WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3628 การทดสอบนักศึกษา 10 ดาว
หากจะกล่าวว่าบรรยากาศและฉากเรื่องราวสมัยตอนที่ต้วนหลิงเทียนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่มีผู้ปกครองมาส่งบุตรหลานเข้าสอบ ทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความอิจฉาจับใจแล้วล่ะก็…
ตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะทกสะท้อนและมีอารมณ์ซับซ้อนกว่านั้นมาก…
เพราะในชาตินี้เขาไม่เพียงมีบิดามารดา เขายังมีภรรยาและลูกแล้ว เรียกว่ามีครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์ ไม่มีอะไรให้เสียใจในจุดนี้…
แต่จุดที่ทำให้เขาเสียใจก็คือ เค่อเอ๋อ ภรรยาเขาไม่ทราบเป็นตายร้ายดีอย่างไร…
และตัวเขาเองก็เสมือนกับกำลังดิ้นรนผ่านเส้นทาง 9 ตาย 1 รอด ไม่ว่าจะเป็นการบุกบั่นขึ้นมายังระนาบสมรภูมิผ่านการฉีกเปิดมิติในสมรภูมิ 9 ยมโลก จนมาถึงดินแดนดาราพิศวงหนึ่งในระนาบเทพ ทั้งหมดก็เพราะพยายามทำให้ครอบครัวกลับมาอยยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
ขอเพียงเขาพาเค่อเอ๋อกลับมาได้ ครอบครัวเขาก็จะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว…
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ก่อนจะเดินเข้าประตูสถานศึกษาหมอกเร้นลับเพียงลำพัง จากนั้นก็เห็นผู้ต่อแถวกันอยู่ พอมองไปยังหัวแถว ก็พบเห็นโต๊ะเรียงรายกัน และด้านหลังโต๊ะก็ปรากฏคนใส่ชุดมาตรฐานสีเงินขาว บริเวณหน้าอกมีตราสัญลักษณ์ที่สลักอักษรอ่านว่า หมอกเร้นลับ อยู่…
และรอบๆอักษรหมอกเร้นลับที่ว่า ก็มีดาวล้อมรอบอยู่จำนวนดาวก็แตกต่างกันอยู่บ้าง
มีโต๊ะเรียงรายกันทั้งสิ้น 5 โต๊ะ และมีคนในชุดมาตรฐานดังกล่าว 20 คนคอยควบคุมดูแลความเรียบร้อย สามารถตรวจสอบอายุกระดูกผู้คนได้พร้อมๆกันรอบละ 5 คน
ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจทั้ง 20 คนได้ไม่ทันไร เขาก็พบว่าตราบริเวณหน้าอกของพวกมัน ผู้ที่มีดาวมากที่สุดก็มีจำนวนดาวอยู่ 7ดวง ที่น้อยที่สุดก็มีแค่ 4 ดวง เขาจึงเดาได้ไม่ยาก ว่าผู้ที่มาทำหน้าที่ตรวจสอบอายุกระดูกผู้คน ก็คือนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
มีตั้งแต่นักศึกษาระดับ 4 ดาว จนถึงนักศึกษา 7 ดาว
“เจ้าตัวแสบ เจ้าเห็นหรือไม่…นั่นก็คือนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ! หากวันหนึ่งเจ้าสามารถสวมชุดเช่นนั้นได้ เจ้าจักถูกแต่งตั้งให้อยู่ในสายหลักของตระกูล ทั้งชื่อเจ้าจะถูกผู้คนในตระกูลจดจำไปชั่วกาล!”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินผ่านประตูและมุ่งหน้าไปยังแถวตรวจอายุกระดูก เขาก็ได้ยินเสียงผู้ปกครองกล่าวกำชับรุ่นเยาว์ด้านหลัง
แถวของผู้คนที่ต่อๆกันหน้าโต๊ะ เรียกว่ายาวจนแทบจะข้ามประตูสถานศึกษาหมอกเร้นลับไปยังด้านนอกแล้ว อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าแถวก็มีการขยับร่นขึ้นไปทุกขณะ…เพราะหัวแถวเพียงทำตามขั้นตอนตรวจอายุกระดูกไม่นาน ก็เดินออกจากแถวแล้วเข้าไปในสถานศึกษา
การตรวจสอบอายุกระดูกไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไร สถานศึกษาหมอกเร้นลับก็มีเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบโดยเฉพาะ เพียงแค่วางมือลงบนจานค่ายกลลักษณะสี่เหลียมจัตุรัสบนโต๊ะ จากนั้นนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับก็จะเปิดใช้งานจานค่ายกลดังกล่าวเพื่อตรวจสอบอายุกระดูก
“คนต่อไป…”
หลังกระเถิบขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่นานนักก็ถึงตาต้วนหลิงเทียน
“วางมือลงตรงนี้”
ผู้ตรวจสอบไม่ได้กล่าวถามชื่อต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ เพียงบอกให้ต้วนหลิงเทียนวางมือลงบนจานค่ายกลรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส จากนั้นมันก็มองจ้องไปยังจุดหนึ่งของจานค่ายกล
และพอเห็นตัวเลขปรากฏจนพบว่าต้วนหลิงเทียนมีอายุเกือบ 2,700 ปีแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมากล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “พี่ชาย ท่านอายุเกือบ 2,700 ปีแล้ว…ตามกฏสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา ท่านสามารถเข้ารับการทดสอบของนักศึกษาระดับ 10 ดาวได้อย่างเดียวเท่านั้นนะ”
“ข้าทราบ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำเบาๆ เรื่องนี้เขารู้แต่แรก
ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เมื่อนักศึกษาอายุครบ 3,000 ปีแล้วหากยังไม่สำเร็จการศึกษา ก็จะถูกขับออกจากสถานศึกษา
และมีหลายคนนักที่ถูกขับออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เพราะพวกมันไม่อาจผ่านการทดสอบเลื่อนระดับได้…
ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เมื่อไหร่ก็ตามที่นักศึกษาระดับ 9 ดาวมีอายุครบ 2,800 ปี ทางสถานศึกษาจะบังคับให้นักศึกษาเหล่านั้นเข้ารับการทดสอบเลื่อนระดับเป็นนักศึกษา 10 ดาว หากผ่านการทดสอบก็จะได้เลื่อนระดับ ถ้าสอบไม่ผ่านก็จะถูกขับออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ นักศึกษาถูกแบ่งออกเป็น 10 ดาว
มีตั้งแต่นักศึกษา 1 ดาวไปจนถึงนักศึกษา 10 ดาว และนักศึกษา 1 ดาวก็มีเกณฑ์ความต้องการต่ำสุด ส่วนนักศึกษา 10 ก็มีเกณฑ์ความต้องการสูงสุด
เกณฑ์ของนักศึกษา 1 ดาวนั้น เพียงต้องการผู้ที่อายุไม่เกินพันปี และด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 6 ผสานเป็นต้นไป เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ 2 ประการ และหากเป็นผู้ที่เข้าใจ 1 ใน 4 กฏสูงสุดขอแค่เข้าใจความลึกซึ้งสักประการถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ก็พอ
สำหรับนักศึกษา 2 ดาว ต้องมีอายุไม่เกิน 1,200 ปี และเงื่อนไขอื่นๆก็เพิ่มขึ้นอย่างละขั้น
นักศึกษา 3 ดาว ต้องมีอายุไม่เกิน 1,400 ปี
…
ไล่ไปเรื่อยๆ
เกณฑ์การรับนักศึกษา 9 ดาว อายุต้องไม่เกิน 2,600 ปี
เกณฑ์การรับนักศึกษา 10 ดาว อายุต้องไม่เกิน 2,800 ปี
เนื่องจากอายุกระดูกในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียนอยู่ที่ 2,700 ปีเพราะผลของโอสถซ่อนกระดูก ทำให้เขาสามารถเข้ารับการทดสอบของนักศึกษา 10 ดาวได้อย่างเดียวเท่านั้น
และเกณฑ์ของนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับก็สูงนัก
อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงขอบเขตเทพ
นอกจากนั้นก็ต้องเข้าใจความลึกซึ้งของกฏทุกประการให้บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ และเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการให้ได้อย่างน้อย 2 ชุดขึ้นไป
หากกฏที่เข้าใจเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุด ก็ต้องเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการให้ได้สักชุด…
เกณฑ์การประเมินดังกล่าวไม่ได้มีไว้สำหรับคนนอกที่คิดจะเข้าร่วมการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวเท่านั้น แต่ยังเป็นเกณฑ์สำหรับนักศึกษา 9 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่จะทดสอบระดับ 10 ดาวอีกด้วย
นักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับมีจำนวนน้อยเสมอ และในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีบุคคลภายนอกผ่านการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวได้เลย
ด้วยเหตุนี้หลังตรวจพบว่าอายุกระดูกของต้วนหลิงเทียนมีเกือบ 2,700 ปีแล้ว นักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับที่รับผิดชอบการตรวจสอบก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“เจ้านั่นจะเข้าทดสอบการประเมินนักศึกษา 10 ดาวเช่นนั้นรึ?”
ถึงแม้เรื่องของต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เนื่องจากผู้ทดสอบอายุกล่าวออกมา ก็ทำให้นักศึกษาที่รับหน้าที่ตรวจสอบอายุใกล้เคียงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ
“อายุเกือบ 2,700 ปีแล้ว…วัยนี้ทำได้แค่เข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวเท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่อาจเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้”
“นี่ก็สิบปีเต็มๆแล้วกระมัง ที่ไม่มีคนนอกผ่านการทดสอบดังกล่าว?”
“เจ้าว่ามันจะผ่านรึเปล่า?”
…
ท่ามกลางสายตาสงสัยของผู้คนโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็เดินออกจากโต๊ะตรวจอายุเข้าไปในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่นานก็หายลับไปจากสายตาของทุกคน
หลังเดินเข้ามาได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็เห็นนักศึกษาของสถานศึกษาหมอกเร้นลับถือป้ายบอกทาง คอยแนะนำผู้ที่จะเข้าร่วมการทดสอบว่าต้องไปทางไหน
การทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่ได้โหดร้ายถึงขั้นยากจะผ่าน
ถึงแม้เกณฑ์ขั้นต่ำที่จะเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษาแต่ละดาวจะเข้มงวดพอสมควร…แต่กล่าวได้ว่าผู้ที่มีด่านพลังและความเข้าใจถึงเกณฑ์แล้ว ขอเพียงไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะสามารถผ่านการทดสอบได้แน่นอน
มีบางคนที่พลังฝึกปรือและความเข้าใจไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ทว่าหากห่างเกณฑ์ไม่มากและมีความสามารถพิเศษบางอย่าง ก็ยังพอจะผ่านการประเมินได้อยู่…
กลับกันบางคนที่ผ่านเกณฑ์แท้ๆกลับไม่อาจผ่านการทดสอบได้…เช่นนั้นจึงต้องมีการทดสอบ
หาไม่แล้วก็คงไม่ต้องทำการทดสอบอะไร เพียงแค่แสดงพลังฝึกปรือกับความเข้าใจในกฏก็พอ
ภายใต้ป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงจุดพักก่อนจะถึงสถานที่ทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และมองไปเบื้องหน้าเขาก็พบเห็นถนน 10 สาย ที่มีผู้คนยืนออกันอยู่ และถนนแต่ละสายก็มีป้ายบอกไว้ชัดเจน
เส้นทางทดสอบนักศึกษา 1 ดาว
เส้นทางทดสอบนักศึกษา 2 ดาว
เส้นทางทดสอบนักศึกษา 3 ดาว
…
เห็นได้ชัดว่าถนน 10 สายดังกล่าว เป็นเส้นทางที่นำไปสู่การทดสอบของนักศึกษาระดับต่างๆ
“ที่นี่ไม่มีใครคุมรึไง หรือจะให้พวกเราสามารถเลือกเส้นทางทดสอบได้ตามอำเภอใจ? ข้าเองก็ไม่มั่นใจว่าจะผ่านการทดสอบของนักศึกษา 7 ดาว…แต่ถ้าข้าเลือกเส้นทางทดสอบของนักศึกษา 6 ดาว ข้าเชื่อมั่นว่าสามารถผ่านได้แน่นอน! ไม่ทราบหากเลือกเส้นทางทดสอบนักศึกษา 6 ดาว มันจะมีการตรวจสอบอายุกระดูกอีกหรือไม่?”
เมื่อเข้ามาถึงจุดพัก ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินบทสนทนาของผู้ที่มาถึงก่อน
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว การตรวจสอบอายุกระดูกใช่ทำเล่นๆหรือไง? เจ้าคิดว่าหากเจ้าอายุเกินเกณฑ์ไปแล้ว เจ้าจะเข้าร่วมการทดสอบได้รึไร?”
“นั่นสิ แต่ละปีมีคนมาเข้าร่วมการทดสอบมากมาย เจ้าว่าสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะพลาดเรื่องง่ายๆเช่นนี้รึ?”
“เจ้าเลือกเส้นทางทดสอบที่ตรงตามเกณฑ์อายุของเจ้าเถอะ…ว่ากันว่าในอดีตก็ไม่ใช่จะไม่มีคนทำอย่างที่เจ้าพูด แต่ทั้งหมดถูกสถานศึกษาหมอกเร้นลับขึ้นบัญชีดำกันหมด และไม่อาจเข้าร่วมการทดสอบใดๆของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้อีกชั่วชีวิต”
…
หลายคนที่บังเกิดความคิดอุตริหมายเลือกเส้นทางการทดสอบที่ง่ายกว่า พอได้ยินคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ลอบเหงื่อตก
ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่นานนัก และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทุกคนที่มาถึงก่อนจะหยุดรอกันทำไม เขามุ่งตรงไปยังเส้นทางการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวทันที
เส้นทางอื่นก็มีคนเดินเข้าไปให้เห็นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามเส้นทางทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของเขา กลับไม่มีใครเดินเข้าไปเลย ทำให้พอต้วนหลิงเทียนเดินเข้าไป ก็กลายเป็นจุดสนใจไม่น้อย “เฮ่พวกเจ้าดูนั่น! ปีนี้มีคนมาเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวด้วยล่ะ!”
“สิบกว่าปีแล้วกระมัง ที่ไม่มีใครผ่านการทดสอบนักศึกษา 10 ดาว? ไม่คิดเลยว่าปีนี้จักมีผู้กล้ามาทดสอบด้วย”
“จักผู้กล้าหรือโจรร้ายก็ไม่รู้หรอก…แต่แค่กล้ามาทดสอบก็นับว่าใจมันได้จริงๆ!”
“การทดสอบนักศึกษา 10 ดาว…ข้าได้ยินมาว่าหากพลาดก็อาจตายได้ใช่ไหม?”
…
ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินบทสทนาด้านหลังเป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ไม่ต้องพูดถึงด่านพลังในปัจจุบันของเขา ต่อให้เป็นเมื่อครึ่งเดือนก่อนตอนที่ยังไม่ได้ใช้โอสถเทพเจี๋ยอี๋ปิ่ง ถึงเขาจะมาเข้าร่วมการทดสอบนักศึกษา 10 ดาว ก็สมควรผ่านได้ง่ายๆอย่างไร้เรื่องราว
มาตอนนี้ยิ่งไม่นับเป็นอะไรเลย
สำหรับเขา ก็แค่มาทำการทดสอบพอเป็นพิธีเท่านั้น
‘ทรัพยากรที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับจะมอบให้นักศึกษา แม้จะดีแต่ก็คงดีไม่เท่าทรัพยากรของนิกายหมอกเร้นลับ…หลังเข้าสู่สถานศึกษาแล้ว ก็ทำผลงานสักหน่อย จากนั้นขั้นต่อไปก็หาโอกาสเข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ’
ในขณะที่เดินไปตามเส้นทาง ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป
สำหรับเขาในตอนนี้ ทุกอย่างก็เพื่อยกระดับพลังฝึกปรือให้เร็วที่สุด
เป็นธรรมดาว่าเส้นทางการเติบโตของเขา ก็ต้องมั่นใจว่าจะไม่โดดเด่นจนเป็นภัย
หากเป็นไปได้ ก็ต้องพยามก้าวหน้าอย่างไม่ให้ผิดสังเกตมากนัก
สุดท้ายแล้วในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้ เขาก็ตัวคนเดียวไม่มีใครหนุนหลัง
ถึงแม้เขาจะได้พบเจอเด็กหญิงที่น่าจะมีฐานะความเป็นมาไม่ใช่ชั่วเมื่อครึ่งเดือนก่อน แถมอีกฝ่ายยังเรียกหาเขาอย่างสนิทสนมว่า ‘พี่ชาย’ แต่เขาก็เข้าใจว่าหน้าเขาอาจจะแค่เหมือนพี่ชายของอีกฝ่ายจริงๆ
วันหน้าคงไม่ได้พบเจอหรือเกี่ยวข้องอะไรกันอีก
ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีผู้ติดตามเป็นถึงตัวตนระดับจอมราชันเทพชนชั้นยอดฝีมือ กระทั่งตัวเด็กหญิงผู้นั้นก็อาจเป็นราชาเทพอันแข็งแกร่ง แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ทั้งหมดเขาต้องพึ่งตัวเอง
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดอะไรในใจไปเรื่อยเปื่อย เขาก็ไม่อาจสังเกตเห็นเลยว่าสูงขึ้นไปบนฟ้ามีร่าง 2 ร่างลอยอยู่
“คุณหนู พวกเราควรไปกันได้แล้ว…”
หากต้วนหลิงเทียนค้นพบการคงอยู่ของทั้ง 2 ร่างบนฟ้า เพียงมองขึ้นไปก็คงจดจำได้ทันที เพราะทั้งคู่ก็คือต้วนเฉียวอวี่กับอวี๋ชิวซวนที่เขาพบเจอหน้าโรงประมูลตระกูลโจวเมื่อครึ่งเดือนก่อน และตอนนี้อวี๋ชิวซวนก็กล่าวเตือนให้ต้วนเฉียวอวี่รีบจากไป
“ท่านน้าซวน…พวกเราจักไม่ทำอะไรเลยหรือ?”
ต้วนเฉียวอวี่ที่มองไปยังร่างชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องล่าง…สองตากลมใสกลับฉายแววพิกลอย่างไรไม่ทราบ