WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3608 ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด!
“ท่านปู่ชิว…ท่านคิดว่าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้นมันไปตามหาตัวข้าที่ตระกูลด้วยเรื่องอะไรกัน? ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคเห็นมันมาก่อนด้วยซ้ำ…ไฉนมันต้องเจาะจงหาตัวข้าด้วยเล่า?”
หลังจากถูกชายชราข้างกายหอบหิ้วออกมาจากหมู่บ้านสกุลเถี่ยสาขา 2 ระหว่างเดินทางเฉียนเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชายชราออกมาด้วยความงุนงง
และชายชราคนนี้ก็คือหนึ่งในเทพขั้นต่ำของตระกูลเฉียน เฉียนชิว
เฉียนชิวนั้นพอได้รับข้อความที่เฉียนเยว่จิ้นผู้นำตระกูลเฉียนส่งมา มันก็รีบพาตัวเฉียนเฟยออกจากหมู่บ้านสกุลเฉียนสาขา 2 อย่างไม่รอช้า ส่วนอนุภรรยาคนใหม่ของเฉียนเฟย เถี่ยหยู นั้น มันไม่ได้พามาด้วยและทิ้งอีกฝ่ายไว้ที่บ้านสกุลเถี่ย
และไฉนที่ไม่พาเถี่ยหยูมาด้วย เพราะเฉียนเฟยเป็นคนขอให้ทำแบบนั้น
เพราะเฉียนเฟยรู้สึกว่าถึงแม้อาจจะเป็นแค่เรื่องราวเข้าใจผิด แต่ไม่พ้นมันก็ต้องก้มหัวให้ศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับคนนั้นแน่นอน เป็นธรรมดาที่มันไม่อยากให้สตรีคนใหม่ของมันเห็นมันต้องก้มหัวให้คนอื่นอย่างนอบน้อม
มันก็เลยให้เถี่ยอยู่รออยู่ที่บ้านมารดาของนางชั่วคราว หลังมันกลับไปสะสางเรื่องราวที่ตระกูลกับเฉียนชิวกับศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงคนนั้นเสร็จแล้ว ค่อยย้อนกลับมารับตัวนาง
“ข้าเองก็มิทราบเช่นกันว่าเป็นเรื่องราวใด…แต่มิพ้นต้องเป็นเรื่องเข้าใจกันผิดแน่นอน”
เฉียนชิวส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ภาพเหมือนของศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับผู้นั้นที่ผู้นำให้คุณชายรองมา ไม่ใช่แค่ท่านเท่านั้น แต่ข้าเองก็จำมิได้ว่าเคยพบเจอมันมาก่อน”
“แปลกยิ่ง ในเมืองมีคนตั้งเยอะแยะไฉนมันต้องเจาะจงข้าด้วยเล่า…”
เฉียนเฟยบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
“คุณชายรอง…”
ได้ยินเสียงบ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ของเฉียนเฟย เฉียนชิวก็ขมวดคิ้วกล่าวเตือนเสียงหนักทันที สีหน้าของมันยังแลดูจริงจังขึงขังนัก “ข้ารู้ว่าท่านไม่พอใจในเรื่องนี้ แต่ท่านต้องจำไว้ให้ดี…ต่อหน้าศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงผู้นั้น ท่านอย่าได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางไม่พอใจมันออกมาเด็ดขาด!”
“ต่อให้จะเป็นเรื่องเข้าใจผิด และมิเกี่ยวข้องกับท่าน…ท่านก็ต้องยิ้มรับเข้าไว้ ยังต้องพูดกับมันด้วยดี”
“นิกายฟ้าจรัสแสง เป็นยักษ์ใหญ่ที่ตระกูลเฉียนของพวกเรามิอาจล่วงเกินได้แม้แต่นิดเดียว…และศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่น ต่อให้เป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด ก็เป็นดั่งแผ่นฟ้าที่พวกเรามิอาจตอแยด้วยได้…”
ขณะกล่าวยิ่งมาน้ำเสียงของเฉียนชิวก็ยิ่งเคร่งขรึม
“ท่านปู่ชิว เรื่องนี้ขอท่านวางใจได้เลย ข้าก็แค่สบโอกาสบ่นไว้ก่อนตอนที่ยังไม่ได้เจอศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั่นเท่านั้น…ยามอยู่ต่อหน้ามัน ข้าจะทำตัวเรียบๆร้อยๆเสมือนเป็นหลานชายมันเลยดีหรือไม่?”
“ถึงแม้ข้าจักมิเคยเสแสร้งเป็นหลานชายผู้ใดมาก่อน…แต่ข้าเคยเห็นผู้อื่นเสแสร้งเป็นหลานชายข้ามานักต่อนักแล้ว ข้าไม่มีแสดงแข็งหรือหลุดบทเป็นแน่!”
เฉียนเฟยยังกล่าวทีเล่นทีจริงออกมาด้วยท่าทางไม่แยแส
อย่างไรก็ตามแม้ปากมันจะกล่าวอกมาราวทำเป็นเล่น แต่ในแววตาของเฉียนเฟยก็ฉายชัดถึงความไม่เต็มใจนัก เนื่องเพราะตั้งแต่เล็กจนโตมันไม่เคยรู้สึกหดหู่แบบนี้มาก่อนเลย
ก่อนหน้ามีแต่ผู้อื่นเสแสร้งแสดงเป็นหลานชายต่อหน้ามัน เฉียนเฟย
แต่ตอนนี้ถึงวันที่มันเฉียนเฟย จะต้องเสแสร้งแสดงเป็นหลานชายผู้อื่นแล้วหรือ?
เป็นธรรมดาว่าถึงใจมันไม่ยินยอมแค่ไหน มันก็รู้ดีว่ามันจำต้องแบบนั้น เพราะศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงไม่ใช่คนที่มันจะตอแยด้วยได้จริงๆ กระทั่งให้ขุมกำลังทั้ง 4 ของเมืองหลินซานมัดรวมกัน ก็ไม่อาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้…
พอคิดถึงจุดนี้ เฉียนเฟยก็ได้แต่โอดครวญในใจ
“คุณชายรอง ท่านคิดได้เช่นนี้ ก็นับว่าประเสริฐแล้ว…”
ได้ยินคำพูดของเฉียนเฟย เฉียนชิวก็พอได้ผ่อนคลายวางใจ
อย่างไรเสียมันก็ยังอดกังวลไม่ได้ ด้วยกลัวว่าเฉียนเฟยจะมีเรื่องกับศิษย์นิกายฟ้าลี้ลับคนนั้นเพราะถูกกล่าวหาผิดๆ ถึงตอนนั้นเกิดทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจขึ้นมา เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ด้วยหินเทพจำนวนเล็กน้อย…
“ถึงแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นานนัก เฉียนเฟยที่ถูกเฉียนชิวหอบหิ้วเดินทาง ก็มาถึงเมืองหลินซาน และไม่นานก็คงถึงตระกูลเฉียน
และเมื่อทั้งคู่เหินร่างมาใกล้ถึงตระกูลเฉียน ก็พบว่าน่านฟ้าตระกูลเฉียนยามนี้ไม่ได้มีแต่คนตระกูลเฉียนเท่านั้น แต่อีก 3 ขุมกำลังใหญ่ของเมืองหลินซานก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
ระดับสูงของตระกูลเฉียนเองก็อยู่กันครบคน!
“นั่น…”
เฉียนชิวที่พาเฉียนเฟยมาใกล้ถึง พอเหลือบไปเห็นหน้าตาชายชราคนหนึ่งชัดๆ สองตามันก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “ท่านบรรพบุรุษ!!”
“บรรพบุรุษ?”
เฉียนเฟยที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้ง “ท่านปู่ชิว เป็นบรรพบุรุษท่านใดหรือ?”
ตระกูลเฉียนของพวกมันมีบรรพบุรุษอยู่ไม่น้อย แต่ทั้งหมดก็ได้ออกจากตระกูลเฉียนทั้งออกจากเมืองหลินซานไปกันหมดแล้ว
“เป็นท่านบรรพบุรุษ เฉียนซู่หวน!”
เฉียนชิวเร่งกล่าวบอกเฉียนเฟยเร็วไว
พอได้ยิน สองตาเฉียนเฟยก็ลุกวาวจ้าทันที “เป็นท่านบรรพบุรุษเฉียนซู่หวน ที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนน่ะรึ?!”
เฉียนเฟยนั้นไม่เคยเห็นเฉียนซู่หวนมาก่อนเลย เพราะตอนที่เฉียนซู่หวนออกจากตระกูลเฉียนทั้งออกจากเมืองหลินซานแห่งนี้ไป มันยังไม่ทันเกิดด้วยซ้ำ
แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน
ในตระกูลเฉียนนั้น มันมักได้ยินคนกล่าวถึงเหล่าบรรพบุรุษที่เดินทางออกจากตระกูลเฉียนรวมทั้งเมืองหลินซานอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่นั้นก็จากไปหลังบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูง ในบรรดาคนที่จากไปก็มีเฉียนซู่หวนรวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตามเหล่าบรรพบุรุษของตระกูลเฉียนที่จากไปแล้ว ก็ไม่ค่อยมีใครย้อนกลับมานัก
อย่างน้อยๆตั้งแต่ที่มันเกิดมานับพันปี มันก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีบรรพบุรุษคนไหนย้อนกลับมาเลย
แต่ตอนนี้กลับมีบรรพบุรุษคนหนึ่งกลับมาจริงๆ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบรรพบุรุษที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงเมื่อหมื่นกว่าปีก่อน?
“คุณชายรองกับอาวุโสเฉียนชิวกลับมากันแล้ว!”
การปรากฏตัวของเฉียนเฟยและเฉียนชิว ย่อมดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเฉียนหลายๆคน ทันใดนั้นสายตาของคนตระกูลเฉียนหลายคนก็ละออกจากร่างบรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หานไปยังพวกเฉียนเฟยสองคนทันที
ด้านผู้นำตระกูลเฉียน เฉียนเยว่จิ้นพอเห็นลูกชายกลับมา ก็เร่งกล่าวออกมาเสียงดังแฝงตำหนิ “ลูกไม่รักดีเจ้ายังไม่รีบมาคารวะทั้งอธิบายให้นายน้อยต้วนฟังอีก!?”
เฉียนเยว่จิ้น ไม่คิดบอกให้เฉียนเฟยไปคารวะทักทายบรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หานก่อน เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้เป็นบรรพบุรุษตระกูลเฉียนเอง ก็ไม่กล้าละเลยศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง!..
ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายไม่ใช่แค่ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงธรรมดาๆ แต่อีกฝ่ายได้กราบเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์ของนิกายฟ้าจรัสแสงเป็นอาจารย์ และในนิกายฟ้าจรัสแสงฐานะของเย่เป่ยหยวนก็ไม่ใช่ชั่วเลยทีเดียว
เช่นนั้นถึงแม้การทำแบบนี้จะถือว่าหยาบคายและไม่ไว้หน้าเฉียนซู่หวนอยู่บ้าง แต่มันก็รู้ดีว่าบรรพบุรุษไม่มีทางตำหนิมันด้วยเรื่องนี้แน่
สุดท้ายแล้วเรื่องราวใดๆก็มีแบ่งหนักเบา เร่งด่วนหรือทีหลัง
“เฉียนชิวขอคารวะท่านบรรพบุรุษ”
ในขณะที่เฉียนเยว่จิ้นตะคอกเสียงใส่เฉียนเฟย ด้านเฉียนชิวก็เหินร่างมาหยุดลงเบื้องหน้าเฉียนซู่หวนและประสานมือคารวะทักทายทันที
“เฉียนชิวหรือ…”
เฉียนซู่หวนมองเฉียนชิวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “มิเลว เจ้าบรรลุถึงเทพขั้นต่ำแล้ว…เจ้าไม่ทำให้ปู่ของเจ้าผิดหวังจริงๆ”
ปู่ของเฉียนชิวนั้น ก็เป็นคนรุ่นเดียวกับเฉียนซู่หวน แต่ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นเทพขั้นกลาง ก็ถูกผู้อื่นฆ่าตาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฆาตกรเป็นใคร…
“นายน้อยต้วน? ที่แท้เกิดเรื่องราวอันใดขึ้นกันแน่?”
หลังจากรับคารวะเฉียนชิวแล้ว เฉียนซู่หวนก็หันไปมองถามเฉียนเยว่จิ้นด้วยความสงสัย เพราะคำพูดของเฉียนเยว่จิ้นเมื่อครู่ ไม่ต่างอะไรกับไม่ไว้หน้ามันอยู่บ้าง…
ตัวมันเป็นถึงบรรพบุรุษตระกูลเฉียน
แต่พอลูกชายของเฉียนเยว่จิ้นมาถึง ด้านเฉียนเยว่จิ้นกลับไม่ให้ลูกชายคนนั้นมาทำความเคารพมัน แต่กลับให้ไปคารวะทั้งอธิบายอะไรให้นายน้อยต้วนที่ว่าฟัง?
นายน้อยต้วนที่ว่า หรือมีฐานะสูงกว่าตัวมันที่เป็นบรรพบุรุษของตระกูล?
ในขณะที่เฉียนซู่หวนกำลังสอบถามเรื่องราวกับเฉียนเยว่จิ้น ด้านคุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย ก็เหินร่างไปหยุดลงด้านหน้าต้วนหลิงเทียน ภายใต้การชี้นำของเฉียนเยว่จิ้นทันที
“เฉียนเฟย ขอคารวะนายน้อยต้วน!”
ถึงแม้ระหว่างเดินทางมาเฉียนเฟยจะกล่าวบ่นด้วยความไม่พอใจและไร้ความเกรงกลัว ทว่าพออยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย สองมือประสานโค้งศีรษะลงต่ำ กล่าวคำด้วยน้ำเสียงสุภาพกิริยาแลดูนอบน้อม และอันที่จริงพอเห็นสีหน้าไร้แยแสของต้วนหลิงเทียน ลึกลงไปในใจของมัน ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นมา
อย่างไรเสีย ชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นถึงศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง
และนิกายฟ้าจรัสแสงที่ว่าก็เป็นถึงขุมกังระดับจักรพรรดิเทพ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยในเขตคฤหาสน์ตงหลิงฝั่งตะวันออก ถึงแม้ในปัจจุบันจะไม่มีตัวตนระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่ในนิกายแล้ว แต่ยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันเทพย่อมมีไม่ขาด และนั่นไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเฉียนของพวกมันจะเทียบชั้นได้เลย…
แม้แต่บรรพบุรุษตระกูลเฉียนของพวกมันที่บรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงและออกจากตระกูลรวมถึงเมืองหลินซานไป ก็ไม่มีใครไม่อยากเข้าร่วมกับขุมกำลังเช่นนิกายฟ้าจรัสแสง…อนิจจาเรื่องดังกล่าวเป็นอะไรที่พวกมันไม่อาจเอื้อม
อย่างมากก็ทำได้แค่เข้าร่วมกับขุมกำลังจอมราชันเทพเท่านั้น และก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรเป็นแค่ข้ารับใช้ทั่วๆไป ที่คอยจัดการเรื่องราวไร้สำคัญเท่านั้น
หากคิดจะมีฐานะดีๆหน่อย เว้นเสียแต่จะเลือกเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับราชาเทพ หาไม่แล้วก็คงยากจะมีสิทธิ์มีเสียงอะไร…
ในระนาบเทพนั้น ล้วนอาศัยพลังพูดคุย!
“นายน้อยต้วน มิทราบว่าระหว่างพวกเรา ใช่มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดหรือไม่?”
เฉียนเฟยเงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงหวั่นใจ
ขณะเดียวกันไม่ว่าจะคนของตระกูลเฉียนก็ดี คนของตระกูลเมิ่งหรือนิกายเมฆอรุณรวมถึงนิกายฟ้ายุทธ์ก็ดี ทั้งหมดหันไปมองเฉียนเฟยด้วยสายตาสนุกสนานทั้งนั้น เรียกว่าในแววตาเผยให้เห็นถึงความสุขบนความทุกข์ของเฉียนเฟย
ตระกูลเฉียนเป็นคู่แข่งของพวกมัน
พวกมันไหนเลยจะไม่อยากให้ตระกูลเฉียนจบสิ้นหรือล่มจมเพราะล่วงเกินศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสง?
“เข้าใจผิด?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเฉียนเฟยด้วยสายตาเย็นชา ยกยิ้มแสยะด้วยความรังเกียจ “ในเมื่อข้ามาหาเจ้าด้วยตัวเอง ข้าไม่มีทางเข้าใจผิด!”
ไม่มีทางเข้าใจผิด?
พอได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าเฉียนเฟยก็เปลี่ยนสีไปทันที ยังซีดลงปานกระดาษ!
สีหน้าผู้นำตระกูลเฉียนและคนของตระกูลเฉียนก็เปลี่ยนไปยกใหญ่
ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดจริงๆหรือ?
เช่นนั้นหมายความว่าลูกชายของมัน ไปล่วงเกินให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองจริงๆ?
“ท่านบรรพบุรุษ”
ตอนนี้เองก็มีผู้อาวุโสของตระกูลเฉียนหลายคน ได้กล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนให้บรรพบุรุษอย่างเฉียนซู่หวนที่ไม่ได้กลับมาตระกูลเฉียนเป็นเวลานานฟัง “ชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนั้น เป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง”
“เหตุผลที่มันมาตระกูลเฉียนเราวันนี้ เห็นว่าเฉียนเฟยลูกชายคนรองของผู้นำไปล่วงเกินมันเข้า”
พอได้ยินคำพูดของอาวุโสตระกูลเฉียน ลูกตาเฉียนซู่หวนก็หดเล็กลงทันที สีหน้ายังเปลี่ยนไปในฉับพลัน “ฟ้า…นิกายฟ้าจรัสแสง?!”
มาบัดนี้มันจึงตระหนักได้ทันที ว่าไฉนเมื่อครู่เฉียนเยว่จิ้นถึงให้ลูกชายไปคารวะทักทายผู้อื่นข้ามหัวมัน…ที่แท้อีกฝ่ายเป็นถึงศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ!!
ศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง ต่อให้เป็นศิษย์ที่ธรรมดาที่สุด แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ตระกูลเฉียนหรือแม้แต่ตัวมันจะไปมีเรื่องด้วยได้!
เพราะการรับสมัครศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงนั้นเข้มงวดมาก อย่างน้อยๆศักยภาพและพรสวรรค์ต้องสูงพอจะสามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้! แถมไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีศักภาพมากพอจะบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพ จะสามารถเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงได้แน่ๆ!
ทำให้มันไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าจะมีศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงที่ไม่อาจบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพดำรงอยู่!
ขอบเขตราชาเทพนั้น ต่อให้เป็นแค่ราชาเทพขั้นต่ำ แต่ก็เป็นอะไรที่ตัวตนระดับเทพขั้นสูงมากมายไม่มีโอกาสบรรลุถึง
ดุจเดียวกับเฉียนซู่หวน มันบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นสูงตั้งแต่หมื่นกว่าปีก่อน แต่จนถึงตอนนี้วันเวลาล่วงเลยไปหมื่นกว่าปี แต่มันก็ยังไม่อาจมองเห็นธรณีประตูขอบเขตราชาเทพได้เลย…
นอกจากนั้นชนชั้นผู้อาวุโสในขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่มันเข้าร่วม ก็เคยบอกมันไว้แล้ว ว่าหากชีวิตนี้มันไม่พบเจอโอกาสหรือวาสนาปาฏิหาริย์ใดๆ มันก็เลิกหวังเรื่องบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพได้เลย
นอกจากนั้นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงนั้น เสมือนมีนิกายฟ้าจรัสแสงให้ท้าย…
นิกายฟ้าจรัสแสงหรือขุมกำลังอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน ล้วนห่วงเรื่องศักดิ์ศรีและหน้าตาเป็นที่สุด ทำให้พวกมันปกป้องคนของตัวเองเป็นอย่างมาก
“ข้ายังได้ยินท่านผู้นำกล่าวอีกว่า…ชายคนนี้มิใช่แค่ศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงธรรมดาๆ”
ชายชราคนหนึ่งของตระกูลเฉียน กล่าวเสริมให้เฉียนซู่หวนฟังว่า “ท่านผู้นำกล่าวว่านายน้อยต้วนคนนี้ เป็นศิษย์ของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง…สถานะของมันในนิกาย จึงมิใช่อะไรที่ศิษย์ทั่วไปของนิกายฟ้าจรัสแสงจักเทียบได้!!”
“ศิษย์ของเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสง?!”
เฉียนซู่หวนที่เดิมมีสีหน้าหวาดกลัวพอได้ยินเรื่องนี้ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นงุนงงสงสัย “ใต้เท้าเย่เป่ยหยวน? มิใช่ว่าศิษย์เพียงคนเดียวของท่าน ถูกนิกายฟ้าจรัสแสงทอดทิ้งไปเมื่อ 30 ปีก่อนแล้วหรือไร?”
“หลังจากนั้นข้าไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อนเลยว่าใต้เท้าเย่เป่ยหยวนรับศิษย์คนใหม่แล้ว…”