WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3614 แผนสาวงาม!
“เมื่อครู่พวกเจ้าพึ่งบอกว่า…พวกเจ้าเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสในนิกายเมฆอรุณงั้นหรือ?”
หลังต้วนหลิงเทียนงับองุ่นอีกลูก เขาที่กำลังนอนเอนกายอาบแดดตาปรือ ก็เอ่ยถามสตรีรับใช้ทั้ง 2 อย่างเกียจคร้าน…
“เจ้าค่ะ”
สตรีรับใช้ที่คอยนวดไหล่ให้ต้วนหลิงเทียนอยู่กล่าวตอบเสียงใส “นายน้อยต้วน ข้าคือหลานสาวของผู้อาวุโสลำดับ 3 ขิงนิกายเมฆอรุณ ข้าเรียกว่า หลิวเหอฮวา…”
“นายน้อยต้วน ข้าเองก็เป็นหลานสาวของอาวุโส 7 เรียกว่าอวิ๋นเมิ่ง…”
ได้ยินำพูดของทั้ง 2 สาว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่บ้าง “พวกเจ้าอยู่ในนิกายเมฆอรุณ…ทั้งๆที่มีฐานะเป็นถึงหลานสาวของผู้อาวุโส…ไฉนถึงมาเป็นสาวใช้ที่นี่ได้เล่า? หรือนี่เป็นผู้อาวุโสของพวกเจ้าอยากให้พวกเจ้าสัมผัสวิถีชีวิต?”
“นายน้อยต้วน เสี่ยวเมิ่งกับข้าพึ่งจะถูกสั่งให้เตรียมตัวมาที่นี่หลังรู้ว่าท่านอาจจะมาเยือน…กล่าวได้ว่าพวกเราถูกท่านประมุขจัดให้รอปรนนิบัติท่านโดยเฉพาะ”
หลิวเหอฮวา เป็นดรุณีน้อยที่แลดูมีอายุราวๆ 15-16 ปี ยามยิ้มใบหน้านางช่างแลดูงดงามเป็นพิเศษ ลักยิ้มบนแก้มทั้ง 2 ทำให้นางมีเสน่ห์น่าเอ็นดูนัก “โดยปกติแล้ว แม้จะเป็นแขกที่ถูกต้อนรับยังเรือนรับรองลำดับที่ 1 ของปีกตะวันออกแห่งนี้ อย่างดีสาวใช้ที่ถูกเตรียมมาก็เป็นแค่ลูกหลานของอาวุโสฝ่ายนอกเท่านั้น…”
“พวกเรา 2 คนถูกตระเตรียมไว้เป็นพิเศษ เพื่อปรนนิบัตินายน้อยต้วนโดยเฉพาะ”
หลิวเหอฮวาคล้ายไร้สิ่งใดให้กังวลอีกต่อไป นางเลือกจะกล่าวออกมาตรงๆ
“นายน้อยต้วน ตอนที่ท่านจากไป ท่านต้องพาพวกเราไปด้วย…หาไม่แล้วพวกเราต้องตบแต่งกับคนที่พวกเราไม่ชอบ”
ตอนนี้เอง อวิ๋นเมิ่งก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงอ่อนอย่างน่าสงสาร ดรุณีน้อยทำท่าน่าเวทนาสงสารเช่นนี้ หากยังเป็นบุรุษธรรมดา เกรงว่าคงยากจะปฏิเสธ
แต่ต้วนหลิงเทียนใช่คนธรรมดาหรือไม่?
ถึงแม้เขาจะถือว่าเป็นเด็กน้อยในระนาบเทพ แต่เขาก็เป็นพ่อลูกสองแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นที่เขาดั้นด้นมาถึงดินแดนดาราพิศวงก่อนกำหนด ก็เพื่อภรรยาของเขา
เขาย่อมไม่หวั่นไหวไปกับท่าทางของนาง
อย่างไรก็ตาม เขาก็พลันตระหนักได้ถึงเจตนาของนิกายเมฆอรุณทันที ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลักดันดรุณีทั้ง 2 ให้เขา เพื่อที่จะทำให้เขามีสายสัมพันธ์กับนิกายเมฆอรุณ ด้วยวิธีนี้วันหน้านิกายเมฆอรุณก็จะมีเขาหนุนหลังแล้ว
“ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าไม่ปล่อยให้พวกเจ้าต้องถูกบีบให้แต่งกับคนที่พวกเจ้าไม่ชอบแน่”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับสาวน้อยทั้ง 2 เป็นมั่นเหมาะ
เมื่อดรุณีน้อยทั้ง 2 ได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดแบบนี้ สองตากลมใสของพวกนางก็ลุกวาวเป็นประกายทันที ด้วยคิดว่าต้วนหลิงเทียนจะรับตัวพวกนางไป
เดิมทีพวกนางยังต่อต้านและไม่เต็มใจจะมาปรนนิบัติรับใช้ชายเบื้องหน้า แต่อำนาจนิกายยิ่งใหญ่คับฟ้า อีกทั้งนิกายเมฆอรุณก็ตั้งความหวังไว้กับพวกนางสูงลิบ พวกนางที่ถูกนิกายล้างสมองมาแต่เด็กให้จงรักภักดี ย่อมไม่กล้าปฏิเสธคำสั่ง
อย่างไรก็ตาม พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนเข้าจริงๆ สองตาพวกนางก็ลุกวาวทันที
ชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาบุคลิกดีท่าทีสูงส่ง แถมยังมีพรสวรรค์แความเข้าใจอันน่าสะพรึงกลัว การได้ติดตามบุรุษเช่นนี้ ต่อให้เป็นเพียงนางสนมหรือนางบำเรออะไร ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในชีวิตแล้ว…
ยิ่งไปกว่านั้นหากอีกฝ่ายรับตัวพวกนางไปจริงๆ ครอบครัวของพวกนางที่อยู่เบื้องหลังก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในนิกายเมฆอรุณแน่นอน
สำหรับพวกนาง นิกายมีความสำคัญเป็นอันดับ 1 ครอบครัวเป็นอันดับ 2 สำหรับเสรีภาพและสิทธิส่วนบุคคลของพวกนางนั้น จัดเป็นลำดับสุดท้าย…แต่กระนั้น หากพวกนางได้ติดตามคนที่พวกนางต้องตาพึงใจ พวกนางก็ย่อมยินดีแน่นอน
ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบว่าในหัวของดรุณีน้อยทั้ง 2 คิดอะไรอยู่ หาไม่แล้วเขาต้องส่ายหน้าไปมาแล้วบอกพวกนางว่าคิดมากเกินไปแล้ว…
“ซือหม่าคงหมิง ประมุขนิกายเมฆอรุณ ขออนุญาตเข้าพบนายน้อยต้วน”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงคุ้นเคยหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอก เห็นได้ชัดว่าซือหม่าคงหมิงประมุขนิกายเมฆอรุณมาถึงแล้ว
“เข้ามาเถอะ”
จนเมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวอนุญาต ซือหม่าคงหมิง ถึงกล้าเข้ามา..
หลังจากเข้ามาแล้วพบว่าต้วนหลิงเทียนยอมรับการปรนนิบัติของสตรีทั้ง 2 โดยไม่รังเกียจ มุมปากของซือหม่าคงหมิงก็ปรากฏรอยยิ้มกริ่มทันที ดูเหมือนว่ามันจะดำเนินการถูกทางแล้ว…
“นายน้อยต้วน นี่เป็นของขวัญต้อนรับที่นิกายเมฆอรุณของพวกเราจัดเตรียมให้ท่าน”
ซือหม่าคงหมิงก้าวออกมา 2-3 ก้าวก่อนจะประคองแหวนพื้นที่อันบรรจุหินเทพ 20,000 ตำลึงไว้บนมือทั้ง 2 ยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ในใจของมันจะหลั่งเลือด แต่พอคิดว่วาต้วนหลิงเทียนอาจมีสัมพันธ์กับนิกายเมฆอรุณผ่านสตรีทั้ง 2 ในใจมันก็บังเกิดความสมดุล และยอมรับได้ทันที
อย่างน้อยๆนิกายเมฆอรุณของพวกมันก็ไม่เหมือนตระกูลเมิ่งหรือนิกายฟ้ายุทธ์ ที่ไม่ได้ไขว่คว้าสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน
ขอเพียงสตรีทั้ง 2 จากนิกายเมฆอรุณติดตามนายน้อยต้วนผู้นี้ไปและทำให้อีกฝ่ายพึงพอใจ กล่าวได้ว่าไม่เพียงอนาคตของพวกนางจะสดใส หนทางของนิกายเมฆอรุณในวันหน้าก็เสมือนมีกลีบดอกไม้โรยทาง เผลอๆต่อไปกระทั่งคำพูดของสตรีทั้ง 2 ก็อาจทำให้นิกายเมฆอรุณของพวกมันทะยานฟ้าแล้ว…
“ขอบคุณประมุขซือหม่า…”
ต้วนหลิงเทียนรับแหวนพื้นที่มาอย่างไม่เกรงใจพลางกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หลับตาลงเพลิดเพลินกับไออุ่นของแดด ทำให้ซือหม่าคงหมิงได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะถอยกลับไปด้วยสีหน้าอับจน
และก่อนที่มันจะจากไป ก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังกำชับสตรีทั้ง 2
หากสบโอกาสเหมาะให้รีบปีนขึ้นเตียงอีกฝ่ายแล้วดำเนินการเสีย!
หลังซือหม่าคงหมิงจากไป ทั้ง 2 สาวก็หันมามองหน้ากัน พอพากันมองต้วนหลิงเทียน ใบหน้าพวกนางก็รู้สึกเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“นายน้อยต้วนเจ้าคะ นิกายฟ้าจรัสแสงของท่าน ต้องใหญ่กว่านิกายเมฆอรุณของพวกเรามากเลยใช่ไหมเจ้าคะ?”
อวิ๋นเมิ่งเอ่ยถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มสดใส
“นิกายฟ้าจรัสแสง?”
ต้วนหลิงเทียนลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงงพักหนึ่ง ค่อยนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังปลอมตัวเป็นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงอยู่ “ข้าก็ไม่รู้สิ…แต่ในฐานะที่เป็นนิกายระดับจักรพรรดิเทพ ก็สมควรใหญ่กว่านิกายเมฆอรุณของพวกเจ้ามากอยู่แล้วล่ะ…”
“ไม่รู้??”
คำพูดของต้วนหลิงเทียน ย่อมทำให้ดรุณีน้อยทั้ง 2 อื้ออึงไปราวเด็กเอ๋อ “นายน้อย มิใช่ว่าท่านเป็นศิษษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงหรอกหรือเจ้าคะ ไฉนท่าน…?”
ได้ยินคำถามของสตรีทั้ง 2 รอบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เพียงยิ้มรับ ไม่พูดไม่จา…
อย่างไรก็ตาม สตรีทั้ง 2 ก็เร่งติดต่อไปยังซือหม่าคงหมิง ประมุขนิกายเมฆอรุณแล้วเล่าเรื่องราวดังกล่าวทันที ด้านซือหม่าคงหมิงก็อึ้งไปครู่หนึ่งค่อยส่งข้อความตอบกลับ “อาจเป็นเพราะบางทีนายน้อยต้วนยังไม่ได้กลับไปยังนิกายฟ้าจรัสแสง…เพราะท้ายที่สุดแล้วนายน้อยต้วนก็ถูกใต้เท้าเย่เป่ยหยวน จ้าวหุบเขาเงาจันทร์แห่งนิกายฟ้าจรัสแสงรับเป็นศิษย์ได้ไม่เกิน 30 ปี…”
“ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพรสวรรค์และความเข้าใจดังกล่าว แม้แต่นิกายฟ้าจรัสแสงเองก็ต้องรีบร้อนรับคนมาเป็นศิษย์ทันที”
“อันที่จริงข้าเองก็หวังว่านายน้อยต้วนจักมิได้เป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสง…คงประเสริฐกว่าหากนายน้อยต้วนเป็นศิษย์ของขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคฤหาสน์ตงหลิง”
“บางทีวันหน้าหากเจ้าเป็นหมอนข้างนายน้อยต้วนได้…ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้นายน้อยต้วนออกจากนิกายฟ้าจรัสแสงแล้วไปเข้าร่วมกับขุมกำลังที่เหนือกว่านั้นเถอะ…”
“ถึงแม้นิกายจรัสแสงจักเป็นนิกายระดับจักรพรรดิเทพ…อย่างไรก็ตามขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพที่มีกับมิมีขุมพลังระดับจักรพรรดิเทพดำรงอยู่แล้ว ก็เป็นสองเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…”
ซือหม่าคงหมิง ตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะแอบอ้างเป็นศิษย์นิกายฟ้าจรัสแสงหรือเป็นจริงๆอีกต่อไป
เพราะถึงไม่ใช่ก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
พรสวรรค์และความเข้าใจของต้วนหลิงเทียนเป็นเช่นไรมันประจักษ์แจ้งกับตา อาศัยระดับพลังเทพขั้นต่ำสบเทพขั้นสูงเช่นบรรพบุรุษของตระกูลเฉียนได้อย่างง่ายดายนั่น ให้พูดว่าเป็นอัจฉริยะของขุมกำลังระดับอริยะเทพมันก็ไม่สงสัย!
หลังจากนี้อีกหมื่นปี ต่อให้คนจะเกียจคร้านเหลวไหลแค่ไหน แต่ความก้าวหน้าย่อมไม่ใช่อะไรที่มันจะจินตนาการได้ออก
ขอเพียงคนไม่ตกตายไปตั้งแต่กลางทาง วันหน้าย่อมเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ในคฤหาสน์ตงหลิงได้แน่นอน!!
หากดุรณีน้อยที่เป็นทายาทของชนชั้นอาวุโสนิกายเมฆอรุณของมันกอดต้นขาต้วนหลิงเทียนไว้แน่นๆ เอาอกเอาใจต้วนหลิงเทียนไม่ขาดตกบกพร่อง ก็มีแต่ประโยชน์ต่อนิกายเมฆอรุณไร้โทษอันใด…
ถึงแม้จะเสี่ยง แต่ก็เป็นการเสี่ยงที่มีอัตราเดิมพันสูงลิบ!
หลังได้รับคำตอบจากซือหม่าคงหมิง ดรุณีน้อยข้างกายต้วนหลิงเทียนทั้งสอง ก็ตัดสินใจปรนนิบัติรับใช้ต้วนหลิงเทียนอย่างแข็งขัน กระทั่งยังใช้ท่าทางบอกใบ้ต้วนหลิงเทียนว่า ‘รับประทาน’ พวกนางได้ตามใจชอบ
ถึงแม้ดรุณีน้อยทั้ง 2 จะยังเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่เนื่องจากพวกนางอาจจะได้ติดตามต้วนหลิงเทียนไป นิกายเมฆอรุณก็ได้จัดส่งสตรีที่เชี่ยวชาญในการพิชิตใจบุรุษมาสอนสั่งวิธียั่วยวนให้ท่า ทั้งกระบวนท่าสยบวีรบุรุษบนเตียงพวกให้นางเอาไว้มากมาย ทำให้พวกนางเองก็รับทราบว่าต้องทำอย่างไร…
อนิจจาสิ่งที่ทำให้พวกนางอับจนหนทางก็คือ พวกนางพยายามยั่วยวนทอดสะพานให้ท่าเต็มที่ แต่ก็มิอาจสั่นคลอนจิตใจชายหนุ่มที่นิ่งสงบดั่งผู้บำเพ็ญศีลชราได้เลย…
กล่าวได้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะนั่งจะนอน ก็ไม่ต่างอะไรกับหลวงจีนแก่พรรษา ไร้ซึ่งกิเลศตัณหาใดๆ พาลให้พวกนางเริ่มสงสัยในเสน่ห์ของตัวเอง
“เอาล่ะ ได้เวลาที่ข้าต้องจากไปแล้ว…”
ตลอดระยะเวลา 2-3 วันในนิกายเมฆอรุณ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ถือโอกาสพักผ่อนหย่อนใจ ให้ร่างกายและจิตใจได้พักฟื้นเต็มที่ เพลิดเพลินไปกับการปรนนิบัติรับใช้จากดรุณีน้อยทั้ง 2 แต่ไม่ว่าดรุณีน้อยทั้ง 2 จะยั่วยวนให้ท่าเขาอย่างไร เขาก็ไม่มีหวั่นไหวแม้แต่น้อย
หัวใจเขาแกร่งดั่งหินผา!
อาศัยสาวน้อยสองคนจะมาสั่นคลอนได้อย่างไร?
“นายน้อย พวกเราต้องตระเตรียมอะไรบ้างเจ้าคะ?”
พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนจะจากไป สองตากลมใสของดรุณีน้อยทั้ง 2 ก็เป็นประกายขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เพราะแต่เล็กจนโตไกลสุดที่พวกนางไปก็คือเมืองหลินซาน และไม่เคยออกนอกเมืองหลินซานเลย
“พวกเจ้าไม่ต้องเตรียมอะไรหรอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ข้าจะไปคนเดียว”
วาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้ดรุณีน้อยทั้ง 2 ตกตะลึงไปทันใด ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเหมือนจะตกลงพาพวกนางไปด้วยแล้วหรอกหรือ? ไฉนถึงเปลี่ยนใจเสียเล่า?
“นายน้อย พวกเราทำอันใดให้ท่านไม่พอใจหรือเจ้าคะ ท่านถึงไม่คิดพาพวกเราไปแล้ว?”
สองตาอวิ๋นเมิ่งเริ่มแดงรื้น เจียนร่ำไห้อยู่รอมร่อ และนี่ไม่ใช่นางเสแสร้งแกล้งทำ เพราะหากนางไม่อาจติดตามต้วนหลิงเทียนไปด้วยได้ สิ่งเดียวที่รอพวกนางอยู่ก็คือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ และด้วยสถานะของพวกนางในนิกายเมฆอรุณ ก็คงได้แต่ถูกส่งไปแต่งงานกับตระกูลชั้นรองในเมืองหลินซาน
และลูกหลานของตระกูลชั้นรองเหล่านั้น แต่ละคนล้วนไม่ใช่ตัวดี เป็นนายน้อยยเจ้าสำราญและมีสตรีนับไม่ถ้วน ยากนักที่จะปฏิบัติดูแลพวกนางด้วยความจริงใจ
“นายน้อย….”
สองตาหลิวเหอฮวาก็แดงรื้นขึ้นมาเคล้าคลอไปด้วยหยาดน้ำตา “มิใช่นายน้อยบอกพวกเราแล้วหรือเจ้าคะว่าจักมิให้พวกเราต้องแต่งกับคนที่พวกเรามิชอบ…หากท่านมิพาพวกเราไปด้วย พวกเราก็ไม่อาจควบคุมชะตาชีวิตของพวกเราได้เลย”
ได้ยินคำพูดด้วยน้ำเสียใจเสียของดรุณีน้อยทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวปลอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง…ข้าจะไปพบประมุขนิกายเมฆอรุณของพวกเจ้าอีกครั้ง ก่อนจะจากไป”
“ตราบใดที่ข้าพูดออกไป มันไม่มีทางกล้ายุ่งกับชีวิตของพวกเจ้าแน่”
“หาไม่แล้ววันหน้าหากข้ากลับมานิกายเมฆอรุณ มันหรือแม้แต่ทั้งนิกายเมฆอรุณก็ต้องเสียใจ”
ถึงแม้ขณะกล่าวออกทั้งหมดใบหน้าต้วนหลิงเทียนจะเปื้อนยิ้ม แต่ในน้ำเสียงก็แฝงความเย็นชาเอาไว้ไม่น้อย
พอดรุณน้อยทั้ง 2 ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หัวใจของพวกนางก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่พวกนางที่ควรจะมีความสุขแท้ๆ กลับรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะพวกนางเองก็รู้ใจตัวเองดี ว่าในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วัน การได้อยู่รับใช้ชายหนุ่มที่แทบจะสมบูรณ์แบบคนนี้ มันดีแค่ไหน…
พอประมุขนิกายเมฆอรุณ ซือหม่าคงหมิง ได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกำชับไว้ก่อนจากไป ถึงแม้ในใจของมันจะขมขื่นไม่น้อยแต่มันก็รับปากเป็นมั่นเหมาะ…มันรู้ดีว่า ‘แผนสาวงาม’ ของมันล้มเหลวไม่เป็นท่า!
นอกจากนั้นมันก็ไม่กล้าทำอะไรผิดไปจากคำกำชับของต้วนหลิงเทียนก่อนไปแม้แต่นิดเดียว…
หาไม่แล้ว วันหน้ายามอีกฝ่ายย้อนกลับมา ไม่เพียงแต่มันจะซวย กระทั่งนิกายเมฆอรุณก็ต้องถึงคราวซวยเช่นกัน!