WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3580 ในอดีตไม่ปรากฏ อนาคตไม่พบเจอ
หวงเอ้อนั้นเป็นจิตวิญญาณของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นอุปกรณ์เทพ ยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงสุด
แต่มันก็ดุจเดียวกับอุปกรณ์เทพขั้นอื่นๆ อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงระดับเทพสงคราม 9 ดาราเพื่อให้สามารถใช้พลังอำนาจที่แท้จริงของมันได้ กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็เป็นเช่นนั้นไม่ต่าง
หลังบรรลุถึงเทพสงคราม 9 ดารา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างต้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน อันที่จริงการบรรลุครั้งนี้สิ่งที่แข็งแกร่งขึ้นมากที่สุดไม่ใช่ตัวเขาเอง แต่เป็นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่มักซ่อนอยู่ในร่างกายเขาต่างหาก!
และพลังอำนาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน ดูจากพลังอำนาจของหวงเอ้อในตอนนี้ก็ชัดเจนที่สุด!
‘ความแข็งแกร่งของหวงเอ้อในตอนนี้มัน…’
ฉากเรื่องราวการลงมือเข่นฆ่าเยว่เชาฉวินในพริบตาของหวงเอ้อ ได้แล่นย้อนในหัวต้วนหลิงเทียนซ้ำๆ จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน ตัวตนระดับเทพสงคราม 9 ดารามือเก๋า กลับไม่อาจต้านทานรับได้แม้แต่นิดเดียว ตกตายในกระบี่เดียว ทั้งยังเป็นการลงมือส่งๆของหวงเอ้อ…
นั่นจะอย่างไรก็คือเทพสงคราม 9 ดารา! ไม่ใช่ไก่สุนัขที่ไหน!!
ถึงแม้เขาจะกล้าพูดได้เต็มปากว่าเขาเองก็สามารถฆ่าเยว่เชาฉวินรวมถึงอีก 2 คนที่เหลือได้แน่นอน แต่อย่างน้อยๆเขาก็จำต้องใช้ร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวกับพลังฟื้นฟูของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ รวมถึงพลังของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
แต่บัดนี้ หวงเอ้อกลับใช้พลังของตัวเองเพื่อกระตุ้นพลังอำนาจของกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เข่นฆ่าเยว่เชาฉวินลงได้อย่างง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่…ช่างเป็นการลงมืออันทรงพลังสุดที่เขาจะจินตนาการได้ออก!
“นี่…”
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า กระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองยังตกใจ นับประสาอะไรกับคนอื่นๆ
บัดนี้สายตาที่ทุกคนใช้มองหวงเอ้อ ไม่คล้ายมองโฉมสะคราญด้วยความหลงใหลน่าทึ่ง แต่เป็นความหวาดผวาพรั่นกลัว พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าโฉมสะคราญอันน่าทึ่งนางนี้ ที่แท้จะร้ายกาจทั้งลงมือได้อย่างน่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น!
จะอย่างไรนั่นก็เป็นถึงจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาว่านโช่วเทียน เยว่เชาฉวิน เทพสงคราม 9 ดาราที่สร้างชื่อลือชาในสมรภูมิ 9 ยมโลกครั้งอดีต…!
แต่วันนี้กลับถูกโฉมสะคราญนางนั้นเข่นฆ่าง่ายๆราวมดตัวน้อยที่ถูกบี้ยี…
กระบวนการทั้งหมดไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกมันรู้สึกเสมือนฝันไปก็ไม่ปาน…
“พวกเรา มิได้ฝัน!”
หลายๆคนฟื้นคืนสติได้เร็วไว และตระหนักได้ว่าเบื้องหน้าไม่ใช่ภาพฝัน แต่ทั้งหมดเป็นความจริง
“นาง…เมื่อครู่นางเรียกต้วนหลิงเทียนว่านายท่านรึ?”
ไม่นานก็มีคนที่เอะใจถึงจุดนี้ สีหน้าคนผู้นั้นยังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง พอมองไปยังหวงเอ้ออีกครั้ง สองตาก็เหลือบมองไปยังกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่นางย่ำอยู่ต่างยานพาหนะ “นาง…นางคงไม่ใช่ว่า…เป็นจิตวิญญาณของกระบี่เล่มนั้นหรอกนะ?”
“จิตวิญญาณอุปกรณ์?!”
หลังจากที่เริ่มตระหนักว่าที่แท้หวงเอ้อเป็นสิ่งมีชีวิตอะไร หลายๆคนก็เริ่มสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
และคนที่อยู่มานานและมีประสบการณ์รวมถึงความรู้สูง หลังเห็นพลังอำนาจของหวงเอ้อแล้ว ก็อดพึมพำออกมาไม่ได้ “ปกติแล้ว…จิตวิญญาณของอุปกรณ์เทพหากเป็นแค่ขั้นต่ำ ไม่มีทางมีพลังระดับนั้นได้แน่ นั่นสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นกลาง…ไม่สิ! สมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูง!!”
“อุปกรณ์เทพขั้นสูง!? อาวุโสท่านนี้…ท่านจะบอกว่ากระบี่ของต้วนหลิงเทียนเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงหรือ?!”
“สวรรค์! อุปกรณ์เทพขั้นสูง ทั้งยังกำเนิดจิตวิญญาณ…ต่อให้เป็นในระนาบเทพก็เป็นสมบัติล้ำค่าไม่ใช่หรือไร มากพอให้เหล่าจอมราชันเทพหรือแม้แต่จักรพรรดิเทพแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่งด้วยซ้ำ! แล้วทำไม…ต้วนหลิงเทียนถึงมีอุปกรณ์เทพเลิศล้ำขนาดนี้ได้เล่า!?”
…
พอตระหนักได้ว่าอย่างน้อยๆอุปกรณ์เทพของต้วนหลิงเทียนก็ต้องเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้ว หลายคนในที่เกิดเหตุก็พากันตกตะลึงกันถ้วนหน้า
ด้านคู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนที่เหลืออย่าง จี้หยิ่ง และฉูเตาเค่อเองก็ไม่ต่างกัน
พอทั้งคู่เห็นเยว่เชาฉวินถูกฆ่าได้ง่ายดาย ไม่ต่างมดตัววกระจ้อยถูกผู้คนบดบี้ พวกมันก็ตระหนักได้ถึงลางแห่งความตาย พอมารู้ว่าอุปกรณ์เทพในมือต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณ ซึ่งมีพลังอำนาจเข่นฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราได้ง่ายๆ ใจของพวกมันก็ร่วงตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตื่นตระหนกเสียขวัญนัก
“ต้วนหลิงเทียน…”
จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ ที่ลอยร่างอยู่ไกลๆ มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขื่นขม กล่าวออกด้วยแววตาหมองเศร้า “เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นความเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่าน ทั้งหมดเป็นเพราะจี้หยิ่งบีบคั้นข้า…วันนี้ขอเพียงท่านปล่อยข้าไป ข้าจักเป็นหนี้ชีวิตของท่าน”
ฉูเตาเค่อก้มหัว กล่าวคำเสียงอ่อน
แทบจะไม่ต่างอะไรจากขอความเมตตา
พลังอำนาจของอุปกรณ์เทพอันกำเนิดจิตวิญญาณแล้วในมือต้วนหลิงเทียน ทำให้ใจมันสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว และมันรู้ตัวดีว่าคงยากจะหลบหนีไปได้ภายใต้สายตาของอีกฝ่าย
ได้ยินคำพูดขอชีวิตของฉูเตาเค่อ ต้วนหลิงเทียนเพียงเหลือบมองมันผ่านๆอย่างไม่แยแส ไม่เอ่ยคำใดตอบกลับ
ด้านคนอื่นๆพอมองไปยังฉูเตาเค่ออีกครั้ง ก็อดส่ายหัวไปมาไม่ได้ “จอมดาบเดียวดาย ฉูเตาเค่อ…หากวันนี้มันไม่ลงมือก็แล้วไป เพราะไม่ต่างอะไรกับผู้ชมเหมือนเราๆ…แต่ตอนนี้ ในเมื่อมันเลือกที่จะสอดมือออกหน้า ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งตัวเองไปยังเส้นทางไร้หวนกลับ…”
“บางครั้ง การเลือกผิดแค่ครั้งเดียวก็เป็นเหตุแห่งความตาย…”
“จอมดาบเดียวดาย…น่าเสียดายยิ่ง”
…
วินาทีไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดว่าฉูเตาเค่อจะรอดพ้นความตายไปได้
อย่างไรก็เป็นเทพสงคราม 9 ดาราคนหนึ่ง หากปล่อยไว้ไม่ฆ่า ก็ไม่ต่างอะไรกับปล่อยเสือคืนป่า และอาจจะกลายเป็นภัยซ่อนเร้น ที่ย้อนกลับมาทำให้เสียใจภายหลัง…
ครู่ต่อ การคาดเดาของพวกมันก็ได้รับการยืนยัน
ซู่มมม!
เป็นหวงเอ้อที่จี้ดัชนีออกไปอีกครั้ง ถึงแม้ฉูเตาเค่อจะพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมด รวมถึงใช้พลังอำนาจหนุนเสริมของดาบอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ในมืออย่างสิ้นหวัง แต่ก็ไม่อาจต้านทานลำแสงทำลายล้างของหวงเอ้อได้แม้เสี้ยวเดียว หว่างคิ้วถูกเจาะทะลวง วิญญาณสลายตกตายตามรอยเยว่เชาฉวินไปอีกคน…
ในเวลาเพียงพริบตาเดียว เรียกว่าแต่ต้นจนจบยังไม่ถึงสิบลมหายใจด้วยซ้ำ เทพสงคราม 9 ดารา 2 คน กลับจบชีวิตลงเสียแล้ว
เหนือฟ้ากลายเป็นเงียบสงัดไร้เสียงใดอีกครั้ง..
กระทั่งร่างของหลายๆคนยังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่ากาลครั้งหนึ่งในชีวิต จะได้เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์สะท้านขวัญเช่นนี้…
“ตอนนี้ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ…มารดามันเถอะ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นเทพสงคราม 9 ดารา 2 คนตกตายไปต่อหน้าต่อตา…”
หลายคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
และคำพูดของมันก็ไปตรงกับใจใครหลายๆคน “ในชีวิตของใครคนไหน เพียงได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราร่วงหล่นกับตา ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว…แต่วันนี้พริบตาเดียว พวกเรากลับได้เห็นเทพสงคราม 9 ดาราผู้ยิ่งใหญ่ตกตายถึง 2 คน กระทั่งให้มองไปทั่วประวัติศาสตร์ของสมรภูมิ 9 ยมโลก เรื่องราวทำนองนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อนกระมัง?”
“ในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ กลับมีเทพสงคราม 9 ดาราตกตายถึง 2! สิ่งนี้ถูกกำหนดให้กลายเป็นหน้าสำคัญในประวัติศาสตร์!”
“บางที…วันนี้อาจมีเทพสงคราม 9 ดาราที่ต้องตกตายอีกคน”
…
หลังจากผู้ชมกระซิบกระซาบกันด้วยความรู้สึกเหมือนฝันพักหนึ่ง สายตาของพวกมันก็เริ่มจับจ้องไปยังจี้หยิ่งที่บัดนี้หน้าคนซีดไม่ต่างอะไรกับไก่ต้มเสียแล้ว
และหากใครสังเกตุให้ดี จะพบว่าหน้าผากจี้หยิ่งนั่นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น
เห็นได้ชัดว่าการตกตายลงอย่างง่ายดายของเยว่เชาฉวินกับฉูเตาเค่อ ได้สร้างแรงกดดันให้แก่จี้หยิ่งอย่างหนักหน่วง
ซู่มมม!
ในขณะที่จี้หยิ่งกำลังตึงเครียดทั้งหวาดกลัวถึงขีดสุด หวงเอ้อพลันลงมือออกมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามดัชนีที่จี้ออกตามอำเภอใจของนางครั้งนี้ กลับไม่ได้พรากชีวิตของจี้หยิ่งไปอย่างที่ทุกคนคิด
นั่นเพราะเงาร่างของจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว ได้ปรากฏตัวขึ้น!
กล่าวให้ชัดคือรอยประทับจิตเทพที่จี้โยวประทับไว้ในร่างจี้หยิ่ง ได้สำแดงอานุภาพปกป้องจี้หยิ่งเอาไว้ในห้วงเวลาเป็นตาย! ทว่าหลังต้านทานลำแสงกระบี่ทำลายล้างของหวงเอ้อได้แล้ว เงาร่างของจี้โยววก็อ่อนจางลงปานภูตผี คล้ายจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ เรื่องจะให้ต้านรับหวงเอ้ออีกครั้ง คงเป็นไปไม่ได้…
และหลังจากที่เงาร่างปานวิญญาณของจี้โยวปรากฏขึ้น มันก็ไม่ได้มองหวงเอ้อผู้ลงมือแต่อย่างใด เพียงมองจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียนเขม็ง เพราะมันรู้ดีว่าผู้ที่กุมชะตาชีวิตศิษย์มันเอาไว้ตอนนี้ ก็คือต้วนหลิงเทียน
“ต้วนหลิงเทียน”
จี้โยวที่แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยโทสะ ทั้งกล่าวออกมาเสียงหนัก หากแต่ถ้อยคำกลับเป็นการขอประนีประนอมหมายรอมชอมกับต้วนหลิงเทียนชัดเจน “วันนี้ขอเพียงเจ้าปล่อยศิษย์ข้าไปสักครั้ง…ข้าจะสะบั้นความแค้นระหว่างข้ากับเจ้าทิ้งเสีย”
“ข้าจะไม่หาความเจ้า เรื่องที่เจ้าฆ่า หวู่หลง ศิษย์คนที่ 2 ของข้าอีกต่อไป!”
ในฐานะจักรพรรดิสวรรค์ที่ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในระนาบเทวโลกระนาบหนึ่ง ทั้งยังเป็นถึง อันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์ คำพูดของจี้โยวตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียน พาลให้ผู้คนรอบๆอดชมดูจนละลานตาไม่ได้
“จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ที่เป็นถึงตัวตนขอบเขตเทพ…กลับยอมลงต่อหน้าต้วนหลิงเทียน?”
ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าจริงๆ
“ท่านอาจารย์!”
อย่างไรก็ตาม จี้หยิ่งที่ได้ฟังคำพูดยอมลงของอาจารย์ หลังสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งมันก็กัดฟันออกมาด้วยน้ำเสียงดื้อรั้น ใบหน้าเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอัดอั้น “ท่านอาจารย์! ท่านไม่ต้องลดตัวลงไปขอความเมตตาจากมัน! ต้วนหลิงเทียนนั่น มันไม่คู่ควรให้ท่านต้องก้มหัวให้!!”
“เจ้าหุบปากไปเสีย!!”
จี้โยวตวาดคำออกมาเสียงเย็น จนทำให้จี้หยิ่งถึงกับตกใจจนพูดไม่ออก แม้ที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าจะเป็นแค่ร่างมายาจากรอยประทับจิตเทพ แต่ความน่าเกรงขามของผู้เป็นอาจารย์และบิดาบุญธรรมนั้นได้ฝังลึกลงไปในใจของมันนานแล้ว มันย่อมไม่กล้าขัดคำพูดของอีกฝ่าย
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไว้หน้า จี้โยว จักรพรรดิสวรรค์สวรรค์จี้ฟ่านเทียน ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกมาสั้นๆเสียงเรียบ “หวงเอ้อ ฆ่ามัน”
พอเสียงกล่าวของเขาดังจบคำ หวงเอ้อก็ลงมือทันที
สีหน้าของจี้โยวเองก็เปลี่ยนไป เปี่ยมล้นไปด้วยโทสะแค้นถึงขีดสุด โพล่งตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน “ต้วนหลิงเทียน! เจ้าจักต้องเสียใจ! ข้าจักทำให้เจ้าต้องสำนึกเสียใจ!!”
ซู่มมม!!
ลำแสงกระบี่ทำลายล้างหลากสีสัน พุ่งทะลวงแหวกฟ้าไปฉับไว ทำลายเงาร่างจี้โยวจากรอยประทับจิตเทพ จากนั้นก็พรากชีวิตจี้หยิ่งไปในพริบตา…
ด้วยพลังที่หวงเอ้อสำแดงออกมาตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนพอจะกะประมาณได้คร่าวๆ ว่าน่าจะเป็นจุดสูงสุดของครึ่งก้าวขอบเขตเทพแล้ว เรียกว่าภายใต้ขอบเขตเทพ คนที่สามารถต่อกรกับนางได้ ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลก็คงมีแค่หยิบมือเดียว…
ฆ่าเทพสงคราม 9 ดารา ง่ายดายพอๆกับตัดหญ้าฆ่าไก่!
‘เพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของข้าเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วบางส่วน พลังที่แท้จริงของหวงเอ้อก็เลยตื่นขึ้นมา..’
ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาได้ว่าไฉนอยู่ๆพลังของหวงเอ้อถึงร้ายกาจขึ้นขนาดนี้ สาเหตุคงไม่พ้นเพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างเขา เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นพลังเทพแล้วแน่นอน
อุปกรณ์เทพ ที่ไฉนถึงใช้คำว่าเทพ เพราะมันเป็นอุปกรณ์สำหรับตัวตนขอบเขตเทพ
มีเพียงแต่ตัวตนขอบเขตเทพเท่านั้นถึงจะใช้พลังอำนาจของมันได้เต็มประสิทธิภาพ
ขุมพลังหลักของเหล่าตัวตนขอบเขตเทพ ก็คือพลังเทพ
ถึงแม้ตอนนี้เข้าจะยังไม่ได้บรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ในเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างบางส่วนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้ว เช่นนั้นก็มากพอจะให้เขาเปิดใช้พลังอำนาจที่แท้จริงของอุปกรณ์เทพ!
หลังจากจี้หยิ่งตกตาย ผู้คนโดยรอบก็พากันเงียบลงอีกครั้ง
เมื่อครู่ รอยประทับจิตเทพของจี้โยวสำแดงเดช สร้างเงาร่างของจี้โวขึ้นมา และยอมก้มหัวลดตัวมาประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียน แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่ฆ่าจี้หยิ่งอีกต่อไป…
มิคาดต้วนหลิงเทียนกลับไม่แยแสคำพูดของจี้โยว ปล่อยให้จิตวิญญาณกระบี่ฆ่าจี้หยิ่งทิ้งหน้าตาเฉย…
สรุปได้ว่า…เทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ที่ร่วมมือกันหมายสังหารต้วนหลิงเทียน ได้ทอดร่างเป็นศพนอนตัวเย็นกันทั้งหมด!
ภายในวันเดียว จบชีวิตเทพสงคราม 9 ดาราไปถึง 3…
เรื่องพรรค์นี้ ในสมรภูมิ 9 ยมโลกไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และไม่น่าจะมีใครทำได้ในอนาคต
วู้มมม
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างหวงเอ้อค่อยๆกลายเป็นเงาเลือนหายไปในกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน จากนั้นกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็แปรสภาพเป็นอณูแสงหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน…
อุปกรณ์เทพขั้นสูง!
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้ว!
ในสายตาของทุกคน สมบัติระดับนี้ มันล้ำค่ามากพอให้ทุกคนเผชิญอันตราย 9 ตาย 1 รอดเพื่อเสี่ยงให้ได้มา…
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม
เพราะพวกมันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากบุ่มบ่ามลงมือตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย!
รู้ทั้งรู้ว่าเข้าไปก็มีแต่ตาย นั่นไม่ใช่ความกล้า แต่เป็นความโง่เขลา!
ภายใต้สายตาของทุกคนในที่เกิดเหตุ ต้วนหลิงเทียนที่เก็บกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแล้ว ก็กวาดตามองไปรอบๆ “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าต้วนหลิงเทียนจะยึดค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนเป็นสถานที่ฝึกฝนบ่มเพาะ…”
“หลังจากวันนี้ไป อย่าให้ข้าเห็นใครในสายตา…”
“ใครฝ่าฝืน…ตาย!”