต้นไม้เทพสนหลิวก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกต่อไป…
ต้วนหลิงเทียนพอเห็นฉากดังกล่าวก็ถอนพลังที่ใช้ก่อสร้างร่างต้นไม้เทพสนหลิว จนร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวจางหายไป คนปรากฏขึ้นกลางหาวอีกครั้ง
เดิมทีหลังจากเข้าใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวแล้ว เขาก็กะใช้พลังอำนาจหนุนเสริมของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน รวมถึงพลังของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่จะคอยฟื้นฟูต้นไม้เทพสนหลิว เพื่อจัดการกับเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3
ทว่าไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าแค่พลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอย่างเดียว ก็จัดการปัญหาตรงหน้าได้ง่ายๆ!
กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวพลังอำนาจของรังสีกระบี่ทำลายล้างที่หวงเอ้อใช้ออกเมื่อครู่!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
รังสีกระบี่ทำลายล้างที่หวงเอ้อปลดปล่อยออกไป ไม่ต่างอะไรกับปราการแกร่งไร้ทลาย ยังแน่นหนาราวข่ายฟ้าแหสวรรค์ ไม่อาจมีพลังอำนาจใดๆล่วงล้ำเฉียดกรายเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนได้เลย และเมื่อข่ายกระบี่ที่ทำลายได้ทุกสิ่งอย่างอุบัติขึ้นกลางพายุพลังเช่นนี้ ก็ทำให้มันแลดูโดดเด่นเป็นพิเศษ!
“นั่นมันอะไรกันแน่!?”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทำให้ผู้ชมโดยรอบตกตะลึงแล้วจริงๆ
ตอนแรกที่พวกมันเห็นต้วนหลิงเทียนตกอยู่ในพายุพลัง 3 ขุม พวกมันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนต้องตายอย่างแน่นอนเสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะอุบัติฉากเรื่องราวตรงหน้าขึ้นมาได้ “พลัง 7 สีนั่นมันอะไรกันแน่? ไฉนมันถึงได้เจิดจ้าขนาดนั้น!?”
“นั่นเป็นฝีมือของต้วนหลิงเทียนหรือ?”
“ได้อย่างไรกัน!? ไฉนข้ารู้สึกว่าพลัง 3 ประสานจากเย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง กับฉูเตาเค่อมันอ่อนด้อยกว่าพลัง 7 สีที่อยู่ๆก็โผล่ออกมาคล้ายข่ายกระบี่นั่นมากโขเลยเล่า?”
“ให้ตายเถอะ ทั้ง 3 มิใช่เทพสงคราม 9 ดาราหรือไร ทั้งๆที่รวมพลังกลุ้มรุมแล้วแต่ไฉนยังไม่ได้เปรียบเลยเล่า?”
……
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง สีหน้าแลดูอื้ออึงไม่รู้เหนือใต้ จนได้แต่เอ่ยถามออกมาอย่างเลื่อนลอย
วิ้งงงง!!
เสียงพลังกู่ร้องหนึ่งพลันอุบัติขึ้นจากตาพายุพลังเบื้องหน้าของทุกคน จากนั้นก็บังเกิดแสง 7 สีระเบิดออกมาสว่างจ้า ปานตะวันดวงที่ 2 ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาป้องบังดวงตา หยีตาหลบแสงแทบไม่ทัน
ครู่ต่อมากลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งก็กำจายออกไปในบรรยากาศ จากนั้นก็อุบัติคลื่นกระแทกจากการระเบิดของพลังแสง 7 สี กวาดสะท้านออกมาอย่างเกรี้ยวกราด!
คนของพันธมิตรฟ่านเทียนที่มีพลังฝีมืออ่อนด้อยถึงกับตกตายอย่างไม่รู้ตัว!
ต่อให้เป็นผู้ที่มีพังฝีมือสูงๆก็ยังได้รับบาดเจ็บ!
มีก็แต่เทพสงคราม 7 ดาราเท่านั้น ที่รู้ตัวและล่าถอยได้ทันท่วงที จึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร อย่างไรก็ตามสีหน้าของทุกคนซีดลงด้วยความหวาดกลัวนัก “ตะ…ต้วนหลิงเทียนนั่น มันบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วหรือไร?!”
“เป็นไปไม่ได้! พลังอำนาจของขอบเขตเทพมิได้มีแค่เท่านี้!”
“แต่พลังนั่น…ข้าเกรงว่ายากจะมีเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนต้านทานได้!”
……
ท่ามกลางสาตาตกตะลึงของทุกคน ข่ายรังสีกระบี่ 7 สีสันก็กวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ทำลายพลังทั้งหมดจนพินาศสิ้น ร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ใจกลางพายุพลังจึงเผยโฉมออกมาสู่สายตาทุกคนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ต้วนหลิงเทียน แต่อยู่กับร่างสตรีในชุดกระโปรงสีรุ้งที่ท่องกระบี่แสง 7 สีเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน “นางเป็นผู้ใดกัน!?”
หวงเอ้อในชุดกระโปรงยาวสีรุ้งนั้น แลดูงดงามทั้งเลอค่าหาใดเปรียบ รูปโฉมของนางมากพอจะสะกดทุกสายตาให้เลื่อนลอย สองตาคู่งามปานสารทแต่แฝงไว้ด้วยความเย็นชาราวกับจะผลักไสผู้คนให้ห่างออกไปแสนแปดพันลี้นั่น ให้ก่อเกิดเป็นโฉมสะคราญแสนเย็นชา แต่เสน่ห์เหลือร้ายจนยากต้านทานได้นางหนึ่ง…
“มันผู้ใดคิดร้ายต่อนายท่าน มันผู้นั้นต้องตาย!”
ในขณะที่เย่วเชาฉวิน จี้หยิ่ง และฉูเตาเค่อกำลังมองจ้องหวงเอ้อด้วยสายตาหวาดกลัวระแวดระวัง หวงเอ้อพลันปริปากกล่าวคำออกมา น้ำเสียงของนางแม้ไพเราะเสนาะหู แต่กลับเย็นชาจนทำให้พวกมันทั้ง 3 หนาวใจจับจิต!
วินาทีต่อมา หวงเอ้อพลันลงมือเคลื่อนไหว!
ซู่มมม!
เป็นหนึ่งดัชนีที่จี้ออกตามอำเภอใจ แต่อุบัติลำแสงกระบี่ 7 สีอันมีสภาวะพลังปานจะทะลวงฟ้า เจาะทะลุหว่างคิ้วเย่วเชาฉวิน ป่นปี้ดวงจิตสลายวิญญาณของมันจนแหลกไปโดยไม่รู้ตัว…
น่านฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใด
ร่างไร้วิญญาณของเย่วเชาฉวินร่วงฟ้าตกพื้นดังตุบ! ดวงตาของมันเบิกโพลง ฉายชัดถึงความหวาดกลัวทั้งเหลือเชื่อ สามารถบอกได้เลยว่า…จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตาย มันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองต้องมาจบชีวิตลงในที่แห่งนี้!
‘ไฉนพลังของหวงเอ้อถึงได้…?’
ต้วนหลิงเทียนมองหวงเอ้อด้วยความประหลาดใจ ‘นาง…หรือว่าหลังจากที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว นางเองก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงด้วย?’
ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะทะลวงถึงขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ไม่ทันไร เขาก็พบแค่ว่าเขาสามารถเชื่อมโยงกับพฤกษาเทพกำเนิดชีพ และสามารถชักนำพลังชีวิตมาหนุนเสริมร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวได้เท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงของหวงเอ้อเขาไม่รู้มาก่อนเลย พึ่งได้เห็นกับตาเมื่อครู่สดๆร้อนๆ…