WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3584 รวมเหล่าเทพเบญจธาตุขั้นที่ 8!
สูงขึ้นไปเหนือค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน กลางฟ้าที่เคยเงียบสงัด พลันปรากฏร่างสูง 3 หมี่แลดูกำยำลอยตระหง่านอยู่ ชวนให้ผู้คนตกตะลึง
สุดท้ายนั่นก็คือความสูงของมันจริงๆ ไม่ใช่ร่างลวงที่เกิดจากพลังใดๆ
ชายหนุ่มที่สูง 3 หมี่นั่น ใบหน้าแลดูเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว คิ้วหนาแลดูดุดันน่าเกรงขาม ชวนให้ผู้คนรู้สึกเหมือนมันเต็มไปด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดตลอดเวลา
บัดนี้มันกำลังมองร่างชายหนุ่มชุดม่วงที่พึ่งวูบร่างออกมาจากค่ายพันธมิตรฟ่านเทียนเบื้องหน้า พลางถามด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส “เจ้าน่ะรึ ต้วนหลิงเทียนที่ว่า?”
พอต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมา เขาก็มองสำรวจร่างชายตัวใหญ่สูง 3 หมี่เบื้องหน้าทันที อีกฝ่ายมาในชุดสีเหลืองเข้ม เพียงลอยร่างอยู่ตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกประหนึ่งขุนเขาสูงตระหง่าน
ได้ยินน้ำเสียงถามไถ่อย่างถือดีของอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองมันด้วยตาราวมองตัวโง่งม “เจ้ามาหาข้าถึงที่ หรือยังไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร?”
“เจ้ามีธุระอะไรกับข้าก็รีบพูดมาให้จบๆ ข้าไม่ได้ว่างมากพอมีเวลามาเสียให้เจ้า”
“ถ้าไม่มีอะไรก็ไสหัวไปเสีย”
วาจาประโยคท้าย น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนยังเปลี่ยนจากเฉยเมยเป็นดุร้าย!
“หึ!”
พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สีหน้าชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ครึ้มลงทันตา มันแค่นคำสบถเสียงเย็นค่อยกล่าว “ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดว่าอาศัยพลังของอุปกรณ์เทพเข่นฆ่าเทพสงคราม 9 ดาราไปได้ 3 คน ก็คิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพันแล้วรึ?”
“ข้าจะบอกอะไรให้เจ้ารู้ ไม่ได้มีแต่เทพเท่านั้นที่จัดการเจ้าได้…ใต้ขอบเขตเทพ คนที่จัดการเจ้าได้ยังมีถมไป!”
เสียงของชายหนุ่มร่างยักษ์แฝงความดุร้ายไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันมีโมโหกับวาจาไม่เห็นหัวของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
“อาจมีคนมากมายใต้ขอบเขตเทพที่จัดการข้าได้…แต่นั่นไม่น่าจะรวมถึงเจ้า”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเฉย
“โฮ่?”
ชายหนุ่มร่างยักษ์แค่นยิ้มประชด “ขออภัย…แต่ใต้ขอบเขตเทพที่จัดการเจ้าต้วนหลิงเทียนได้ ยังมีข้ารวมอยู่ด้วย!”
พอกล่าวจบคำ พลังสีกากีก็พวยพุ่งออกมาจากชายหนุ่มร่างยักษ์ราวมังกรดิน พริบตาก็พุ่งไปเหินวนรอบๆต้วนหลิงเทียน จากนั้นท่ามกลางอากาศว่างเปล่าก็ปรากฏลูกกรงศิลาล้อมกักร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้
พร้อมกันนั้นเอง ก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งแยกตัวออกมาจากชายหนุ่มร่างยักษ์ ก่อนจะหยุดลอยกลางหาวเคียงไหล่ชายหนุ่มร่างยักษ์ไม่ห่าง แถมรูปร่างของมันก็ใหญ่โตไม่แพ้กันเลย
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน?”
ต้วนหลิงเทียนพอสัมผัสได้ถึงพลังของร่างที่พึ่งปรากฏตัวขึ้น ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ อดอุทานออกมาไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุด้วย”
“แถมดูจากการที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินของเจ้าก่อร่างได้แบบนี้ ท่าทางจะขั้นสูงไม่เบาสินะ”
เมื่อเห็นท่าทางของต้วนหลิงเทียนที่คล้ายประหลาดใจ ชายหนุ่มร่างยักษ์ก็แสยะยิ้มดูแคลน “กบก้นบ่อ!”
“ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินของข้าได้พัฒนาถึงขั้นที่ 8 แล้ว…ต่อให้เจ้าจะมีอุปกรณ์เทพขั้นสูง และสามารถใช้พลังเทพบางส่วนของเจ้าปลดปล่อยพลังอำนาจของมันออกมาได้ แต่อุปกรณ์เทพของเจ้าเมื่อต้องเจอกับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินของข้า ก็รังแต่จะถูกสะกดเอาไว้ ไม่อาจช่วยเหลืออะไรเจ้าได้อีก!”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของชายหนุ่มร่างยักษ์ก็เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองนัก
“อ้อ? จริงรึ?”..
ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปยังชายหนุ่มร่างยักษ์ ย้อนถามสั้นๆ
“เจ้าอยากลองไหมเล่า?”
ชายหนุ่มร่างยักษ์ยิ้มเยาะ
“มาเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนตอบคำเสียงห้วน พลังมิติพลันปะทุขึ้นมาปกคลุมทั่วร่าง จากนั้นแสงสว่างหลากสีก็พวยพุ่งออกจากมือ ควบรวมเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง กลิ่นอายพลังอันน่ากลัวเริ่มแผ่ซ่านออกมาจากตัวกระบี่ ราวกับมันมีพลังอานุภาพสะท้านสะเทือนห้วงมิติ!
ฟั่ฟฟ!!
ทันใดนั้นเอง กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนก็คล้ายมีชีวิต พุ่งทะยานออกจากมือต้วนหลิงเทียนไปดั่งลำแสงเจาะทะลวงความว่างเปล่า แสงพลัง 7 สีสันเรืองส่องสาดออกมาเจิดจ้า มองไปคล้ายสายรุ้งเส้นหนึ่งขีดลากผ่านฟ้า แลดูงดงามตระการตาไม่ต่างพลุไฟยามคืนค่ำ!
“หึ!”
ชายหนุ่มร่างยักษ์แค่นคำเสียงเย็น ทั่วร่างเริ่มสั่นไหว เพียงโบกมือเบาๆ ก็ปรากฏมวลพลังสีกากีสุดไพศาลวูบหายไปในความว่างเปล่า พร้อมกันนั้นเองลูกกรงศิลาที่ขังร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ก็เริ่มเปล่งแสงเรืองรองขึ้นมา ปลดปล่อยแรงกดดันพลังอันมหาศาล!
แรงกดดันพลังที่ว่า เป็นแรงโน้มถ่วงอันน่าสะพรึงกลัวนัก!
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนมีแรงโน้มถ่วงอันทรงพลังเคี่ยวกรำไปทั่วร่างในฉับพลัน! ไอพลังมิติทั่วร่างยังแน่นิ่งไปคล้ายถูกหยุด ได้รับผลกระทบจากแรงโน้มถ่วงไม่น้อย!!
จากการลงมือดังกล่าว เห็นชัดว่าชายหนุ่มร่างยักษ์เก่งกฏแห่งดิน
วูบ!
และพร้อมๆกับการลงมือของชายหนุ่มร่างยักษ์ ร่างสีกากีเข้มก็ห้อเหยียดย่ำฟ้าไปด้วยความเร็วสูง จี้เข้าใส่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่เหินบินเข้ามาปานสายรุ้ง เตรียมปะทะซึ่งหน้าอย่างไร้ครั่นคร้าม
ครืนนน!
ร่างสีกากีเข้มของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเมื่อลุถึงเบื้องหน้ากระบี่ มันก็ผลักฝ่ามือทั้ง 2 ออกไปเบื้องหน้า จากนั้น 2 แขนก็พุ่งยืดออกไปปานลำแสง ไม่ทันไรก็ก็เริ่มแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นอสรพิษสีกากี รัดพันสกัดแสงกระบี่สีรุ้งที่ลากข้ามฟ้ามาได้ชะงัด!
พริบตาเดียวแสงพลังสีรุ้งที่ปกคลุมรอบตัวกระบี่ก็เริ่มหม่นแสงลง ถูกอสรพิษสีกากีรัดพันเอาไว้กลางหาวต่างเชือก! ยังเปล่งพลังสะกดกระบี่ได้ชะงัด!!
“นายท่าน พลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินขั้น 8 มันแข็งแกร่งกว่าข้า…ข้าขยับไม่ได้”
ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงของหวงเอ้อดังขึ้น
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
อย่างน้อยก็จริงจังในสายตาของชายยหนุ่มร่างยักษ์
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ต้วนหลิงเทียนที่เร่งเร้าพลังมิติขึ้นมาต้านทานแรงโน้มถ่วง มองถามชายหนุ่มร่างยักษ์เสียงเข้ม
“หยางเหมิง แห่งเผ่าคนยักษ์”
พอชายหนุ่มร่างยักษ์กล่าวออกอีกครั้ง ใบหน้ามันก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส “ต้วนหลิงเทียน อุปกรณ์เทพขั้นสูงของเจ้า นับจากนี้ไปจักเป็นของข้า หยางเหมิง…ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว!”
พอกล่าวขอบคุณจบ หยางเหมิงก็หยีตากล่าวออกเสียงเข้ม “ความแข็งแกร่งของเจ้าไม่เบาเลยทีเดียว…ถึงแม้เจ้าจะไม่มีอุปกรณ์เทพขั้นสูง ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะเจ้าได้…เช่นนั้นข้าขอลา!”
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มร่างยักษ์ก็คิดจะจากไปพร้อมปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินที่จับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเอาไว้หน้าตาเฉย!
แต่ต้วนหลิงเทียนไหนเลยจะปล่อยให้มันจากไปง่ายๆ
“ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็อย่าได้คิดจากไป”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็แสยะยิ้มกล่าวเย้ย “ข้าไม่อาจพึ่งอุปกรณ์เทพขั้นสูงได้อีกก็จริง แต่กลับกัน ตอนนี้เจ้าเองก็ไม่อาจพึ่งปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินได้…”
พอกล่าวจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนก็ปะทุพลังมิติขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นร่างก็วูบหายไปจากกรงศิลาอันมีแรงโน้มถ่วงมหาศาลดื้อๆ! ปรากฏตัวอีกครั้งก็ดักขวางร่างใหญ่เอาไว้ และเพียงหนึ่งห้วงคิด พลังมิติรอบตัวก็พุ่งพล่าน อุบัติเป็นพลังมิติแปรปรวรขุมหนึ่งโถมเข้าใส่หยางเหมิงปานคลื่นสมุทร!!
“เปล่าประโยชน์!”
เผชิญหน้ากับการจู่โจมของต้วนหลิงเทียน หยางเหมิงไม่ตื่นตระหนกอะไร สีหน้ายังคงฉายถึงความมั่นใจราวทหารเจนศึก “ถึงแม้ข้าลองไถ่ถามตัวเองดูก็พบว่าไม่มั่นใจเรื่องเอาชนะเจ้าได้…แต่กับอีแค่หยุดการจู่โจมของเจ้า มิใช่ปัญหา!”
“ถึงแม้พลังมิติของเจ้าจักร้ายกาจ แต่พลังของฏแห่งดินที่ข้าเชี่ยวชาญก็มิใช่สัตว์กินพืช!”
แทบจะพร้อมๆกันกับที่หยางเหมิงกล่าว พลังสีกากีเข้มรอบกายมันก็พุ่งพล่านขึ้นมาปานเพลิงไฟ จากนั้นรอบกายก็เริ่มปรากฏกำแพงศิลาก่อตัวขึ้นชั้นแล้วชั้นเล่าป้องกันคลื่นมิติแปรปรวนของต้วนหลิงเทียน! ถึงแม้กำแพงศิลาจะเริ่มพังทลายลงด้วยความเร็ว บอกชัดว่าไม่อาจต้านทานได้นานนัก
เพียงแต่หยางเหมิงก็ไม่สนใจ เพียงเร่งเร้าพลังสุดตัวเหินร่างงหลบหนีถ่ายเดียว!
หากทว่าต้วนหลิงเทียน ก็อาศัยการเคลื่อนย้ายมิติวูบร่างไปดักขวางมันอีกรอบ
ด้วยวิธีนี้ ทั้งคู่ก็เสมือนเล่นวิ่งไลจับกันเหนือค่ายพันธมิตรฟ่านเทียน…ทว่าในกระบวนการเล่นไล่จับดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนเห็นชัดว่าเริ่มตกเป็นรองทุกขณะ ความถี่ในการเคลื่อนย้ายข้ามมิติเริ่มไล่ตามไม่ทัน!
ดูท่าอีกไม่นานหยางเหมิงที่อาศัยการสร้างปราการป้องกันและหลบหนีถ่ายเดียว ก็น่าจะหลบหนีต้วนหลิงเทียนจนพ้นเขตค่ายพันธมติรฟ่านเทียนได้สำเร็จ
ซู่มมม!
ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก!
…
ทว่าทันใดนั้นเอง อุบัติเสียงหนึ่งดังขึ้นก้องฟ้า
ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าในอากาศว่างเปล่าไม่ไกลจากการวิ่งไล่จับของต้วนหลิงเทียนกับหยางเหมิง พลันมีเถาวัลย์งอกเงยออกมาจากความว่างเปล่าพุ่งแทงไปทางหยางเหมิง!
พร้อมกันนั้นเอง ก็ปรากฏห่าใบไม้สีเขียวใบหนึ่ง พุ่งมาฉับไวปานอัสนีฟาด จนเห็นเป็นประกายแสงสีเขีวหนึ่งลากตัดฟ้าไปทางปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินข้างๆหยางเหมิน!
จากนั้นใบไม้สีเขียวดังกล่าวก็เริ่มงอกเงยด้วยความเร็วสูงกลางหาว กลายเป็นเถาวัลย์ไม้เลื้อยไม่ต่าง ‘เชือก’ พุ่งไปรัดกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่โดนอสรพิษกากีฉุดลาก!
ฟุ่บ!
ในเวลาเดียวกันกับที่หยางเหมิงถูกเถาวัลย์พุ่งปะทะเข้าใส่จนร่างชะงัก ร่างหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามันอย่างประจวบเหมาะ
เป็นสตรีทีมีร่างกายอวบอิ่มใบหน้างดงามปานบุปผาดวงตาอ่อนหวานปานลูกท้อ มากล้นไปด้วยเสน่ห์ของหญิงสาวโตเต็มวัย มองจ้องไปทางหยางเหมิงด้วยสายตาปานอัสนีฟาด
“เจ้าตัวใหญ่…กระบี่เทพเล่มนี้ มอบให้พี่สาวดีหรือไม่?”
ฟังจากคำพูดของนาง เห็นได้ชัดว่าสมควรรู้จักกับหยางเหมิง
“เหอชุนลี่…ไม่คิดเลยว่าเจ้าก็มาด้วย”
หยางเหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้มันจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าไม่พ้นอริเก่าทั้งหลายต้องแห่กันมาแน่ แต่มันก็คิดไม่ถึงว่าจะมากันเร็วแบบนี้!
มันคิดว่ามันมาเร็วมากแล้ว ยังคิดว่าสมควรฉกอุปกรณ์เทพไปจากต้วนหลิงเทียนได้ก่อนที่คนอื่นจะมาถึง เพื่อไม่เปิดโอกาสให้อริเก่ามีโอกาสสอดมือ
แต่มันไม่คิดเลย ว่ามันที่กำลังจะหนีต้วนหลิงเทียนพ้นแล้ว อริเก่าคนหนึ่งดันมาถึงเสียก่อน!
อริเก่าที่ว่า ยังครอบครองพฤกษาเทพครองสวรรค์ขั้นที่ 8 และใบไม้สีเขียวเมื่อครู่ก็คือร่างจำแลงของพฤกษาเทพครองสวรรค์ขั้นที่ 8 ของนาง พลังอำนาจไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินขั้นที่ 8 ของมันเลย!
“พฤกษาเทพครองสวรรค์?”
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นไกลๆ เขาก็หยุดลงและมองทั้ง 2 คนเผชิญหน้ากัน ราวกับจะผันตัวไปเป็นผู้ชมอย่างไรอย่างนั้น
“หยางเหมิง เหอชุนลี่”
และในขณะที่หยางเหมิงกับเหอชุนลี่ ที่หนึ่งอาศัยปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินขั้น 8 กับอีกหนึ่งอาศัยพฤกษาเทพครองสวรรค์ขั้น 8 ยื้อยุดกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนอยู่นั้น พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากฟ้าไกล
พริบตาต่อมาก็ปรากฏลำแสงสีทองพุ่งข้ามฟ้ามาปานดาวตกสีทอง ไม่ทันไรก็มาหยุดลงไม่ไกลจากทั้งคู่
เป็นชายหนุ่มรูปร่างปานกลางหน้าตาธรรมดา หากแต่สองตากลับแหลมคมนัก หลังมันปรากฏตัวออกมาไม่ทันไร ก็ปรากฏลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างมัน ก่อนจะไปช่วงชิงกระบี่เทพหลิงหลง 7 เปลี่ยนอีกคน
‘ทองเทพสุดลี้ลับ? กลิ่นอายพลังนั่น…ดูเหมือนจะเป็นขั้นที่ 8 เหมือนกัน…’
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น เขายอมจดจำกลิ่นอายพลังของแสงสีทองนั่นได้ มันคือทองเทพสุดลี้ลับ 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุไม่ผิดแน่
พริบตาเดียว เทพเบญจธาตุทั้ง 3 ธาตุก็มารวมตัวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันไม่ใช่เทพเบญจธาตุของเขา แต่เป็นเทพเบญจธาตุของคนอื่น แถมยังเป็นเทพเบญจธาตุขั้นที่ 8 อีกด้วย!
“พวกเจ้ามาเร็วยิ่ง”
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงสตรีดังขึ้นอีกหนึ่งเสียง
จากนั้นไม่ทันไร ก็อุบัติร่างหนึ่งปรากฏขึ้นในสายตาต้วนหลิงเทียน เป็นสตรีในชุดสีเหลืองห่าน ใบหน้างดงามรูปร่างผอมบางอ้อนแอ้นอรชร ดูแล้วอ่อนเยาว์ปานดรุณีนางหนึ่ง หากแต่สองตากลับฉายความผันผวนของกาลเวลา บอกให้รู้ว่าอายุนางไม่น่าจะน้อยเหมือนที่เห็น…
ซัวว!
พร้อมกันนั้นเอง เงาร่างสีฟ้าพลันพุ่งแยกออกจากร่างนาง เข้าไปร่วมการแย่งชิงกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนเช่นกัน…
‘วารีเทพชำระโลกาขั้นที่ 8?’
พอเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกอื้ออึงอยู่บ้าง ‘ตอนนี้…ขาดก็แต่เพลิงเทพโกลาหลแล้ว’
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่ต้วนหลิงเทียนคิดจบ
บังเกิดเปลวเพลิงขุมหนึ่งพุ่งมาฉับไวแต่ไกล เพลิงพลังร้อนแรงปานดวงตะวันแผดเผา!