WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 3629 เจดีย์ทดสอบ 3 ชั้น
ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่อาจจับสัมผัสความเคลื่อนไหวบนฟ้าสูงเหนือศีรษะเขาได้เลย
กล่าวอีกอย่างได้ว่า เขาไม่พบการคงอยู่ของทั้งคู่
ระดับพลังมันต่างกันเกินไป
ต่อมา หลังจากต้วนหลิงเทียนเดินตามทางมาได้สักพัก เขาก็พบเห็นลานอันเงียบสงบแห่งหนึ่ง ในลานเต็มไปด้วยแปลงดอกไม้หลากหลายชนิด ยังมีต้นไม้ปลูกเรียงตัวเป็นแนวแลดูร่มรื่นน่าอยู่นัก และในพื้นที่โล่งมุมหนึ่งของลาน เขาก็พบเห็นชายชราในชุดผ้าฝ้ายธรรมดายืนอยู่คนหนึ่ง อีกฝ่ายยังหลับตาเหมือนว่ากำลังพักผ่อนอยู่
ถึงแม้ชายชราคนนี้จะแลดูแก่มากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความรู้สึกน่าเกรงขามของมันเลย ไม่เพียงทำให้ผู้คนรู้สึกยากหยั่งถึง แต่ทำให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายคล้ายมหาปราชน์ถ่องแท้ฟ้าดิน
เมื่อต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามาในพื้นที่วางของลาน อีกฝ่ายพลันลืมตาขึ้น
วินาทีที่อีกฝ่ายลืมตา สายตาแหลมคมของมันประหนึ่งจะทะลุฝ่าห้วงมิติพริบตาก็จับจ้องลงบนร่างต้วนหลิงเทียน ยังผลให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนไม่อาจหลบซ่อน ยังเสมือนร่างเปลือยเปล่าไม่เหลือความเป็นส่วนตัวใดๆ
แน่นอนว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกไปเองดั่งภาพลวงตาเท่านั้น
ความลับของเขา ไม่ได้ถูกเปิดเผยแต่อย่างใด เพราะโลกใบเล็กภายในกายเขาก็ได้ถูกเขาปกปิดไว้โดยสมบูรณ์ เช่นนั้นอย่าว่าแต่ตัวตนขอบเขตราชาเทพเลย ต่อให้เป็นจอมราชันเทพ กระทั่งจักรพรรดิเทพ ก็ไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้
“ผู้อาวุโส ข้ามาเพื่อเข้ารับการทดสอบของนักศึกษา 10 ดาว”
ต้วนหลิงเทียนที่ยืนขอบลาน มองถามชาชราที่ยืนอยู่ไกลๆเสียงดังฟังชัด
ด้วยเหตุผลบางอย่าง จะชายชราเบื้องหน้าเขาก็ดี หรือลานทั้งหมดที่เห็นก็ดี ทำให้เขารู้สึกเสมือนมันไม่มีอยู่จริง ประหนึ่งมันเป็นแค่ภาพลวง พร้อมจะอันตรธานหายไปได้ทุกเมื่อ
“เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ที่ไม่มีผู้ใดมาทดสอบเป็นนักศึกษา 10 ดาว…”
สองตาลึกล้ำของผู้ชรามองต้วนหลิงเทียนเขม็ง ราวกับจะมองทะลุไปถึงจิตใจต้วนหลิงเทียน “หนุ่มน้อย ข้าขอให้เจ้าโชคดี”
ชายชราพูดถึงจุดนี้ มันก็สะบัดแขนเสื้อเบาๆ จากนั้นก็ปรากฏเจดีย์วิจิตร 3 ชั้นขนาดเล็กหลังหนึ่งลอยมาทางต้วนหลิงเทียน พริบตามันก็ขยายใหญ่ขึ้น เงาของมันพาดทับต้วนหลิงเทียนมิด ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสมือนขมลงสู่ห้วงมืดทันที
อันที่จริงตั้งแต่ที่ชายชราโยนเจดีย์ 3 ชั้นมาทางเขา ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้คร่าวๆว่าการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวสมควรอยู่ในเจดีย์หลังนี้เป็นแน่
เพราะเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะใช้เจดีย์ทุบเขา
ประการแรกเลย อีกฝ่ายไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเขาเป็นการส่วนตัว
นอกจากนั้น ที่นี่สมควรเป็นสถานที่ทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ อีกฝ่ายไม้พ้นต้องเป็นผู้คุมการทดสอบ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายเขา
และมันก็เป็นอย่างที่ต้วนหลิงเทียนคิด
ขณะที่เจดีย์หลังน้อยกำลังลอยมาทางต้วนหลิงเทียนและขยายใหญ่ขึ้นทุกขณะ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงชราดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “เจ้าหนุ่ม นี่คือเจดีย์ทดสอบ 3 ชั้น ที่สถานศึกษาเรามีไว้ใช้ประเมินนักศึกษาระดับ 10 ดาวโดยเฉพาะ…ตราบใดที่เจ้าผ่านการทดสอบด้านใน เจ้าก็จักกลายเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราทันที”
สถานศึกษาหมอกเร้นลับ มีบททดสอบสำหรับนักศึกษาแต่ละดาวแตกต่างกัน
สำหรับนักศึกษา 10 ดาว สถานศึกษาหมอกเร้นลับได้ตระเตรียมเจดีย์ทดสอบไว้เรียบร้อย
เจดีย์ทดสอบดังกล่าว ก็เป็นผลงานของปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์เทพของนิกายหมอกเร้นลับที่อยู่เบื้องหลังสถานศึกษาหมอกเร้นลับ…และปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์เทพ ก็คือผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมสร้างอุปกรณ์เทพต่างๆ ทำให้ไม่เพียงแต่จะถูกเรียกขานว่าผู้หลอมอุปกรณ์เทพแล้ว ยังถูกเรียกหาอย่างให้เกียรติว่าปรมาจารย์หลอมสร้างอุปกรณ์เทพอีกด้วย
ก็เหมือนๆกับผู้หลอมโอสถเทพ
ผู้ที่สามารถหลอมกลั่น และปรุงโอสถเทพได้ ก็จะถูกเรียกหาอย่างเคารพว่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ
ในระนาบเทพ ย่อมมีผู้หลอมโอสถมากมายที่ไม่อาจหลอมโอสถเทพได้ ผู้หลอมโอสถเช่นนี้ไม่มีสิทธิ์ถูกเรียกหาว่า ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ
“ในเจดีย์ทดสอบ หากเจ้าไม่ระวังตัวและเกิดพลาดพลั้งอันใดขึ้นมา เจ้าก็มีโอกาสตกตายได้”
“หากเจ้าสู้ไม่ไหวแล้ว ให้รีบตะโกนว่า ‘ช่วยด้วย’ เสีย แล้วข้าจักดึงตัวเจ้าออกมา…อ่อ แล้วก็อย่าลืมตะโกนขอความช่วยเหลือตั้งแต่เนิ่นๆเล่า หากจวนตัวเกินไปข้าอาจช่วยไม่ทัน จนทำให้เจ้าถึงแก่ความตายได้…”
ชายชรากล่าวสืบต่อว่า “อีกสักครู่เจดีย์ทดสอบจักปล่อยพลังดูดรั้งใส่เขาขุมหนึ่ง ไม่ต้องต่อต้านเพียงปล่อยให้มันดูดเจ้าเข้าไป…”
“หลังจากเจ้าเข้าไปแล้ว บททดสอบของเจ้าก็จะเริ่มต้นขึ้นทันที”
แทบจะพอดีกับที่ชายชรากล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังดูดรั้งประการหนึ่งที่แผ่มาปกคลุมทั่วร่างเขา แม้พลังดูดรั้งจะไม่อ่อนด้อย แต่ต้วนหลิงเทียนก็สามารถต้านทานได้อยู่ แต่เมื่อได้ยินคำพูดชายชราเขาก็ไม่คิดต่อต้านมันแต่อย่างใด
ปล่อยให้พลังดูดรั้งดังกล่าว ดึงเขาเข้าสู่เจดีย์แต่โดยดี
วูบ!
หลังจากต้วนหลิงเทียนถูกดูดเข้าไปในเจดีย์แล้ว ตัวเจดีย์ 3 ชั้นก็ลอยแน่นิ่งกลางหาว จากนั้นก็บังเกิดความเปลี่นแปลงบางอย่าง เป็นประตูหน้าต่างที่เคยมืดสนิททั้ง 3 ชั้นของเจดีย์ เริ่มปรากฏแสงสว่างขึ้นมา
กล่าวให้ชัดคือชั้นแรกของเจดีย์กำลังเปล่งแสงอยู่
“ไม่รู้เจ้าหนูนั่น จะผ่านด่านครึ่งหนึ่งของชั้น 2 ได้หรือไม่…”
ชายชราเหลือบมองเจด์ที่เปล่งแสงเล็กน้อย ค่อยหลับตาลงสืบต่อ
เจดีย์ทดสอบ 3 ชั้นหลังนี้ เพียงผ่านด่านทดสอบที่ 3 ของชั้น 2 ก็ถือว่าผ่านการประเมินเป็นนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้แล้ว
หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนถูกเจดีย์ดูดเข้าไป การที่ชั้น 1 ของมันเริ่มเปล่งแสงสว่าง ก็คือการบ่งบอกว่าผู้ที่เข้าสู่เจดีย์กำลังอยู่ในชั้นที่ 1
ยิ่งต้วนหลิงเทียนผ่านด่านทดสอบในเจดีย์ชั้น 1 มากขึ้นเท่าไหร่ แสงสว่างที่เรืองรองออกมาก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อสว่างถึงจุดสูงสุดแล้ว ก็หมายความว่าได้ผ่านการทดสอบของชั้น 1 เรียบร้อย
‘ผู้เฒ่าเมื่อครู่…เหมือนจะลืมบอกว่าข้าต้องผ่านกี่ด่าน ถึงจะถือว่าผ่านการประเมินเป็นนักศึกษา 10 ดาว…’
‘คงไม่ใช่ว่าต้องผ่านด่านทดสอบทั้งหมดของเจดีย์ทั้ง 3 ชั้นกระมัง?’
ต้วนหลิงเทียนที่ถูกเจดีย์ดูดเข้าไป บัดนี้ก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ราบโล่งอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง
และมองไปรอบๆ ก็มีหมอกสลัวปกคลุมไปหมด
วู้ม!
วู้มม!
…
และภายในหมอกสลัวๆดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังอาคมจากค่ายกลได้ชัดเจน ครู่ต่อมาเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังอาคมเริ่มพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เริ่มก่อเกิดเป็นร่างวิญญาณกลุ่มหนึ่ง พุ่งเข่นฆ่ามาทางเขา ระดับพลังของร่างวิญญาณแต่ละร่างก็อยู่ในขอบเขตเทพขั้นต่ำ
‘มี 10 ร่างงั้นรึ’
พริบตา ร่างวิญญาณที่มองไปไม่ต่างอะไรจากภูตผีทั้ง 10 ตนก็มาล้อมกรอบต้วนหลิงเทียนเอาไว้
ซู่มมม!
ร่างวิญญาณจากค่ายกลหนึ่งในนั้น ก็เปิดฉากจู่โจมเข้าใส่เขาก่อนใคร มันสร้างดาบเพลิงขึ้นมาเล่มหนึ่ง ตัวดาบดังกล่าวยังอัดแน่นไปด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟประการต่างๆ
จากสัมผัสพลัง ก็ไม่ยากเลยที่ต้วนหลิงเทียนจะบอกได้ ว่าดาบเพลิงเล่มนี้ ได้อัดแน่นไปด้วยพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟทั้ง 10 ประการ ยังเป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
…
หลังจากร่างวิญญาณค่ายกลตนแรกลงมือ ร่างวิญญาณค่ายกลอีก 9 ร่างที่เหลือก็เริ่มเร่งเร้าพลังลงมือเช่นกัน ถึงแม้กฏที่พวกมันใช้จะแตกต่างกันไป แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน…พวกมันล้วนเข้าใจความลึกซึ้งทุกประการของกฏถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีร่างวิญญาณค่ายกลตนไหนเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งเลย
‘ด่านทดสอบแรกบนชั้นที่หนึ่งของเจดีย์หลังนี้ ค่อนข้างง่ายทีเดียว’
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เห็นร่างวิญญาณค่ายกลทั้ง 10 อยู่ในสายตา แต่ไม่ใช่ว่าสำหรับคนอื่นแล้วร่างวิญญาณค่ายกลเหล่านี้จะไม่อยู่ในสายตาเช่นกัน อย่างน้อยๆมันก็ทำให้ผู้เข้าทดสอบทั่วไปสิ้นเปลืองพลังอยู่บ้าง
‘ทำลายพวกมันทั้งหมดพร้อมกันเลยแล้วกัน’
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองร่างวิญญาณค่ายกลที่ปิดล้อมเขาเอาไว้ทั่วสารทิศ จากนั้นก็เริ่มลงมือทันที พลังมิติพุ่งพล่านขึ้นมาในฉับพลัน จากนั้นก็เริ่มบังเกิดพายยุแม่เหล็กอุบัติขึ้นในความว่างเปล่า กวาดสะท้านออกไปทั่วทิศ ป่นปี้ร่างวิญญาณค่ายกลจนสูญสลายในชั่วพริบตา
ด่านแรกบนชั้นที่ 1 ของเจดีย์ สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว อาศัยการลงมือส่งๆก็ผ่านได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ด่านที่ 2 ของชั้นที่ 1 ก็ปรากฏขึ้นตามติด ยังคงเป็นกลุ่มร่างวิญญาณค่ายกลเช่นเคย หากทว่ารอบนี้ร่างวิญญาณไม่ได้คล้ายผู้คนเหมือนรอบแรก แต่มีลักษณ์เป็นสัตว์ประหลาดต่างๆ และความแข็งแกร่งของร่างวิญญาณค่ายกลก็สูงขึ้นครึ่งขั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากร่างวิญญาณค่ายกลกลุ่มแรก
…
ด้านนอกเจดีย์ทดสอบ
ชายชราที่กำลังหลับตาพักผ่อน อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมาก่อนจะมองไปยังเจดีย์ทดสอบเบื้องหน้าด้วยความสงสัย
เพียงเวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น มันก็พบว่าแสงสว่างที่ชั้น 1 มันเข้มขึ้นด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง…เรียกว่าเสมือนเจดีย์ติดไฟกระพริบก็ไม่ปาน แสงมันเข้มขึ้นด้วยความเร็วสูงจริงๆ!
ช่วงแรกๆมันก็ไม่แปลกใจอะไร ที่แสงจะเข้มขึ้นทุกๆ 1-2 ลมหายใจ
อย่างไรก็ตาม หลังแสงมันเรืองรองเข้มขึ้น 3 รอบเข้าไปแล้ว แต่ทว่าความถี่ของมันก็ไม่แปรเปลี่ยนเลย แสงยังเข้มขึ้นด้วยความเร็วดุจเดิม!
‘ดูเหมือนว่าหลังจากผ่านไป 10 ปี ในที่สุดก็จักมีคนนอกที่ผ่านการทดสอบประเมินนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเราเสียที เจ้าหนูนี่มันฝีมือไม่ใช่เล่นเลยจริงๆ…อาศัยพลังฝีมือที่มันเผยออกมา เกรงว่าคิดจะผ่านด่านทดสอบครึ่งหนึ่งของชั้น 2 ยังไม่น่าจักมีปัญหาอันใด’
ในแววตาของชายชราเริ่มปรากฏความคาดหวังอย่างหาได้ยาก
ถึงแม้ระยะเวลา 10 ปีในระนาบเทพมันไม่ถือว่ามากมายอะไร
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวมันที่รับหน้าที่ทดสอบผู้สมัครเข้าสถานศึกษาหมอกเร้นลับในระดับ 10 ดาวแล้ว การว่างงานติดต่อกันยาวนาน 10 ปีโดยไม่มีใครมาทดสอบ ก็ทำให้บังเกิดความเบื่อหน่ายอยู่บ้าง และยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องผู้ที่มาทดสอบแล้วผ่านเลย
‘ไม่ทราบ…เจ้าหนูนั่นจะผ่านด่านทดสอบ 2-3 ด่านสุดท้ายของชั้น 2 ได้หรือไม่?’
‘และหากด่านแรกๆบนชั้น 2 มันยังผ่านด่านในเวลาแค่ไม่กี่ลมหายใจเช่นนี้ เผลอๆเรื่องจะไปถึงชั้น 3 ก็มิใช่เรื่องที่จักเป็นไปไม่ได้’
ความคาดหวังในแววตาชายชรายิ่งมาก็ยิ่งมาก
ในแต่ละปีที่สถานศึกษาหมอกเร้นลับเปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ มันก็จะมาเฝ้ารอทดสอบผู้สมัครในระดับ 10 ดาวที่นี่…อย่างไรก็ตามมันที่รอแล้วรอเล่าเป็นเวลา 10 ปี แต่ไม่มีแม้แต่เงาผู้คนโผล่มาก็รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
ในที่สุดวันนี้ก็มีคนมาเสียที แถมดูจากผลงานด่านแรกๆในชั้น 1 ก็ไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว เช่นนั้นมันย่อมบังเกิดความสนใจเป็นธรรมดา
“หืม?”
หลังจากผ่านไปอีก 2 ลมหายใจ แสงสว่างบนเจดีย์ชั้นหนึ่งก็เรืองรองจ้าขึ้นอีกครั้ง สองตาชายชราก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
“ทำได้ดี!”
และพอผ่านไปอีก 2 ลมหายใจ แสงสว่างก็เรืองรองขึ้นเช่นเดิม ทำให้ชายชราอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มและพยักหน้าด้วยความพึงใจอยู่บ้าง
พอฉากเดิมปรากฏขึ้นอีกรอบ คราวนี้ท่าทางของชายชราก็เริ่มคึกคักขึ้นมาอักโข
จนเมื่อแสงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในแววตาของชายชราก็เริ่มเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจแล้ว
“ด่านสุดท้ายของชั้นแรกแล้ว…”
พอมาถึงด่านสุดท้ายของเจดีย์ทดสอบชั้น 1 สีหน้าชายชราก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอยู่บ้าง หากเป็นไปได้มันก็หวังให้ชายหนุ่มสามารถผ่านด่านทดสอบสุดท้ายของชั้นที่ 1 ได้ง่ายดายและเร็วไวเหมือนด่านก่อนๆ
เพราะหากอีกฝ่ายทำได้ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะผ่านการทดสอบในชั้นที่ 2 กระทั่งยังอาจจะขึ้นไปถึงชั้นที่ 3 ของเจดีย์ถือว่าผ่านการทดสอบเป็นนักศึกษาระดับ 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับได้เกินเกณฑ์ไปไกล
“ข้าหวังว่าเจ้าหนูผู้นี้จักทำได้…สถานศึกษาหมอกเร้นลับ แม้จะเป็นนักศึกษาเก่าเอง ก็ไม่มีผู้ใดสอบผ่านเป็นนักศึกษา 10 ดาวมานานกว่า 30 ปีแล้ว…”
จังหวะนี้ใจชายชราเต็มไปด้วยความคาดหวัง และตั้งหน้าตั้งตารอดูชมนัก…