WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3618 เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ “เคล็ดเทพ 6 เงา”
- Home
- WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
- ตอนที่ 3618 เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ “เคล็ดเทพ 6 เงา”
ตระกูลระดับราชาเทพทั้ง 5 ในเมืองวายุสวรรค์ ไม่ว่าตระกูลไหนก็มีโรงประมูลเป็นของตัวเองทั้งสิ้น และพวกมันก็อยู่ในภาวะแข่งขันกันตลอด
ด้วยเหตุนี้ พวกมันจึงผลัดกันจัดประมูลเป็นระยะๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มายังโรงประมูลของตระกูลพวกมัน
คราวนี้ก็เป็นตาของตระกูลโจวที่จะจัดประมูลและ ไม่กี่วันก่อนที่งานประมูลจะเริ่มขึ้น หน้าโรงประมูลของตระกูลโจวก็เต็มไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวานัก เห็นชัดว่ามีผู้คนในเมืองวายุสวรรค์ที่รู้เรื่อง และรอเข้าร่วมงานประมูลไม่น้อยเลยทีเดียว
‘คนเยอะจริง’
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนมายังโรงประมูลตระกูลโจว แค่ครั้งก่อนที่เขาผ่านมาแถวนี้และซื้อตั๋วเข้างานประมูลไป ก็ไม่มีผู้คนมายืนออกันมากมาย มีแค่คนเดินผ่านไปมาเท่านั้น
ทว่าตอนนี้พื้นที่หน้าโรงประมูล กระทักถนนในละแวกใกล้เคียงถึงมันจะยังไม่เรียกว่าแออัด แต่ก็มีผู้คนกันคับคั่งหนาตา มองไปทางไหนก็เห็นหัวหงอกหัวดำ
ต้องทราบด้วยว่าครั้งสุดท้ายที่ต้วนหลิงเทียนผ่านมา ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากถนนหนทางทั่วไปในเมืองวายุสวรรค์ มีคนเดินผ่านไปมาบางตา ไม่ต่างอะไรกับตรอกซอกซอยที่ไร้แผงลอยยค้าขาย
โรงประมูลตระกูลโจวไม่ดั่งตั้งอยู่ในย่านค้าขายของเมืองวายุสวรรค์
ย่านค้าขายที่ว่า ก็หมายถึงพื้นที่ๆตระกูลราชาเทพจัดไว้ให้ทำการค้าขายของเมืองวายุสวรรค์ ไม่ใช่ร้านค้า
การทำธุรกรรมในย่านค้าขายใดๆ กำไร 1 ส่วนที่ได้จะต้องถูกจ่ายให้กับตระกูลระดับราชาเทพที่เป็นเจ้าที่แถวนั้น…แน่นอนว่าปกติแล้วย่านร้านค้าของตระกูลราชาเทพใดๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านค้าที่ตระกูลของพวกมันเปิดเอง
เหตุไฉนที่ไม่เปิดกิจการเองทั้งหมด ก็เพราะย่านค้าขายที่พวกมันครอบครองมีพื้นที่มากเกินไป ตระกูลของพวกมันไม่มีกำลังคนมากพอจึงไม่อาจจัดการได้
กระทั่งหน้าร้านบางแห่งของตระกูลในย่านนั้นๆ ก็เลือกจะเปิดให้ผู้อื่นเช่า
ส่วนร้านค้าแห่งอื่นที่ไม่ได้อยู่ในย่านค้าขายของตระกูลราชาเทพ ไม่เพียงแต่จะทำเลไม่ดีและมีลูกค้าแวะเวียนผ่านไปน้อยคน แต่ของที่ขายยังธรรมดาๆไม่อาจสู้ย่านค้าขายได้ ทำให้ผู้คนถูกดึงดูดไปยังย่านการค้ามากกว่า
‘ไม่รู้…แผงก่อนวันงานประมูลจะมีอะไรดีๆให้ข้าซื้อได้บ้าง…’
ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกหนึ่งวันก่อนที่งานประมูลตระกูลโจวจะเริ่มต้นขึ้น ต้วนหลิงเทียนที่เลือกจะมาก่อนเวลา ก็เพราะเขาได้ยินมาว่าหน้าโรงประมูลตระกูลโจวก่อนวันงานประมูลจะคึกคักมาก
เพราะเมื่อมีคนมารอเยอะ ก็มีพ่อค้าแม่ขายเห็นโอกาสทำธุรกิจ มาเปิดแผงขายแบกับดินบ้าง เข็นรถมาบ้าง เรียกว่าคึกคักมีชีวิตชีวาราวตลาดนัด ต้วนหลิงเทียนก็เลยมาเดินดูเผื่อจะเจอโอสถเทพหรือผลไม้เทพที่ต้องการ…
มีหลายคนที่คิดเหมือนต้วนหลิงเทียน
อนิจจาส่วนใหญ่ก็ล้วนพบกับความผิดหวัง
รวมถึงต้วนหลิงเทียน
‘ก็นะ…ในระนาบเทพแห่งนี้ ข้าเองก็ถือว่าเป็นแค่เด็กน้อยเท่านั้น กระทั่งเทพคนอื่นๆที่พลังฝึกปรือเหนือกว่าข้า ยังไม่อาจหาซื้อโอสถเทพกับผลไม้เทพช่วงนี้ได้เลย ข้าจะมาหาซื้อง่ายๆได้อย่างไร? และต่อให้มีขาย ก็เกรงจะถูกเหมาไปแล้ว…’
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่กลับที่พักมือเปล่า ‘รอดูงานประมูลตระกูลโจวพรุ่งนี้แล้วกัน’
‘หากมีอะไรดีๆจริงๆ ถึงตอนนั้นก็ยังมีผลึกอมตะขั้นสูงอีก 10 ล้านชิ้นให้แลกเป็นหินเทพได้อยู่’
…
พริบตาอีกวันก็ผ่านพ้นไป
งานประมูลตระกูลโจวนั้นจะเริ่มจัดขึ้นในเวลากลางคืน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รีบร้อนออกไป รอจนเมื่อพลบค่ำ เขาก็เดินออกจากโรงเตี๊ยมที่พักและมุ่งหน้าไปยังโรงประมูลตระกูลโจว
ช่วงแรกๆถนนหนทางก็ยังเดินสะดวก ผู้คนสัญจรไปมาตามปกติ แต่พอเข้าใกล้โรงประมูลตระกูลโจวมากเท่าไหร่ ก็เห็นผู้คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีผู้คนเหินร่างลงจากฟ้าไม่หยุด…เพราะในเขตพื้นที่โรงประมูลตระกูลโจว ไม่อนุญาตให้เหินบิน
ผู้ที่สามารถเหินบินได้ ก็มีแต่หน่วยลาดตระเวนที่คอยดูแลความสงบความเรียบร้อยของตระกูลโจวเท่านั้น
หน่วยลาดตระเวนแต่ละหนวยก็ประกอบไปด้วยผู้คน 10 คน ทั้งหมดเป็นเทพขั้นสูง และว่ากันว่าไม่ว่าผู้ใดก็สามารถติดต่อถึงตัวตนขอบเขตราชาเทพของตระกูลโจวได้ทุกเมื่อ และราชาเทพของตระกูลโจวเองก็ประจำการอยู่ในโรงประมูล สามารถลงมือได้ทันทีที่เกิดเรื่อง
หลังเดินมาถึงเบื้องหน้าโรงประมูลตระกูลโจว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจแล้วว่า ‘ทะเลผู้คน’ เป็นเช่นไร เรียกว่ามีผู้คนมารวมตัวกันมากกว่าวันก่อนเสียอีก!
เสียงหนึ่งดังเข้าหู “เฮ่…เห็นว่าตั๋วเข้าโรงประมูลตระกูลโจวส่วนโถงรวมรอบนี้เก็บ 100 หินเทพแน่ะ!”
“บ้าไปแล้ว ไฉนถึงแพงนักเล่า?! หรือคราวนี้ตระกูลโจวมีของดีนำออกประมูล?”
“ก็เห็นว่าในงานประมูลตระกูลโจวครั้งนี้…พวกมันจะเอาเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพมาออกประมูล!”
“อะไร!? เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ?! มารดามันเถอะ…ในประวัติศาสตร์งานประมูลของตระกูลราชาเทพที่ผ่านมาในเมืองวายุสวรรค์เรา ดูเหมือนจะไม่เคยมีผู้ใดนำเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพมาประมูลเลยมิใช่รึ?”
“พี่ชายท่านนั้น ท่านไปได้ยินมาจากที่ใด? หากตระกูลโจวมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพจริง ไฉนพวกมันไม่เก็บไว้ใช้เองเล่า เพราะเท่าที่ข้าทราบมาเคล็ดวิชาบ่มเพาะในตระกูลโจวเอง อย่างดีก็เป็นแค่เคล็ดวิชาระดับราชาเทพไม่ใช่รึไง? แถมเคล็ดวิชาที่ว่าก็สามารถใช้บ่มเพาะได้ถึงแค่ราชาเทพขั้นกลางเท่านั้น ยากจะบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูงได้…ทำให้ในตระกูลโจวเองก็มีน้อยคนนักที่บรรลุถึงราชาเทพขั้นสูง”
“สหายท่านนั้น สิ่งนี้เป็นเพราะผู้คนในตระกูลโจวมันฉลาดอย่างไรเล่า! พวกมันรู้ดีว่าต้องตกเป็นเป้าหมายร่วมของอีก 4 ตระกูลราชาเทพที่เหลือแน่นอน หากครอบครองเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ! เช่นนั้นจึงนำสิ่งที่ไม่ต่างอะไรจาก ‘เผือกร้อน’ ออกมาประมูลเสีย…และข้าได้ยินมาว่าเคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพที่ว่า มันอยู่ในผนึกอะไรบางอย่าง ทำให้พิสูจน์ได้ง่ายๆว่าทางตระกูลโจวยังไม่ได้คลายผนึกมันเพื่อคัดลอกเคล็ดความ”
“ช้าก่อนพี่ชาย! ในเมื่อยังไม่คลายผนึก…แล้วรู้ได้อย่างไรเล่าว่ามันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ”..
“ก็เพราะว่าชื่อเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ว่า มันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพที่เคยปรากฏขึ้นในเขตคฤหาสน์ตงหลิงเรามาก่อนน่ะสิ หลายคนจึงรู้…ว่าเป็นเคล็ดวิชาระดับใด”
“ใช่ๆๆ ข้าก็ได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกัน เห็นว่าเป็นเคล็ดวิชา ‘เทพหกเงา’ ที่ก่อให้เกิดมรสุมโลหิตเมื่อหลายปีก่อน”
“สหายท่านั้น ท่านกำลังพูดถึงมรสุมโลหิตของตระกูลเค่อใช่หรือไม่? ข้าเองก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าตระกูลเค่อในเขตตงหลิงเรา หลังบังเอิญได้เคล็ดวิชาเทพหกเงามา พวกมันก็ถูกฆ่าล้างตระกูลในคืนเดียว อย่างไรก็ตามยอดฝีมือจากขุมกำลังระดับราชาเทพมากมายที่บุกมาฆ่าล้างตระกูลเค่อคืนนั้น กลับหาเคล็ดวิชาเทพหกเงานั่นไม่พบ…”
“มิผิด! ตอนนั้นหลายคนสันนิษฐานว่า ตระกูลเค่อที่รู้ว่าภัยกำลังจะมาถึงตัวก็ได้นำเคล็ดวิชาดังกล่าวไปซ่อนไว้ หมายใช้ต่อรองเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะ…อนิจจาสุดท้ายก็ตกตายหมดสิ้น แต่พอไม่มีใครค้นเจอ ผู้คนก็พากันกล่าวว่ามันหายสาบสูญไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมาโผล่วันนี้ได้”
…
บทสนทนาดังกล่าว ทำให้ต้วนหลิงเทียนพอจะเดาได้คร่าวๆว่า ‘พระเอก’ ในงานประมูลวันนี้ของตระกูลโจวคืออะไร
เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ เคล็ดเทพ 6 เงา!
เคล็ดวิชาระดับนั้นปรากฏขึ้น ก็มากพอจะทำให้เมืองวายุสวรรค์เดือดพล่านแล้ว!
สุดท้ายแล้วตระกูลระดับราชาเทพที่เป็นขุมกำลังใหญ่ในเมืองวายุสวรรค์ ก็มีแค่เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับราชาเทพเท่านั้น
การปรากฏของเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก!
ปกติแล้ว เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับนี้มักจะมีอยู่ขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเท่านั้น!
เป็นธรรมดาว่าอาจมีผู้ฝึกตนพเนจรที่ครอบครองเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพอยู่ เนื่องจากระนาบเทพมีประวัติศาสตร์ยาวนานเกินไป อาจมีทายาทของขุมกำลังที่ลมสลายไปแล้วได้รับมรดกสืบทอดต่อๆกันมา แต่เลือกจะเก็บตัว เนิ่นนานเข้าก็กลายเป็นผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดไป
‘เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ ก็ไร้ประโยชน์สำหรับข้า’
ก่อนจะเดินทางมายังระนาบเทพ หรือแม้กระทั่งก่อนจะเข้าสู่สมรภูมิ 9 ยมโลก ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับอริยะเทพจากอาจารย์เขา ฟงชิงหยาง มาแล้ว…และเคล็ดวิชาระดับนั้นกระทั่งขุมกำลังระดับอริยะเทพก็ไม่มีด้วยซ้ำ มันมีอยู่แต่ในมือของผู้แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น!
ยิ่งไปกว่านั้นเคล็ดวิชาระดับนั้นก็ล้ำลึกยากหยั่งถึงนัก
ดุจเดียวกับเคล็ดวิชาระดับอริยะเทพที่ต้วนหลิงเทียนได้มาจากฟงชิงหยาง มันมีความสามารถในการกระดับเคล็ดวิชาบ่มเพาะใดๆ ให้พัฒนาไปเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับอริยะเทพ!
ต้วนหลิงเทียนก็ได้เลือกเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามที่เขาคุ้นเคย และในปัจจุบันเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามของเขาก็พลิกโฉมไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เหตุไฉนที่ต้วนหลิงเทียนเลือกกระดับเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามนั้น เพราะเขาคิดถึงมัน…
แน่นอนว่าการเลือกเคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม หรือเคล็ดวิชาที่เขาได้มาในระนาบเทพมันไม่มีความแตกต่างกัน เขาก็เลยเลือกสิ่งที่เขาผูกพันมากที่สุดแค่นั้น
อย่างไรก็ตามเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพอาจจะไม่อยู่ในสายตาของต้วนหลิงเทียน แต่ไม่ใช่ว่ามันจะไม่อยู่ในสายตาของผู้อื่นเขา
“เห็นว่าขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเองก็ส่งคนมาที่นี่เช่นกัน…สุดท้ายแล้วขุมกำลังระดับจอมราชันเทพมากมายก็มิได้ครอบครองเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพที่ดีเด่อะไร…บางขุมกำลังก็ทำให้บ่มเพาะได้ถึงจอมราชันเทพขั้นต้นเท่านั้น หากมีเคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพที่ดีๆและสามารถบ่มเพาะได้ถึงจอมราชันเทพขั้นกลางหรือขั้นสูง พวกมันย่อมไม่พลาดแน่!”
“จริง ไม่ต้องกล่าวใดอื่นให้มาก ไม่มีขุมกำลังระดับจอมราชันเทพที่ไหนกลัวจะมีเคล็ดวิชาเพิ่มขึ้น..”
“เฮ่อ ก็เพราะแบบนี้ตั๋วผีเข้างานประมูลถึงได้แพงบัดซบมารดามัน…พวกเจ้าดูราคาห้องพิเศษก่อนเถอะ จากหินเทพ 1,000 ตำลึง พวกล่อขึ้นเป็น 2,000 ตำลึง…เผลอๆข้าว่าเดี๋ยวตอนงานประมูลใกล้เริ่มอาจจะพุ่งไปถึง 3,000 ตำลึงก็เป็นได้!”
“พี่ชายท่านนั้น อย่าว่าแต่ห้องส่วนตัวเลย แค่ราคาโถงรวมขึ้นเป็นหินเทพ 200 ตำลึงน้ำตาข้าก็ไหลแล้ว…รู้เช่นนี้ข้ามาซื้อตั๋วไว้ก่อนก็ดี…”
…
เสียงผู้คนโดยรอบทำให้ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออกจริงๆ
ในอดีตเขารู้มาว่าตอนมีคอนเสิร์ตของนักร้องดังหรือดาราดังในโลกเก่านั้น ตั๋วผีที่ขายกันหน้างานก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่ม ราคามันจะถีบตัวพุ่งสูงขึ้นจนขนลุก! ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะได้พบเจอเรื่องราวทำนองนั้นที่นี่!!
‘ไปแลกหินเทพก่อนดีกว่า’
ต้วนหลิงเทียนที่ไหลตามกระแสผู้คนเข้าสู่โถงด้านหน้าของโรงประมูลตระกูลโจว ก็เลือกไปเข้าแถวรอแลกหินเทพ และพอถึงตาเขาๆก็สะบัดมือเรียกผลึกอมตะขั้นสูง 10,000,000 ชิ้นออกมาแลกในคราเดียว หากเป็นตอนปกติจำนวนดังกล่าวก็มากพอจะทำให้ผู้คนตกใจ แต่วันนี้ผู้คนก็มองว่าเฉยๆเท่านั้น
เนื่องเพราะมีผู้คนแลกเปลี่ยนผลึกอมตะขั้นสูงเป็นหินเทพมากกว่าเขาเสียอีก
เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับจอมราชันเทพ ไม่เพียงแต่ผู้คนจากขุมกำลังระดับราชาเทพเท่านั้นที่มา กระทั่งขุมกำลังระดับจอมราชันเทพเองก็มา…และมีขุมกำลังระดับราชาเทพมากมายที่มีภูมิหลังหรือความสัมพันธ์กับขุมกำลังระดับจอมราชันเทพ ที่ไม่กลัวใครรู้ว่าครอบครองเคล็ดวิชาดังกล่าว ต่างจากตระกูลโจวที่ถึงได้มาก็ไม่กล้าถือไว้ราวเผือกร้อน
ยังมีกองกำลังระดับราชาเทพที่มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง และเร่ร่อนไปทั่ว หากที่นี่ไม่ปลอดภัยก็แค่ย้ายถิ่น! กองกำลังแหล่านี้ก็กล้าประมูลเช่นกัน
กองกำลังเร่ร่อนดังกล่าว บางครั้งก็ประพฤติตัวดั่งทหารรับจ้าง บางครั้งก็ผันตัวไปเป็นโจร…
จะระนาบโลกียะ ระนาบเทวโลก ไม่เว้นแม้แต่ระนาบเทพ ตราบใดที่มีผู้คน ย่อมมีความโลภ…บนโลกมีโจรปล้นม้า บนสวรรค์มีโจรอมตะ ในระนาบเทพก็มีโจรเทพเช่นกัน!
นอกจากนั้นในระนาบเทพเอง ก็ยังมี ‘ผู้ประกอบการค้าไร้ต้นทุน’ เช่นนี้มากอีกด้วย!
เอาแค่ในเขตคฤหาสน์ตงหลิง ก็มีกองกำลังระดับราชาเทพที่ออกปล้นชิงมากมาย แถมพวกมันก็ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง วันดีคืนดีจะไปบุกปล้นที่ไหนก็ไม่ทราบ เช่นนั้นพวกมันจึงไม่กลัวกองกำลังระดับราชาเทพธรรมดาๆ
และที่มาวันนี้ก็ไม่ใช่แค่กองกำลังระดับราชาเทพเท่านั้น กระทั่งกองกำลังระดับจอมราชันเทพเองก็มา!
และกองกำลังระดับจอมราชันเทพ แน่นอนว่าพวกมันมีหินเทพในมือไม่ใช่น้อย หากเพื่อเคล็ดวิชาระดับจอมราชันเทพที่ดีกว่าและทำให้พลังฝึกปรือของพวกมันก้าวหน้าขึ้นจากเดิมได้ พวกมันเองก็พร้อมจะทุ่มทุนจ่ายเช่นกัน ไม่แน่ก็อาจจะเลือกดักปล้นผู้ประมูลได้ด้วยซ้ำ
ถัดจากต้วนหลิงเทียนก็มีกลุ่มคนที่แต่งกายคล้ายกองกำลังอะไรสักอย่าง ควักผลึกอมตะขั้นสูง 30,000,000 ชิ้นออกมาแลกในคราเดียว
“ไม่ทราบเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นมาจากกองกำลังอันใด…”
ยังมีหลายคนคิดว่าต้วนหลิงเทียนเองก็เป็นคนของกองกำลังไหนกองกำลังหนึ่งเช่นกัน
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆออกมา
“พี่…พี่ชาย!”
หลังจากแลกหินเทพแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่คิดกลับมายืนรอเวลาโรงประมูลเปิดบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เขาก็พบว่ามีใครบางคนมาขวางเขาไว้หลังเดินออกมาได้ไม่ทันไร เป็นสตรีนางหนึ่งที่กำลังมองจ้องเขาด้วยความตื่นเต้น ทั้งเรียกหาเขาว่า ‘พี่ชาย’ ด้วยน้ำเสียงดีใจ