WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3581 รอให้มันออกมา
พอเสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ คนก็เหินร่างเข้าไปในค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน สุดท้ายก็หายลับสายตาทุกคนที่ลอยร่างชมดูอยู่กลางฟ้า ทำให้หลายคนที่มามุงชมอื้ออึงกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ามองตากัน ก่อนที่จะตัดสินใจแยกย้ายจากไป
“กลับกันเถอะ หลังจากนี้คงมิมีอันใดให้ดูชมแล้ว…พันธมิตรฟ่านเทียน จบสิ้นแล้วล่ะ”
“ข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าวันหนึ่งพันธมิตรฟ่านเทียนที่ยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงในสมรภูมิ 9 ยมโลกมาเนิ่นนาน กลับมีอันต้องจบลงด้วยน้ำมือของคนๆเดียว”
“ดูจากท่าทีของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ เห็นชัดว่าคิดยึดครองค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนต่างสวนหลังบ้าน…พวกเราก็อย่าอยู่เกะกะในสวนผู้อื่นเขาเลย ไปเถอะ…เอาตรงๆข้ากลัว”
“เหอะๆ หลังจากวันนี้ไปในสมรภูมิ 9 ยมโลก ไม่สิต่อให้เป็นในระนาบเทวโลกทั้งมวล คงไม่มีใครไม่รู้จักศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้นแล้ว…”
…
หลังจากสนทนากันครู่หนึ่ง ผู้ที่มามุงชมจากทุกทั่วสารทิศก็ทยอยกันแยกย้ายจากไป
เป็นธรรมดาว่าขณะที่พวกมันแยกย้ายกันกลับ พวกมันก็เร่งรุดส่งข้อความไปบอกต่อสหายกันอย่างตื่นเต้น หมายเผยแพร่เรื่องราวให้ผู้คนทั่วสมรภูมิ 9 ยมโลกล่วงรู้เรื่องราวโดยเร็วที่สุด กล่าวให้ชัดคือคันปากอยากเล่าสุดทานทน! ขณะเล่ายังใส่อารมณ์ราวกับพวกมันเป็นคนฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราทั้ง 3 ด้วยตัวเอง…
ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ถือครองอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้ว หลังทะลวงพลังถึงระดับเทพสงคราม 9 ดารา อาศัยพลังอานุภาพของอุปกรณ์เทพดังกล่าว ก็สามารถสังหารเทพสงคราม 9 ดาราที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในสมรภูมิ 9 ยมโลกลงได้อย่างง่ายดาย
เย่วเชาฉวิน ฉูเตาเค่อ และจี้หยิ่ง ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนมีชื่อเสียงเลื่องลือในสมรภูมิ 9 ยมโลกมานาน…
โดยเฉพาะเยว่เชาฉวินกับฉูเตาเค่อ ไม่ว่าใครก็เป็นเทพสงคราม 9 ดารามือเก๋า ที่มากล้นไปด้วยประสบการณ์
“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่แท้ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางจะร้ายกาจถึงขนาดนี้…ที่สำคัญเรื่องที่ครอบครองอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วก็เป็นอะไรที่สะท้านขวัญผู้ฟังนัก พวกเจ้าว่าอุปกรณ์เทพดังกล่าวใช่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมอบให้มันหรือไม่?”
“เป็นไปได้สูง…สุดท้ายเรื่องที่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางบรรลุถึงขอบเขตเทพในนรกอสุรา 1 ใน 7 สถานที่ต้องห้ามของระนาบเทวโลกก็มิใช่ความลับ ไม่แน่เพราะโชควาสนาดังกล่าวอาจทำให้ได้รับอุปกรณ์เทพล้ำค่ามามากมาย จึงมีเหลือมอบให้ศิษย์เอกอย่างต้วนหลิงเทียน”
“ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้มีโชคชะตาทั้งวาสนาดีขนาดนี้เล่า…ได้อาจารย์ประเสริฐจริงๆ”
“หากเจ้าสามารถมีพรสวรรค์และความเข้าใจสูงเท่าต้วนหลิงเทียน ข้าเชื่อว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็ยินดีรับเจ้าเป็นศิษย์เช่นกัน…”
…
ในขณะที่ชื่อเสียงต้วนหลิงเทียนกำลังแพร่กระจายไปทุกทั่วหัวระแหง ข่าวเรื่องที่เขาครอบครองอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วก็ย่อมแพร่ออกไปด้วย
อุปกรณ์เทพระดับนั้น มากพอจะทำให้ทุกคนคลั่งไคล้
ในขณะที่ทุกคนในสมรภูมิ 9 ยมโลกกำลังแตกตื่นฮือฮากับข่าวล่ามาเร็วจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ทางด้านสมาชิกพันธมิตรฟ่านเทียน ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ออกจากค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนไปไหน แต่พวกมันติดตามเทพสงคราม 8 ดารายอดฝีมือไปหาต้วนหลิงเทียนอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ใต้เท้าต้วนหลิงเทียน พวกเราคิดยกให้ท่านเป็นผู้นำคนใหม่ของพันธมิตรฟ่านเทียน หรือหากท่านมิชอบชื่อพันธมิตรฟ่านเทียน ท่านจะเปลี่ยนเป็นอันใดก็แล้วแต่ท่าน พวกเราเพียงหวังจะได้ติดตามรับใช้ใต้เท้า”
อดีตผู้พิทักษ์สูงสุดของพันธมิตรฟ่านเทียน พร้อมด้วยเหล่าผู้พิทักษ์และชนชั้นอาวุโสไม่เว้นสมาชิกทั่วไปของพันธมิตรฟ่านเทียน ได้ลอยร่างนอกหุบเขาเพื่อรอฟังคำตอบของต้วนหลิงเทียนอย่างใจจดจ่อ
พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนทำให้พวกมันตื่นตระหนกตกใจครั้งยิ่งใหญ่ จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกเหลือเชื่อไม่หาย ขณะเดียวกันพวกมันก็ตระหนักดีว่าหากต้วนหลิงเทียนอมรับตำแหน่งผู้นำ อีกฝ่ายก็จะกลายเป็นร่มโพธิร่มไทรคอยปกปักษ์คุ้มกันพวกมันจากภยันตรายทั้งปวง ถึงตอนนั้นเรื่องที่พวกมันจะกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสมรภูมิ 9 ยมโลก ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป!
เช่นนั้นพวกมันจึงไม่รีบร้อนจากไปตามคำขู่ของต้วนหลิงเทียน แต่รั้งอยู่เพื่อหมายชักชวนให้ต้วนหลิงเทียนยึดครองพันธมิตรฟ่านเทียนโดยสมบูรณ์
“พวกเจ้ายังมีเวลาเหลืออีก 5 ชั่วยาม…”
อย่างไรก็ตาม คำตอบที่สมาชิกพันธมิตรฟ่านเทียนเฝ้ารออย่างใจจดจ่อจากต้วนหลิงเทียน กลับเป็นน้ำเสียงไร้แยแสประโยคหนึ่ง และหลังพูดจบประโยคดังกล่าวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
สุดท้ายคนของพันธมิตรฟ่านเทียนก็ได้แต่จากไปด้วยความผิดหวัง
พวกมันย่อมเห็นได้ชัดเจน
ว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีความคิดยึดครองกองกำลังพันธมิตรฟ่านเทียนอยู่เลย ความฝันอะไรของพวกมันล้วนแตกสลายปานฟองสบู่…
วันต่อมา ค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนก็ได้เปลี่ยนจากสถานที่อันมีชีวิตชีวากลายเป็นสถานที่อันเปลี่ยวร้าง ไร้ซึ่งร่องรอยของผู้ใดให้เห็น…
ทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดของต้วนหลิงเทียน
…
ในระนาบอิสระ อันเป็นสถานที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก วันนี้ปรากฏอาคันตุกะไม่ได้รับเชิญมาเยือนผู้หนึ่ง
ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน จี้โยว
ถึงตอนนี้จี้โยวจะพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติมากแค่ไหน แต่ขอเพียงเป็นคนสายตาแหลมคมก็ย่อมสังเกตเห็นได้ถึงสีสันอันมืดมนและความอึมครึมอันยากจะปกปิดบนใบหน้าจี้โยวชัดเจน “จ้าววิหารหวู่ เทพสงคราม 9 ดาราของวิหารเฟิงฮ่าวท่านถูกผู้อื่นฆ่าทิ้งโทนโท่…เรื่องนี้ท่านคงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้กระมัง?”
สำหรับจี้โยวแล้ว การตายของศิษย์ที่แท้จริงที่เป็นลูกบุญธรรมอย่างจี้หยิ่ง ไม่ต่างอะไรจากโปะเกลือลงแผลสดที่ยังไม่หายดีของมันเลย…
ตอนหวู่หลงตาย มันแค่ระเบิดพลังจนที่พักมันป่นปี้เท่านั้น แต่กับการตายของจี้หยิ่ง มันถึงกับสติแตกทุบฟาดทำลายเกาะลอยอันเป็นสถานที่พักบ่มเพาะแทบพินาศสิ้น! ทำให้ทั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย แต่ละคนหวาดกลัวกับคลื่นพลังมหาประลัยที่กำจายออกมาจากเกาะลอยที่พักของจี้โยวนัก…
อนิจจาให้มันมีโทสะและทุบทำลายสิ่งของมากแค่ไหน ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้
มันทุบของพังไป ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับฆาตกรแม้แต่นิดเดียว
สุดท้ายหลังจากพยายามระงับสติอารมณ์ลงอย่างยากลำบาก มันก็ออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน และมายังระนาบอิสระอันเป็นสถานที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักแห่งนี้ หมายหารือกับหวู่หงชิงว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
“ต่อให้ข้ามิอาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ แล้วจะให้ข้าทำอย่างไร?”
หวู่หงชิงไม่ได้แปลกใจกับการมาเยือนอย่างกะทันหันของจี้โยว และมันก็ได้แต่ส่ายหัวกับคำถามของจี้โยว กล่าวออกด้วยน้ำเสียงช่วยไม่ได้ “ตอนนี้เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น กลายเป็นตัวตนที่อยู่เหนือการควบคุมของพวกเราแล้ว…คิดจะฆ่ามันในสมรภูมิ 9 ยมโลก เกรงว่าคงยาก!”
ตอนที่ได้รับทราบข่าวเรื่องราวครั้งแรก หวู่หงชิงก็ตกใจไม่น้อย
ต้วนหลิงเทียนกลายเป็นเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว?
ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังถือครองอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณในมือ!?
เมื่อรวม 2 สิ่งเข้าด้วยกัน มันไหนเลยจะไม่รู้ว่าพลังรบของต้วนหลิงเทียนได้อยู่เหนือจินตนาการของมันโดยสิ้นเชิง…
‘แล้วหมี่ซวนนั่น มันหายหัวไปอยู่ที่ใดของมันกัน…’
อย่างไรก็ตามหลังได้รับทราบรายงานจากสมรภูมิ 9 ยมโลก ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนบ้าง หวู่หงชิงก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเป็นอย่างมาก
ไฉนหมี่ซวนถึงไม่ปรากฏตัวออกมา?
ความแข็งแกร่งของหมี่ซวนในปัจจุบัน ย่อมเหนือกว่าเยว่เชาฉวินสหายเก่าของมันแน่นอน
แต่ในการต่อสู้ดังกล่าว อีกฝ่ายกลับหายตัวไปไหนก็ไม่ทราบ
เพราะอีกฝ่ายค้นพบพลังอันร้ายกาจของต้วนหลิงเทียนและรู้ตัวว่าสู้ไม่ไหวจึงหลบซ่อนไม่ออกหน้า? หรือไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุเลยกันแน่?
“ในสมรภูมิ 9 ยมโลกทำอะไรมันไม่ได้ เช่นนั้นด้านนอกสมรภูมิ 9 ยมโลกเล่า? มีผู้ใดที่มันห่วงใยหรือไม่ ญาติสนิทมิตรสหายมันเล่า?”
สองตาจี้โยวเผยประกายเยียบเย็น เสียงกล่าวยังต่ำลงแฝงอำมหิต
“เรื่องนี้ทำไม่ได้”
หวู่หงชิงย่นคิ้วเบาๆ ส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “เว้นเสียแต่จะสิ้นไร้หนทางแล้วจริงๆ ดีเสียกว่าที่จะหาทางสู้กับมันตรงๆ…เพราะไม่ว่าท่านหรือข้า หากพวกเราเล่นงานคนใกล้ชิดมัน ก็ไม่ต่างอะไรกับเอาชื่อเสียงทั้งหมดของพวกเราไปโยนลงโคลน”
“นอกจากนี้ท่านอย่าได้ลืมไป ว่าต้วนหลิงเทียนมันมิได้ตัวคนเดียว…เบื้องหลังมันยังมีจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ผู้นั้นอยู่ทั้งคน…”
หวู่หงชิงเอ่ยคำเสียงเข้ม
“ฟงชิงหยาง?”
พอได้ยินคำพูดของหวู่หงชิง จี้โยวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นดวงตาก็ฉายแววเยียบเย็น “ข้าลืมมันไปเสียฉิบ…อย่างไรเสีย เรื่องนี้ข้าต้องไปหาความจากมันแน่!!”
กล่าวถึงประโยคท้ายยิ่งมาแววตาของจี้โยวก็ยิ่งเย็นชา
“ท่าน…คิดจะไปหาความจากมัน?”
พอได้ยินคำพูดมั่นใจดังกล่าวของจี้โยว มุมปากหวู่หงชิงอดยกยิ้มแสยะขึ้นมาด้วยความดูแคลนไม่ได้ “จักรพรรดิสวรรค์จี้ฟ่านเทียน ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ท่านอาจจะยังไม่ทราบ…แต่จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ผู้นั้น บัดนี้มันทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นต่ำเหมือนข้าแล้ว…อาศัยท่านที่เป็นเพียงเทพขั้นสูง ต่อให้คิดเล่นงานมัน ก็รังแต่จะโดนมันฆ่าทิ้งเอาเปล่าๆ…”
“ท่านว่าอะไร!?”
และคำพูดของหวู่หงชิง ก็ไม่แปลกเลยที่จะสร้างความตกตะลึงครั้งยิ่งใหญ่ให้แก่จี้โยว “ฟงชิงหยางนั่น…มันบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว!? เรื่องพรรค์นี้มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน!?”
“มัน…มิใช่ว่าพึ่งจะบรรลุถึงขอบเขตเทพได้มินานหรือไร!?”
เรื่องราวดังกล่าว สุดที่จี้โยวเชื่อได้ลงคอจริงๆ
“หึ!”
หวู่หงชิงพ่นลมสบถ “ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของมัน ถึงกับควักอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณออกมาใช้ได้ แล้วท่านคิดว่าเป็นเรื่องยากนักหรือ…ที่ฟงชิงหยางจะบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ?”
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงในครอบครอง ตอนที่มันได้ยินครั้งแรก มันก็ถึงกับตกตะลึงอึ้งไปอยู่นาน
ต้องทราบด้วยว่าอุปกรณ์เทพระดับนั้น วิหารเฟิงฮ่าวยังไม่มีปัญญาหามาใช้สักชิ้น!
“ผู้แซ่ฟงนั่น…มันทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้วจริงๆหรือ!?”..
เดิมทีจี้โยวก็ไม่ทันได้คิดอะไรมาก แต่พอหวู่หงชิงยกเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถมีอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่กำเนิดจิตวิญญาณแล้วในครอบครองขึ้นมา มันก็รู้สึกว่าหากเป็นฟงชิงหยางมอบอุปกรณ์เทพดังกล่าวให้ต้วนหลิงเทียนจริง เช่นนั้นมิใช่โชควาสนาที่ฟงชิงหยางพบเจอในนรกอสุราต้องเลิศล้ำถึงขั้นปาฏิหาริย์แล้วหรือไร? เรื่องจะบรรลุถึงราชาเทพก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป!
“ข้าเคยเห็นมันสำแดงพลังระดับราชาเทพขั้นต่ำกับตาและนั่นเป็นเพียงร่างอวตารกฏแห่งดินของมัน แล้วท่านคิดว่าอย่างไรเล่า?”
หวู่หงชิงย้อนถาม ขจัดความกังขาสุดท้ายในใจของจี้โยวออกไปหมดสิ้น ทำให้สีหน้าท่าทีจี้โยวเปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที
ราชาเทพขั้นต่ำ!
ตัวตนดังกล่าวไม่ใช่อะไรที่มันจะตอแยด้วยได้!
ยิ่งไปกว่านั้นหากเทียบกับมันแล้ว ฟงชิงหยาง ถือว่ายังเยาว์นัก มีศักยภาพพรสวรรค์เหนือล้ำกว่ามันตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่?
อาศัยความสามารถของมัน เกรงว่าชั่วชีวิตคงไม่มีวันไล่ตามฟงชิงหยางได้ทันแล้ว!
สีหน้าจี้โยวยิ่งมายิ่งกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก ยังฉายชัดถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจถึงขีดสุด
“ตอนนี้พวกเราทำได้แค่รอให้มันออกมาถ่ายเดียว…”
พอหวู่หงชิงกล่าวออกอีกครั้ง น้ำเสียงก็ทวีความจริงจังขึ้นหลายส่วน “ต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน มันแทบไร้ผู้ใดต่อกรได้ในสมรภูมิ 9 ยมโลก”
“หึ! เรื่องนั้นมันก็ไม่แน่กระมัง?”
ตอนนี้จี้โยวเรียกว่าเกลียดชังทั้งคับแค้นต้วนหลิงเทียนเข้ากระดูกดำ พอได้ยินวาจากล่าวอวยต้วนหลิงเทียนของหวู่หงชิง มันย่อมต่อต้านเป็นธรรมดา ยังเผยท่าทีไม่พอใจออกมาชัดเจน “อย่าได้ลืมไปว่าในสมรภูมิ 9 ยมโลกยยังมียอดฝีมือเทพสงคราม 9 ดาราที่ครอบครองเทพเบญจธาตุอยู่…หากคนพวกนั้นลงมือ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนมันจะแน่สักแค่ไหน ก็สู้ไม่ไหวหรอก!”
“ตอนนี้ที่ต้วนหลิงเทียนมันแลดูไร้ผู้ใดต่อกรด้วยได้ ทั้งหมดเพราะมันอาศัยพลังของอุปกรณ์เทพขั้นสูงที่มีจิตวิญญาณล้วนๆ!”
“หากแต่เหล่ายอดฝีมือที่ครอบครองเทพเบญจธาตุขั้นสูง สามารถอาศัยพลังของเทพเบญจธาตุเพื่อให้ทรงพลังมีเปรียบเจ้าต้วนหลิงเทียนที่พึ่งแต่อาวุธได้แน่!”
“เท่าที่ข้าทราบมาพลังอำนาจของเทพเบญจธาตุขั้นสูงๆ สำหรับเทพสงคราม 9 ดาราแล้ว ยังส่งเสริมพลังให้ร่างต้นได้เหนือกว่าอุปกรณ์เทพใดๆเสียอีก!”
ขณะที่จี้โยวกล่าวถึงประโยคนี้เสียงมันก็สูงขึ้น ใบหน้ายังเชิดเล็กน้อยคล้ายจะเกทับคำพูดก่อนหน้าของหวู่หงชิง
อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำพูดดังกล่าวของจี้โยว หวู่หงชิงก็มองจี้โยวด้วยสายตาทำราวกับมอง ‘ตัวโง่งมแห่งยุค’ ทว่าเพียงมองปราดเดียวก็ละสายตาออกมา จนจี้โยวไม่ทันได้สังเกตเห็น
เทพเบญจธาตุขั้นสูง?
ต้วนหลิงเทียนขาดแคลนหรือไม่เล่า?
บางทีครั้งล่าสุดที่ต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าหมี่เยี่ยน รวมถึงหนีรอดพ้นเงื้อมมือมันกับหมี่ซวนไปได้ อาจจะเป็นเพราะพลังของเทพเบญจธาตุ และดูจากระยะเวลาป่านนี้เทพเบญจธาตุในร่างต้วนหลิงเทียนก็น่าจะยังฟื้นฟูพลังไม่ได้เต็มที่ ยากจะให้ความช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนได้เต็มประสิทธิภาพเหมือนในกาลก่อน…
อย่างไรก็ตามหากต้วนหลิงเทียนโดนผู้ถือครองเทพเบญจธาตุคนอื่นจู่โจม ต่อให้เทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในร่างต้วนหลิงเทียนจะฟื้นฟูไม่เต็มที่ แต่มีหรือจะนิ่งดูดายมองต้วนหลิงเทียนถูกฆ่าตาย?
อาศัยพลังของเหล่าเทพเบญจธาตุทั้ง 5 ในร่างต้วนหลิงเทียน หากร่วมมือกัน เกรงว่าต่อให้เป็นเทพเบญจธาตุขั้นสูงกว่า ก็เอาชนะได้ไม่ยากเย็น!
และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของมันเลย ที่ได้รับทราบว่าคนๆเดียวกลับสามารถถือครอบเทพเบญจธาตุได้ครบทุกธาตุ!
ใช้เทพเบญจธาตุต่อหน้าต้วนหลิงเทียน?
ยังต่างอะไรกับไปรำง้าวต่อหน้ากวนอู ควงขวานต่อหน้าหลู่ปัน?
(อวดโอ่ฝีมืออันน้อยนิดต่อหน้าปรมาจารย์)
ถ้าสิ่งนี้ไม่เรียกรนหาที่ตาย แล้วสิ่งไหนจึงเรียกรนหาที่ตาย!
เป็นธรรมดาว่าหวู่หงชิงไม่คิดจะพูดถึงเรื่องนี้ออกมา เพราะมันไม่อยากให้จี้โยวล่วงรู้!